เซียวหยางถามอย่างเหลือเชื่อ“จริง ทุกคนโปรดเชื่อข้า”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยอย่างจริงจัง “ทุกคนโปรดเล่าเรื่องภัยพิบัติให้ข้าฟังหน่อย ข้าจะได้เข้าใจสถานการณ์ คิดกลยุทธ์รับมืออย่างเหมาะสม พยายามช่วยเหลือให้ได้มากขึ้นอย่างสุดความสามารถ”“รัชทายาทท่านไม่ทราบ สองเดือนแล้ว ขุนนางสามวันแจกข้าวต้มให้หนหนึ่ง คนละหนึ่งถ้วย แถมข้าวต้มเหลวจนเห็นก้น พวกเราหิวมากทนไม่ไหวจริง ๆ”“นั่นสิรัชทายาท ทั้งตำบลเราแร้นแค้นไปหมด ทุกที่ที่ผ่านศพกระดูกเกลื่อนไปหมด คนที่หิวตายมีมากถึงสามส่วน”“นี่ยังไม่ใช่ที่ร้ายแรงที่สุด บางคนเพื่อความอยู่รอด ถึงกับขายลูกกิน ทั้งหมดก็เพื่ออยู่ให้ถึงวันที่ราชสำนักมาช่วย น่าเสียดาย รอจนชั่วฟ้าดินสลาย กลับไม่เห็นเสบียงทางการมาถึง”.......ได้ฟังผู้ลี้ภัยบอกเล่าความทุกข์ กอปรกับเห็นร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก ใบหน้าเหลืองตอบของพวกเขา ฉินอวิ๋นฟานยากจะจินตนาการว่านั่นเป็นภาพอเนจอนาถเพียงใดเทียบกับปีหนึ่งเก้าสี่สอง ในยุคปัจจุบัน มันมีแต่มากกว่า น่าหวาดผวาเป็นอย่างยิ่ง“ทุกคนลำบากแล้วนะ! ราชสำนักผิดต่อทุกคน!”ฉินอวิ๋นฟานค้อมตัวลงต่ำกับทุกคน กลั้นน้ำตาไม่ไหวอีก ภาพความหิวโหยทุกหย่อม
“เอ่อ รัชทายาท มันคือบทลงโทษจากสวรรค์ พวกเรากล้าจับมันที่ไหนล่ะขอรับ?”เซียวหยางตอบคำถามด้วยสีหน้าอีหลักอีเหลื่อพอได้ยินคำพูดที่เชื่องมงาย ฉินอวิ๋นฟานก็ปวดหัวตุบ เรื่องนี้สำคัญกับเขามาก แต่ในสถานการณ์ที่ไม่มีอะไรอ้างอิง จะปฏิเสธความเชื่อของพวกเขาก็ไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานจึงเอ่ยแบบกลุ้มใจเล็กน้อย “เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี?”“เอ่อ คือว่า...”ก็ขณะที่ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะตัดสินใจเด็ดเดี่ยว วางแผนว่าจะนำคนไปจับมาพิสูจน์ข้อสันนิษฐานของตัวเอง ชายหนุ่มตัวผอมกะหร่องอายุประมาณยี่สิบก็พูดขึ้นมากะทันหัน “ถ้าตายแล้วล่ะขอรับ ได้หรือไม่?”“ตายแล้ว? ก็ต้องได้สิ ข้าแค่อยากยืนยันว่าเจ้ามังกรงูนี่มันคือตัวอะไรกันแน่”ฉินอวิ๋นฟานพูดขึ้นมาด้วยความดีใจทันทีครั้นสิ้นเสียง เห็นเพียงชายหนุ่มผอมกะหร่องพูดแบบหวั่น ๆ “ระหว่างทางอพยพ ไม่ทันระวังถูกมังกรงูกัดเข้าที่ขา แต่เพราะตกใจก็เลยเหยียบมันตาย ข้าน้อยกลัวจะถูกคำสาปก็เลยซ่อนมันไว้ในเป้ากางเกงตลอด ตอนนี้ใกล้จะแห้งแล้ว...”ครั้นฉินอวิ๋นฟานเห็นชายหนุ่มตัวผ่ายผอมล้วงปลาไหลแห้งออกมาก็หัวเราะเสียงดังทันที “ฮ่า ๆ ๆ ๆ สวรรค์ช่วยข้าแท้ ๆ สวรรค์ช่วยข้า นี่มันใช่การลงโทษจา
อู่จ้านเข้ามาปกป้องบังอยู่ด้านหน้าฉินอวิ๋นฟาน ใบหน้าขึงขัง ทหารชุดเกราะสีเงินก็ทำท่าป้องกันด้วย ผู้ลี้ภัยมีจำนวนมากนัก ควบคุมไม่ได้ หากรัชทายาทเกิดเรื่อง เกรงว่าเขาคงยากจะรอด“ทำอะไรน่ะ ๆ! ถอยไปให้หมด!”ฉินอวิ๋นฟานผลักอู่จ้านออกและอธิบาย “พวกเจ้าเข้าใจข้าผิดแล้ว ข้าบอกแล้วว่าวันนี้จะจัดการเรื่องปัญหาปากท้องของพวกเจ้าก็ต้องจัดการสิ ข้าใช้ตัวเองเป็นประกัน พวกเจ้าไม่ต้องกลัว”“เช่น เช่นนั้นความหมายของท่านคือ?”เซียวหยางผ่อนความระแวดระวังเล็กน้อยและเอ่ย“ความหมายของข้าคือ ถ้าพวกเจ้ามีพลังรวมจิตใจคนได้ จะรวมพลทุกคนได้หรือไม่ ไปจับเจ้าตัวมังกรงูที่ว่าให้ข้า ข้าจะจัดการปัญหาความอดอยากของพวกเจ้าทุกคน”ฉินอวิ๋นฟานอธิบาย“นี่...”ครั้นได้ยินรัชทายาทบอกว่าจะจับมังกรงู สีหน้าทุกคนก็กลายเป็นปั้นยากขึ้นมาทันที ทันใดนั้นมีคนหนึ่งเอ่ยปากขึ้น “รัชทายาท ในเมืองหลวงไม่มีมังกรงูนี่ ถึงพวกเราจะจับก็ต้องไปถึงเขตผู้ลี้ภัยนอกเมืองสี่สิบลี้ ที่นั่นมีเนินเขาเยอะ ถึงตอนนั้นก็ให้พวกเราไปหาให้ท่านที่นั่น ใช่หรือไม่?”ลูกไม้ที่พวกขุนนางชอบใช้กันมากที่สุดก็คือวิชาถ่วงเวลา หลอกล่อทุกคนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจก
“หลิวเป้ย โปรดลุกขึ้นเถอะ!”ฉินอวิ๋นฟานรีบไปประคองหลิวเป้ยลุกขึ้น การแสดงออกของเขาในการประลองกำลัง ทำให้ฉินอวิ๋นฟานได้เปิดโลกทัศน์ ทั้งการพูดการจาและนิสัยใจคอของหลิวเป้ยในโลกคู่ขนานยังคล้ายกับหลิวเป้ยในประวัติศาสตร์อย่างน่าทึ่งที่สำคัญไปกว่านั้นคือ เดิมหลิวเป้ยก็มีภาพลักษณ์สุภาพชน ทั้งยังใจกว้างกับคน มีปณิธานยาวไกล มีปฏิภาณไหวพริบมากกลยุทธ์ คนเช่นนี้ ขอเพียงมอบโอกาสให้ เขาจะต้องพุ่งทะยานสู่ฟ้า คนเช่นนี้คู่ควรแก่การมอบหมายภารกิจยิ่งใหญ่ “การแสดงออกของรัชทายาทในลานฝึกยุทธ์ ข้าน้อยหลิวเป้ยเลื่อมใสยิ่งนัก เชื่อหมดใจว่ารัชทายาทจริงใจทำเพื่อประชาชนจริง ๆ”หลิวเป้ยกล่าวอย่างเคารพนบนอบถึงที่สุด “ข้าน้อยอยู่เมืองจัวพอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง ท่านต้องการอะไรโปรดกล่าวมาได้เลย พวกเราพี่น้องต้องสนับสนุนเต็มที่แน่นอน เรื่องผู้ลี้ภัยโปรดมอบให้เป็นหน้าที่ของข้าน้อย รับรองว่าข้าน้อยต้องเกลี้ยกล่อมพวกเขาได้แน่ ให้ความร่วมมือแก้ไขเรื่องการบรรเทาภัยพิบัติอย่างเต็มกำลัง”“พี่หลิว ถ้าพวกเราเชื่อรัชทายาทแล้วไป พวกเขาอาจจะคิดบัญชีย้อนหลังก็ได้ ถึงตอนนี้พี่น้องพวกเราเหล่านี้กระจัดกระจายไป น่ากลัวว่าผู้ลี้ภัย
“พวกเราพี่น้องจะไม่ทำให้รัชทายาทผิดหวังเด็ดขาด พวกเราจะไปทำตามที่ท่านต้องการเดี๋ยวนี้!”หลิวเป้ยไม่รู้ว่าทำไมฉินอวิ๋นฟานถึงจะทำอย่างนี้ และไม่รู้ว่าทำอย่างนี้มีผลรูปธรรมอะไรกับเรื่องภัยพิบัติ ฉินอวิ๋นฟานไม่ได้อธิบาย เขาก็ไม่ได้ถามมาก ยังคงเลือกที่จะเชื่ออย่างไม่ลังเลเห็นพวกหลิวเป้ยแบ่งกลุ่ม ฉินอวิ๋นฟานเรียกเฉินม่อมาแจงงานทันที “ให้รถม้าทั้งหมดในเมืองมารวมตัวกัน เตรียมกรงกับถุงที่จะใช้บรรจุปลาไหลกับหนีชิวให้มากหน่อย” “ขอรับ รัชทายาท!”เฉินม่อสั่งลูกน้องเดี๋ยวนั้น รีบปฏิบัติการโดยไว“พี่น้องทั้งหลาย ตอนนี้ใกล้จะเที่ยงแล้ว ข้ารู้ว่าทุกคนหิวมาก แต่ข้าได้แต่มอบขนมอบให้ทุกคนคนละหนึ่งชิ้นคลายหิว แน่นอน ใช่ว่าเสียดายไม่อยากให้ทุกคนอิ่มท้อง แต่เพื่อให้ทุกคนมีท้องว่างกินมื้อใหญ่ตอนกลางคืนต่างหาก”ฉินอวิ๋นฟานเปล่งเสียงดัง“ดี!”ครั้นได้ยินว่ากลางคืนจะมีมื้อใหญ่ ทุกคนต่างร้องไชโยกระโดดโลดเต้นกันขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น แม้จะเป็นขนมอบหนึ่งชิ้น หากเป็นอาหารอันโอชะสำหรับพวกเขายามนี้สีหน้ามู่หรงจิ่นเปลี่ยนเป็นปั้นยากแล้ว นางกระซิบ “รัชทายาท ท่านแน่ใจหรือว่าจะพาผู้ลี้ภัยเยอะแยะอย่างนี้ไปกินที
“เอ๊ะ ก็ตายแค่ไม่กี่คนเองมิใช่หรือ อย่างมากก็ชดเชยให้พวกเขาหน่อยก็พอ คนชั้นต่ำเท่านั้น ต้องจับผู่เอ๋อร์ขังคุกเลยหรือ?”ถูกน้องสามถามติด ๆ กัน เหอปี้อวี้ชักจะละอายขึ้นมาเล็กน้อยอย่างไม่มีสาเหตุ แต่ในใจนาง บุตรชายจึงเป็นอันดับหนึ่ง คนตายเท่าไรก็ไม่สำคัญเท่าเขา เขาได้รับความลำบากเพียงน้อยนิดนางก็ปวดใจแล้ว“เหอะ ไม่กี่คน?”เหอเหวินเย่าพูดอย่างอึดอัดใจอย่างยิ่ง “พี่รอง เพราะเป็นเรื่องพิเศษข้าจึงเจาะจงไปตรวจสอบ ท่านรู้หรือไม่ว่ามีคนต้องหิวตายเพราะน้ำท่วมเท่าไร? สามแสนคน สามเสนคนเต็ม ๆ นะ”ในตอนที่ประชาชนผู้ประสบเคราะห์ก่อจลาจล เหอเหวินเย่าตงิดถึงความผิดปกติ จึงส่งคนไปตรวจสอบอย่างเร่งด่วน ไม่ตรวจสอบยังไม่รู้ พอตรวจสอบแล้วต้องตกใจ เหตุเพราะทุจริตโกงกิน ไม่ได้แจกจ่ายเสบียงช่วยเหลือ ทำให้ผู้ลี้ภัยหิวตายเป็นวงกว้างทันทีที่ได้ยินตัวเลขสามแสน หัวใจเขาสะท้านรุนแรง มิน่าชาวบ้านถึงได้ก่อจลาจล มิน่าฉินอวิ๋นฟานถึงต้องเอาชีวิตฉินอวิ๋นผู่ให้ได้ ไม่ว่าใครรู้ตัวเลขนี้แล้วก็คงรับไม่ได้เหมือนกันหากอดีตฮ่องเต้ยังอยู่ น่ากลัวว่าถึงพี่รองควักป้ายอภัยโทษออกมา ฉินอวิ๋นผู่ก็ต้องตายอยู่ดี!“อะไรนะ? หิวตายเย
คำพูดนี้ทำเอาเหอปี้อวี้หัวใจหล่นตุบ กระทั่งขนลุกซู่ทั้งร่าง มุมปากสั่นระริกอย่างไม่รู้ตัวดีที่นางไม่อาละวาดต่อ และอวิ๋นฮุยปรามพฤติกรรมของนางได้ทันกาล มิเช่นนั้นน่ากลัวว่าผลที่ตามมาจะหนักหนานัก“จุดประสงค์ของอวิ๋นฮุยมีเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือรักษาชีวิตของอวิ๋นผู๋ เขาต้องรับปากทุกเงื่อนไขอย่างไม่ลังเล ถือว่าให้เหลือพื้นที่ให้ตัวเอง อย่างนั้นก็ไม่ทำให้ไท่ซั่งหวงผิดหวังเกินไป”เหอเหวินเย่ามองทุกอย่างทะลุปรุโปร่งแต่แรก และรู้สึกเลื่อมใสวิธีการของฉินอวิ๋นฮุย เห็นสภาพการณ์ทันท่วงที ไม่โลภ ไม่ผลีผลาม รู้จักรุกรับ นี่จึงเป็นลักษณะขององค์ชายผู้ผ่านมาตรฐานพึงมี“อวิ๋นฮุย แม่ผิดไปแล้ว แม่ไม่ควรวู่วาม เกือบผลักเจ้าเข้าหลุมลึกพันจั้งแล้ว”เหอปี้อวี้ตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องได้ในที่สุด ความหุนหันพลันแล่นของนางเกือบทำร้ายบุตรชายทั้งสอง“มิเป็นไรเสด็จแม่ ศึกชิงบัลลังก์ครั้งนี้ซับซ้อนกว่าที่พวกเราคิดมาก ความโดดเด่นที่มาอย่างสายฟ้าแลบของฉินอวิ๋นฟานคือสิ่งที่ข้าคาดไม่ถึงแต่แรก ต่อไปพวกเราต้องวางแผนทีละขั้นตอนจึงจะดี”องค์ชายรองฉินอวิ๋นฮุยขมวดคิ้วมุ่นพลางกล่าวตระกูลฮั่ว!“บัดซบ บ้าเอ๊ย ดัน
คำพูดเดียวของฉินอ้าวไขความกระจ่างให้กับฉินอวิ๋นกว่างและถังเจิ้นไห่ทันทีนั่นสิ ถึงแคว้นเหมียวจะไม่ใช่แคว้นที่ใหญ่โตอะไรนัก แต่ทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ อุปทานให้ตัวเองได้ไม่มีปัญหา ทั้งยังมีสาวงามมากมาย ด้วยเงื่อนไขของพวกนาง จะเข้าร่วมกับแคว้นไหน ๆ ไม่ใช่ปัญหา ทำไมต้องเข้าร่วมกับต้าเฉียนที่อยู่อันดับรั้งท้ายด้วย?หรือจะมีความลับอะไรซ่อนอยู่?มิน่าท่านอ๋องจึงให้พวกเขากบดานต่อ ฉลาดล้ำเลิศดังคาด!ไท่ซั่งหวงผู้ยืนยงอยู่ในวังหลวง!“เหล่าเฉา การประลองในวันนี้ เจ้ามีความเห็นยังไง?”ไท่ซั่งหวงนอนอาบแดดอยู่หน้าประตูตำหนักบรรทม เอ่ยขึ้นลอย ๆเฉาเจิ้งฉุนหัวเราะน้อย ๆ แล้วเอ่ย “ทรงอยากถามการแสดงออกของรัชทายาทในวันนี้กระมังพ่ะย่ะค่ะ?”“ฮ่า ๆ เจ้านี่ฉลาดนักนะ ดูออกว่าข้าอยากถามอะไร!”ไท่ซั่งหวงไม่เพียงแต่ไม่โกรธ กลับหัวเราะชอบใจ“ทรงเกษมสำราญเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าพอพระทัยกับการแสดงออกของรัชทายาทมาก การแสดงออกของเขาในวันนี้เด่นล้ำจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”เฉาเจิ้งฉุนเอ่ย “อีกอย่าง ตั้งแต่ต้นจนจบเขาใช้มุมมองของประมุข ห่วงใยราษฎร แต่ยังด้อยประสบการณ์เล็กน้อย ด้อยทักษะของจักรพรรดิ ถูกองค์ชายองค์อื่นเล่นงานไ
“เอ่อ... แต่เพียงแต่ข้าที่กังวลเช่นนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมีความกังวลนี้เหมือนกันกระมัง? อย่างไรเสีย ของอย่างบัญชีก็สามารถปลอมแปลงได้”เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดตามตรง ฉินอวิ๋นฮุยจึงไม่อ้ำอึ้งอีก การยกเรื่องไม่ดีมาพูดแต่แรกมิใช่เรื่องน่าอายอันใด เพราะมันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเขา เขาไม่อยากถูกฉินอวิ๋นฟานหลอก!“ฮ่า ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานลั่นเสียงหัวเราะทันที “พี่รองทำงานรอบคอบดังคาด น้องเจ็ดเลื่อมใส แต่ท่านคิดมากไปแล้ว ถ้าต้องดูแลเมืองการค้าสามเมือง คนของข้าไม่มีทางพอ ถ้าพวกท่านไม่ส่งคนมาช่วยงาน ข้าคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”“อ้อ? น้องเจ็ดพูดจริงรึ?!”เมื่อนั้นหัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของฉินอวิ๋นฮุยจึงสงบลง หากเขาสามารถให้คนเข้าร่วมอยู่ในเมืองการค้าทั้งสามเมืองได้ เช่นนั้นเขาจะวางใจได้แล้ว เพราะจะรับประกันผลประโยชน์ของเขาได้ทั้งหมด!“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านวางใจได้เลย ระหว่างพวกเราพี่น้องแม้เป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้านเมือง พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง มีเพียงเช่นนี้ต้าเฉียนเราจึงจะเฟื่องฟูได้นิรันดร์”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในเรื่องการค้า เครือเหิงไท่จะรับผิดชอบกิจการหลักท
ฉินอวิ๋นฟานกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อให้ใครกล้ามีความคิดส่วนตัวก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกเราต้องร่วมกันทำงาน หากไม่อยากเสียเมืองไป ไม่อยากตาย ทหารทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เป็นหนึ่งเดียวสู้กับภายนอก”“ดี ดีมาก ความคิดนี้ไม่เลว!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ไท่ซั่งหวงรู้อยู่แล้วว่าฉินอวิ๋นฟานต้องทุ่มเทเพื่อแผนการนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีทางคิดแผนการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้“อื่ม ไม่เลว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ได้ดีใจกับแผนการสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของฉินอวิ๋นฟาน เพราะแม้เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองจริง หากไร้ประโยชน์อันใดต่อพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขายังจะกลายเป็นคนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้งานอีกด้วยพวกเขาส่งทหารรักษาเมือง ฉินอวิ๋นฟานกอบโกยกำไรอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วฉินอวิ๋นฮุยก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือโดยแท้!ทว่าไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?ฉินอวิ๋นฟานรู้ความคิดของพวกเขาดี อีกอย่าง ถ้าครองผลงานเองในเวลานี้จะเป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเอามาก ๆ ฉินอวิ๋นฟานไม่ทำเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้หรอก!โบราณกล่าว ตบหน้าฉาดหนึ่งต้องให้พุทราหวานหนึ่งลูก อีกฝ่ายส่งทหารม
ขณะนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ ถ้อยคำชวนให้คนมีจิตใจฮึกเหิมของฉินอวิ๋นฟานวนเวียนอยู่ในหัวของ แม้ไท่ซั่งหวงเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน!รัชทายาทวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่ง ช่างเป็นชายชาตินักรบเลือดร้อนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน หากคนเช่นนี้เป็นจักรพรรดิ ไยต้องกลัวอนาคตต้าเฉียนจะไม่ศิวิไลซ์?“เกี่ยวกับการสร้างเมืองการค้าสี่แห่งในสี่ทิศของต้าเฉียน ทุกคนคัดค้านอย่างหนัก ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนมาก แต่ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ ข้าก็ต้องยอมรับเสียงและความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนว่ามาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน มีแต่ต้องทำให้ทำคนยอมรับเรื่องนี้จากใจจริง เขาจึงจะยึดสิทธิ์ความเป็นผู้นำได้ มิเช่นนั้นต่อให้ใช้กำลังผลักดันเรื่องนี้ คนเหล่านี้ต้องเล่นตุกติกลับหลังเขาแน่ เช่นนี้มีแต่จะทำให้รำคาญดังนั้นฉินอวิ๋นฟานเตรียมตัวกับการคัดค้านและความคิดของทุกคนแต่แรกแล้ว ต้องการแค่โอกาสประจวบเหมาะหนึ่ง เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคอิจฉาตาร้อนมีมากเหลือเกิน มีแต่ต้องคิดหาทางหยดยาดวงตาให้พวกเขาสักหน่อย จึงจะขจัดต้นตอของปัญหาได้ “นี่...”ผู้คนมากมายแน่นขนัดพูดไม่ออกสักคำ เพราะต่างมีความกังวลอยู่ในใจ ฉ
นาทีนี้ถังเจิ้นไห่ถูกโจมตีทำร้ายทางจิตใจอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานปากคอเราะรายน่ากลัวจริง ๆ การโจมตีของเขารวดเร็วนัก เขาต้านทานไม่ไหวเลยเขาจนปัญญากับการโจมตีของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ได้แต่ใช้สถานะข่มขู่ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะหยุดโจมตีเขาน่าเสียดาย แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร และไม่เคยเป็นพวกยอมเสียเปรียบ หากมีคนโจมตีเขา ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!ต้องถล่มอีกฝ่ายจนแพ้ราบคาบ นี่สิจึงจะเป็นเป้าหมายความเป็นคนของเขา และถังเจิ้นไห่ก็แตะเขตต้องห้ามของเขาพอดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่ไว้หน้าเขา!ครั้นพวกฉินอวิ๋นฮุยเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พากันมอบสายตาเห็นใจให้ถังเจิ้นไห่ พวกเขาเคยได้รับการสั่งสอนด้วยหมัดหนักจากฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย หากหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!ไท่ซั่งหวงและจางเต้าหลินฉายรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานจะหยาบคายไม่รื่นหูไปบ้าง แต่สะใจยิ่งนัก! นักวางแผนร้ายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดกลับจนต้องสงสัยในชีวิต เด็ดสะระตี่แท้!“เกินไป? ตอนนี้ท่านรู้ว่าเกินไป? ตอนที่ท่านสาดน้ำคลำใส่
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน
“ได้!”ถังเจิ้นไห่พูดหน้าขรึม “ประการที่สองของความผิดร้ายแรงสามประการ รัชทายาทร่วมกันสร้างถนนกับแคว้นต่าง ๆ เรื่องนี้อึกทึกครึกโครมไปทั่ว ทันทีที่สร้างถนนที่กว้างยิ่งขึ้น การคมนาคมจะสะดวก คืออยากให้แคว้นรอบข้างรุกรานต้าเฉียนเราสะดวกยิ่งขึ้นหรือ? การกระทำเช่นนี้มิใช่แผนการล่มชาติแล้วมันคืออะไร?!”ซี้ด...เมื่อทุกคนได้ฟังต่างสูดลมเย็นเข้าปาก เกิดความสงสัยอย่างหนักกับจุดประสงค์ของฉินอวิ๋นฟาน ด้านหนึ่งมอบธัญพืช ด้านหนึ่งสร้างถนนกับทุกแคว้น จุดประสงค์จะชัดเจนเกินไปแล้วกระมัง?“ต่อ ประการที่สามเล่า!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มเรียบ เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะไปไกลขนาดไหน ช่างเป็นคนที่มีขอบเขตความรู้ความเข้าใจและวิสัยทัศน์โดยแท้ การกำหนดอนาคตของบ้านเมือง เป็นเช่นนี้ดังคาดหากให้พวกเฮ่อชินอ๋องเรืองอำนาจจริง ต้าเฉียนมิต้องจบเห่หรือ? ให้สวะพวกนี้ดูแลบ้านเมือง บ้านเมืองนั้นยังจะมีความหวังอะไร?พวกเขานอกจากจะมีความชั่วร้ายอยู่เต็มอก มีความคิดดำมืดอยู่เต็มสมอง ยังจะทำอันใดได้อีก?“หึ!”ถังเจิ้นไห่แค่นเสียงแล้วจึงเอ่ย “ประการที่สาม รัชทายาทร่วมมือกับแคว้นต่าง ๆ กีดกันต้าเยียน สังหารบุตรชายคนที่สี่ข
“อ้อ? ความผิดร้ายแรงสามประการของฟานเอ๋อร์? ไหนลองว่ามาดูสิ!”ไท่ซั่งหวงตั้งสมาธิ นึกสนใจขึ้นมาทันที อย่างลับ ๆ เขาให้ความสนใจกับพฤติกรรมของฟานเอ๋อร์มาก ไม่เคยได้ยินความผิดร้ายแรงสามประการอันใด เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะพูดอะไรความผิดร้ายแรงสามประการเสมือนระเบิดลูกใหญ่ ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมา ยามนี้สายตาของทุกคนในที่นั้นต่างรวมศูนย์อยู่ที่ตัวของถังเจิ้นไห่“ประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการ ได้ยินว่ารัชทายาททำเมล็ดพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ขึ้นมา สามารถให้ผลผลิตสูงมาก เดิมนี่คือโอกาสดีที่สุดที่ต้าเฉียนเราจะแจ้งเกิด คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทกลับมอบเมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูงให้กับแคว้นต่าง ๆ รอบข้าง ช่วยให้พวกเขามั่งคั่งมากขึ้น”ถังเจิ้นไห่กล่าวเสียงหนัก “ขอถามทุกท่านในที่นี้ พฤติกรรมเช่นนี้ของรัชทายาทคือกำลังช่วยเหลือศัตรูน่ากลัวของเราหรือไม่? พฤติกรรมเช่นนี้ของเขา คือการขายชาติหรือไม่?!”ตูม...ครั้นถังเจิ้นไห่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา บรรดาขุนนางต่างอึกทึกครึกโครม คนทั้งโลกต่างรู้เรื่องที่เมืองจัวเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์แทบทุกคน และเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานลงนามสัญญากับแคว้นต่าง ๆ ก็รู
“อื่ม! ดี!”ไท่ซั่งหวงเอ่ยเสียงหนัก “เช่นนั้นข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการ แต่งตั้งหวังอันสือเป็นหัวหน้าสำนักศึกษาหลวง เจี่ยงฝานฝานเป็นรองหัวหน้า การรับตำแหน่งนี้มีผลอย่างเป็นทางการ หัวหน้าขันทีเฉา ร่างราชโองการเดี๋ยวนี้ ประกาศต่อใต้หล้า!”เมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลง ใจที่กระวนกระวายของฉินอวิ๋นฟานก็สงบ เขามองจางเต้าหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง!ทว่าคนอื่น ๆ กลับมีความรู้สึกที่แปลกออกไป หลังจากหวังอันสือได้ขึ้นตำแหน่ง ทำให้พวกเขาตระหนักว่าสถานการณ์ในราชสำนักกำลังหลุดจากการควบคุมอย่างช้า ๆ ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะครองราชสำนัก“เอาละ เรื่องสำนักศึกษาหลวงก็สิ้นสุดแล้ว แต่จะละเลยผลงานการไปเมืองอู่โจวของฟานเอ๋อร์ครั้งนี้ไม่ได้”ไท่ซั่งหวงกล่าวเสียงเข้ม “ฟานเอ๋อร์ไม่เพียงแต่ทำคำสัญญาเมื่อครึ่งปีก่อนสำเร็จ ยิ่งทำให้เศรษฐกิจต้าเฉียนเราพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ท้องพระคลังเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ พสกนิกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกคนต่างเห็นความยอดเยี่ยมของฟานเอ๋อร์”“ฟานเอ๋อร์ ว่ามาเถอะ เจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัล? ขอเพียงสมเหตุสมผล ข้าจะให้เจ้าดังปรารถนา!”ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกดีใจมากที่
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว