คำพูดนี้ทำเอาเหอปี้อวี้หัวใจหล่นตุบ กระทั่งขนลุกซู่ทั้งร่าง มุมปากสั่นระริกอย่างไม่รู้ตัวดีที่นางไม่อาละวาดต่อ และอวิ๋นฮุยปรามพฤติกรรมของนางได้ทันกาล มิเช่นนั้นน่ากลัวว่าผลที่ตามมาจะหนักหนานัก“จุดประสงค์ของอวิ๋นฮุยมีเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือรักษาชีวิตของอวิ๋นผู๋ เขาต้องรับปากทุกเงื่อนไขอย่างไม่ลังเล ถือว่าให้เหลือพื้นที่ให้ตัวเอง อย่างนั้นก็ไม่ทำให้ไท่ซั่งหวงผิดหวังเกินไป”เหอเหวินเย่ามองทุกอย่างทะลุปรุโปร่งแต่แรก และรู้สึกเลื่อมใสวิธีการของฉินอวิ๋นฮุย เห็นสภาพการณ์ทันท่วงที ไม่โลภ ไม่ผลีผลาม รู้จักรุกรับ นี่จึงเป็นลักษณะขององค์ชายผู้ผ่านมาตรฐานพึงมี“อวิ๋นฮุย แม่ผิดไปแล้ว แม่ไม่ควรวู่วาม เกือบผลักเจ้าเข้าหลุมลึกพันจั้งแล้ว”เหอปี้อวี้ตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องได้ในที่สุด ความหุนหันพลันแล่นของนางเกือบทำร้ายบุตรชายทั้งสอง“มิเป็นไรเสด็จแม่ ศึกชิงบัลลังก์ครั้งนี้ซับซ้อนกว่าที่พวกเราคิดมาก ความโดดเด่นที่มาอย่างสายฟ้าแลบของฉินอวิ๋นฟานคือสิ่งที่ข้าคาดไม่ถึงแต่แรก ต่อไปพวกเราต้องวางแผนทีละขั้นตอนจึงจะดี”องค์ชายรองฉินอวิ๋นฮุยขมวดคิ้วมุ่นพลางกล่าวตระกูลฮั่ว!“บัดซบ บ้าเอ๊ย ดัน
คำพูดเดียวของฉินอ้าวไขความกระจ่างให้กับฉินอวิ๋นกว่างและถังเจิ้นไห่ทันทีนั่นสิ ถึงแคว้นเหมียวจะไม่ใช่แคว้นที่ใหญ่โตอะไรนัก แต่ทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ อุปทานให้ตัวเองได้ไม่มีปัญหา ทั้งยังมีสาวงามมากมาย ด้วยเงื่อนไขของพวกนาง จะเข้าร่วมกับแคว้นไหน ๆ ไม่ใช่ปัญหา ทำไมต้องเข้าร่วมกับต้าเฉียนที่อยู่อันดับรั้งท้ายด้วย?หรือจะมีความลับอะไรซ่อนอยู่?มิน่าท่านอ๋องจึงให้พวกเขากบดานต่อ ฉลาดล้ำเลิศดังคาด!ไท่ซั่งหวงผู้ยืนยงอยู่ในวังหลวง!“เหล่าเฉา การประลองในวันนี้ เจ้ามีความเห็นยังไง?”ไท่ซั่งหวงนอนอาบแดดอยู่หน้าประตูตำหนักบรรทม เอ่ยขึ้นลอย ๆเฉาเจิ้งฉุนหัวเราะน้อย ๆ แล้วเอ่ย “ทรงอยากถามการแสดงออกของรัชทายาทในวันนี้กระมังพ่ะย่ะค่ะ?”“ฮ่า ๆ เจ้านี่ฉลาดนักนะ ดูออกว่าข้าอยากถามอะไร!”ไท่ซั่งหวงไม่เพียงแต่ไม่โกรธ กลับหัวเราะชอบใจ“ทรงเกษมสำราญเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าพอพระทัยกับการแสดงออกของรัชทายาทมาก การแสดงออกของเขาในวันนี้เด่นล้ำจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”เฉาเจิ้งฉุนเอ่ย “อีกอย่าง ตั้งแต่ต้นจนจบเขาใช้มุมมองของประมุข ห่วงใยราษฎร แต่ยังด้อยประสบการณ์เล็กน้อย ด้อยทักษะของจักรพรรดิ ถูกองค์ชายองค์อื่นเล่นงานไ
“แล้วจะยังไง?”มู่หรงโหลวพูดขึ้นแบบหน้าหัวรั้น“ตอนนี้ข้าแค่ตบเจ้าสองที ถ้าเป็นองค์ชายองค์อื่น คงซ้อมเจ้าตายไปแล้ว ยังให้โอกาสเจ้าได้โอหังรึ?”ฉินอวิ๋นฟานสั่งสอน “รีบตามพ่อตาข้ามา ข้ามีเรื่องสำคัญจะหารือกับเขา บอกว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับชะตาในอนาคตของตระกูลมู่หรงพวกเจ้า”การสั่งสอนหนึ่งคำรบของฉินอวิ๋นฟานทำให้มู่หรงโหลวตกใจจริง ๆ ฉินอวิ๋นฟานในสมัยก่อนโง่งม ทำให้เขาขายหน้า ตอนนี้พอดูอีกฝ่ายอีกที ยังมีท่าทางโง่งมสักกิ่งก้อยที่ไหน?ท่าทีแข็งกร้าว แววตาเผด็จการ ทำให้จิตวิญญาณส่วนลึกของเขาถึงกับครั่นคร้าม?“ท่านพี่ ท่านรีบไปตามท่านพ่อเถอะ”มู่หรงจิ่นรีบเตือน“อ้อ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!”เมื่อนั้นมู่หรงโหลวจึงได้สติรีบวิ่งออกไป ไม่นานชายอายุสี่สิบต้น ๆ ใบหน้าขึงขังก็เดินออกมาจากห้อง เหลือบมองฉินอวิ๋นฟานแวบหนึ่งจึงนั่งลงตรงตำแหน่งประธาน“รัชทายาทมาเยือนภัตตาคารต้าเฉียนกะทันหันเพราะมีเรื่องหารือกับข้างั้นรึ? ไม่ทราบมีเรื่องอันใด?”มู่หรงซื่อควานบิดามู่หรงจิ่นถามด้วยสีหน้าขึงขังฉินอวิ๋นฟานไม่ได้เข้าประเด็นเลย แต่เอ่ยปากพูดตรง ๆ ว่า “คืนนี้ข้าเตรียมจะเชิญผู้ลี้ภัยสองพันคนมากินข้าวที่ภัตต
กลิ่นสุราเข้มข้นทำให้มู่หรงซื่อควานยากจะมั่นใจในทันที ในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องการหมักสุราคนหนึ่ง เขาเริ่มสงสัยจมูกตัวเองแล้ว“ถูกต้อง ท่านพ่อตาลองชิมดูก่อน ดูว่าเป็นอย่างไรบ้าง”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มบาง ใบหน้าเต็มไปด้วยความมั่นใจสามวันก่อน ตอนที่ฉินอวิ๋นฟานยิงลูกธนูมาที่ป้ายร้านภัตตาคารต้าเฉียน เขาได้คิดเค้าโครงธุรกิจในอนาคตแล้วการหมักสุราคือธุรกิจเสาหลักของตระกูลมู่หรง หลังจากกลับไป ฉินอวิ๋นฟานได้ศึกษาสุราในโลกนี้ประมาณหนึ่ง โดยรวมคือไม่มีอะไรแปลกใหม่นอกจากเหล้าขาวก็ยังเป็นเหล้าขาว แถมดีกรียังต่ำมาก ดูแล้วแค่สิบกว่าดีกรีเอง คนคอแข็งสามารถดื่มสิบแปดชามแล้วขึ้นเขาไปต่อสู้กับพยัคฆ์ร้ายได้สบาย ๆตามประสบการณ์ในสมัยใหม่ ฉินอวิ๋นฟานจึงจะเริ่มจับธุรกิจหมักสุราทันที ทั้งยังหมักจากธัญพืชทั้งหมด เอาออกมาหลังจากหมักสามวัน เหล้าขาวโฮมเมดง่าย ๆ ก็สำเร็จแล้วผลการประลองครั้งนี้อยู่ในความคาดคิดของฉินอวิ๋นฟาน ด้วยความเข้าใจในสถานการณ์ปัจจุบัน ต่อให้ชนะก็ไม่แน่ว่าจะขึ้นครองราชย์ได้ราบรื่นดังนั้นเขาจึงวางแผนรวยระยะยาวเอาไว้ ไม่ว่าเมื่อไร ไม่มีเงินทำอะไรก็ลำบาก ถึงเขาจะเป็นรัชทายาทของต้าเฉี
และสุราที่ใช้ในยุคปัจจุบันสามารถหมักธัญพืชได้สมบูรณ์ยิ่งกว่า กลิ่นจึงหอมเข้มข้นมากขึ้น ดีกรีสูงขึ้น ดังนั้นแค่เขาใช้ส่าเหล้าในการหมัก เหล้าขาวที่หมักออกมาได้ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินจะสยบธุรกิจสุราของโลกใบนี้ง่ายปานพลิกฝ่ามือ และสุรายังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุดของโลกด้วย มูลค่าการค้าร้อยเท่าจะนับเป็นอะไร?“ได้ ได้แน่นอน!”มู่หรงซื่อควานไม่ลังเลสักนิด ผงกศีรษะงก ๆ ต่อเนื่องยืนยันหนักแน่น“ท่านพ่อ เหล้า เหล้านี่มีอำนาจวิเศษมากขนาดนั้นเลยหรือ?”มู่หรงโหลวถามด้วยใบหน้าฉงนสนเท่ห์“เจ้าอย่าเพิ่งพูด ข้ากำลังคุยเรื่องสำคัญกับลูกเขยข้าอยู่!”ถูกบิดาเฒ่าว่ากลับไป นี่ทำให้มู่หรงโหลวไม่เข้าใจมากกว่าเดิม เหล้าจอกนี้ของฉินอวิ๋นฟานกลับควบคุมบิดาของเขาได้ หรือว่านี่จะเป็นเหล้าลวงวิญญาณ?ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย “เช่นนั้นเรื่องที่ข้าจะเลี้ยงข้าวผู้ลี้ภัย...”“จัดการ เอาตามพ่อลูกเขยว่าทุกอย่าง เจ้าว่าอย่างไรก็ทำอย่างนั้น!”มู่หรงซื่อควานประหนึ่งถูกฉินอวิ๋นฟานควบคุม ตอบตกลงกับทุกเงื่อนไขที่เขาต้องการอย่างไม่ลังเล จุดประสงค์ของเขามีเพียงหนึ่งเดียว นั่นก็คือเคล็ดลับการหมักเหล้าในมือฉินอว
“อุ๊ย ท่าน ท่านลามกอีกแล้ว!”มู่หรงจิ่นเห็นรอยยิ้มชั่วร้ายนั้นของฉินอวิ๋นฟาน พลันนึกถึงตอนกำลังพลิกคว่ำพลิกหงายอลเวงกับฉินอวิ๋นฟานในหลายวันนี้ คำพูดลามกจกเปรตและหน้าตาของเขาทำให้นางเขินจนก้มหน้างุด“เวลากระชั้นชิด กลับมาเรื่องงานเถอะ!”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านพ่อตา เหล้านี้พวกท่านก็ได้ลิ้มรสแล้ว เป็นอย่างไรท่านมีสิทธิ์พูดมากที่สุด เรื่องไร้สาระอื่นข้าจะไม่พูดแล้ว พวกท่านรีบขยายโรงเก็บเหล้าเถอะ ยิ่งใหญ่ก็ยิ่งดี แต่ต้องทำเป็นความลับ เข้าใจนะ!”“พ่อลูกเขย เจ้าวางใจได้เลย ข้าเป็นพ่อค้า ย่อมเข้าใจความร้ายแรงของเรื่องนี้ ตระกูลมู่หรงจะต้องทุ่มสุดตัวกับการเตรียมนี้แน่นอน ถึงตอนนั้นจะต้องดังพลุแตก”ยามนี้ มู่หรงซื่อควานเริ่มจินตนาการภาพที่ภัตตาคารของตระกูลมู่หรงมีคนเยอะเป็นภูเขาเลากาแล้ว ถึงตอนนั้นสุรานี่หนึ่งจอกยากจะขอ เงินทองไหลมาเทมาเป็นกระบุงทุกวันในความเป็นจริง แผนการของฉินอวิ๋นฟานอลังการกว่าที่เขาจินตนาการไว้มาก!“ในเมื่อเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว ต่อมาก็คือเรื่องที่สำคัญมากอีกเรื่องหนึ่ง!”หลังจากสยบพ่อตาเสร็จ กับทุกเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานขอ พวกเขาย่อมไม่คัดค้าน ฉินอวิ๋นฟ
ฉินอวิ๋นฟานทำเป็นปริศนา ท่าทางเหมือนมีแผนอยู่ในใจมู่หรงจิ่นที่อยู่ด้านข้างคล้ายเดาอะไรออก จึงกระซิบถามข้างหูฉินอวิ๋นฟาน “ท่าน ท่านคงไม่ใช่จะเอามังกรงูนั่นมาทำเป็นกับข้าวหรอกนะ?”มู่หรงจิ่นติดตามบิดาหลายปี ย่อมช่ำชองการทำธุรกิจ นางอยู่ข้างกายฉินอวิ๋นฟานทั้งวัน จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้ยินเขาพูดเรื่องเนื้อสัตว์เลยแต่เขากลับให้ผู้ลี้ภัยทั้งหมดไปจับมังกรงูมา ทั้งต้องรวมตัวกันที่ภัตตาคารต้าเฉียนก่อนฟ้ามืด ครั้นนำมาเชื่อมโยงจึงเป็นไปได้มากว่าจะเกี่ยวกับมังกรงู“อ้อ? เจ้าเดาออกแล้ว?”ฉินอวิ๋นฟานประหลาดใจเล็กน้อย มู่หรงจิ่นเป็นอิสตรี กลับเดาออกว่าเขากำลังคิดอะไร ในสายตาของทุกคน มังกรงูคือคำสาป เป็นสิ่งต้องห้าม ไม่มีทางที่คนจะคิดเอามันไปทำเป็นอาหารแต่มู่หรงจิ่นไม่เพียงแต่คิดนอกกรอบ ทั้งยังคิดเชื่อมโยงกับอาหารได้ ฉลาดนัก“หา จริงหรือ?”หน้าสวยของมู่หรงจิ่นกระตุกทีหนึ่ง แววตาที่มองฉินอวิ๋นฟานล้วนเป็นความเหลือเชื่อ มังกรงูคือสิ่งต้องห้าม เขากลับกล้าเอามาทำเป็นอาหาร? คนผู้นี้บ้าไปแล้วกระมัง?“เจ้านี่คือของดี ของบำรุงขั้นเทพ!”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะเจ้าเล่ห์ “หลายวันนี้ข้าเหน็ดเหนื่อยทั้งวันทั้ง
“นี่เป็นช่วงที่ขายดีที่สุด ภัตตาคารต้าเฉียนจะทำอะไรเนี่ย?”“นั่นสิ การค้าดี ๆ ไม่ทำ ดันเรียกผู้ลี้ภัยมาเยอะแยะทำไม? ทำจนคนไม่ใช่คน ผีไม่ใช่ผี เหม็นจะตายชัก”“ก็นั่นนะสิ ตระกูลมู่หรงคงไม่คิดจะเลี้ยงข้าวขอทานเหม็น ๆ พวกนี้หรอกนะ? ตอนนี้ระหว่างภัตตาคารแข่งขันดุเดือด ภัตตาคารต้าเฉียนอย่างกับรนหาที่ตาย ร้านที่เคยมีขอทานมากิน ต่อไปข้าจะไม่มาเหยียบหรอก”“ข้าก็เหมือนกัน ร้านที่ขอทานกินจะเป็นร้านดีอะไรได้? มากินที่นี่ไม่เท่ากับลดฐานะตัวเองรึ อัปมงคล!”......คนใหญ่คนโตที่ผ่านภัตตาคารต้าเฉียนถากถางวิธีการทำเช่นนี้ของภัตตาคารใหญ่อย่างยิ่ง กระทั่งว่าเกลียด สายตาที่มองผู้ลี้ภัยยิ่งมีแต่การดูถูกและรังเกียจ“มา ๆ ๆ เข็นรถไปที่ด้านหลังนะ แล้วทุกคนรับเสื้อผ้าคนละชุด ไปอาบน้ำอาบท่าล้างกลิ่นเหม็นคาวที่โรงอาบน้ำข้าง ๆ อาบเสร็จก็พอดี กินข้าวได้แล้ว”มู่หรงโหลวไม่รู้ว่าของที่เหม็นคาวอย่างยิ่งบนรถพวกนี้คืออะไร แต่บิดาสั่งไว้แล้ว เขาไม่กล้าชักช้า รีบไปจัดการตามที่บอก“รัชทายาทไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง พวกเราพี่น้องสองพันคนจับมาได้แสนกว่าชั่ง รถม้าสี่ร้อยคันบรรทุกเต็มลำหมด”หลิวเป้ยมาถึงตรงหน้าฉินอวิ๋นฟานใ
“เอ่อ... แต่เพียงแต่ข้าที่กังวลเช่นนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมีความกังวลนี้เหมือนกันกระมัง? อย่างไรเสีย ของอย่างบัญชีก็สามารถปลอมแปลงได้”เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดตามตรง ฉินอวิ๋นฮุยจึงไม่อ้ำอึ้งอีก การยกเรื่องไม่ดีมาพูดแต่แรกมิใช่เรื่องน่าอายอันใด เพราะมันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเขา เขาไม่อยากถูกฉินอวิ๋นฟานหลอก!“ฮ่า ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานลั่นเสียงหัวเราะทันที “พี่รองทำงานรอบคอบดังคาด น้องเจ็ดเลื่อมใส แต่ท่านคิดมากไปแล้ว ถ้าต้องดูแลเมืองการค้าสามเมือง คนของข้าไม่มีทางพอ ถ้าพวกท่านไม่ส่งคนมาช่วยงาน ข้าคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”“อ้อ? น้องเจ็ดพูดจริงรึ?!”เมื่อนั้นหัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของฉินอวิ๋นฮุยจึงสงบลง หากเขาสามารถให้คนเข้าร่วมอยู่ในเมืองการค้าทั้งสามเมืองได้ เช่นนั้นเขาจะวางใจได้แล้ว เพราะจะรับประกันผลประโยชน์ของเขาได้ทั้งหมด!“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านวางใจได้เลย ระหว่างพวกเราพี่น้องแม้เป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้านเมือง พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง มีเพียงเช่นนี้ต้าเฉียนเราจึงจะเฟื่องฟูได้นิรันดร์”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในเรื่องการค้า เครือเหิงไท่จะรับผิดชอบกิจการหลักท
ฉินอวิ๋นฟานกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อให้ใครกล้ามีความคิดส่วนตัวก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกเราต้องร่วมกันทำงาน หากไม่อยากเสียเมืองไป ไม่อยากตาย ทหารทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เป็นหนึ่งเดียวสู้กับภายนอก”“ดี ดีมาก ความคิดนี้ไม่เลว!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ไท่ซั่งหวงรู้อยู่แล้วว่าฉินอวิ๋นฟานต้องทุ่มเทเพื่อแผนการนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีทางคิดแผนการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้“อื่ม ไม่เลว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ได้ดีใจกับแผนการสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของฉินอวิ๋นฟาน เพราะแม้เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองจริง หากไร้ประโยชน์อันใดต่อพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขายังจะกลายเป็นคนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้งานอีกด้วยพวกเขาส่งทหารรักษาเมือง ฉินอวิ๋นฟานกอบโกยกำไรอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วฉินอวิ๋นฮุยก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือโดยแท้!ทว่าไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?ฉินอวิ๋นฟานรู้ความคิดของพวกเขาดี อีกอย่าง ถ้าครองผลงานเองในเวลานี้จะเป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเอามาก ๆ ฉินอวิ๋นฟานไม่ทำเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้หรอก!โบราณกล่าว ตบหน้าฉาดหนึ่งต้องให้พุทราหวานหนึ่งลูก อีกฝ่ายส่งทหารม
ขณะนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ ถ้อยคำชวนให้คนมีจิตใจฮึกเหิมของฉินอวิ๋นฟานวนเวียนอยู่ในหัวของ แม้ไท่ซั่งหวงเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน!รัชทายาทวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่ง ช่างเป็นชายชาตินักรบเลือดร้อนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน หากคนเช่นนี้เป็นจักรพรรดิ ไยต้องกลัวอนาคตต้าเฉียนจะไม่ศิวิไลซ์?“เกี่ยวกับการสร้างเมืองการค้าสี่แห่งในสี่ทิศของต้าเฉียน ทุกคนคัดค้านอย่างหนัก ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนมาก แต่ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ ข้าก็ต้องยอมรับเสียงและความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนว่ามาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน มีแต่ต้องทำให้ทำคนยอมรับเรื่องนี้จากใจจริง เขาจึงจะยึดสิทธิ์ความเป็นผู้นำได้ มิเช่นนั้นต่อให้ใช้กำลังผลักดันเรื่องนี้ คนเหล่านี้ต้องเล่นตุกติกลับหลังเขาแน่ เช่นนี้มีแต่จะทำให้รำคาญดังนั้นฉินอวิ๋นฟานเตรียมตัวกับการคัดค้านและความคิดของทุกคนแต่แรกแล้ว ต้องการแค่โอกาสประจวบเหมาะหนึ่ง เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคอิจฉาตาร้อนมีมากเหลือเกิน มีแต่ต้องคิดหาทางหยดยาดวงตาให้พวกเขาสักหน่อย จึงจะขจัดต้นตอของปัญหาได้ “นี่...”ผู้คนมากมายแน่นขนัดพูดไม่ออกสักคำ เพราะต่างมีความกังวลอยู่ในใจ ฉ
นาทีนี้ถังเจิ้นไห่ถูกโจมตีทำร้ายทางจิตใจอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานปากคอเราะรายน่ากลัวจริง ๆ การโจมตีของเขารวดเร็วนัก เขาต้านทานไม่ไหวเลยเขาจนปัญญากับการโจมตีของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ได้แต่ใช้สถานะข่มขู่ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะหยุดโจมตีเขาน่าเสียดาย แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร และไม่เคยเป็นพวกยอมเสียเปรียบ หากมีคนโจมตีเขา ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!ต้องถล่มอีกฝ่ายจนแพ้ราบคาบ นี่สิจึงจะเป็นเป้าหมายความเป็นคนของเขา และถังเจิ้นไห่ก็แตะเขตต้องห้ามของเขาพอดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่ไว้หน้าเขา!ครั้นพวกฉินอวิ๋นฮุยเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พากันมอบสายตาเห็นใจให้ถังเจิ้นไห่ พวกเขาเคยได้รับการสั่งสอนด้วยหมัดหนักจากฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย หากหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!ไท่ซั่งหวงและจางเต้าหลินฉายรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานจะหยาบคายไม่รื่นหูไปบ้าง แต่สะใจยิ่งนัก! นักวางแผนร้ายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดกลับจนต้องสงสัยในชีวิต เด็ดสะระตี่แท้!“เกินไป? ตอนนี้ท่านรู้ว่าเกินไป? ตอนที่ท่านสาดน้ำคลำใส่
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน
“ได้!”ถังเจิ้นไห่พูดหน้าขรึม “ประการที่สองของความผิดร้ายแรงสามประการ รัชทายาทร่วมกันสร้างถนนกับแคว้นต่าง ๆ เรื่องนี้อึกทึกครึกโครมไปทั่ว ทันทีที่สร้างถนนที่กว้างยิ่งขึ้น การคมนาคมจะสะดวก คืออยากให้แคว้นรอบข้างรุกรานต้าเฉียนเราสะดวกยิ่งขึ้นหรือ? การกระทำเช่นนี้มิใช่แผนการล่มชาติแล้วมันคืออะไร?!”ซี้ด...เมื่อทุกคนได้ฟังต่างสูดลมเย็นเข้าปาก เกิดความสงสัยอย่างหนักกับจุดประสงค์ของฉินอวิ๋นฟาน ด้านหนึ่งมอบธัญพืช ด้านหนึ่งสร้างถนนกับทุกแคว้น จุดประสงค์จะชัดเจนเกินไปแล้วกระมัง?“ต่อ ประการที่สามเล่า!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มเรียบ เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะไปไกลขนาดไหน ช่างเป็นคนที่มีขอบเขตความรู้ความเข้าใจและวิสัยทัศน์โดยแท้ การกำหนดอนาคตของบ้านเมือง เป็นเช่นนี้ดังคาดหากให้พวกเฮ่อชินอ๋องเรืองอำนาจจริง ต้าเฉียนมิต้องจบเห่หรือ? ให้สวะพวกนี้ดูแลบ้านเมือง บ้านเมืองนั้นยังจะมีความหวังอะไร?พวกเขานอกจากจะมีความชั่วร้ายอยู่เต็มอก มีความคิดดำมืดอยู่เต็มสมอง ยังจะทำอันใดได้อีก?“หึ!”ถังเจิ้นไห่แค่นเสียงแล้วจึงเอ่ย “ประการที่สาม รัชทายาทร่วมมือกับแคว้นต่าง ๆ กีดกันต้าเยียน สังหารบุตรชายคนที่สี่ข
“อ้อ? ความผิดร้ายแรงสามประการของฟานเอ๋อร์? ไหนลองว่ามาดูสิ!”ไท่ซั่งหวงตั้งสมาธิ นึกสนใจขึ้นมาทันที อย่างลับ ๆ เขาให้ความสนใจกับพฤติกรรมของฟานเอ๋อร์มาก ไม่เคยได้ยินความผิดร้ายแรงสามประการอันใด เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะพูดอะไรความผิดร้ายแรงสามประการเสมือนระเบิดลูกใหญ่ ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมา ยามนี้สายตาของทุกคนในที่นั้นต่างรวมศูนย์อยู่ที่ตัวของถังเจิ้นไห่“ประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการ ได้ยินว่ารัชทายาททำเมล็ดพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ขึ้นมา สามารถให้ผลผลิตสูงมาก เดิมนี่คือโอกาสดีที่สุดที่ต้าเฉียนเราจะแจ้งเกิด คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทกลับมอบเมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูงให้กับแคว้นต่าง ๆ รอบข้าง ช่วยให้พวกเขามั่งคั่งมากขึ้น”ถังเจิ้นไห่กล่าวเสียงหนัก “ขอถามทุกท่านในที่นี้ พฤติกรรมเช่นนี้ของรัชทายาทคือกำลังช่วยเหลือศัตรูน่ากลัวของเราหรือไม่? พฤติกรรมเช่นนี้ของเขา คือการขายชาติหรือไม่?!”ตูม...ครั้นถังเจิ้นไห่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา บรรดาขุนนางต่างอึกทึกครึกโครม คนทั้งโลกต่างรู้เรื่องที่เมืองจัวเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์แทบทุกคน และเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานลงนามสัญญากับแคว้นต่าง ๆ ก็รู
“อื่ม! ดี!”ไท่ซั่งหวงเอ่ยเสียงหนัก “เช่นนั้นข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการ แต่งตั้งหวังอันสือเป็นหัวหน้าสำนักศึกษาหลวง เจี่ยงฝานฝานเป็นรองหัวหน้า การรับตำแหน่งนี้มีผลอย่างเป็นทางการ หัวหน้าขันทีเฉา ร่างราชโองการเดี๋ยวนี้ ประกาศต่อใต้หล้า!”เมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลง ใจที่กระวนกระวายของฉินอวิ๋นฟานก็สงบ เขามองจางเต้าหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง!ทว่าคนอื่น ๆ กลับมีความรู้สึกที่แปลกออกไป หลังจากหวังอันสือได้ขึ้นตำแหน่ง ทำให้พวกเขาตระหนักว่าสถานการณ์ในราชสำนักกำลังหลุดจากการควบคุมอย่างช้า ๆ ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะครองราชสำนัก“เอาละ เรื่องสำนักศึกษาหลวงก็สิ้นสุดแล้ว แต่จะละเลยผลงานการไปเมืองอู่โจวของฟานเอ๋อร์ครั้งนี้ไม่ได้”ไท่ซั่งหวงกล่าวเสียงเข้ม “ฟานเอ๋อร์ไม่เพียงแต่ทำคำสัญญาเมื่อครึ่งปีก่อนสำเร็จ ยิ่งทำให้เศรษฐกิจต้าเฉียนเราพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ท้องพระคลังเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ พสกนิกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกคนต่างเห็นความยอดเยี่ยมของฟานเอ๋อร์”“ฟานเอ๋อร์ ว่ามาเถอะ เจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัล? ขอเพียงสมเหตุสมผล ข้าจะให้เจ้าดังปรารถนา!”ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกดีใจมากที่
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว