“ขอบคุณอาจารย์ ท่านใจดีจริง ๆ เมื่อครู่ข้ายังบอกว่าจะไปขอกับท่านอีกสักขวด แต่พี่อวิ๋นฟานไม่ให้ข้ารบกวนท่าน ดังนั้น...”จางอวี่ม่อกอดแขนของยายกู่ พูดด้วยความดีใจ “ไม่นึกว่าอาจารย์ท่านจะมาส่งยาสองขวด แต่... ขวดนี้ดูเหมือนจะเป็นยาที่ใช้ฝึกพลังนี่เจ้าคะ...”“เอาละ ให้เขาเถอะ! เขาสมควรไปได้แล้ว”ยายกู่ไม่ได้อธิบายอะไรมาก ออกคำสั่งไล่แขกเลย ที่นี่คือที่ถือสันโดษของนาง นางไม่ชอบให้คนแปลกหน้ามา แต่การปรากฏตัวของฉินอวิ๋นฟานทำให้นางแหกกฎแล้ว“หา บาดแผลของพี่อวิ๋นฟานยังไม่หายดีเลย นี่ท่านจะไล่เขาไปแล้วหรือ?”เห็นอาจารย์จะไล่ฉินอวิ๋นฟานออกไป จางอวี่ม่ออาลัยอาวรณ์นัก เพราะที่นี่คือหุบเขาผีเสื้อ อยู่ในป่าลึก คนธรรมดาเดินเท้าออกไปต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองวันตอนนี้อาการบาดเจ็บของฉินอวิ๋นฟานเพิ่งจะดีขึ้น แต่ไม่สามารถเดินทางระยะไกลได้ นางไม่อยากให้ฉินอวิ๋นฟานไปเร็วอย่างนี้ยายกู่พูด “พวกพ้องของเขามาตามหาแล้ว ที่นี่ไม่จำเป็นต้องเก็บเขาไว้อีก”“พวกพ้องของข้า? พวกหานซิ่นมาแล้วหรือ?!”ครั้นรู้ว่าพวกพ้องมาตามหา ฉินอวิ๋นฟานตื้นตันใจนัก ไม่เสียทีที่เป็นพี่น้องที่เขาฉินอวิ๋นฟานเลือก ถึงเขาจะถูกซัดตกผาลึ
“เฮ้อ! ถ้าไม่ใช่เพราะอาจ้านบังฝ่ามืออันตรายถึงชีวิตนั้นให้ช้า ตอนนี้ข้าจะเป็นหรือตายน่ากลัวว่าจะพูดยาก”ฉินอวิ๋นฟานส่ายหน้าอย่างจนใจ จากนั้นจึงรีบถาม “จริงสิ อาการของอาจ้านเป็นยังไงบ้าง? เขายังดีอยู่ไหม?”“องครักษ์อู่บาดเจ็บสาหัส หมดสติจนถึงตอนนี้ รัชทายาทไม่ต้องเป็นห่วงหรอก องครักษ์อู่ไม่มีอันตรายถึงชีวิต อีกไม่นานก็น่าจะฟื้นแล้ว”เซี่ยงเส้าเหยียนรีบบอก “แต่ข้าแปลกใจนัก องครักษ์อู่รับฝ่ามือหนักขนาดนั้น แต่ทำไมเขาถึงไม่มีอันตรายถึงชีวิต? ตามหลักมันไม่น่านี่?!”จากประสบการณ์หลายปีของเซี่ยงเส้าเหยียน คนทั่วใจมิอาจรับกำลังฝ่ามือของยอดฝีมือเขตปรมาจารย์ได้ ต่อให้ที่รับคือฝ่ามือยอดฝีมือเขตยุทธ์แท้ก็ยังมีสิบตายแปดเก้าแต่ที่ทำให้เขารู้สึกมหัศจรรย์อย่างยิ่งคือ ถึงฉินอวิ๋นฟานกับอู่จ้านจะบาดเจ็บ กลับไม่ถึงตาย ไม่สอดคล้องกับเหตุผลเลย“อาจารย์เซี่ยง นี่มิใช่เรื่องดีหรือ? มีอย่างท่านที่ไหนกันที่แช่งรัชทายาท”จางเฟยพูดหน้าตึง“เอ่อ เปล่านะ ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น ข้าย่อมหวังให้รัชทายาทปลอดภัย ความหมายของข้าคือปรากฏการณ์นี้ไม่สอดคล้องกับหลักเหตุผลเท่านั้นเอง”เซี่ยงเส้าเหยียนรีบอธิบาย“ฮ
หลิวเป้ยพูดขึ้นอย่างชื่นชมมาก “แต่... ข้าสงสัยนัก ทำไมมันจึงเรียกว่าเสื้อกันกระสุนล่ะ?”“เอ่อ... เรื่องนี้... พูดแล้วมันยาว ถึงเวลาข้าค่อยอธิบายให้เจ้าฟังแล้วกัน!”ฉินอวิ๋นฟานเกาศีรษะ ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจากตรงไหนดี เพราะนี่คือการเรียกของคนในยุคปัจจุบัน เพื่อป้องกันการโจมตีถึงชีวิต ฉินอวิ๋นฟานจึงมีความคิดแหวกแนวขึ้นมาและลองทำดูสองตัว“รัชทายาท การทลายรังโจรหนนี้ประสบความสำเร็จสูง บรรดาคนที่หลัวเทียนเป้าพามาและกองโจรทั้งหมดถูกพวกเราฆ่าล้างหมดแล้ว มิหนำซ้ำอาจารย์เซี่ยงยังตัดหัวของหลัวเทียนเป้าและจางหมาจื่อมาแล้วด้วย ตอนนี้รอแต่ท่านกลับเมืองอู่โจวเท่านั้น”หานซิ่นรายงานอย่างตั้งใจ“อ้อ? ไม่เลวนี่ พวกเจ้าทำได้ยอดเยี่ยม ครั้งนี้ได้ผลงานใหญ่ ข้าพอใจมาก!”หลังจากชมเชยจบ ฉินอวิ๋นฟานก็เปลี่ยนประเด็น “แล้วความเสียหายทางพวกเราเป็นยังไงบ้าง? ต่างจากที่คำนวณเอาไว้มากหรือไม่?”“อยู่ในการประมาณการขอรับ เสียมือหน้าไม้และทหารไปทั้งหมดสามสิบกว่าคน เสียหน่วยเอเคสี่สิบแปดไปสี่คน บาดเจ็บหนักสองคน บาดเจ็บเล็กน้อยสองคน”หานซิ่นตอบ“เลวเอ๊ย! พวกเราเตรียมงานพร้อมขนาดนี้ ยังเสียพี่น้องไปมากอย่างนั้นอีก?
“เอ่อ...รัชทายาท แบบนี้...จะไม่ค่อยดีกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานคิดจะจุดแขวนโคมไฟในจวนเจ้าเมืองในตอนกลางคืนแล้วก็จุดประทัดด้วย? นี่มิใช่รูปแบบของพิธีศพหรือ? คนยังดีอยู่แท้ ๆ ทำแบบนี้ไม่ค่อยเป็นมงคลกระมัง?“ทำไม? มีอะไรไม่เหมาะสมหรือ?”เห็นหลิวเป้ยทำหน้าเจื่อน ฉินอวิ๋นฟานจึงถามด้วยความประหลาดใจหลิวเป้ยตอบหน้าแหย “รัชทายาท การแขวนโคมไฟในตอนกลางคืนและการจุดประทัด มิใช่งานศพหรือ? สาปแช่งตัวเองเพื่อจัดการองค์ชายใหญ่เช่นนี้ จะหนักไปหน่อยหรือไม่?”“ฮ่า ๆ ๆ...”เห็นหลิวเป้ยพูดแบบนี้ ฉินอวิ๋นฟานพลันหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง มิน่าหลิวเป้ยถึงได้มีท่าทางเช่นนี้ ที่แท้เขาก็เข้าใจผิดนี่เอง ฉินอวิ๋นฟานพูดกลั้วหัวเราะ “ข้าจะแสร้งจัดงานศพจริง ๆ นั่นแหละ แต่ใครบอกว่าเป็นของข้าเล่า?”“หา เช่นนั้นที่ทำอย่างนี้...”หลิวเป้ยงงงัน ไม่รู้เหตุผล การที่จวนเจ้าเมืองจัดงานใหญ่เช่นนี้ เห็นชัดว่าเตรียมการเพื่อบุคคลสำคัญ อีกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ๆ งานศพคืองานยิ่งใหญ่งานหนึ่ง สำคัญเท่าเทียมกับงานแต่งงานตามประเพณีฉินอวิ๋นฟานดำเนินการเช่นนี้ทำเอาหลิวเป้ยไปไม่เป็นเลย หรือว่ารัชทายาททำเช่นนี้ก็เพื่อเตรียมไว้ให้คนอื่น
หนทางด้านหน้าเรียบว่าราบเรียบ เมืองอู่โจวจะกลายเป็นถิ่นขององค์ชายใหญ่อีกครั้ง เรียกได้ว่าชื่อเสียงดังกระฉ่อน!“ใครก็ได้!”“รีบแขวนโคมไฟให้ทั่วจวนเจ้าเมือง ด่วน!!!”หลังจากหลิวเป้ยและคนอื่น ๆ เร่งร้อนกลับมาถึงจวนเจ้าเมืองแล้วก็ออกคำสั่งแรกทันที องครักษ์ทั้งหลายเริ่มปฏิบัติตามด้วยท่าทางเคร่งขรึมเดี๋ยวนั้น “พี่หลิว นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!”เซียวหยางที่เฝ้ารอคอยมาทั้งวันทั้งคืนเห็นพวกหลิวเป้ยกลับมาก็รีบไปหาทันที แต่ให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง กลับเป็นจุดจบเช่นนี้? ลางร้ายหลากเข้าหัวใจในพริบตา“เข้าข้างในแล้วค่อยว่ากัน!”หลิวเป้ยหน้าตาขึงขัง ท่าทางจริงจัง ฝีเท้าไวมาก ตรงไปยังห้องโถงใหญ่“เจ้าเมืองหลิว คนของพวกเจ้าก็กลับมากันหมดแล้ว ทำไมไม่เห็นเงานายของพวกเจ้าเลยเล่า?”ตอนนี้เอง เหลียงจื่อฝูปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าพวกหลิวเป้ย นอกจากฮ่องเต้ต้าเหลียงและรัชทายาทต้าเหลียง ฉินอวิ๋นฟานคือญาติที่สนิทกับนางที่สุดบนโลกใบนี้ นางเป็นห่วงความปลอดภัยของฉินอวิ๋นฟานมาก!เมื่อคืนตอนพวกเซียวหยางกลับมาแล้วไม่เห็นเงาของฉินอวิ๋นฟาน เหลียงจื่อฝูก็เริ่มกระวนกระวายใจแล้ว หนังตากระตุกเป็นระยะบัดนี้คนสนิทขอ
“ใครน่ะ?”ฉินอวิ๋นฟานไม่อยากเผยฐานะของตัวเองจึงระวังตัวแจ เขาไม่ได้เปิดประตู แต่หลบฟังเสียงข้างนอกอยู่ข้างประตูแต่ที่ทำให้ฉินอวิ๋นฟานคิดไม่ถึงคือ เขาได้กลิ่นเครื่องหอมบนตัวหญิงสาวที่ลอดร่องประตูเข้ามา!“นายท่าน ต้องการการบริการหรือไม่เจ้าคะ?”ในตอนที่ฉินอวิ๋นฟานกำลังตึงเครียดอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงหวานหยาดเยิ้มของหญิงสาวดังมาคราวนี้ทำเอาฉินอวิ๋นฟานควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว เขาหน้าขรึมในพริบตา สมัยโบราณมีการบริการถึงห้องด้วยหรือ? ช่างน่าอัศจรรย์ไปเลย!เขามุมปากกระตุกเล็กน้อยก่อนจะตอบ “โรง โรงแรมห้าดาวต้าเฉียนมีการบริการถึงห้องแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร?”“นายท่าน พวกเราก็ต้องตามยุคสมัยให้ทันอย่างไรเล่า”หญิงสาวพูดเย้ายวนอยู่อีกฝั่งประตูต่อ “เงินทองหายาก อุจจาระยากจะกลืนกิน พวกเราที่เป็นผู้หญิงอ่อนแอเหล่านี้คิดจะดำรงชีพยิ่งไม่ง่าย ดังนั้นจึงได้แต่มาเคาะประตูเรียกลูกค้าเอง หวังว่านายท่านจะให้โอกาส”“ถ้านายท่านมีทักษะที่ดี เวลานาน สิ่งนั้นใหญ่พอ จะจ่ายเงินก็ใช่ว่าจะไม่ได้ ก็ผู้ชายนี่ยะ ออกบ้านอยู่ข้างนอก รอนแรมเหน็ดเหนื่อย ผ่อนคลายแต่พอควรยังเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก”ครั้นได้ยินหญิงสาวใ
“ออกไปซะ!”เมื่อหวงต้าหยวนได้ยินนางพูดอย่างนี้แล้ว หน้าตาพลันบึ้งตึง นางตวาดไล่อีกฝ่ายไปโดยตรง ผลลัพธ์กลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายแข็งข้อขึ้นมาเสียอย่างนั้นนางพูดอย่างโอ้อวด “รูปร่างข้าก็ไม่ได้แย่ไปกว่าท่าน ครั้งนี้ข้าไม่เอาเงิน ท่านทำได้หรือไม่?”การยิงคำพูดมาอย่างกะทันหันของอีกฝ่ายทำเอาฉินอวิ๋นฟานขำพรืด แม่นางหอโคมเขียวผู้นี้คิดว่าหวงต้าหยวนเป็นพวกเดียวกัน? พิลึกจริงแท้!นี่ทำให้ฉินอวิ๋นฟานนึกถึงคำพูดที่หลัวหย่งฮ่าวเคยพูด ในสายตาของหญิงนางโลม ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่ขาย ถ้าการค้าไม่สำเร็จ นั่นได้แต่พูดว่าตกลงเรื่องเงินไม่ได้ และเห็นชัดว่าแม่นางหอโคมเขียวผู้นี้มีความหมายนี้“เจ้า! เจ้าพูดอะไรน่ะ?!”ถูกอีกฝ่ายเห็นเป็นนางคณิกา หวงต้าหยวนไฟโกรธโจมตีหัวใจเดี๋ยวนั้น ดวงหน้ารูปไข่สะสวยแดงไปถึงลำคอ นางแผ่พลังแกร่งกล้าออกมาจนทำให้แม่นางหอโคมเขียวตกใจทันที“ได้ ๆ ๆ ท่านเก่ง แบบนี้ได้แล้วกระมัง? ข้าจะยกพี่ชายสุดหล่อคนนี้ให้ท่าน แบบนี้ได้แล้วใช่ไหม ให้ตายเถอะ นังหญิงบ้า!”แม่นางหอโคมเขียวเห็นหวงต้าหยวนโกรธขึ้งจึงรีบถอยหลังหลายก้าว รักษาระยะห่างกับหวงต้าหยวน ก่อนนางจะไปยังไม่ลืมกำชับ “พี่ชายสุด
ฉินอวิ๋นฟานในยามนี้ได้ใจต่อหน้าหวงต้าหยวนมาก ผิวเผินคือปลุกปลอบหวงต้าหยวน หากความจริงกำลังเอาดีเข้าตัว ทำเอาหวงต้าหยวนสับสน!“เอ่อ ฉินอวิ๋นฟาน ทำไมเมื่อก่อนข้าไม่ยักรู้นะว่าท่านเป็นคนหน้าไม่อายเช่นนี้?”จู่ ๆ หวงต้าหยวนก็สับสนในชีวิต ท่าทางเจ้าเล่ห์ของฉินอวิ๋นฟานทำให้นางปวดหัวตุบ กลับทำอะไรฉินอวิ๋นฟานไม่ได้บางเวลาฉินอวิ๋นฟานคือรัชทายาทผู้เด็ดขาดฉับไว แข็งกร้าวไม่มีใดเทียม บางเวลาเขาก็คือพ่อปลาช่อน ไม่ใส่ใจความสูงศักดิ์ต่ำต้อย ปราศจากมาดใด ๆ!“ฮ่า ๆ ๆ นิดหน่อย นิดหน่อยน่า!”เมื่อนั้นฉินอวิ๋นฟานจึงเก็บรอยยิ้มแล้วเอ่ยปากถาม “เจ้าหอหวง ค่ำคืนดึกดื่นมาเยือน มีธุระอะไรหรือ?”หวงต้าหยวนปรับอารมณ์เล็กน้อยก่อนจะตอบอย่างจริงจัง “ของที่ท่านซุกซ่อนร้ายกาจจริงนะ อาวุธลับเอเคสี่สิบแปดนี้มันยังไง? ท่านไม่สมควรอธิบายกับข้าหน่อยหรือ?”หลังจากรู้จักกับฉินอวิ๋นฟานมานาน การเรียกขานของนางต่อฉินอวิ๋นฟานเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว จากเมื่อก่อนที่ให้เกียรติเคารพซึ่งกันและกัน ตอนนี้ชื่อของอีกฝ่ายตรง ๆ นี่คือรูปแบบที่นางอยากเข้าใกล้ฉินอวิ๋นฟานมากขึ้นรูปแบบหนึ่ง“อาวุธลับ?”ฉินอวิ๋นฟานเลิกคิ้วตอบ “ความจริงพ
“เอ่อ... แต่เพียงแต่ข้าที่กังวลเช่นนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมีความกังวลนี้เหมือนกันกระมัง? อย่างไรเสีย ของอย่างบัญชีก็สามารถปลอมแปลงได้”เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดตามตรง ฉินอวิ๋นฮุยจึงไม่อ้ำอึ้งอีก การยกเรื่องไม่ดีมาพูดแต่แรกมิใช่เรื่องน่าอายอันใด เพราะมันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเขา เขาไม่อยากถูกฉินอวิ๋นฟานหลอก!“ฮ่า ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานลั่นเสียงหัวเราะทันที “พี่รองทำงานรอบคอบดังคาด น้องเจ็ดเลื่อมใส แต่ท่านคิดมากไปแล้ว ถ้าต้องดูแลเมืองการค้าสามเมือง คนของข้าไม่มีทางพอ ถ้าพวกท่านไม่ส่งคนมาช่วยงาน ข้าคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”“อ้อ? น้องเจ็ดพูดจริงรึ?!”เมื่อนั้นหัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของฉินอวิ๋นฮุยจึงสงบลง หากเขาสามารถให้คนเข้าร่วมอยู่ในเมืองการค้าทั้งสามเมืองได้ เช่นนั้นเขาจะวางใจได้แล้ว เพราะจะรับประกันผลประโยชน์ของเขาได้ทั้งหมด!“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านวางใจได้เลย ระหว่างพวกเราพี่น้องแม้เป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้านเมือง พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง มีเพียงเช่นนี้ต้าเฉียนเราจึงจะเฟื่องฟูได้นิรันดร์”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในเรื่องการค้า เครือเหิงไท่จะรับผิดชอบกิจการหลักท
ฉินอวิ๋นฟานกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อให้ใครกล้ามีความคิดส่วนตัวก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกเราต้องร่วมกันทำงาน หากไม่อยากเสียเมืองไป ไม่อยากตาย ทหารทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เป็นหนึ่งเดียวสู้กับภายนอก”“ดี ดีมาก ความคิดนี้ไม่เลว!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ไท่ซั่งหวงรู้อยู่แล้วว่าฉินอวิ๋นฟานต้องทุ่มเทเพื่อแผนการนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีทางคิดแผนการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้“อื่ม ไม่เลว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ได้ดีใจกับแผนการสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของฉินอวิ๋นฟาน เพราะแม้เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองจริง หากไร้ประโยชน์อันใดต่อพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขายังจะกลายเป็นคนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้งานอีกด้วยพวกเขาส่งทหารรักษาเมือง ฉินอวิ๋นฟานกอบโกยกำไรอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วฉินอวิ๋นฮุยก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือโดยแท้!ทว่าไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?ฉินอวิ๋นฟานรู้ความคิดของพวกเขาดี อีกอย่าง ถ้าครองผลงานเองในเวลานี้จะเป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเอามาก ๆ ฉินอวิ๋นฟานไม่ทำเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้หรอก!โบราณกล่าว ตบหน้าฉาดหนึ่งต้องให้พุทราหวานหนึ่งลูก อีกฝ่ายส่งทหารม
ขณะนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ ถ้อยคำชวนให้คนมีจิตใจฮึกเหิมของฉินอวิ๋นฟานวนเวียนอยู่ในหัวของ แม้ไท่ซั่งหวงเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน!รัชทายาทวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่ง ช่างเป็นชายชาตินักรบเลือดร้อนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน หากคนเช่นนี้เป็นจักรพรรดิ ไยต้องกลัวอนาคตต้าเฉียนจะไม่ศิวิไลซ์?“เกี่ยวกับการสร้างเมืองการค้าสี่แห่งในสี่ทิศของต้าเฉียน ทุกคนคัดค้านอย่างหนัก ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนมาก แต่ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ ข้าก็ต้องยอมรับเสียงและความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนว่ามาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน มีแต่ต้องทำให้ทำคนยอมรับเรื่องนี้จากใจจริง เขาจึงจะยึดสิทธิ์ความเป็นผู้นำได้ มิเช่นนั้นต่อให้ใช้กำลังผลักดันเรื่องนี้ คนเหล่านี้ต้องเล่นตุกติกลับหลังเขาแน่ เช่นนี้มีแต่จะทำให้รำคาญดังนั้นฉินอวิ๋นฟานเตรียมตัวกับการคัดค้านและความคิดของทุกคนแต่แรกแล้ว ต้องการแค่โอกาสประจวบเหมาะหนึ่ง เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคอิจฉาตาร้อนมีมากเหลือเกิน มีแต่ต้องคิดหาทางหยดยาดวงตาให้พวกเขาสักหน่อย จึงจะขจัดต้นตอของปัญหาได้ “นี่...”ผู้คนมากมายแน่นขนัดพูดไม่ออกสักคำ เพราะต่างมีความกังวลอยู่ในใจ ฉ
นาทีนี้ถังเจิ้นไห่ถูกโจมตีทำร้ายทางจิตใจอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานปากคอเราะรายน่ากลัวจริง ๆ การโจมตีของเขารวดเร็วนัก เขาต้านทานไม่ไหวเลยเขาจนปัญญากับการโจมตีของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ได้แต่ใช้สถานะข่มขู่ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะหยุดโจมตีเขาน่าเสียดาย แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร และไม่เคยเป็นพวกยอมเสียเปรียบ หากมีคนโจมตีเขา ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!ต้องถล่มอีกฝ่ายจนแพ้ราบคาบ นี่สิจึงจะเป็นเป้าหมายความเป็นคนของเขา และถังเจิ้นไห่ก็แตะเขตต้องห้ามของเขาพอดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่ไว้หน้าเขา!ครั้นพวกฉินอวิ๋นฮุยเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พากันมอบสายตาเห็นใจให้ถังเจิ้นไห่ พวกเขาเคยได้รับการสั่งสอนด้วยหมัดหนักจากฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย หากหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!ไท่ซั่งหวงและจางเต้าหลินฉายรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานจะหยาบคายไม่รื่นหูไปบ้าง แต่สะใจยิ่งนัก! นักวางแผนร้ายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดกลับจนต้องสงสัยในชีวิต เด็ดสะระตี่แท้!“เกินไป? ตอนนี้ท่านรู้ว่าเกินไป? ตอนที่ท่านสาดน้ำคลำใส่
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน
“ได้!”ถังเจิ้นไห่พูดหน้าขรึม “ประการที่สองของความผิดร้ายแรงสามประการ รัชทายาทร่วมกันสร้างถนนกับแคว้นต่าง ๆ เรื่องนี้อึกทึกครึกโครมไปทั่ว ทันทีที่สร้างถนนที่กว้างยิ่งขึ้น การคมนาคมจะสะดวก คืออยากให้แคว้นรอบข้างรุกรานต้าเฉียนเราสะดวกยิ่งขึ้นหรือ? การกระทำเช่นนี้มิใช่แผนการล่มชาติแล้วมันคืออะไร?!”ซี้ด...เมื่อทุกคนได้ฟังต่างสูดลมเย็นเข้าปาก เกิดความสงสัยอย่างหนักกับจุดประสงค์ของฉินอวิ๋นฟาน ด้านหนึ่งมอบธัญพืช ด้านหนึ่งสร้างถนนกับทุกแคว้น จุดประสงค์จะชัดเจนเกินไปแล้วกระมัง?“ต่อ ประการที่สามเล่า!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มเรียบ เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะไปไกลขนาดไหน ช่างเป็นคนที่มีขอบเขตความรู้ความเข้าใจและวิสัยทัศน์โดยแท้ การกำหนดอนาคตของบ้านเมือง เป็นเช่นนี้ดังคาดหากให้พวกเฮ่อชินอ๋องเรืองอำนาจจริง ต้าเฉียนมิต้องจบเห่หรือ? ให้สวะพวกนี้ดูแลบ้านเมือง บ้านเมืองนั้นยังจะมีความหวังอะไร?พวกเขานอกจากจะมีความชั่วร้ายอยู่เต็มอก มีความคิดดำมืดอยู่เต็มสมอง ยังจะทำอันใดได้อีก?“หึ!”ถังเจิ้นไห่แค่นเสียงแล้วจึงเอ่ย “ประการที่สาม รัชทายาทร่วมมือกับแคว้นต่าง ๆ กีดกันต้าเยียน สังหารบุตรชายคนที่สี่ข
“อ้อ? ความผิดร้ายแรงสามประการของฟานเอ๋อร์? ไหนลองว่ามาดูสิ!”ไท่ซั่งหวงตั้งสมาธิ นึกสนใจขึ้นมาทันที อย่างลับ ๆ เขาให้ความสนใจกับพฤติกรรมของฟานเอ๋อร์มาก ไม่เคยได้ยินความผิดร้ายแรงสามประการอันใด เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะพูดอะไรความผิดร้ายแรงสามประการเสมือนระเบิดลูกใหญ่ ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมา ยามนี้สายตาของทุกคนในที่นั้นต่างรวมศูนย์อยู่ที่ตัวของถังเจิ้นไห่“ประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการ ได้ยินว่ารัชทายาททำเมล็ดพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ขึ้นมา สามารถให้ผลผลิตสูงมาก เดิมนี่คือโอกาสดีที่สุดที่ต้าเฉียนเราจะแจ้งเกิด คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทกลับมอบเมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูงให้กับแคว้นต่าง ๆ รอบข้าง ช่วยให้พวกเขามั่งคั่งมากขึ้น”ถังเจิ้นไห่กล่าวเสียงหนัก “ขอถามทุกท่านในที่นี้ พฤติกรรมเช่นนี้ของรัชทายาทคือกำลังช่วยเหลือศัตรูน่ากลัวของเราหรือไม่? พฤติกรรมเช่นนี้ของเขา คือการขายชาติหรือไม่?!”ตูม...ครั้นถังเจิ้นไห่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา บรรดาขุนนางต่างอึกทึกครึกโครม คนทั้งโลกต่างรู้เรื่องที่เมืองจัวเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์แทบทุกคน และเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานลงนามสัญญากับแคว้นต่าง ๆ ก็รู
“อื่ม! ดี!”ไท่ซั่งหวงเอ่ยเสียงหนัก “เช่นนั้นข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการ แต่งตั้งหวังอันสือเป็นหัวหน้าสำนักศึกษาหลวง เจี่ยงฝานฝานเป็นรองหัวหน้า การรับตำแหน่งนี้มีผลอย่างเป็นทางการ หัวหน้าขันทีเฉา ร่างราชโองการเดี๋ยวนี้ ประกาศต่อใต้หล้า!”เมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลง ใจที่กระวนกระวายของฉินอวิ๋นฟานก็สงบ เขามองจางเต้าหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง!ทว่าคนอื่น ๆ กลับมีความรู้สึกที่แปลกออกไป หลังจากหวังอันสือได้ขึ้นตำแหน่ง ทำให้พวกเขาตระหนักว่าสถานการณ์ในราชสำนักกำลังหลุดจากการควบคุมอย่างช้า ๆ ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะครองราชสำนัก“เอาละ เรื่องสำนักศึกษาหลวงก็สิ้นสุดแล้ว แต่จะละเลยผลงานการไปเมืองอู่โจวของฟานเอ๋อร์ครั้งนี้ไม่ได้”ไท่ซั่งหวงกล่าวเสียงเข้ม “ฟานเอ๋อร์ไม่เพียงแต่ทำคำสัญญาเมื่อครึ่งปีก่อนสำเร็จ ยิ่งทำให้เศรษฐกิจต้าเฉียนเราพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ท้องพระคลังเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ พสกนิกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกคนต่างเห็นความยอดเยี่ยมของฟานเอ๋อร์”“ฟานเอ๋อร์ ว่ามาเถอะ เจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัล? ขอเพียงสมเหตุสมผล ข้าจะให้เจ้าดังปรารถนา!”ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกดีใจมากที่
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว