“อวี่ม่อ ไม่ต้องหรอก เจ้าทำแบบนี้มีแต่จะทำให้อาจารย์เจ้าลำบากใจกว่าเดิม”ฉินอวิ๋นฟานพูดปรามทันที “สุขภาพข้าค่อนข้างแข็งแรง อีกไม่นานก็หายแล้ว ยาครึ่งขวดนี้น่าจะมีประโยชน์กับอาจ้านของข้า เขาต้องการยานี้มากกว่าข้า”“รัชทายาท...”เห็นฉินอวิ๋นฟานหวังดีต่อนาง ไม่อยากให้นางลำบากใจ จางอวี่ม่อรู้สึกซาบซึ้งใจนัก ความรู้สึกของหญิงสาว แม้จะเป็นการกระทำเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือคำพูดประโยคเดียวก็สามารถทำให้พวกนางประทับใจอย่างสุดซึ้งได้แล้ว โดยเฉพาะในสายตาของคนที่ชอบ เรื่องพรรค์นี้จะถูกเพิ่มระดับไม่รู้จบ การเปิดเผยและความรับผิดชอบของฉินอวิ๋นฟานทำให้จางอวี่ม่อชอบมากกว่าเดิม!“อวี่ม่อ ต่อไปห้ามเรียกข้าว่ารัชทายาทนะ”ฉินอวิ๋นฟานพูดจริงจัง “ต่อไปเจ้าเรียกข้าว่าพี่อวิ๋นฟานเหมือนกับจิ่นเอ๋อร์เถอะ ในใจของข้าพวกเจ้าสำคัญเท่ากัน พวกเจ้าคือผู้หญิงที่สำคัญที่สุดในชีวิตของข้า”“ข้า ข้า...”ได้รับความสำคัญจากฉินอวิ๋นฟานเช่นนี้ จางอวี่ม่อหัวใจปั่นป่วนฉับพลัน ตื้นตันใจจนพูดไม่ออก นางจึงพูดขึ้นมาแบบกล้า ๆ กลัว ๆ “เช่น เช่น เช่นนั้นต่อไปก็เรียกท่านว่าพี่อวิ๋นฟาน?”“เฮ้อ ทำไมเจ้าต้องสนใจฐานะของข้าด้วยนะ? รัชท
“ขอบคุณอาจารย์ ท่านใจดีจริง ๆ เมื่อครู่ข้ายังบอกว่าจะไปขอกับท่านอีกสักขวด แต่พี่อวิ๋นฟานไม่ให้ข้ารบกวนท่าน ดังนั้น...”จางอวี่ม่อกอดแขนของยายกู่ พูดด้วยความดีใจ “ไม่นึกว่าอาจารย์ท่านจะมาส่งยาสองขวด แต่... ขวดนี้ดูเหมือนจะเป็นยาที่ใช้ฝึกพลังนี่เจ้าคะ...”“เอาละ ให้เขาเถอะ! เขาสมควรไปได้แล้ว”ยายกู่ไม่ได้อธิบายอะไรมาก ออกคำสั่งไล่แขกเลย ที่นี่คือที่ถือสันโดษของนาง นางไม่ชอบให้คนแปลกหน้ามา แต่การปรากฏตัวของฉินอวิ๋นฟานทำให้นางแหกกฎแล้ว“หา บาดแผลของพี่อวิ๋นฟานยังไม่หายดีเลย นี่ท่านจะไล่เขาไปแล้วหรือ?”เห็นอาจารย์จะไล่ฉินอวิ๋นฟานออกไป จางอวี่ม่ออาลัยอาวรณ์นัก เพราะที่นี่คือหุบเขาผีเสื้อ อยู่ในป่าลึก คนธรรมดาเดินเท้าออกไปต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองวันตอนนี้อาการบาดเจ็บของฉินอวิ๋นฟานเพิ่งจะดีขึ้น แต่ไม่สามารถเดินทางระยะไกลได้ นางไม่อยากให้ฉินอวิ๋นฟานไปเร็วอย่างนี้ยายกู่พูด “พวกพ้องของเขามาตามหาแล้ว ที่นี่ไม่จำเป็นต้องเก็บเขาไว้อีก”“พวกพ้องของข้า? พวกหานซิ่นมาแล้วหรือ?!”ครั้นรู้ว่าพวกพ้องมาตามหา ฉินอวิ๋นฟานตื้นตันใจนัก ไม่เสียทีที่เป็นพี่น้องที่เขาฉินอวิ๋นฟานเลือก ถึงเขาจะถูกซัดตกผาลึ
“เฮ้อ! ถ้าไม่ใช่เพราะอาจ้านบังฝ่ามืออันตรายถึงชีวิตนั้นให้ช้า ตอนนี้ข้าจะเป็นหรือตายน่ากลัวว่าจะพูดยาก”ฉินอวิ๋นฟานส่ายหน้าอย่างจนใจ จากนั้นจึงรีบถาม “จริงสิ อาการของอาจ้านเป็นยังไงบ้าง? เขายังดีอยู่ไหม?”“องครักษ์อู่บาดเจ็บสาหัส หมดสติจนถึงตอนนี้ รัชทายาทไม่ต้องเป็นห่วงหรอก องครักษ์อู่ไม่มีอันตรายถึงชีวิต อีกไม่นานก็น่าจะฟื้นแล้ว”เซี่ยงเส้าเหยียนรีบบอก “แต่ข้าแปลกใจนัก องครักษ์อู่รับฝ่ามือหนักขนาดนั้น แต่ทำไมเขาถึงไม่มีอันตรายถึงชีวิต? ตามหลักมันไม่น่านี่?!”จากประสบการณ์หลายปีของเซี่ยงเส้าเหยียน คนทั่วใจมิอาจรับกำลังฝ่ามือของยอดฝีมือเขตปรมาจารย์ได้ ต่อให้ที่รับคือฝ่ามือยอดฝีมือเขตยุทธ์แท้ก็ยังมีสิบตายแปดเก้าแต่ที่ทำให้เขารู้สึกมหัศจรรย์อย่างยิ่งคือ ถึงฉินอวิ๋นฟานกับอู่จ้านจะบาดเจ็บ กลับไม่ถึงตาย ไม่สอดคล้องกับเหตุผลเลย“อาจารย์เซี่ยง นี่มิใช่เรื่องดีหรือ? มีอย่างท่านที่ไหนกันที่แช่งรัชทายาท”จางเฟยพูดหน้าตึง“เอ่อ เปล่านะ ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น ข้าย่อมหวังให้รัชทายาทปลอดภัย ความหมายของข้าคือปรากฏการณ์นี้ไม่สอดคล้องกับหลักเหตุผลเท่านั้นเอง”เซี่ยงเส้าเหยียนรีบอธิบาย“ฮ
หลิวเป้ยพูดขึ้นอย่างชื่นชมมาก “แต่... ข้าสงสัยนัก ทำไมมันจึงเรียกว่าเสื้อกันกระสุนล่ะ?”“เอ่อ... เรื่องนี้... พูดแล้วมันยาว ถึงเวลาข้าค่อยอธิบายให้เจ้าฟังแล้วกัน!”ฉินอวิ๋นฟานเกาศีรษะ ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจากตรงไหนดี เพราะนี่คือการเรียกของคนในยุคปัจจุบัน เพื่อป้องกันการโจมตีถึงชีวิต ฉินอวิ๋นฟานจึงมีความคิดแหวกแนวขึ้นมาและลองทำดูสองตัว“รัชทายาท การทลายรังโจรหนนี้ประสบความสำเร็จสูง บรรดาคนที่หลัวเทียนเป้าพามาและกองโจรทั้งหมดถูกพวกเราฆ่าล้างหมดแล้ว มิหนำซ้ำอาจารย์เซี่ยงยังตัดหัวของหลัวเทียนเป้าและจางหมาจื่อมาแล้วด้วย ตอนนี้รอแต่ท่านกลับเมืองอู่โจวเท่านั้น”หานซิ่นรายงานอย่างตั้งใจ“อ้อ? ไม่เลวนี่ พวกเจ้าทำได้ยอดเยี่ยม ครั้งนี้ได้ผลงานใหญ่ ข้าพอใจมาก!”หลังจากชมเชยจบ ฉินอวิ๋นฟานก็เปลี่ยนประเด็น “แล้วความเสียหายทางพวกเราเป็นยังไงบ้าง? ต่างจากที่คำนวณเอาไว้มากหรือไม่?”“อยู่ในการประมาณการขอรับ เสียมือหน้าไม้และทหารไปทั้งหมดสามสิบกว่าคน เสียหน่วยเอเคสี่สิบแปดไปสี่คน บาดเจ็บหนักสองคน บาดเจ็บเล็กน้อยสองคน”หานซิ่นตอบ“เลวเอ๊ย! พวกเราเตรียมงานพร้อมขนาดนี้ ยังเสียพี่น้องไปมากอย่างนั้นอีก?
“เอ่อ...รัชทายาท แบบนี้...จะไม่ค่อยดีกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานคิดจะจุดแขวนโคมไฟในจวนเจ้าเมืองในตอนกลางคืนแล้วก็จุดประทัดด้วย? นี่มิใช่รูปแบบของพิธีศพหรือ? คนยังดีอยู่แท้ ๆ ทำแบบนี้ไม่ค่อยเป็นมงคลกระมัง?“ทำไม? มีอะไรไม่เหมาะสมหรือ?”เห็นหลิวเป้ยทำหน้าเจื่อน ฉินอวิ๋นฟานจึงถามด้วยความประหลาดใจหลิวเป้ยตอบหน้าแหย “รัชทายาท การแขวนโคมไฟในตอนกลางคืนและการจุดประทัด มิใช่งานศพหรือ? สาปแช่งตัวเองเพื่อจัดการองค์ชายใหญ่เช่นนี้ จะหนักไปหน่อยหรือไม่?”“ฮ่า ๆ ๆ...”เห็นหลิวเป้ยพูดแบบนี้ ฉินอวิ๋นฟานพลันหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง มิน่าหลิวเป้ยถึงได้มีท่าทางเช่นนี้ ที่แท้เขาก็เข้าใจผิดนี่เอง ฉินอวิ๋นฟานพูดกลั้วหัวเราะ “ข้าจะแสร้งจัดงานศพจริง ๆ นั่นแหละ แต่ใครบอกว่าเป็นของข้าเล่า?”“หา เช่นนั้นที่ทำอย่างนี้...”หลิวเป้ยงงงัน ไม่รู้เหตุผล การที่จวนเจ้าเมืองจัดงานใหญ่เช่นนี้ เห็นชัดว่าเตรียมการเพื่อบุคคลสำคัญ อีกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ๆ งานศพคืองานยิ่งใหญ่งานหนึ่ง สำคัญเท่าเทียมกับงานแต่งงานตามประเพณีฉินอวิ๋นฟานดำเนินการเช่นนี้ทำเอาหลิวเป้ยไปไม่เป็นเลย หรือว่ารัชทายาททำเช่นนี้ก็เพื่อเตรียมไว้ให้คนอื่น
หนทางด้านหน้าเรียบว่าราบเรียบ เมืองอู่โจวจะกลายเป็นถิ่นขององค์ชายใหญ่อีกครั้ง เรียกได้ว่าชื่อเสียงดังกระฉ่อน!“ใครก็ได้!”“รีบแขวนโคมไฟให้ทั่วจวนเจ้าเมือง ด่วน!!!”หลังจากหลิวเป้ยและคนอื่น ๆ เร่งร้อนกลับมาถึงจวนเจ้าเมืองแล้วก็ออกคำสั่งแรกทันที องครักษ์ทั้งหลายเริ่มปฏิบัติตามด้วยท่าทางเคร่งขรึมเดี๋ยวนั้น “พี่หลิว นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!”เซียวหยางที่เฝ้ารอคอยมาทั้งวันทั้งคืนเห็นพวกหลิวเป้ยกลับมาก็รีบไปหาทันที แต่ให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง กลับเป็นจุดจบเช่นนี้? ลางร้ายหลากเข้าหัวใจในพริบตา“เข้าข้างในแล้วค่อยว่ากัน!”หลิวเป้ยหน้าตาขึงขัง ท่าทางจริงจัง ฝีเท้าไวมาก ตรงไปยังห้องโถงใหญ่“เจ้าเมืองหลิว คนของพวกเจ้าก็กลับมากันหมดแล้ว ทำไมไม่เห็นเงานายของพวกเจ้าเลยเล่า?”ตอนนี้เอง เหลียงจื่อฝูปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าพวกหลิวเป้ย นอกจากฮ่องเต้ต้าเหลียงและรัชทายาทต้าเหลียง ฉินอวิ๋นฟานคือญาติที่สนิทกับนางที่สุดบนโลกใบนี้ นางเป็นห่วงความปลอดภัยของฉินอวิ๋นฟานมาก!เมื่อคืนตอนพวกเซียวหยางกลับมาแล้วไม่เห็นเงาของฉินอวิ๋นฟาน เหลียงจื่อฝูก็เริ่มกระวนกระวายใจแล้ว หนังตากระตุกเป็นระยะบัดนี้คนสนิทขอ
“ใครน่ะ?”ฉินอวิ๋นฟานไม่อยากเผยฐานะของตัวเองจึงระวังตัวแจ เขาไม่ได้เปิดประตู แต่หลบฟังเสียงข้างนอกอยู่ข้างประตูแต่ที่ทำให้ฉินอวิ๋นฟานคิดไม่ถึงคือ เขาได้กลิ่นเครื่องหอมบนตัวหญิงสาวที่ลอดร่องประตูเข้ามา!“นายท่าน ต้องการการบริการหรือไม่เจ้าคะ?”ในตอนที่ฉินอวิ๋นฟานกำลังตึงเครียดอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงหวานหยาดเยิ้มของหญิงสาวดังมาคราวนี้ทำเอาฉินอวิ๋นฟานควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว เขาหน้าขรึมในพริบตา สมัยโบราณมีการบริการถึงห้องด้วยหรือ? ช่างน่าอัศจรรย์ไปเลย!เขามุมปากกระตุกเล็กน้อยก่อนจะตอบ “โรง โรงแรมห้าดาวต้าเฉียนมีการบริการถึงห้องแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร?”“นายท่าน พวกเราก็ต้องตามยุคสมัยให้ทันอย่างไรเล่า”หญิงสาวพูดเย้ายวนอยู่อีกฝั่งประตูต่อ “เงินทองหายาก อุจจาระยากจะกลืนกิน พวกเราที่เป็นผู้หญิงอ่อนแอเหล่านี้คิดจะดำรงชีพยิ่งไม่ง่าย ดังนั้นจึงได้แต่มาเคาะประตูเรียกลูกค้าเอง หวังว่านายท่านจะให้โอกาส”“ถ้านายท่านมีทักษะที่ดี เวลานาน สิ่งนั้นใหญ่พอ จะจ่ายเงินก็ใช่ว่าจะไม่ได้ ก็ผู้ชายนี่ยะ ออกบ้านอยู่ข้างนอก รอนแรมเหน็ดเหนื่อย ผ่อนคลายแต่พอควรยังเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก”ครั้นได้ยินหญิงสาวใ
“ออกไปซะ!”เมื่อหวงต้าหยวนได้ยินนางพูดอย่างนี้แล้ว หน้าตาพลันบึ้งตึง นางตวาดไล่อีกฝ่ายไปโดยตรง ผลลัพธ์กลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายแข็งข้อขึ้นมาเสียอย่างนั้นนางพูดอย่างโอ้อวด “รูปร่างข้าก็ไม่ได้แย่ไปกว่าท่าน ครั้งนี้ข้าไม่เอาเงิน ท่านทำได้หรือไม่?”การยิงคำพูดมาอย่างกะทันหันของอีกฝ่ายทำเอาฉินอวิ๋นฟานขำพรืด แม่นางหอโคมเขียวผู้นี้คิดว่าหวงต้าหยวนเป็นพวกเดียวกัน? พิลึกจริงแท้!นี่ทำให้ฉินอวิ๋นฟานนึกถึงคำพูดที่หลัวหย่งฮ่าวเคยพูด ในสายตาของหญิงนางโลม ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่ขาย ถ้าการค้าไม่สำเร็จ นั่นได้แต่พูดว่าตกลงเรื่องเงินไม่ได้ และเห็นชัดว่าแม่นางหอโคมเขียวผู้นี้มีความหมายนี้“เจ้า! เจ้าพูดอะไรน่ะ?!”ถูกอีกฝ่ายเห็นเป็นนางคณิกา หวงต้าหยวนไฟโกรธโจมตีหัวใจเดี๋ยวนั้น ดวงหน้ารูปไข่สะสวยแดงไปถึงลำคอ นางแผ่พลังแกร่งกล้าออกมาจนทำให้แม่นางหอโคมเขียวตกใจทันที“ได้ ๆ ๆ ท่านเก่ง แบบนี้ได้แล้วกระมัง? ข้าจะยกพี่ชายสุดหล่อคนนี้ให้ท่าน แบบนี้ได้แล้วใช่ไหม ให้ตายเถอะ นังหญิงบ้า!”แม่นางหอโคมเขียวเห็นหวงต้าหยวนโกรธขึ้งจึงรีบถอยหลังหลายก้าว รักษาระยะห่างกับหวงต้าหยวน ก่อนนางจะไปยังไม่ลืมกำชับ “พี่ชายสุด
ในที่สุดเหมิงฉาก็รับไม่ไหว ร้องตะโกนคำที่แทบจะเป็นความอัปยศนั้นการแข่งขันทางบู๊นี้ก็ปิดฉากลงท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของทุกคน...เรื่องหักเหจากการคาดหมายของทุกคนเหลียงจ้านอิงและเหลียงเทียนจื้อต่างคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้จะล้วงปืนสั้นออกมาพลิกสถานการณ์ในการแข่งขันด้านบู๊นี้กระทั่งว่าเหลียงเทียนจื้อไม่มีโอกาสจะได้ออกโรงเลย...เช่นละครอย่างไรอย่างนั้น เนื่องจากเหมิงฉากลัวสุดขีดจึงยกมือยอมแพ้ดังนั้นเหลียงเทียนอี้จึงคว้าชัยชนะการแข่งขันรอบนี้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่เปลืองแรงภาพมหัศจรรย์เกิดให้แบบไม่มีการเปลี่ยนแปลงลุ้นระทึกและไม่มีเลือดร้อนพลุ่งพล่านที่ใครคาดหวัง!ถึงขั้นว่าลวงตามากแต่ผลลัพธ์เป็นของจริงแท้แน่นอน เหลียงเทียนอี้ชนะแล้ว......“ดูท่าครั้งนี้ฟานเอ๋อร์จะช่วยข้าได้มากอีกแล้ว”เหลียงเทียนอี้กลับมาถึงด้านในก็คืนปืนสั้นให้ฉินอวิ๋นฟานและพรูลมหนัก ๆ“เหอะ ๆ เสด็จน้าชมเกินไปแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของท่านทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ มิได้กล่าวอะไรอีกถ้าจะบอกว่าเขาทำอะไรเพื่อเหลียงเทียนอี้ นั่นก็แค่บอกเขาว่าความจริงการแข่งขันนี้สามาร
การกระทำของเหลียงเทียนอี้ทำให้ทุกคนในนั้นตกตะลึงแม้แต่เหลียงจ้านอิงที่อยู่บนปะรำก็ยังหยุดการดื่มน้ำชาไม่ได้ มองไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ“เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”เหลียงเทียนจื้อมองเหลียงเทียนอี้ที่ปราศจากเครื่องป้องกันใด ๆ ด้านข้าง ใบหน้าแปลกใจนี่คือการแข่งขันบู๊นะ คือสถานที่ตีรันฟันแทง ถ้าไม่ระวังอาจต้องคมศาสตราได้จริง ๆ ศีรษะย้ายที่อยู่ หากไม่ใช่เพราะมั่นใจกับฝีมือของตัวเองมาก กอปรกับวางแผนร่วมกับทางซยงหนูดีแล้วเขาคงต้องสวมชุดเกราะหนักมารับมือกับการแข่งขันด้านบู๊วันนี้เหมือนกันทว่าการกระทำเช่นนี้ของเหลียงเทียนอี้ต่างจากการรนหาที่ตายอย่างไร?ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลก เหลียงเทียนจื้อหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย...ทั้งที่เขาควรดีใจกับเวลานี้ ถ้าเหลียงเทียนอี้เกิดอุบัติเหตุในการแข่งขันรอบนี้ เช่นนั้นบัลลังก์ต้องเป็นของเขาแน่แล้วแต่ใจกับกระวนกระวาย อย่างไรก็ไม่เป็นสุข“หรือว่าเขาแอบวางแผนอะไร?”ทันใดนั้นเหมิงฉาเริ่มบุกโจมตีก่อนแล้วร่างสูงใหญ่นั้นหวดขวานใหญ่หนักร้อยชั่งพลางเข้าใกล้เหลียงเทียนอี้อย่างต่อเนื่องภายใต้แสงสุริยา คมมีดนั้นน่ากลัวเช่นนี้ ราวกับแค่ถากเถือเบา ๆ ก็เฉือนศีรษ
“ข้าเอง!”ทันใดนั้นเหลียงเทียนอี้ก็ก้าวออกมาช้า ๆโง่อย่างที่คิด...เหลียงเทียนจื้อยืนยิ้มเยาะอยู่ในใจข้างหลังเขารู้นิสัยของพี่ชายดี และรู้ว่าเหลียงเทียนอี้เป็นคนดื้อรั้นมากเมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็มักจะดาหน้าออกไปทันทีแม้เผชิญหน้ากับพันขุนศึกหมื่นอาชาก็ยังปราศจากความกลัวเกรง พลีตนจนตัวตาย...แต่พฤติกรรมวู่วามเช่นนี้ กลัวแต่ต้องจบอย่างอนาถในท้ายที่สุด“ฮ่า ๆ ๆ รัชทายาทกล้าหาญดังคาด!” เหมิงฉาหัวเราะเสียงดัง “ปกติยังนึกว่าท่านเป็นแต่สะบัดพู่กันขีดเขียน วันนี้ข้าอยากลองดูสิว่าฝีมือดาบกระบี่ของท่านจะล้ำลึกหรือไม่?”เพิ่งกล่าวจบ เหมิงฉาก็กวัดแกว่งขวานใหญ่พลางเดินประชิดไปทางเหลียงเทียนอี้ทีละก้าวรูปร่างใหญ่นั้น ร่างกายแข็งแรงนั้น แค่ยืนอยู่ก็สร้างแรงกดดันที่มองไม่เห็นแล้วทำให้หลาย ๆ คนเห็นแล้วอดเกิดใจกลัวอย่างหนึ่งขึ้นมาไม่ได้“อุ๊ย ท่านพี่จะเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังไง?”เหลียงจื่อฝูที่อยู่บนปะรำหน้าทุกข์ร้อน สองมือบีบผ้าเช็ดหน้าแน่น สีหน้าซีดไปเล็กน้อยนางจ้องเหลียงเทียนอี้กลางลานฝึกซ้อม“ท่านพี่ไม่มีความสามารถด้านนี้เท่าไร ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหมิงฉา!”ผู้เป็นน้องสาว
เหลียงเทียนอี้ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าราบเรียบ มองอารมณ์ไม่ออกแต่ในใจเขารู้ดี การต่อสู้ครั้งนี้ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการตั้งแต่เหมิงฉาเริ่มพูดแล้วนี่คือการหยามหน้า คือการหยามเหยียดอย่างชัดเจนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย“เป็นยังไง? องค์ชายสาม?”เหมิงฉาเมินเหลียงเทียนอี้ที่อยู่อีกทางหนึ่ง แล้วใช้สายตาท้าทายมองไปทางเหลียงเทียนจื้อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “ได้ยินว่าฝีมือการใช้ดาบกระบี่ขององค์ชายสามค่อนข้างร้ายกาจ วันนี้ข้าขอท้าทายสักหน่อยเถิด”“มิเป็นไร” เหลียงเทียนจื้อฉีกยิ้ม ใบหน้าเปื้อนไปด้วยความกระหยิ่มใจจากนั้นก็ชักกระบี่ล้ำค่าคู่กายออกมาจากตรงเอวช้า ๆการต่อสู้ครั้งนี้ คือของเขาเท่านั้น!และเป็นเขาได้เท่านั้น!เขาต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเขาเหลียงเทียนจื้อต่างหากที่เป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดคนนั้น คือคนที่สามารถเอาชนะซยงหนูได้อย่างแท้จริง!......“ดูท่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามแผนนะ”เหลียงจ้านอิงดื่มน้ำชาสบายใจเฉิบอยู่บนปะรำมองผลสะท้อนกลับอย่างอบอุ่นของเหล่าผู้ชม จิตใจยิ่งฮึกเหิมตื่นเต้นไม่พูดไม่ได้เลย ถ้อยคำนั้นของเหมิงฉาทำให้เกิดผลดีเยี่ยม สามารถชักจูงอารมณ์ของทุกคนได้ในพริบตาเขาเช
ตกลงไว้แต่แรกว่าเป็นการแข่งขันรูปแบบปิด และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร นอกจากราชวงศ์จะมิมีผู้ใดล่วงรู้ทว่าตอนนี้กลับแข่งขันในลานกว้างต่อหน้าธารกำนัล?หากท่านพี่แพ้มิต้องเป็นที่หัวเราะไปทั่วหรือ?“นี่ก็คือผลลัพธ์ที่ทางเหลียงชินอ๋องต้องการกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานนั่งลงด้านข้าง ยิ้มพูดอย่างเฉยชา “ในฐานะที่เป็นละครฉายซ้ำของวันนี้ พวกเขาแค่ต้องการให้ทุกคนได้เห็นความประดักประเดิดของเสด็จน้าเท่านั้น”แต่แพ้จากการต่อสู้เช่นนั้นผลลัพธ์ต้องเทข้างแน่โอรสสวรรค์ของต้าเหลียงที่กล่าวขานกลับแพ้ให้กับคนป่าเถื่อน ทั้งความสามารถยังมิสู้องค์ชายสามเหลียงเทียนจื้อขอเพียงมีการพูดประเภทนี้ต่อไป ไม่นานอัตราการสนับสนุนเหลียงเทียนจื้อก็จะพุ่งสูงลูกไม้พรรค์นี้ช่างโหดเหี้ยมนัก“น่ารังเกียจจริง ๆ...” คิ้วงามเหลียงจื่อฝูย่นยู่เล็กน้อย อดกระตุกมุมปากไม่ได้ “ไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้”“เมื่อวานท่านพี่ชนะการแข่งขันด้านบุ๋นกับซยงหนูในท้องพระโรง พวกเขาไม่เห็นจะพูดกันเลย เลวทรามจริง ๆ!”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะอย่างไม่ออกความเห็นเขากลับไม่ใส่ใจว่าเมื่อวานจะชนะหรือแพ้ วันนี้ต่างหากที่เป็นส่วนสำค
สำหรับเหลียงเทียนอี้ การแข่งขันในวันนี้ค่อนข้างน่าตกใจแต่ยังดีที่สุดท้ายเขาสามารถคลี่คลายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้พวกซยงหนูหน้าบึ้งตึง โจมตีจนพวกเขารับมือไม่ทันดูท่าปกติว่างเว้นจากการงานอ่านหนังสือให้มากจะมีประโยชน์...หลังประชุมเช้า เหลียงเทียนอี้ก็อดรนทนไม่ไหวบอกข่าวดีกับฉินอวิ๋นฟาน อยากแบ่งปันความสุขและความเปรมปรีดิ์ของตนแต่พอได้ยินฉินอวิ๋นฟานตอบกลับ เขาจึงตระหนักว่าเรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายธรรมดาอย่างที่เขาคิดอย่างนั้น“การแข่งขันทางบู๊ในวันพรุ่งนี้จึงจะเป็นส่วนสำคัญอย่างแท้จริง”คำพูดราบเรียบประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานทำให้ความยินดีปรีดาของเหลียงเทียนอี้ในแต่เดิมสูญสิ้น สีหน้าอึมครึมมากขึ้นเรื่อย ๆ“ข้าย่อมรู้ดี...แต่ปกติ คนที่จะชนะในการแข่งขันทางบู๊คงจะเป็นน้องสาม”เกี่ยวกับจุดนี้แทบไม่มีอะไรให้ลุ้นเพราะเหลียงเทียนจื้อร่ำเรียนกับเหลียงจ้านอิงแต่เล็ก อีกทั้งยังเคยเข้าสนามรบฟาดฟันกับศัตรู ด้านประสบการณ์การรบ จึงมีความคล่องมากกว่าเป็นธรรมดาเช่นนี้ หากคิดจะชิงคะแนนหนึ่งมาจากมือของเหลียงเทียนจื้อ คาดว่าต้องยากเป็นพิเศษเมื่อเห็นเหลียงเทียนอี้มีท่าทางปราศจากใจฮึดสู้ ฉินอวิ
“พันทุบหมื่นเจาะจึงได้แผ่นดิน ไฟโหมเผาไหม้เป็นอาจิณ ร่างแหลกกายเหลวมิหวั่น คงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ในโลกา”ฝุ่นหินหนึ่งบททำให้หลิ่วเหวินเซี่ยมั่นใจมากขึ้นไม่น้อยครั้งนี้เขาไม่ออมมืออีก ทั้งยังท่องออกมาจนจบ ไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้กับเหลียงเทียนอี้เช่นเดียวกัน เขาทำนอกเหนือแผนเดิม ไม่คิดสนใจความรู้สึกของเหลียงเทียนจื้ออีก“นี่ นี่มันกลอนอะไร?”เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ด้านหลังเหงื่อตก ในหัวถึงขั้นว่าไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับกลอนบทนี้แน่นอน ด้วยความทึ่มทื่อของเขาจะต่อกลอนได้อย่างไร ได้แต่เกาหลังศีรษะยิก ๆทว่าเหลียงเทียนอี้ยังใจเย็นเหมือนเดิม เพียงครู่เดียวก็ตอบ“หวงคะนึงความทุกข์เข็ญในการสอบ บัดนี้ไฟสงครามสงบผ่านพ้นสี่ปี”“บ้างเมืองไหวเอนดังกิ่งหลิว ใครเล่ามิใช่ผิวน้ำฝนซัดสาด”“หวงข่งทานปราชัยพรั่นพรึงถึงวันนี้ หลิงติงหยางอ้างว้างถอนหายใจ”“นับแต่โบราณใครบ้างมิดับสูญ เหลือใจรักชาติในพงศาวดาร”ครั้นกล่าวออกมาก็ได้รีบเสียงปรบมือดังสนั่นขุนนางบุ๋นบู๊ที่ชมละครฉากเด็ดในแต่เดิม ยามนี้ยอมสยบกับความสามารถทางวรรณกรรมของเหลียงเทียนอี้แล้วไม่ว่าจะเป็นกลอนในสมัยใด เหลียงเทียนอี้ก็เหมือน
ชั่วขณะ ท้องพระโรงเงียบกริบ สายตาของทุกคนรวมศูนย์อยู่กับตัวของเหลียงเทียนอี้แทบทั้งหมดในดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความยินดีหลังจากหลิ่วเหวินเซี่ยร่ายกลอนท่อนแรกออกมา เหลียงเทียนอี้กลับสามารถตอบสนองทันควันพร้อมต่อท่อนหลังความเร็วเช่นนี้เรียกว่าเร็วยิ่ง!“อวิ๋นเฉ่าสาทรฤดูมีเขียวแห่งวสันต์ของกวีราชวงศ์ซ่ง คือยอดบทกวีโดยแท้!”เหลียงเทียนอี้พยักหน้าอย่างสง่างาม ใบหน้าประดับรอยยิ้มมั่นใจงานนี้ทำให้เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ข้างล่างหน้าตึงฉับพลันเหลียงจ้านอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งหนักกว่า สายตาที่มองมาราวกับมีไฟพุ่งออกมาได้“บ้าเอ๊ย...ถูกชิงตัดหน้าไปก่อน!”เหลียงเทียนจื้อกัดฟันกรอด ในใจกรุ่นโกรธไม่หยุดทั้งที่เขาทำการบ้านมาล่วงหน้า ไม่ว่าหลิ่วเหวินเซี่ยจะท่องกลอนบทใดเขาก็เตรียมเอาไว้หมดแล้วแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับเร็วสู้เหลียงเทียนอี้ไม่ได้!และไม่รู้ว่าตัวเองโง่เขลาหรือเหลียงเทียนอี้เก่งจริงกันแน่!“รัชทายาททรงภูมิแท้ ข้าน้อยเลื่อมใส!”หลิ่วเหวินเซี่ยพยักหน้าด้วยสีหน้าคงเดิมทว่าในใจกลับไม่พอใจเล็กน้อยแล้วคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้ผู้นี้จะมีฝีมือ เขาจงใจเลือกบทกวี
การกระทำเช่นนี้คือการแสดงความยโสหยิ่งผยองของซยงหนูอย่างมิต้องสงสัย“เหมิงฉา คารวะรัชทายาท”“หลิ่วเหวินเซี่ย คารวะรัชทายาท”คนอื่น ๆ ก็ทักทายตามด้วยเหมือนกัน เมื่อนั้นเหลียงเทียนอี้จึงรู้ฐานะของพวกเขาดูแล้วหนึ่งคนในนั้นก็คือบุตรชายของเหมิงเก๋อเอ่อร์ หรือก็คือคนที่มาท้าทายเขาในครั้งนี้อย่างที่เหลียงจ้านอิงบอก การมาครั้งนี้ของเหมิงเก๋อเอ่อร์ก็เพื่อหยั่งเชิงเขาโดยอ้างเหตุผลเยี่ยมเยือนฮ่องเต้ต้าเหลียง ดังนั้นเรื่องที่เริ่มสนทนาในท้องพระโรงจึงเกี่ยวกับสุขภาพของฮ่องเต้ต้าเหลียงแทบจะทั้งหมดทว่าทุกคนในที่นั้นต่างรู้ดี จุดประสงค์ของผู้นิยมสุรามิได้อยู่ที่สุรานี่อย่างไร ครั้นเปลี่ยนเรื่อง เหมิงเก๋อเอ่อร์ก็กล่าวถึงการแข่งขันเลย“ได้ยินว่ารัชทายาทและองค์ชายสามเก่งทั้งบุ๋นแล้วบู๊มานาน คืออัจฉริยะของต้าเหลียง การมาเยือนต้าเหลียงครั้งนี้ นอกจากจะเยี่ยมฮ่องเต้ต้าเหลียงสหายเก่าท่านนี้ ก็อยากให้บุตรชายได้ประมือกับรัชทายาทและองค์ชายสักหน่อย”เหมิงเก๋อเอ่อร์สีหน้าขึงขัง ในที่สุดก็เข้าประเด็นชั่วขณะ ทุกคนในท้องพระโรงหัวใจจะหลุดออกมาอยู่แล้ว ต่างสังเกตสีหน้าเหลียงเทียนอี้อย่างแนบเนียนทว่าเ