“ฮ่า ๆ ๆ ท่านยาย ก่อนที่ท่านจะถามคำถามนี้ รัชทายาทของเราได้คิดเผื่อเอาไว้ให้พวกท่านแล้ว!”เฉินผิงแหงนหน้าขึ้นหัวเราะกับท้องฟ้า “ตอนที่บูรณะเมืองประชาชนทุกคนในเมืองจัว ได้ลงทะเบียนในทะเบียนราษฎร์แล้ว ครอบครัวมีความเป็นอยู่อย่างไร รัชทายาททราบดีหมด”“เพื่อให้ประชาชนทุกคนได้กินเกลือชั้นดี รัชทายาทจึงกำหนดนโยบายช่วยเหลือ สำหรับครอบครัวที่ไม่มีเกลือจริง ๆ และมีความเป็นอยู่ลำบากจริง ๆ สามารถรับก้อนเกลือสีขาวได้ที่ร้านเกลือหลวงโดยไม่มีค่าใช้จ่ายในปริมาณตามจำนวนสมาชิกในบ้าน”“แน่นอน คนที่บ้านมีเกลือก็อย่าได้โลภ เพราะของสิ่งนี้มิได้มีราคา ที่รัชทายาททำเช่นนี้ก็เพื่อดูแลประชาชนทุกคน ทันทีที่เกิดเรื่องโลภโมโทสัน จะถูกลงโทษอย่างหนัก ได้ไม่คุ้มเสีย”“ระยะนี้คือฤดูกาลเก็บเกี่ยว รัชทายาทไม่เพียงแต่จัดสรรที่ดินให้ทุกคน ยังมอบเมล็ดพันธุ์ที่จะได้ผลผลิตสูงให้ ละเว้นภาษีรายหัว อีกไม่นานทุกคนจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีแล้ว”“ขอบคุณรัชทายาท ขอบคุณพระผู้ทรงโปรด”ยายแก่ท่านนั้นซาบซึ้งใจอย่างหนัก นางคุกเข่าลงตรงหน้าเฉินผิงทันที แหงนหน้ากู่ร้องกับท้องฟ้า ยายแก่ที่มีชีวิตอยู่ในโคลนตมทั้งชีวิต ไม่นึกว่าจะได้
นโยบายเกลือหลวงรูปแบบใหม่กระจายไปทั่วเมืองจัวอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็ถึงหูบรรดาตระกูลใหญ่ดังติดปีก และร้านเกลือหลวงในเมืองจัวทั้งหมดถูกเฉินผิงควบคุมตั้งแต่นาทีแรกแล้ว ภายใต้ความร่วมมือของหลิวเป้ย นโยบายเกลือหลวงรูปแบบใหม่ถูกผลักดันอย่างแข็งขัน หลังจากจัดการเรื่องเกลือหลวงเมืองจัวเสร็จ หลิวเป้ย เฉินผิงและคนอื่น ๆ ก็เร่งเดินทางไปยังเมืองอู่โจว เพราะเพิ่งจะได้เมืองอู่โจวกลับคืนมา จำเป็นต้องมีกำลังคนและป้องกันอย่างเข้มงวดภายใต้การดำเนินงานขององค์ชายใหญ่ เพิ่งถึงตอนกลางวัน ด้วยเรื่องขาดแคลนเกลือ ชาวบ้านเมืองอู่โจวเริ่มก่อตัวแล้ว ภายใต้การยั่วยุของคนกลุ่มหนึ่ง คนไม่น้อยรวมตัวกันอยู่หน้าร้านเกลือหลวงตอนที่ผ่านร้านเกลือหลวง ฉินอวิ๋นฟานมองด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากอย่างดูถูก “พี่ใหญ่ข้าไม่เบาเลยนี่ แค่ห้าวันก็ยื่นมือเข้าเมืองอู่โจวได้แล้ว ควบคุมร้านเกลือหลวง”“นั่นสิ ฝีมือการควบคุมเกลือหลวงของตระกูลเริ่นร้ายกาจจริง ๆ”อู่จ้านก็ทึ่งเหมือนกัน“พวกเขาได้ใจอีกไม่นานหรอก นับจากวันนี้ ร้านค้าทั่วแคว้น เกลือละเอียดของข้าจะแทนที่เกลือหลวงในกำมือเขาโดยสิ้นเชิงแบบไฟลามทุ่ม”ฉินอวิ๋นฟานพ
ฉินอวิ๋นฟานตอบรับเรียบ ๆ “พบหน้าครั้งแรก หรือไม่ทุกท่านก็แนะนำตัวเองสักหน่อยเถอะ?”กล่าวจบ ชายหนุ่มคนหนึ่งลุกขึ้นยืน พูดด้วยความเคารพ “เรียนรัชทายาทต้าเฉียน ข้าน้อยชื่อหนานกงเซิ่ง มากตระกูลหนานกงแห่งราชวงศ์ต้าฉู่ และเป็นผู้รับผิดชอบหลักของสมาคมการค้าต้าฉู่ด้วยขอรับ”“อื่ม!”ฉินอวิ๋นฟานพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการยอมรับและต้อนรับ!“รัชทายาทต้าเฉียน ข้าน้อยชื่อเหมียวเยี่ยน มาจากเผ่าเหมียวแห่งแคว้นเหมียวซีเจียง ข้าน้อยได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวให้มาร่วมมือทางการค้ากับท่าน ให้ความร่วมมือกับทุกเรื่องกับท่านขอรับ”เหมียวเยี่ยนกำมัดทั้งสองข้าง พูดด้วยความเคารพสูงสุด“อ้อ? พระบัญชาจากฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียว? เหมียวชิงอี?”ฉินอวิ๋นฟานประหลาดใจมาก การปรากฏตัวของเหมียวเยี่ยนทำให้เขาตะลึงอย่างหนัก และถ้อยคำของเหมียวเยี่ยนก็กำลังบอกกับเขาอย่างชัดเจนว่าได้รับคำสั่งมาจากฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวให้มาร่วมมือกับเขาทุกเรื่องนี่ทำให้ในใจของฉินอวิ๋นฟานเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม แม่สาวคนนี้จะมาไม้ไหนอีก? ก่อนหน้านี้ยังทำท่าดูถูกดูแคลนเขาอยู่เลย ทำไมตอนนี้จู่ ๆ ก็เปลี่ยนท่าทีร้อยแปดสิบองศาเล่า?
“นี่มิใช่ของขวัญชิ้นใหญ่ธรรมดา นี่มันแทบจะเป็นการพลิกโฉมระบบเกลือทั้งหมดของโลก!”เหมียวเยี่ยนพูดด้วยความตื่นเต้น “เกลือละเอียดชั้นเยี่ยมยอดนี้ดีกว่าก้อนเกลือขาวมากกว่าร้อยเท่า สามารถแปรรูปเกลือได้สมบูรณ์แบบเช่นนี้ รัชทายาทต้าเฉียนช่างเป็นมนุษย์เทพโดยแท้!”นาทีนี้ ทุกคนในที่นั้นต่างแตกตื่น ทันทีที่เกลือบริโภคชนิดนี้เข้าสู่ตลาด จะต้องทำให้เกิดคลื่นยักษ์ได้แน่ เปลี่ยนแปลงระบบเกลือของโลกโดยสิ้นเชิงสำหรับพวกเขา สินค้าโฉมใหม่เช่นนี้จะเป็นการปฏิวัติธุรกิจขนานใหญ่ และเกลือบริโภคยังเป็นสิ่งสำคัญของบ้านเมือง คือสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิต มันจะส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์และการเมืองของทุกแคว้นเห็นทุกคนตื่นเต้น ให้คำวิจารณ์เกลือรูปแบบใหม่ของเขาสูงเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกพอใจมาก เขาเอ่ยปาก “ทุกคนยังไม่ค่อยเข้าใจเกลือละเอียดของข้าเท่าไร ข้าจะให้ความรู้พื้นฐานต่อทุกคนก่อนแล้วกัน”“คาดว่าทุกคนคงทราบดี ไม่ว่าจะเป็นเกลือสมุทรหรือบ่อเกลือก็บริโภคโดยตรงไม่ได้ ต้องแปรรูปอย่างดีแล้วจึงจะเข้าสู่ท้องตลาด ให้ประชาชนได้ใช้”“ก้อนเกลือคือทักษะการแปรรูปเกลือที่ทันสมัยที่สุดของโลกในปัจจุบัน แต่มันยังมีสิ่งเจือปน
“รัชทายาทต้าเฉียน เชิญกล่าวความต้องการมาเถิด!”เจียงเหวินอวี่เอ่ยปากถาม“อย่างแรก หลังจากร่วมมือกับเครือต้าเฉียนเหิงไท่ของข้าแล้ว จะร่วมมือกับสมาคมการค้าที่เป็นพันธมิตรกับต้าเยียนไม่ได้อีก ทันทีที่พบ จะถูกถอนสิทธิ์เป็นตัวแทนทันที!”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก“อะไรนะ? จะร่วมมือกับสมาคมการค้าอีกยี่สิบห้าแห่งไม่ได้หรือ?!”ครั้นทุกคนได้ฟัง สีหน้าเปลี่ยนเป็นปั้นยากทันที เมืองอู่โจวถือเป็นเมืองเส้นทางการค้า ที่นี่มีการแลกเปลี่ยนมากมายทุกวัน สมาคมการค้าใหญ่ทั้งหลายต่างแลกเปลี่ยนกันเป็นประจำ ทันทีที่ตัดขาดความร่วมมือกับสมาคมการค้าอื่น จะส่งผลกระทบต่อกันอย่างใหญ่หลวง“รัชทายาทต้าเฉียน นี่เกรงว่าจะไม่เหมาะกระมัง?”ตอนนี้เอง ชายร่างกำยำหนวดเฟิ้มเอ่ยปากขึ้นทันที เขาชื่อปาถู เป็นผู้รับผิดชอบสมาคมการค้าแคว้นเหมิงกู่“ลองว่ามา!”ฉินอวิ๋นฟานพูดชืด ๆ“คือเช่นนี้ พวกเราแคว้นเหมิงกู่ดำรงชีพด้วยการเลี้ยงสัตว์ สิ้นค้าทั้งหมดต้องซื้อและแลกเปลี่ยนในเมืองอู่โจวทั้งหมด ทันทีที่ตัดการแลกเปลี่ยนกับสมาคมการค้าอื่น จะส่งผลกระทบกับแคว้นเรามาก จะเกิดปัญหาใหญ่โตได้”ปาถูอธิบายฉินอวิ๋นฟานเคยศึกษาแคว้นเหมิงก
“พวกเขาจะมาขอร้องเราหรือ? นี่หมายความว่ายังไง?”ปาถูใบหน้างงงันมองไปทางฉินอวิ๋นฟาน เห็นเพียงฉินอวิ๋นฟานมั่นใจขึงขัง ท่าทางเหมือนกุมทุกอย่างอยู่ในกำมือ เต็มไปด้วยความลึกลับ“สหายปาถู ให้ข้าอธิบายเองเถอะ”ไม่รอให้ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปาก เจียงเหวินอวี่กลับยิ้มน้อย ๆ และพูด “เมื่อครู่ข้าพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ที่รัชทายาทต้าเฉียนกล่าวมาไม่ผิดจริง ๆ ต้าเยียนใช้ศักยภาพอันแข็งแกร่งของตัวเองข่มสมาคมการค้าอื่น ๆ เป็นการบีบบังคับ ข่มต้าเฉียนก็เพื่อบรรลุเป้าหมายควบคุมธุรกิจในเมืองอู่โจว”“แต่พวกเรากลับหันหลังให้ความต้องการของพวกเขาและร่วมมือกับเครือต้าเฉียนเหิงไท่แทน สมาคมการค้าต้าเยียนและขั้วอิทธิพลเบื้องหลังพวกเขาต้องไม่พอใจแน่นอน”“ตามที่ข้ารู้มา เพื่อผูกมัดต้าเฉียน ผู้รับผิดชอบหลักของสมาคมการค้าต้าเยียน ซือหม่าหนานผู้นำตระกูลซือหม่าและลูกชายซือหม่าเจา พร้อมด้วยหลัวเทียนเป้าคุณชายสี่ตระกูลหลัวซึ่งเป็นตระกูลขุนศึกอันโด่งดังถึงกับออกหน้าเอง เพิ่มแรงกดดันสมาคมการค้าต่าง ๆ อย่างหนัก”“ดังนั้นต่อให้พวกเรายินดีร่วมมือกับพวกเขา ก็ไม่แน่ว่าพวกเขาจะร่วมมือกับเรา นี่ก็คือความเผด็จการของต้าเยียน พวกท่าน
ในยุคปัจจุบัน ฉินอวิ๋นฟานรู้ดีว่าการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจน่ากลัวเพียงไร โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ความสัมพันธ์ของอุปสงค์และอุปทานต่างกันมาก ใครกุมหัวใจหลักของเทคโนโลยีก็จะมีสิทธิ์มีเสียง ก็คือนายใหญ่หัวเว่ยเนื่องจากถูกจำกัดทางเทคโนโลยี ถูกสหรัฐอเมริกาบีบคั้นจนยอดขายตกฮวบ ปริมาณการขายโทรศัพท์มือถือดิ่งลงเหว กระทั่งเผชิญกับการถอนตัวออกจากตลาดและที่ฉินอวิ๋นฟานใช้ก็คือจุดนี้ เขามีเทคโนโลยีเกลือบริโภคที่ทันสมัยที่สุดในโลกนี้ นี่คือสิ่งที่เกี่ยวพันกับความเป็นอยู่พื้นฐานของคนถัดมาก็คือผูกขาดการส่งอู่เหลียงเย่โดยสิ้นเชิง ครั้นทุกคนติดอู่เหลียงเย่ ขอเพียงกินอาหารก็ต้องมีมัน นี่ก็คือความปรารถนาของปากท้องสุดท้ายก็คือความต้องการอย่างยิ่งยวดของจิตวิญญาณ โบราณว่าไว้ เมื่ออิ่มท้องมักเกิดความปรารถนาคิดชั่ว เมื่อคนมีทรัพย์สินและอำนาจล้นฟ้าแล้ว การระบายความปรารถนาตามสัญชาตญาณก็คือความสุขีสโมสรอันยิ่งใหญ่ของเขาดังนั้นโรงแรมห้าดาวต้าเฉียนจึงให้พวกเขาได้ปลดปล่อยความปรารถนาสุดขั้วนี้ตามประสงค์ ทันทีที่สิ่งเหล่านี้อยู่ในกำมือของฉินอวิ๋นฟาน จะเท่ากับเขากุมจิตวิญญาณอันอ่อนไหวของพวกเขาด้วย“สวรรค์! ต้องขอบ
“ก็ไม่ถือว่าขาดทุน ข้าแค่อยากให้สวัสดิการกับประชาชนแคว้นพวกท่านนิดหน่อยเท่านั้น”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะแห้ง “ยามที่คนใหญ่คนโตพวกนี้ของพวกท่านได้กินเกลือละเอียด ก้อนเกลือขาวก็จะไม่มีคนต้องการ ดังนั้นพวกท่านกินเนื้อก็ต้องให้ชาวบ้านมีน้ำแกงดื่มกระมัง”“จุดประสงค์ที่ข้าทำเช่นนี้ชัดเจนมาก หวังว่าพวกท่านจะนำก้อนเกลือขาวที่ไม่ต้องการแล้วแลกเปลี่ยนกับก้อนเกลือสีเหลืองของพวกชาวบ้านในอัตราส่วนหนึ่งต่อเจ็ด เพิ่มคุณภาพชีวิตของพวกเขาสักหน่อย ให้พวกเขาอยู่ดีกินดีหน่อย”“แน่นอน ข้าแค้นคนที่ใช้อำนาจในมือบีบบังคับการซื้อขายข่มเหงรังแกประชาชนพวกนั้นมาก หวังว่าพวกท่านจะซื่อตรงกับเรื่องนี้”“ถ้าข้ารู้ว่าแม้แต่เรื่องแค่นี้ก็ยังมีคนทำได้ไม่ดี ยังข่มเหงรังแกประชาชน ทั้งยังฉกชิง เช่นนั้นก็ต้องขออภัย ข้าจะดำเนินการคว่ำบาตรอย่างเด็ดขาดและแข็งกร้าวกับคนผู้นั้น ตัดการส่งอู่เหลียงเย่และถอนโรงแรมห้าดาวต้าเฉียนตลอดกาล” “เคยได้ยินว่ารัชทายาทต้าเฉียนห่วงใยพสกนิกรใต้หล้านัก วันนี้ได้พบเป็นเช่นนั้นจริง แม้ไม่ใช่ประชาชนของต้าเฉียน ท่านก็ยังมีเมตตากรุณายิ่งใหญ่ เหวินอวี่เลื่อมใส!”เจียงเหวินอวี่กำหมัดทั้งสองและพูด“หน
ในที่สุดเหมิงฉาก็รับไม่ไหว ร้องตะโกนคำที่แทบจะเป็นความอัปยศนั้นการแข่งขันทางบู๊นี้ก็ปิดฉากลงท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของทุกคน...เรื่องหักเหจากการคาดหมายของทุกคนเหลียงจ้านอิงและเหลียงเทียนจื้อต่างคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้จะล้วงปืนสั้นออกมาพลิกสถานการณ์ในการแข่งขันด้านบู๊นี้กระทั่งว่าเหลียงเทียนจื้อไม่มีโอกาสจะได้ออกโรงเลย...เช่นละครอย่างไรอย่างนั้น เนื่องจากเหมิงฉากลัวสุดขีดจึงยกมือยอมแพ้ดังนั้นเหลียงเทียนอี้จึงคว้าชัยชนะการแข่งขันรอบนี้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่เปลืองแรงภาพมหัศจรรย์เกิดให้แบบไม่มีการเปลี่ยนแปลงลุ้นระทึกและไม่มีเลือดร้อนพลุ่งพล่านที่ใครคาดหวัง!ถึงขั้นว่าลวงตามากแต่ผลลัพธ์เป็นของจริงแท้แน่นอน เหลียงเทียนอี้ชนะแล้ว......“ดูท่าครั้งนี้ฟานเอ๋อร์จะช่วยข้าได้มากอีกแล้ว”เหลียงเทียนอี้กลับมาถึงด้านในก็คืนปืนสั้นให้ฉินอวิ๋นฟานและพรูลมหนัก ๆ“เหอะ ๆ เสด็จน้าชมเกินไปแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของท่านทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ มิได้กล่าวอะไรอีกถ้าจะบอกว่าเขาทำอะไรเพื่อเหลียงเทียนอี้ นั่นก็แค่บอกเขาว่าความจริงการแข่งขันนี้สามาร
การกระทำของเหลียงเทียนอี้ทำให้ทุกคนในนั้นตกตะลึงแม้แต่เหลียงจ้านอิงที่อยู่บนปะรำก็ยังหยุดการดื่มน้ำชาไม่ได้ มองไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ“เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”เหลียงเทียนจื้อมองเหลียงเทียนอี้ที่ปราศจากเครื่องป้องกันใด ๆ ด้านข้าง ใบหน้าแปลกใจนี่คือการแข่งขันบู๊นะ คือสถานที่ตีรันฟันแทง ถ้าไม่ระวังอาจต้องคมศาสตราได้จริง ๆ ศีรษะย้ายที่อยู่ หากไม่ใช่เพราะมั่นใจกับฝีมือของตัวเองมาก กอปรกับวางแผนร่วมกับทางซยงหนูดีแล้วเขาคงต้องสวมชุดเกราะหนักมารับมือกับการแข่งขันด้านบู๊วันนี้เหมือนกันทว่าการกระทำเช่นนี้ของเหลียงเทียนอี้ต่างจากการรนหาที่ตายอย่างไร?ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลก เหลียงเทียนจื้อหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย...ทั้งที่เขาควรดีใจกับเวลานี้ ถ้าเหลียงเทียนอี้เกิดอุบัติเหตุในการแข่งขันรอบนี้ เช่นนั้นบัลลังก์ต้องเป็นของเขาแน่แล้วแต่ใจกับกระวนกระวาย อย่างไรก็ไม่เป็นสุข“หรือว่าเขาแอบวางแผนอะไร?”ทันใดนั้นเหมิงฉาเริ่มบุกโจมตีก่อนแล้วร่างสูงใหญ่นั้นหวดขวานใหญ่หนักร้อยชั่งพลางเข้าใกล้เหลียงเทียนอี้อย่างต่อเนื่องภายใต้แสงสุริยา คมมีดนั้นน่ากลัวเช่นนี้ ราวกับแค่ถากเถือเบา ๆ ก็เฉือนศีรษ
“ข้าเอง!”ทันใดนั้นเหลียงเทียนอี้ก็ก้าวออกมาช้า ๆโง่อย่างที่คิด...เหลียงเทียนจื้อยืนยิ้มเยาะอยู่ในใจข้างหลังเขารู้นิสัยของพี่ชายดี และรู้ว่าเหลียงเทียนอี้เป็นคนดื้อรั้นมากเมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็มักจะดาหน้าออกไปทันทีแม้เผชิญหน้ากับพันขุนศึกหมื่นอาชาก็ยังปราศจากความกลัวเกรง พลีตนจนตัวตาย...แต่พฤติกรรมวู่วามเช่นนี้ กลัวแต่ต้องจบอย่างอนาถในท้ายที่สุด“ฮ่า ๆ ๆ รัชทายาทกล้าหาญดังคาด!” เหมิงฉาหัวเราะเสียงดัง “ปกติยังนึกว่าท่านเป็นแต่สะบัดพู่กันขีดเขียน วันนี้ข้าอยากลองดูสิว่าฝีมือดาบกระบี่ของท่านจะล้ำลึกหรือไม่?”เพิ่งกล่าวจบ เหมิงฉาก็กวัดแกว่งขวานใหญ่พลางเดินประชิดไปทางเหลียงเทียนอี้ทีละก้าวรูปร่างใหญ่นั้น ร่างกายแข็งแรงนั้น แค่ยืนอยู่ก็สร้างแรงกดดันที่มองไม่เห็นแล้วทำให้หลาย ๆ คนเห็นแล้วอดเกิดใจกลัวอย่างหนึ่งขึ้นมาไม่ได้“อุ๊ย ท่านพี่จะเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังไง?”เหลียงจื่อฝูที่อยู่บนปะรำหน้าทุกข์ร้อน สองมือบีบผ้าเช็ดหน้าแน่น สีหน้าซีดไปเล็กน้อยนางจ้องเหลียงเทียนอี้กลางลานฝึกซ้อม“ท่านพี่ไม่มีความสามารถด้านนี้เท่าไร ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหมิงฉา!”ผู้เป็นน้องสาว
เหลียงเทียนอี้ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าราบเรียบ มองอารมณ์ไม่ออกแต่ในใจเขารู้ดี การต่อสู้ครั้งนี้ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการตั้งแต่เหมิงฉาเริ่มพูดแล้วนี่คือการหยามหน้า คือการหยามเหยียดอย่างชัดเจนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย“เป็นยังไง? องค์ชายสาม?”เหมิงฉาเมินเหลียงเทียนอี้ที่อยู่อีกทางหนึ่ง แล้วใช้สายตาท้าทายมองไปทางเหลียงเทียนจื้อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “ได้ยินว่าฝีมือการใช้ดาบกระบี่ขององค์ชายสามค่อนข้างร้ายกาจ วันนี้ข้าขอท้าทายสักหน่อยเถิด”“มิเป็นไร” เหลียงเทียนจื้อฉีกยิ้ม ใบหน้าเปื้อนไปด้วยความกระหยิ่มใจจากนั้นก็ชักกระบี่ล้ำค่าคู่กายออกมาจากตรงเอวช้า ๆการต่อสู้ครั้งนี้ คือของเขาเท่านั้น!และเป็นเขาได้เท่านั้น!เขาต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเขาเหลียงเทียนจื้อต่างหากที่เป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดคนนั้น คือคนที่สามารถเอาชนะซยงหนูได้อย่างแท้จริง!......“ดูท่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามแผนนะ”เหลียงจ้านอิงดื่มน้ำชาสบายใจเฉิบอยู่บนปะรำมองผลสะท้อนกลับอย่างอบอุ่นของเหล่าผู้ชม จิตใจยิ่งฮึกเหิมตื่นเต้นไม่พูดไม่ได้เลย ถ้อยคำนั้นของเหมิงฉาทำให้เกิดผลดีเยี่ยม สามารถชักจูงอารมณ์ของทุกคนได้ในพริบตาเขาเช
ตกลงไว้แต่แรกว่าเป็นการแข่งขันรูปแบบปิด และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร นอกจากราชวงศ์จะมิมีผู้ใดล่วงรู้ทว่าตอนนี้กลับแข่งขันในลานกว้างต่อหน้าธารกำนัล?หากท่านพี่แพ้มิต้องเป็นที่หัวเราะไปทั่วหรือ?“นี่ก็คือผลลัพธ์ที่ทางเหลียงชินอ๋องต้องการกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานนั่งลงด้านข้าง ยิ้มพูดอย่างเฉยชา “ในฐานะที่เป็นละครฉายซ้ำของวันนี้ พวกเขาแค่ต้องการให้ทุกคนได้เห็นความประดักประเดิดของเสด็จน้าเท่านั้น”แต่แพ้จากการต่อสู้เช่นนั้นผลลัพธ์ต้องเทข้างแน่โอรสสวรรค์ของต้าเหลียงที่กล่าวขานกลับแพ้ให้กับคนป่าเถื่อน ทั้งความสามารถยังมิสู้องค์ชายสามเหลียงเทียนจื้อขอเพียงมีการพูดประเภทนี้ต่อไป ไม่นานอัตราการสนับสนุนเหลียงเทียนจื้อก็จะพุ่งสูงลูกไม้พรรค์นี้ช่างโหดเหี้ยมนัก“น่ารังเกียจจริง ๆ...” คิ้วงามเหลียงจื่อฝูย่นยู่เล็กน้อย อดกระตุกมุมปากไม่ได้ “ไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้”“เมื่อวานท่านพี่ชนะการแข่งขันด้านบุ๋นกับซยงหนูในท้องพระโรง พวกเขาไม่เห็นจะพูดกันเลย เลวทรามจริง ๆ!”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะอย่างไม่ออกความเห็นเขากลับไม่ใส่ใจว่าเมื่อวานจะชนะหรือแพ้ วันนี้ต่างหากที่เป็นส่วนสำค
สำหรับเหลียงเทียนอี้ การแข่งขันในวันนี้ค่อนข้างน่าตกใจแต่ยังดีที่สุดท้ายเขาสามารถคลี่คลายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้พวกซยงหนูหน้าบึ้งตึง โจมตีจนพวกเขารับมือไม่ทันดูท่าปกติว่างเว้นจากการงานอ่านหนังสือให้มากจะมีประโยชน์...หลังประชุมเช้า เหลียงเทียนอี้ก็อดรนทนไม่ไหวบอกข่าวดีกับฉินอวิ๋นฟาน อยากแบ่งปันความสุขและความเปรมปรีดิ์ของตนแต่พอได้ยินฉินอวิ๋นฟานตอบกลับ เขาจึงตระหนักว่าเรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายธรรมดาอย่างที่เขาคิดอย่างนั้น“การแข่งขันทางบู๊ในวันพรุ่งนี้จึงจะเป็นส่วนสำคัญอย่างแท้จริง”คำพูดราบเรียบประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานทำให้ความยินดีปรีดาของเหลียงเทียนอี้ในแต่เดิมสูญสิ้น สีหน้าอึมครึมมากขึ้นเรื่อย ๆ“ข้าย่อมรู้ดี...แต่ปกติ คนที่จะชนะในการแข่งขันทางบู๊คงจะเป็นน้องสาม”เกี่ยวกับจุดนี้แทบไม่มีอะไรให้ลุ้นเพราะเหลียงเทียนจื้อร่ำเรียนกับเหลียงจ้านอิงแต่เล็ก อีกทั้งยังเคยเข้าสนามรบฟาดฟันกับศัตรู ด้านประสบการณ์การรบ จึงมีความคล่องมากกว่าเป็นธรรมดาเช่นนี้ หากคิดจะชิงคะแนนหนึ่งมาจากมือของเหลียงเทียนจื้อ คาดว่าต้องยากเป็นพิเศษเมื่อเห็นเหลียงเทียนอี้มีท่าทางปราศจากใจฮึดสู้ ฉินอวิ
“พันทุบหมื่นเจาะจึงได้แผ่นดิน ไฟโหมเผาไหม้เป็นอาจิณ ร่างแหลกกายเหลวมิหวั่น คงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ในโลกา”ฝุ่นหินหนึ่งบททำให้หลิ่วเหวินเซี่ยมั่นใจมากขึ้นไม่น้อยครั้งนี้เขาไม่ออมมืออีก ทั้งยังท่องออกมาจนจบ ไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้กับเหลียงเทียนอี้เช่นเดียวกัน เขาทำนอกเหนือแผนเดิม ไม่คิดสนใจความรู้สึกของเหลียงเทียนจื้ออีก“นี่ นี่มันกลอนอะไร?”เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ด้านหลังเหงื่อตก ในหัวถึงขั้นว่าไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับกลอนบทนี้แน่นอน ด้วยความทึ่มทื่อของเขาจะต่อกลอนได้อย่างไร ได้แต่เกาหลังศีรษะยิก ๆทว่าเหลียงเทียนอี้ยังใจเย็นเหมือนเดิม เพียงครู่เดียวก็ตอบ“หวงคะนึงความทุกข์เข็ญในการสอบ บัดนี้ไฟสงครามสงบผ่านพ้นสี่ปี”“บ้างเมืองไหวเอนดังกิ่งหลิว ใครเล่ามิใช่ผิวน้ำฝนซัดสาด”“หวงข่งทานปราชัยพรั่นพรึงถึงวันนี้ หลิงติงหยางอ้างว้างถอนหายใจ”“นับแต่โบราณใครบ้างมิดับสูญ เหลือใจรักชาติในพงศาวดาร”ครั้นกล่าวออกมาก็ได้รีบเสียงปรบมือดังสนั่นขุนนางบุ๋นบู๊ที่ชมละครฉากเด็ดในแต่เดิม ยามนี้ยอมสยบกับความสามารถทางวรรณกรรมของเหลียงเทียนอี้แล้วไม่ว่าจะเป็นกลอนในสมัยใด เหลียงเทียนอี้ก็เหมือน
ชั่วขณะ ท้องพระโรงเงียบกริบ สายตาของทุกคนรวมศูนย์อยู่กับตัวของเหลียงเทียนอี้แทบทั้งหมดในดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความยินดีหลังจากหลิ่วเหวินเซี่ยร่ายกลอนท่อนแรกออกมา เหลียงเทียนอี้กลับสามารถตอบสนองทันควันพร้อมต่อท่อนหลังความเร็วเช่นนี้เรียกว่าเร็วยิ่ง!“อวิ๋นเฉ่าสาทรฤดูมีเขียวแห่งวสันต์ของกวีราชวงศ์ซ่ง คือยอดบทกวีโดยแท้!”เหลียงเทียนอี้พยักหน้าอย่างสง่างาม ใบหน้าประดับรอยยิ้มมั่นใจงานนี้ทำให้เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ข้างล่างหน้าตึงฉับพลันเหลียงจ้านอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งหนักกว่า สายตาที่มองมาราวกับมีไฟพุ่งออกมาได้“บ้าเอ๊ย...ถูกชิงตัดหน้าไปก่อน!”เหลียงเทียนจื้อกัดฟันกรอด ในใจกรุ่นโกรธไม่หยุดทั้งที่เขาทำการบ้านมาล่วงหน้า ไม่ว่าหลิ่วเหวินเซี่ยจะท่องกลอนบทใดเขาก็เตรียมเอาไว้หมดแล้วแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับเร็วสู้เหลียงเทียนอี้ไม่ได้!และไม่รู้ว่าตัวเองโง่เขลาหรือเหลียงเทียนอี้เก่งจริงกันแน่!“รัชทายาททรงภูมิแท้ ข้าน้อยเลื่อมใส!”หลิ่วเหวินเซี่ยพยักหน้าด้วยสีหน้าคงเดิมทว่าในใจกลับไม่พอใจเล็กน้อยแล้วคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้ผู้นี้จะมีฝีมือ เขาจงใจเลือกบทกวี
การกระทำเช่นนี้คือการแสดงความยโสหยิ่งผยองของซยงหนูอย่างมิต้องสงสัย“เหมิงฉา คารวะรัชทายาท”“หลิ่วเหวินเซี่ย คารวะรัชทายาท”คนอื่น ๆ ก็ทักทายตามด้วยเหมือนกัน เมื่อนั้นเหลียงเทียนอี้จึงรู้ฐานะของพวกเขาดูแล้วหนึ่งคนในนั้นก็คือบุตรชายของเหมิงเก๋อเอ่อร์ หรือก็คือคนที่มาท้าทายเขาในครั้งนี้อย่างที่เหลียงจ้านอิงบอก การมาครั้งนี้ของเหมิงเก๋อเอ่อร์ก็เพื่อหยั่งเชิงเขาโดยอ้างเหตุผลเยี่ยมเยือนฮ่องเต้ต้าเหลียง ดังนั้นเรื่องที่เริ่มสนทนาในท้องพระโรงจึงเกี่ยวกับสุขภาพของฮ่องเต้ต้าเหลียงแทบจะทั้งหมดทว่าทุกคนในที่นั้นต่างรู้ดี จุดประสงค์ของผู้นิยมสุรามิได้อยู่ที่สุรานี่อย่างไร ครั้นเปลี่ยนเรื่อง เหมิงเก๋อเอ่อร์ก็กล่าวถึงการแข่งขันเลย“ได้ยินว่ารัชทายาทและองค์ชายสามเก่งทั้งบุ๋นแล้วบู๊มานาน คืออัจฉริยะของต้าเหลียง การมาเยือนต้าเหลียงครั้งนี้ นอกจากจะเยี่ยมฮ่องเต้ต้าเหลียงสหายเก่าท่านนี้ ก็อยากให้บุตรชายได้ประมือกับรัชทายาทและองค์ชายสักหน่อย”เหมิงเก๋อเอ่อร์สีหน้าขึงขัง ในที่สุดก็เข้าประเด็นชั่วขณะ ทุกคนในท้องพระโรงหัวใจจะหลุดออกมาอยู่แล้ว ต่างสังเกตสีหน้าเหลียงเทียนอี้อย่างแนบเนียนทว่าเ