“นโยบายเกลือหลวงรูปแบบใหม่?”ครั้นทุกคนได้ยินต่างทำหน้าเด๋อด๋าเป็นแถว เกลือบริโภคมิใช่ของราคาแพงล้ำค่าอะไร แต่มันกลับเป็นสิ่งสำคัญของทุกแคว้น และเป็นของจำเป็นต่อการดำรงชีวิต และระบบเกลือบริโภคในปัจจุบันหยั่งรากฝังลึกมาช้านาน เป็นหนึ่งเดียวทั่วทั้งโลกการที่รองหัวหน้าหน่วยเกลือหลวงเฉินผิงล้มธงของหวังหลางและประกาศระบบเกลือหลวงแบบใหม่กะทันหัน ทำให้ทุกคนนิ่งเฉยไม่ได้แล้วในระหว่างที่มวลชนกำลังฮือฮา คนของเฉินผิงติดใบปิดสองแผ่นใหญ่บนกระดานประกาศแล้ว“อะไรนะ?! เกลือละเอียด? นี่มันคืออะไร? ทำไมถึงแพงอย่างนั้นเล่า? ชั่งละห้าสิบตำลึง? หรือว่ามันจะดีกว่าก้อนเกลือขาวอีก? ใครจะไปกินไหว!”“ก้อนเกลือสีเหลืองสิบชั่งเท่ากับเกลือละเอียดหนึ่งชั่งจริงหรือ? ก้อนเกลือสีเหลืองหนึ่งตำลึงสามชั่ง จากราคามันต่างกันราวฟ้ากับดิน แน่ใจนะว่าไม่ได้เข้าใจผิด?”“พวกเจ้าดูข้อที่สามสิ ก้อนเกลือขาวจะเอามาแลกไม่ได้ด้วย? นี่มันอะไรกัน? ระบบเกลือหลวงแบบใหม่จะพิสดารไปแล้วกระมัง?”......หลังจากติดประกาศแล้วก็ก่อให้เกิดคลื่นลม ยามบรรดาชาวบ้านพากันฉงนสงสัย ก้อนเกลือสีเหลืองจัดเป็นเกลือบริโภคแบบหยาบ คนร้อยละเก้าสิบของต้า
“ฮ่า ๆ ๆ ท่านยาย ก่อนที่ท่านจะถามคำถามนี้ รัชทายาทของเราได้คิดเผื่อเอาไว้ให้พวกท่านแล้ว!”เฉินผิงแหงนหน้าขึ้นหัวเราะกับท้องฟ้า “ตอนที่บูรณะเมืองประชาชนทุกคนในเมืองจัว ได้ลงทะเบียนในทะเบียนราษฎร์แล้ว ครอบครัวมีความเป็นอยู่อย่างไร รัชทายาททราบดีหมด”“เพื่อให้ประชาชนทุกคนได้กินเกลือชั้นดี รัชทายาทจึงกำหนดนโยบายช่วยเหลือ สำหรับครอบครัวที่ไม่มีเกลือจริง ๆ และมีความเป็นอยู่ลำบากจริง ๆ สามารถรับก้อนเกลือสีขาวได้ที่ร้านเกลือหลวงโดยไม่มีค่าใช้จ่ายในปริมาณตามจำนวนสมาชิกในบ้าน”“แน่นอน คนที่บ้านมีเกลือก็อย่าได้โลภ เพราะของสิ่งนี้มิได้มีราคา ที่รัชทายาททำเช่นนี้ก็เพื่อดูแลประชาชนทุกคน ทันทีที่เกิดเรื่องโลภโมโทสัน จะถูกลงโทษอย่างหนัก ได้ไม่คุ้มเสีย”“ระยะนี้คือฤดูกาลเก็บเกี่ยว รัชทายาทไม่เพียงแต่จัดสรรที่ดินให้ทุกคน ยังมอบเมล็ดพันธุ์ที่จะได้ผลผลิตสูงให้ ละเว้นภาษีรายหัว อีกไม่นานทุกคนจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีแล้ว”“ขอบคุณรัชทายาท ขอบคุณพระผู้ทรงโปรด”ยายแก่ท่านนั้นซาบซึ้งใจอย่างหนัก นางคุกเข่าลงตรงหน้าเฉินผิงทันที แหงนหน้ากู่ร้องกับท้องฟ้า ยายแก่ที่มีชีวิตอยู่ในโคลนตมทั้งชีวิต ไม่นึกว่าจะได้
นโยบายเกลือหลวงรูปแบบใหม่กระจายไปทั่วเมืองจัวอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็ถึงหูบรรดาตระกูลใหญ่ดังติดปีก และร้านเกลือหลวงในเมืองจัวทั้งหมดถูกเฉินผิงควบคุมตั้งแต่นาทีแรกแล้ว ภายใต้ความร่วมมือของหลิวเป้ย นโยบายเกลือหลวงรูปแบบใหม่ถูกผลักดันอย่างแข็งขัน หลังจากจัดการเรื่องเกลือหลวงเมืองจัวเสร็จ หลิวเป้ย เฉินผิงและคนอื่น ๆ ก็เร่งเดินทางไปยังเมืองอู่โจว เพราะเพิ่งจะได้เมืองอู่โจวกลับคืนมา จำเป็นต้องมีกำลังคนและป้องกันอย่างเข้มงวดภายใต้การดำเนินงานขององค์ชายใหญ่ เพิ่งถึงตอนกลางวัน ด้วยเรื่องขาดแคลนเกลือ ชาวบ้านเมืองอู่โจวเริ่มก่อตัวแล้ว ภายใต้การยั่วยุของคนกลุ่มหนึ่ง คนไม่น้อยรวมตัวกันอยู่หน้าร้านเกลือหลวงตอนที่ผ่านร้านเกลือหลวง ฉินอวิ๋นฟานมองด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากอย่างดูถูก “พี่ใหญ่ข้าไม่เบาเลยนี่ แค่ห้าวันก็ยื่นมือเข้าเมืองอู่โจวได้แล้ว ควบคุมร้านเกลือหลวง”“นั่นสิ ฝีมือการควบคุมเกลือหลวงของตระกูลเริ่นร้ายกาจจริง ๆ”อู่จ้านก็ทึ่งเหมือนกัน“พวกเขาได้ใจอีกไม่นานหรอก นับจากวันนี้ ร้านค้าทั่วแคว้น เกลือละเอียดของข้าจะแทนที่เกลือหลวงในกำมือเขาโดยสิ้นเชิงแบบไฟลามทุ่ม”ฉินอวิ๋นฟานพ
ฉินอวิ๋นฟานตอบรับเรียบ ๆ “พบหน้าครั้งแรก หรือไม่ทุกท่านก็แนะนำตัวเองสักหน่อยเถอะ?”กล่าวจบ ชายหนุ่มคนหนึ่งลุกขึ้นยืน พูดด้วยความเคารพ “เรียนรัชทายาทต้าเฉียน ข้าน้อยชื่อหนานกงเซิ่ง มากตระกูลหนานกงแห่งราชวงศ์ต้าฉู่ และเป็นผู้รับผิดชอบหลักของสมาคมการค้าต้าฉู่ด้วยขอรับ”“อื่ม!”ฉินอวิ๋นฟานพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการยอมรับและต้อนรับ!“รัชทายาทต้าเฉียน ข้าน้อยชื่อเหมียวเยี่ยน มาจากเผ่าเหมียวแห่งแคว้นเหมียวซีเจียง ข้าน้อยได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวให้มาร่วมมือทางการค้ากับท่าน ให้ความร่วมมือกับทุกเรื่องกับท่านขอรับ”เหมียวเยี่ยนกำมัดทั้งสองข้าง พูดด้วยความเคารพสูงสุด“อ้อ? พระบัญชาจากฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียว? เหมียวชิงอี?”ฉินอวิ๋นฟานประหลาดใจมาก การปรากฏตัวของเหมียวเยี่ยนทำให้เขาตะลึงอย่างหนัก และถ้อยคำของเหมียวเยี่ยนก็กำลังบอกกับเขาอย่างชัดเจนว่าได้รับคำสั่งมาจากฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวให้มาร่วมมือกับเขาทุกเรื่องนี่ทำให้ในใจของฉินอวิ๋นฟานเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม แม่สาวคนนี้จะมาไม้ไหนอีก? ก่อนหน้านี้ยังทำท่าดูถูกดูแคลนเขาอยู่เลย ทำไมตอนนี้จู่ ๆ ก็เปลี่ยนท่าทีร้อยแปดสิบองศาเล่า?
“นี่มิใช่ของขวัญชิ้นใหญ่ธรรมดา นี่มันแทบจะเป็นการพลิกโฉมระบบเกลือทั้งหมดของโลก!”เหมียวเยี่ยนพูดด้วยความตื่นเต้น “เกลือละเอียดชั้นเยี่ยมยอดนี้ดีกว่าก้อนเกลือขาวมากกว่าร้อยเท่า สามารถแปรรูปเกลือได้สมบูรณ์แบบเช่นนี้ รัชทายาทต้าเฉียนช่างเป็นมนุษย์เทพโดยแท้!”นาทีนี้ ทุกคนในที่นั้นต่างแตกตื่น ทันทีที่เกลือบริโภคชนิดนี้เข้าสู่ตลาด จะต้องทำให้เกิดคลื่นยักษ์ได้แน่ เปลี่ยนแปลงระบบเกลือของโลกโดยสิ้นเชิงสำหรับพวกเขา สินค้าโฉมใหม่เช่นนี้จะเป็นการปฏิวัติธุรกิจขนานใหญ่ และเกลือบริโภคยังเป็นสิ่งสำคัญของบ้านเมือง คือสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิต มันจะส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์และการเมืองของทุกแคว้นเห็นทุกคนตื่นเต้น ให้คำวิจารณ์เกลือรูปแบบใหม่ของเขาสูงเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกพอใจมาก เขาเอ่ยปาก “ทุกคนยังไม่ค่อยเข้าใจเกลือละเอียดของข้าเท่าไร ข้าจะให้ความรู้พื้นฐานต่อทุกคนก่อนแล้วกัน”“คาดว่าทุกคนคงทราบดี ไม่ว่าจะเป็นเกลือสมุทรหรือบ่อเกลือก็บริโภคโดยตรงไม่ได้ ต้องแปรรูปอย่างดีแล้วจึงจะเข้าสู่ท้องตลาด ให้ประชาชนได้ใช้”“ก้อนเกลือคือทักษะการแปรรูปเกลือที่ทันสมัยที่สุดของโลกในปัจจุบัน แต่มันยังมีสิ่งเจือปน
“รัชทายาทต้าเฉียน เชิญกล่าวความต้องการมาเถิด!”เจียงเหวินอวี่เอ่ยปากถาม“อย่างแรก หลังจากร่วมมือกับเครือต้าเฉียนเหิงไท่ของข้าแล้ว จะร่วมมือกับสมาคมการค้าที่เป็นพันธมิตรกับต้าเยียนไม่ได้อีก ทันทีที่พบ จะถูกถอนสิทธิ์เป็นตัวแทนทันที!”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก“อะไรนะ? จะร่วมมือกับสมาคมการค้าอีกยี่สิบห้าแห่งไม่ได้หรือ?!”ครั้นทุกคนได้ฟัง สีหน้าเปลี่ยนเป็นปั้นยากทันที เมืองอู่โจวถือเป็นเมืองเส้นทางการค้า ที่นี่มีการแลกเปลี่ยนมากมายทุกวัน สมาคมการค้าใหญ่ทั้งหลายต่างแลกเปลี่ยนกันเป็นประจำ ทันทีที่ตัดขาดความร่วมมือกับสมาคมการค้าอื่น จะส่งผลกระทบต่อกันอย่างใหญ่หลวง“รัชทายาทต้าเฉียน นี่เกรงว่าจะไม่เหมาะกระมัง?”ตอนนี้เอง ชายร่างกำยำหนวดเฟิ้มเอ่ยปากขึ้นทันที เขาชื่อปาถู เป็นผู้รับผิดชอบสมาคมการค้าแคว้นเหมิงกู่“ลองว่ามา!”ฉินอวิ๋นฟานพูดชืด ๆ“คือเช่นนี้ พวกเราแคว้นเหมิงกู่ดำรงชีพด้วยการเลี้ยงสัตว์ สิ้นค้าทั้งหมดต้องซื้อและแลกเปลี่ยนในเมืองอู่โจวทั้งหมด ทันทีที่ตัดการแลกเปลี่ยนกับสมาคมการค้าอื่น จะส่งผลกระทบกับแคว้นเรามาก จะเกิดปัญหาใหญ่โตได้”ปาถูอธิบายฉินอวิ๋นฟานเคยศึกษาแคว้นเหมิงก
“พวกเขาจะมาขอร้องเราหรือ? นี่หมายความว่ายังไง?”ปาถูใบหน้างงงันมองไปทางฉินอวิ๋นฟาน เห็นเพียงฉินอวิ๋นฟานมั่นใจขึงขัง ท่าทางเหมือนกุมทุกอย่างอยู่ในกำมือ เต็มไปด้วยความลึกลับ“สหายปาถู ให้ข้าอธิบายเองเถอะ”ไม่รอให้ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปาก เจียงเหวินอวี่กลับยิ้มน้อย ๆ และพูด “เมื่อครู่ข้าพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ที่รัชทายาทต้าเฉียนกล่าวมาไม่ผิดจริง ๆ ต้าเยียนใช้ศักยภาพอันแข็งแกร่งของตัวเองข่มสมาคมการค้าอื่น ๆ เป็นการบีบบังคับ ข่มต้าเฉียนก็เพื่อบรรลุเป้าหมายควบคุมธุรกิจในเมืองอู่โจว”“แต่พวกเรากลับหันหลังให้ความต้องการของพวกเขาและร่วมมือกับเครือต้าเฉียนเหิงไท่แทน สมาคมการค้าต้าเยียนและขั้วอิทธิพลเบื้องหลังพวกเขาต้องไม่พอใจแน่นอน”“ตามที่ข้ารู้มา เพื่อผูกมัดต้าเฉียน ผู้รับผิดชอบหลักของสมาคมการค้าต้าเยียน ซือหม่าหนานผู้นำตระกูลซือหม่าและลูกชายซือหม่าเจา พร้อมด้วยหลัวเทียนเป้าคุณชายสี่ตระกูลหลัวซึ่งเป็นตระกูลขุนศึกอันโด่งดังถึงกับออกหน้าเอง เพิ่มแรงกดดันสมาคมการค้าต่าง ๆ อย่างหนัก”“ดังนั้นต่อให้พวกเรายินดีร่วมมือกับพวกเขา ก็ไม่แน่ว่าพวกเขาจะร่วมมือกับเรา นี่ก็คือความเผด็จการของต้าเยียน พวกท่าน
ในยุคปัจจุบัน ฉินอวิ๋นฟานรู้ดีว่าการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจน่ากลัวเพียงไร โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ความสัมพันธ์ของอุปสงค์และอุปทานต่างกันมาก ใครกุมหัวใจหลักของเทคโนโลยีก็จะมีสิทธิ์มีเสียง ก็คือนายใหญ่หัวเว่ยเนื่องจากถูกจำกัดทางเทคโนโลยี ถูกสหรัฐอเมริกาบีบคั้นจนยอดขายตกฮวบ ปริมาณการขายโทรศัพท์มือถือดิ่งลงเหว กระทั่งเผชิญกับการถอนตัวออกจากตลาดและที่ฉินอวิ๋นฟานใช้ก็คือจุดนี้ เขามีเทคโนโลยีเกลือบริโภคที่ทันสมัยที่สุดในโลกนี้ นี่คือสิ่งที่เกี่ยวพันกับความเป็นอยู่พื้นฐานของคนถัดมาก็คือผูกขาดการส่งอู่เหลียงเย่โดยสิ้นเชิง ครั้นทุกคนติดอู่เหลียงเย่ ขอเพียงกินอาหารก็ต้องมีมัน นี่ก็คือความปรารถนาของปากท้องสุดท้ายก็คือความต้องการอย่างยิ่งยวดของจิตวิญญาณ โบราณว่าไว้ เมื่ออิ่มท้องมักเกิดความปรารถนาคิดชั่ว เมื่อคนมีทรัพย์สินและอำนาจล้นฟ้าแล้ว การระบายความปรารถนาตามสัญชาตญาณก็คือความสุขีสโมสรอันยิ่งใหญ่ของเขาดังนั้นโรงแรมห้าดาวต้าเฉียนจึงให้พวกเขาได้ปลดปล่อยความปรารถนาสุดขั้วนี้ตามประสงค์ ทันทีที่สิ่งเหล่านี้อยู่ในกำมือของฉินอวิ๋นฟาน จะเท่ากับเขากุมจิตวิญญาณอันอ่อนไหวของพวกเขาด้วย“สวรรค์! ต้องขอบ
ฉินอวิ๋นฮุยจ้องฉินอวิ๋นฟาน สายตามืดสว่างไม่แน่นอน เขาเลื่องชื่อเรื่องชำนาญการวางแผนกลอุบายในต้าเฉียน มีหรือจะไม่เข้าใจความหมายโดยนัยที่อีกฝ่ายพูดเฮ่อชินอ๋องฉินอ้าวอันตรายเพียงใด วิธีการน่ากลัวเพียงใด เขารู้ดีกว่าคนส่วนใหญ่ในที่นี้อีก นั่นคือราชสีห์เฒ่าที่ซ่อนเร้นมานานหลายสิบปีตัวหนึ่ง บัดนี้ตื่นขึ้นโดยสิ้นเชิงแล้ว“องค์ชายรอง ฉินอวิ๋นฟานคารมคมคายที่สุด ท่านอย่าได้หลงกลเขานะ”ยามนี้ถังเจิ้นไห่ใจร้อนดั่งไฟเผา หากฉินอวิ๋นฮุยหันหลังทิ้งเขา นั่นจะได้เปิดหูเปิดตาจริงแล้ว ความสัมพันธ์พันธมิตรที่เพิ่งก่อตั้ง พลังทลายลงด้วยผลประโยชน์อันยั่วยวนและการพูดไม่กี่คำของฉินอวิ๋นฟาน“ข้า...”ฉินอวิ๋นฮุยอยากจะพูดแต่ก็หยุดอีก ในใจสับสนนักยามที่เขาได้ประโยชน์จากฉินอวิ๋นฟานและร่วมมือกับอีกฝ่าย ในใจก็มีคำตอบแล้ว ติดที่ร่วมมือกับเฮ่อชินอ๋องเป็นครั้งแรกก็ต้องจบด้วยรูปแบบไม่รื่นรมย์เช่นนี้ มากน้อยยังลำบากใจอยู่บ้างนาทีนี้ ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วน้อย ๆ ที่แล้วมาพี่รองเป็นคนคำนวณแม่นยำ ความคิดชัดเจน สถานการณ์ในวันนี้เรียกว่าแค่มองก็รู้ คุณโทษเขาก็วิเคราะห์ได้ชัด ไม่นึกว่าพี่รองจะคิดหนักถึงขั้นนี้ทันใดนั้น
ถังเจิ้นไห่สีหน้าแย่ที่สุด นี่คือการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรก เข้าร่วมการชิงบัลลังก์อย่างโจ่งแจ้งและเป็นทางการของพวกเขา กลับต้องพ่ายแพ้ย่อยยับ เขาแค้นใจนัก ดังนั้นก็ต้องไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้อยู่แล้ว“เหอะ...รัชทายาท ข้าจำต้องยอมรับความต้องการก้าวสู้ความยิ่งใหญ่ของท่าน ทุกคนในที่นี้ถูกหลอกกันหมด ท่านคิดว่าตัวเองอาภรณ์ไร้ตะเข็บจริงหรือ?”ถังเจิ้นไห่เห็นฉินอวิ๋นฮุยหวั่นไหวจึงก้าวออกมาอีกครั้ง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องกวนน้ำให้ขุ่น จะให้ฉินอวิ๋นฟานสมหวังไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นขั้วอิทธิพลของพวกเขาจะกลายเป็นชุดวิวาห์ของฉินอวิ๋นฟานการทุ่มเทกายใจเพื่อให้คนอื่นประสบความสำเร็จ เขาไม่มีทางทำเด็ดขาด แม้ต้องเสี่ยงล่วงเกินไท่ซั่งหวง เขายังต้องก้าวออกมา ถึงอย่างไรผู้ที่อยู่ข้างหลังเขาก็คือเฮ่อชินอ๋อง โอรสสายพระโลหิตของไท่ซั่งหวงเขาไม่เชื่อว่าไท่ซั่งหวงจะกล้าฆ่ากระทั่งโอรสที่เหลืออยู่เพียงองค์เดียว“อ้อ? แม่ทัพผู้เฒ่าถัง ท่านหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฮุยขมวดคิ้วมุ่นอีกครั้ง ยามนี้ทุกย่างก้าวสำคัญต่อเขามาก เขาต้องระมัดระวังรอบคอบ นอกเสียจากเป็นเรื่องที่มีคุณไร้โทษต่อเขา เขาจึงจะออกมาแสดงจ
“เลอะเลือน?”ฉินอวิ๋นฮุยขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางพูด “น้องเจ็ด เจ้าหมายความว่ายังไง?”ชิงอำนาจผลประโยชน์มานานเช่นนี้ พวกเขาย่อมแบ่งแยกคุณโทษได้ชัดเจน ชนชั้นเจ้าของที่ดินคือรายได้และผลประโยชน์ส่วนสำคัญและเป็นความมั่นคงของบรรดาผู้มีอำนาจ คือวิธีการสำคัญในการบีบบังคับอำนาจราชวงศ์มาถึงฉินอวิ๋นฟานก็จะลงมือกับพวกเจ้าของที่ดิน ย่อมแตะจุดอ่อนไหวของพวกเขาเป็นธรรมดา พวกเขามิใช่คนเขลา ไม่มีทางให้ฉินอวิ๋นฟานสมปรารถนาง่าย ๆ หรอก ต่อให้ไม่ได้เมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูง พวกเขาก็จะไม่เปิดโอกาสให้ฉินอวิ๋นฟานง่าย ๆ อย่างแน่นอน!“พี่ใหญ่ พี่รอง หรือพวกท่านยังไม่เห็นอีก? ฮ่องเต้ต้าเฉียนแต่ละพระองค์ปวดหัวกับพวกเจ้าของที่ดินพวกนี้มากที่สุดใช่หรือไม่?”ฉินอวิ๋นฟานกล่าววาจาโน้มน้าวทีละขั้น“หือ?”ฉินอวิ๋นฮุยเลิกคิ้ว ไม่ได้ตอบคำถามของฉินอวิ๋นฟานโดยตรง เขากำลังใคร่ครวญอยู่ในใจ ก่อนขึ้นครองราชย์เขาจะต้องเป็นพวกเดียวกับเจ้าของที่ดินเหล่านี้ หากเขารู้ดีว่าในอดีตเสด็จพ่อทรงปวดศีรษะมากเพียงไร ถ้าเขาสามารถขึ้นตำแหน่งนั้น...จะต่างกันโดยสิ้นเชิง!“ท่านดูสิ ข้าแค่ใช้ที่ดินของพวกเจ้าของที่ดินเหล่านี้ผลิตธัญพืชมากขึ้น ภายใต้
“แน่นอน”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มอย่างมั่นใจ “ในเมื่อชาวบ้านเมืองจัวต่างเพาะปลูกข้าวผลผลิตสูงจนชีวิตความเป็นอยู่เริ่มดีแล้ว แล้วหม่อมฉันยังจะทำใจเห็นชาวบ้านเมืองอื่น ๆ หิวโหยได้อย่างไร?”“อ้อ? ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง ฟานเอ๋อร์ เจ้าคิดจะทำยังไง?”สายตาที่ไท่ซั่งหวงมองฉินอวิ๋นฟานเกิดความเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ทบทวนทุกเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานทำในวันนี้ นั่นล้วนแล้วแต่ทำให้เขารู้สึกปลื้มใจและตกตะลึงยิ่งนัก เรื่องแรกที่เขาทำก็คือเรื่องสำนักศึกษาหลวง บ่มเพาะผู้มีความสามารถเพื่ออนาคตของต้าเฉียนเรื่องที่สองคือก่อตั้งเมืองการค้าขนาดใหญ่ ให้คนจากทุกแคว้นมาค้าขายกับต้าเฉียน เช่นนี้จะทำให้ต้าเฉียนกลายเป็นศูนย์กลางการค้าโลก เศรษฐกิจของต้าเฉียนจะรุดหน้าแบบที่มิอาจหยุดยั้งเรื่องที่สามคือเรื่องที่ไท่ซั่งหวงปลาบปลื้มมากที่สุด โลกในปัจจุบัน การแก้ไขปัญหาปากท้องคือปัญหาใหญ่หลวงในศตวรรษนี้ ทว่าฟานเอ๋อร์ใส่ใจกับเรื่องนี้ตามที่เขาคาดคิดเอาไว้“เสด็จปู่ เป็นเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ ปริมาณการผลิตของข้าวข้ามสายพันธุ์สูงกว่าข้าวทั่วไปถึงเจ็ดเท่า ดังนั้นการกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวผลผลิตสูงนี้จะรอช้าไม่ได้”ฉินอวิ๋นฟานพูดเป็นการเป็นง
“เอ่อ... แต่เพียงแต่ข้าที่กังวลเช่นนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมีความกังวลนี้เหมือนกันกระมัง? อย่างไรเสีย ของอย่างบัญชีก็สามารถปลอมแปลงได้”เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดตามตรง ฉินอวิ๋นฮุยจึงไม่อ้ำอึ้งอีก การยกเรื่องไม่ดีมาพูดแต่แรกมิใช่เรื่องน่าอายอันใด เพราะมันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเขา เขาไม่อยากถูกฉินอวิ๋นฟานหลอก!“ฮ่า ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานลั่นเสียงหัวเราะทันที “พี่รองทำงานรอบคอบดังคาด น้องเจ็ดเลื่อมใส แต่ท่านคิดมากไปแล้ว ถ้าต้องดูแลเมืองการค้าสามเมือง คนของข้าไม่มีทางพอ ถ้าพวกท่านไม่ส่งคนมาช่วยงาน ข้าคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”“อ้อ? น้องเจ็ดพูดจริงรึ?!”เมื่อนั้นหัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของฉินอวิ๋นฮุยจึงสงบลง หากเขาสามารถให้คนเข้าร่วมอยู่ในเมืองการค้าทั้งสามเมืองได้ เช่นนั้นเขาจะวางใจได้แล้ว เพราะจะรับประกันผลประโยชน์ของเขาได้ทั้งหมด!“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านวางใจได้เลย ระหว่างพวกเราพี่น้องแม้เป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้านเมือง พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง มีเพียงเช่นนี้ต้าเฉียนเราจึงจะเฟื่องฟูได้นิรันดร์”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในเรื่องการค้า เครือเหิงไท่จะรับผิดชอบกิจการหลักท
ฉินอวิ๋นฟานกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อให้ใครกล้ามีความคิดส่วนตัวก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกเราต้องร่วมกันทำงาน หากไม่อยากเสียเมืองไป ไม่อยากตาย ทหารทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เป็นหนึ่งเดียวสู้กับภายนอก”“ดี ดีมาก ความคิดนี้ไม่เลว!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ไท่ซั่งหวงรู้อยู่แล้วว่าฉินอวิ๋นฟานต้องทุ่มเทเพื่อแผนการนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีทางคิดแผนการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้“อื่ม ไม่เลว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ได้ดีใจกับแผนการสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของฉินอวิ๋นฟาน เพราะแม้เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองจริง หากไร้ประโยชน์อันใดต่อพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขายังจะกลายเป็นคนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้งานอีกด้วยพวกเขาส่งทหารรักษาเมือง ฉินอวิ๋นฟานกอบโกยกำไรอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วฉินอวิ๋นฮุยก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือโดยแท้!ทว่าไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?ฉินอวิ๋นฟานรู้ความคิดของพวกเขาดี อีกอย่าง ถ้าครองผลงานเองในเวลานี้จะเป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเอามาก ๆ ฉินอวิ๋นฟานไม่ทำเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้หรอก!โบราณกล่าว ตบหน้าฉาดหนึ่งต้องให้พุทราหวานหนึ่งลูก อีกฝ่ายส่งทหารม
ขณะนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ ถ้อยคำชวนให้คนมีจิตใจฮึกเหิมของฉินอวิ๋นฟานวนเวียนอยู่ในหัวของ แม้ไท่ซั่งหวงเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน!รัชทายาทวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่ง ช่างเป็นชายชาตินักรบเลือดร้อนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน หากคนเช่นนี้เป็นจักรพรรดิ ไยต้องกลัวอนาคตต้าเฉียนจะไม่ศิวิไลซ์?“เกี่ยวกับการสร้างเมืองการค้าสี่แห่งในสี่ทิศของต้าเฉียน ทุกคนคัดค้านอย่างหนัก ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนมาก แต่ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ ข้าก็ต้องยอมรับเสียงและความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนว่ามาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน มีแต่ต้องทำให้ทำคนยอมรับเรื่องนี้จากใจจริง เขาจึงจะยึดสิทธิ์ความเป็นผู้นำได้ มิเช่นนั้นต่อให้ใช้กำลังผลักดันเรื่องนี้ คนเหล่านี้ต้องเล่นตุกติกลับหลังเขาแน่ เช่นนี้มีแต่จะทำให้รำคาญดังนั้นฉินอวิ๋นฟานเตรียมตัวกับการคัดค้านและความคิดของทุกคนแต่แรกแล้ว ต้องการแค่โอกาสประจวบเหมาะหนึ่ง เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคอิจฉาตาร้อนมีมากเหลือเกิน มีแต่ต้องคิดหาทางหยดยาดวงตาให้พวกเขาสักหน่อย จึงจะขจัดต้นตอของปัญหาได้ “นี่...”ผู้คนมากมายแน่นขนัดพูดไม่ออกสักคำ เพราะต่างมีความกังวลอยู่ในใจ ฉ
นาทีนี้ถังเจิ้นไห่ถูกโจมตีทำร้ายทางจิตใจอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานปากคอเราะรายน่ากลัวจริง ๆ การโจมตีของเขารวดเร็วนัก เขาต้านทานไม่ไหวเลยเขาจนปัญญากับการโจมตีของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ได้แต่ใช้สถานะข่มขู่ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะหยุดโจมตีเขาน่าเสียดาย แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร และไม่เคยเป็นพวกยอมเสียเปรียบ หากมีคนโจมตีเขา ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!ต้องถล่มอีกฝ่ายจนแพ้ราบคาบ นี่สิจึงจะเป็นเป้าหมายความเป็นคนของเขา และถังเจิ้นไห่ก็แตะเขตต้องห้ามของเขาพอดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่ไว้หน้าเขา!ครั้นพวกฉินอวิ๋นฮุยเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พากันมอบสายตาเห็นใจให้ถังเจิ้นไห่ พวกเขาเคยได้รับการสั่งสอนด้วยหมัดหนักจากฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย หากหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!ไท่ซั่งหวงและจางเต้าหลินฉายรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานจะหยาบคายไม่รื่นหูไปบ้าง แต่สะใจยิ่งนัก! นักวางแผนร้ายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดกลับจนต้องสงสัยในชีวิต เด็ดสะระตี่แท้!“เกินไป? ตอนนี้ท่านรู้ว่าเกินไป? ตอนที่ท่านสาดน้ำคลำใส่
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน