“พวกเขาจะมาขอร้องเราหรือ? นี่หมายความว่ายังไง?”ปาถูใบหน้างงงันมองไปทางฉินอวิ๋นฟาน เห็นเพียงฉินอวิ๋นฟานมั่นใจขึงขัง ท่าทางเหมือนกุมทุกอย่างอยู่ในกำมือ เต็มไปด้วยความลึกลับ“สหายปาถู ให้ข้าอธิบายเองเถอะ”ไม่รอให้ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปาก เจียงเหวินอวี่กลับยิ้มน้อย ๆ และพูด “เมื่อครู่ข้าพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ที่รัชทายาทต้าเฉียนกล่าวมาไม่ผิดจริง ๆ ต้าเยียนใช้ศักยภาพอันแข็งแกร่งของตัวเองข่มสมาคมการค้าอื่น ๆ เป็นการบีบบังคับ ข่มต้าเฉียนก็เพื่อบรรลุเป้าหมายควบคุมธุรกิจในเมืองอู่โจว”“แต่พวกเรากลับหันหลังให้ความต้องการของพวกเขาและร่วมมือกับเครือต้าเฉียนเหิงไท่แทน สมาคมการค้าต้าเยียนและขั้วอิทธิพลเบื้องหลังพวกเขาต้องไม่พอใจแน่นอน”“ตามที่ข้ารู้มา เพื่อผูกมัดต้าเฉียน ผู้รับผิดชอบหลักของสมาคมการค้าต้าเยียน ซือหม่าหนานผู้นำตระกูลซือหม่าและลูกชายซือหม่าเจา พร้อมด้วยหลัวเทียนเป้าคุณชายสี่ตระกูลหลัวซึ่งเป็นตระกูลขุนศึกอันโด่งดังถึงกับออกหน้าเอง เพิ่มแรงกดดันสมาคมการค้าต่าง ๆ อย่างหนัก”“ดังนั้นต่อให้พวกเรายินดีร่วมมือกับพวกเขา ก็ไม่แน่ว่าพวกเขาจะร่วมมือกับเรา นี่ก็คือความเผด็จการของต้าเยียน พวกท่าน
ในยุคปัจจุบัน ฉินอวิ๋นฟานรู้ดีว่าการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจน่ากลัวเพียงไร โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ความสัมพันธ์ของอุปสงค์และอุปทานต่างกันมาก ใครกุมหัวใจหลักของเทคโนโลยีก็จะมีสิทธิ์มีเสียง ก็คือนายใหญ่หัวเว่ยเนื่องจากถูกจำกัดทางเทคโนโลยี ถูกสหรัฐอเมริกาบีบคั้นจนยอดขายตกฮวบ ปริมาณการขายโทรศัพท์มือถือดิ่งลงเหว กระทั่งเผชิญกับการถอนตัวออกจากตลาดและที่ฉินอวิ๋นฟานใช้ก็คือจุดนี้ เขามีเทคโนโลยีเกลือบริโภคที่ทันสมัยที่สุดในโลกนี้ นี่คือสิ่งที่เกี่ยวพันกับความเป็นอยู่พื้นฐานของคนถัดมาก็คือผูกขาดการส่งอู่เหลียงเย่โดยสิ้นเชิง ครั้นทุกคนติดอู่เหลียงเย่ ขอเพียงกินอาหารก็ต้องมีมัน นี่ก็คือความปรารถนาของปากท้องสุดท้ายก็คือความต้องการอย่างยิ่งยวดของจิตวิญญาณ โบราณว่าไว้ เมื่ออิ่มท้องมักเกิดความปรารถนาคิดชั่ว เมื่อคนมีทรัพย์สินและอำนาจล้นฟ้าแล้ว การระบายความปรารถนาตามสัญชาตญาณก็คือความสุขีสโมสรอันยิ่งใหญ่ของเขาดังนั้นโรงแรมห้าดาวต้าเฉียนจึงให้พวกเขาได้ปลดปล่อยความปรารถนาสุดขั้วนี้ตามประสงค์ ทันทีที่สิ่งเหล่านี้อยู่ในกำมือของฉินอวิ๋นฟาน จะเท่ากับเขากุมจิตวิญญาณอันอ่อนไหวของพวกเขาด้วย“สวรรค์! ต้องขอบ
“ก็ไม่ถือว่าขาดทุน ข้าแค่อยากให้สวัสดิการกับประชาชนแคว้นพวกท่านนิดหน่อยเท่านั้น”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะแห้ง “ยามที่คนใหญ่คนโตพวกนี้ของพวกท่านได้กินเกลือละเอียด ก้อนเกลือขาวก็จะไม่มีคนต้องการ ดังนั้นพวกท่านกินเนื้อก็ต้องให้ชาวบ้านมีน้ำแกงดื่มกระมัง”“จุดประสงค์ที่ข้าทำเช่นนี้ชัดเจนมาก หวังว่าพวกท่านจะนำก้อนเกลือขาวที่ไม่ต้องการแล้วแลกเปลี่ยนกับก้อนเกลือสีเหลืองของพวกชาวบ้านในอัตราส่วนหนึ่งต่อเจ็ด เพิ่มคุณภาพชีวิตของพวกเขาสักหน่อย ให้พวกเขาอยู่ดีกินดีหน่อย”“แน่นอน ข้าแค้นคนที่ใช้อำนาจในมือบีบบังคับการซื้อขายข่มเหงรังแกประชาชนพวกนั้นมาก หวังว่าพวกท่านจะซื่อตรงกับเรื่องนี้”“ถ้าข้ารู้ว่าแม้แต่เรื่องแค่นี้ก็ยังมีคนทำได้ไม่ดี ยังข่มเหงรังแกประชาชน ทั้งยังฉกชิง เช่นนั้นก็ต้องขออภัย ข้าจะดำเนินการคว่ำบาตรอย่างเด็ดขาดและแข็งกร้าวกับคนผู้นั้น ตัดการส่งอู่เหลียงเย่และถอนโรงแรมห้าดาวต้าเฉียนตลอดกาล” “เคยได้ยินว่ารัชทายาทต้าเฉียนห่วงใยพสกนิกรใต้หล้านัก วันนี้ได้พบเป็นเช่นนั้นจริง แม้ไม่ใช่ประชาชนของต้าเฉียน ท่านก็ยังมีเมตตากรุณายิ่งใหญ่ เหวินอวี่เลื่อมใส!”เจียงเหวินอวี่กำหมัดทั้งสองและพูด“หน
เห็นฉินอวิ๋นฟานไม่อนาทรร้อนใจ ความตื่นตระหนกของทุกคนจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อย ทว่าประชาชนที่มาชุมนุมกันเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกที บางคนมาดูความสนุก บางคนถูกบรรยากาศพาไปแน่นอน ฉินอวิ๋นฟานรู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นตัวการที่แท้จริง การแก้ไขปัญหาเช่นนี้ง่ายมาก ขึ้นอยู่กับฝีมือของหลิวเป้ยแล้ว!เป็นไปตามคาด ยังไม่ถึงหนึ่งก้านธูปพวกหลิวเป้ยก็เร่งมาแบบด่วนจี๋ ครั้นเห็นว่ามีคนมาชุมนุมอยู่หน้าประตูเครือต้าเฉียนเหิงไท่นับพันก็สะดุ้ง“เจ้าเมืองจัวอยู่ที่นี่ ข้าจะดูสิว่าใครกล้ากำแหง!”หลิวเป้ยตวาดเสียงดังก่อนจะมาถึงตรงหน้าฝูงชน เห็นเพียงหลิวเป้ยองอาจน่าเกรงขาม เนื้อตัวบนล่างเปล่งรัศมีแห่งอำนาจ เขากวาดสายตามองทุกคนชั่วพริบตาและเอ่ยเสียงเข้ม “ใครคือผู้นำเรื่องในครั้งนี้?! จงบอกความต้องการของพวกเจ้ามา!”สิ้นเสียง ฝูงชนที่เอะอะโวยวายเงียบกริบทันควัน เห็นเพียงชายร่างใหญ่หน้าบาก แววตามีเงามืดซึ่งผู้เป็นหัวหน้า มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นพวกกร้านโลกเขายิ้มมุมปากเล็กน้อย พูดด้วยท่าทางท้าทาย “เจ้าเมืองหลิว ใช่ว่าเราหาเรื่อง แต่เป็นเจ้าขุนนางสุนัขที่ไม่เปิดทางรอดให้พวกเราต่างหาก!”“หือ?”หลิวเป้ยหรี่ดวงตาทั้งสองข
“ก็แค่ตัวตลกคนหนึ่งก็กล้ายุให้รำ ตำให้รั่ว? รนหาที่ตายแล้ว!”หลิวเป้ยตะคอกใส่ พวกจางเฟยดำเนินการฉับพลัน จับกุมตัวชายร่างใหญ่หน้าบากทันที ต่อหน้าพวกจางเฟย ฝูงอันธพาลไร้ซึ่งกำลังขัดขืน ถูกกดลงกับพื้นทั้งหมด!“พะ พะ พวกเจ้าทำอะไรน่ะ? พวกเจ้าเผด็จการ พวกเจ้ารังแกประชาชน พวกเจ้าทำแบบนี้จะทำให้ชาวบ้านโกรธแค้นนะ!”ชายสักลายลนลานแล้ว รีบพูดจาข่มขู่แต่หลิวเป้ยไม่หลงกลเขาหรอก นับจากสามเดือนก่อนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานตำหนิ หลิวเป้ยเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง วิธีการเด็ดขาดมากขึ้น ยามที่ควรมีเมตตาก็มีเมตตา ยามที่ควรแข็งจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด“ลงมือ!”หลิวเป้ยแววตาไร้คลื่น ท่าทีเด็ดขาดเจียงเหวินอวี่ หนานกงเซิ่งและคนอื่น ๆ ที่มองดูจากชั้นบนเห็นสภาพเช่นนี้แล้วก็พลันเบิกตาโพลง ตะลึงอย่างหนัก หลิวเป้ยผู้นี้ไม่กลัวว่าประชาชนจะโกรธแค้นหรือ?ในช่วงพิเศษนี้ ไม่ควรปลอบโยนก่อนแล้วค่อยจัดการ และคิดบัญชีหลังฤดูใบไม้ร่วงในท้ายที่สุดหรือ?“ผลัวะ...”ภายใต้เสียงคำสั่ง จางเฟยออกแรงเต็มกำลัง หวดไม้พลองลงบนบั้นท้ายของชายหน้าบากผู้นั้น เดิมจางเฟยก็กำยำอยู่แล้ว กอปรกับพลังวิถียุทธ์ระดับแปดสูงสุดของเขา หนึ่งไม้ลงไป คนธรรม
“ใครบอกว่าข้าไม่แก้ไขเรื่องเกลือหลวง?”หลิวเป้ยกวาดสายตามองทุกคนแล้วเอ่ยเสียงเข้ม “ก่อนที่พวกเจ้าจะสังเกตรู้ว่าสถานการณ์เกลือผิดปกติ พวกเราหรือจะไม่รู้? สำหรับแผนการแก้ไข พวกเราก็กำหนดเอาไว้นานแล้ว อีกทั้งวันนี้ไม่ว่าพวกเจ้าจะมาชุมนุมที่หน้าเครือต้าเฉียนเหิงไท่หรือไม่ วันนี้พวกเราก็จะแก้ไขเรื่องนี้ให้เรียบร้อยอยู่ดี!”“หา! พวกเรา พวกเราคงไม่ได้ถูกหลอกจริง ๆ หรอกนะ?”ท่ามกลางฝูงชน จู่ ๆ ก็มีคนหนึ่งบ่นขึ้นมา เมื่อนั้นชาวบ้านจึงคิดขึ้นมาได้“รีบลากก้อนเกลือขาวมาเร็วเข้า!”ไม่รอให้ชาวบ้านทันตอบสนอง หลิวเป้ยตวาดทีหนึ่ง คนกลุ่มหนึ่งลากก้อนเกลือสิบกว่าลำรถออกมาช้า ๆ ไม่นานก็วางอยู่ตรงหน้าของทุกคน!“ก้อน ก้อนเกลือขาว? ชาวบ้านตาสีตาสาอย่างเราจะมีปัญญากินได้ยังไง?”ครั้นทุกคนเห็นก็พากันทำหน้าเจื่อน ก้อนเกลือถูกลำเลียงมาแล้ว หากไม่เกี่ยวข้องอันใดกับพวกเขา เกลือบริโภคชั้นดีเหล่านี้มีแต่คนใหญ่คนโตเท่านั้นจึงจะคู่ควรใช้“ไม่มีปัญญากิน? เช่นนั้นพวกเจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าทำไมพวกเจ้าถึงไม่มีปัญญากิน? แต่คนอื่นกลับกินได้?”หลิวเป้ยเอ่ยเสียงหนัก“หึ! นี่ยังต้องถามอีกหรือ? พวกเขาคือขุนนาง พวกเราคือ
“ท่าน ท่านว่าอะไรนะ?! ทำให้พวกเรากินก้อนเกลือขาวได้? ข้าไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม?!”เมื่อชาวบ้านทุกคนได้ยินก็แสดงสีหน้าเหลือเชื่อออกมาในพริบตา ครั้นมองก้อนเกลือขาวหลายลำรถนั่น ทันใดนั้นพวกเขาตระหนักถึงบางอย่าง มิเช่นนั้นจู่ ๆ เจ้าเมืองจะพูดถึงจอหงวนแดงในเวลานี้ทำไม?“พวกเจ้ารู้สึกเหลือเชื่อมากใช่หรือไม่?”หลิวเป้ยหัวเราะเล็กน้อยแล้วพูด“สวรรค์ เจ้าเหมืองหลิว ท่านไม่ได้ล้อเล่นกับพวกเรานะ? ถึงเกลือหลวงสีขาวจะไม่ใช่ของดีเลิศอะไร แต่การจะทำให้บริสุทธิ์ได้มันจำกัดมาก ปริมาณการผลิตก็เช่นกัน ในสภาพการณ์ปกติ ไม่มีทางตกมาถึงชาวบ้านอย่างพวกเราได้หรอก”“นั่นสิ ก้อนเกลือสีขาวล้ำค่าสำหรับเราเกินไป ขนาดคิดยังไม่กล้าคิดเลย สามารถกินก้อนเกลือสีเหลืองได้ก็ดีมากแล้ว ไหนเลยจะกล้าหวังสูง”“ถ้าขายก้อนเกลือสีขายให้พวกเราถูก ๆ ได้เหมือนกับจอหงวนแดง จะต้องมีเกลือหลวงที่ดีกว่าออกมาจึงจะสามารถทำได้ มิเช่นนั้น ไม่มีทางที่เราจะหวังก้อนเกลือสีขาวได้”......เห็นท่าทางตื่นเต้นดีใจแต่ก็กังวลของชาวบ้าน หลิวเป้ยรู้สึกเหมือนพวกเขาเหมือนกัน ก่อนจะรู้จักฉินอวิ๋นฟาน เขาก็เป็นแค่คนต่ำต้อยคนหนึ่ง สามารถเลี้ยงปากเลี้ยงท้อ
หลิวเป้ยเห็นภาพนี้แล้วก็สะเทือนใจเหมือนกัน พวกเขาเป็นแค่คนยากคนจนที่ดำรงชีพอยู่ชั้นล่าง ไม่มีความรู้ความเข้าใจและวิสัยทัศน์กว้างไกล นโยบายและสวัสดิการที่เอื้อกับพวกเขานิดหน่อยก็ทำให้พวกเขาประทับใจจนน้ำตานองหน้าได้แล้วและฉินอวิ๋นฟานก็คือผู้บุกเบิก คือเขาที่พยายามเปลี่ยนแปลงปฏิรูปทุกอย่างสุดชีวิต หนทางนี้ยาวไกลและหนักหนายิ่งนัก!เจียงเหวินอวี่ หนานกงเซิ่งและคนอื่น ๆ ที่อยู่ชั้นสองตาโตอ้าปากค้าง ชาวบ้านหัวร้อนก่อจลาจลกลับถูกลูกน้องของฉินอวิ๋นฟานแค่คนเดียวกำราบได้อย่างรวดเร็วที่สำคัญไปกว่านั้นคือ เขาซื้อใจประชาชนแทนฉินอวิ๋นฟานในเวลาพอเหมาะพอเจาะที่สุด และถ่ายทอดเจตนารมณ์ของฉินอวิ๋นฟานที่ทำเพื่อประชาชนในเวลาเดียวกัน เรียกได้ว่ายิงนัดเดียวได้นกสองตัว!เห็นการทำงานรวดเร็วและหัวในการปกครองของหลิวเป้ย ฉินอวิ๋นฟานพึงพอใจมาก หากเทียบกับความห่วงหน้าพะวงหลังเมื่อสามเดือนก่อน หลิวเป้ยในวันนี้ถอดรกเปลี่ยนกระดูกโดยสิ้นเชิง!ยังไม่ต้องกล่าวถึงหลิวเป้ยในประวัติศาสตร์ว่าเป็นคนเช่นไร แต่ในโลกใบนี้ หลิวเป้ยแสดงความสามารถและการข่มขวัญออกมาแล้ว เป็นขุนนางผู้สร้างคุณูปการที่แข็งแกร่งทรงพลังได้อย่างไม่ม