“ท่าน ท่านว่าอะไรนะ?! ทำให้พวกเรากินก้อนเกลือขาวได้? ข้าไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม?!”เมื่อชาวบ้านทุกคนได้ยินก็แสดงสีหน้าเหลือเชื่อออกมาในพริบตา ครั้นมองก้อนเกลือขาวหลายลำรถนั่น ทันใดนั้นพวกเขาตระหนักถึงบางอย่าง มิเช่นนั้นจู่ ๆ เจ้าเมืองจะพูดถึงจอหงวนแดงในเวลานี้ทำไม?“พวกเจ้ารู้สึกเหลือเชื่อมากใช่หรือไม่?”หลิวเป้ยหัวเราะเล็กน้อยแล้วพูด“สวรรค์ เจ้าเหมืองหลิว ท่านไม่ได้ล้อเล่นกับพวกเรานะ? ถึงเกลือหลวงสีขาวจะไม่ใช่ของดีเลิศอะไร แต่การจะทำให้บริสุทธิ์ได้มันจำกัดมาก ปริมาณการผลิตก็เช่นกัน ในสภาพการณ์ปกติ ไม่มีทางตกมาถึงชาวบ้านอย่างพวกเราได้หรอก”“นั่นสิ ก้อนเกลือสีขาวล้ำค่าสำหรับเราเกินไป ขนาดคิดยังไม่กล้าคิดเลย สามารถกินก้อนเกลือสีเหลืองได้ก็ดีมากแล้ว ไหนเลยจะกล้าหวังสูง”“ถ้าขายก้อนเกลือสีขายให้พวกเราถูก ๆ ได้เหมือนกับจอหงวนแดง จะต้องมีเกลือหลวงที่ดีกว่าออกมาจึงจะสามารถทำได้ มิเช่นนั้น ไม่มีทางที่เราจะหวังก้อนเกลือสีขาวได้”......เห็นท่าทางตื่นเต้นดีใจแต่ก็กังวลของชาวบ้าน หลิวเป้ยรู้สึกเหมือนพวกเขาเหมือนกัน ก่อนจะรู้จักฉินอวิ๋นฟาน เขาก็เป็นแค่คนต่ำต้อยคนหนึ่ง สามารถเลี้ยงปากเลี้ยงท้อ
หลิวเป้ยเห็นภาพนี้แล้วก็สะเทือนใจเหมือนกัน พวกเขาเป็นแค่คนยากคนจนที่ดำรงชีพอยู่ชั้นล่าง ไม่มีความรู้ความเข้าใจและวิสัยทัศน์กว้างไกล นโยบายและสวัสดิการที่เอื้อกับพวกเขานิดหน่อยก็ทำให้พวกเขาประทับใจจนน้ำตานองหน้าได้แล้วและฉินอวิ๋นฟานก็คือผู้บุกเบิก คือเขาที่พยายามเปลี่ยนแปลงปฏิรูปทุกอย่างสุดชีวิต หนทางนี้ยาวไกลและหนักหนายิ่งนัก!เจียงเหวินอวี่ หนานกงเซิ่งและคนอื่น ๆ ที่อยู่ชั้นสองตาโตอ้าปากค้าง ชาวบ้านหัวร้อนก่อจลาจลกลับถูกลูกน้องของฉินอวิ๋นฟานแค่คนเดียวกำราบได้อย่างรวดเร็วที่สำคัญไปกว่านั้นคือ เขาซื้อใจประชาชนแทนฉินอวิ๋นฟานในเวลาพอเหมาะพอเจาะที่สุด และถ่ายทอดเจตนารมณ์ของฉินอวิ๋นฟานที่ทำเพื่อประชาชนในเวลาเดียวกัน เรียกได้ว่ายิงนัดเดียวได้นกสองตัว!เห็นการทำงานรวดเร็วและหัวในการปกครองของหลิวเป้ย ฉินอวิ๋นฟานพึงพอใจมาก หากเทียบกับความห่วงหน้าพะวงหลังเมื่อสามเดือนก่อน หลิวเป้ยในวันนี้ถอดรกเปลี่ยนกระดูกโดยสิ้นเชิง!ยังไม่ต้องกล่าวถึงหลิวเป้ยในประวัติศาสตร์ว่าเป็นคนเช่นไร แต่ในโลกใบนี้ หลิวเป้ยแสดงความสามารถและการข่มขวัญออกมาแล้ว เป็นขุนนางผู้สร้างคุณูปการที่แข็งแกร่งทรงพลังได้อย่างไม่ม
“ยอมรับ พวกเรายอมรับ...”เห็นหลิวเป้ยปลอบพวกชาวบ้านได้เร็วเช่นนี้ หนำซ้ำยังทำให้พวกเขาศิโรราบโดยสมบูรณ์ นอกจากนี้ เห็นชัดว่าหลิวเป้ยยังคิดจะฆ่าพวกเขาจริง ๆ นี่ทำให้พวกเขาตื่นตระหนกทุรนทุรายอย่างหนัก ชายร่างใหญ่ทุกคนต่างผงกศีรษะงก ๆ ดังโขลกกระเทียม ยังกล้าปิดบังอีกที่ไหน?“ตอนนี้ยอมรับแล้ว? มันสายไปแล้ว!”หลิวเป้ยแสยะยิ้ม ในดวงตาคือความดูแคลน“ฮะ? สายไปแล้ว? ไม่ ไม่ ไม่ เจ้าเมืองหลิว ขอร้องละ ให้โอกาสพวกเราอีกสักครั้งเถอะ พวกเราถูกคนหลอกใช้จริง ๆ ไม่อย่างนั้นด้วยความกล้าของเราจะจะกล้าปลุกระดมชาวบ้านให้มาบุกล้อมเครือต้าเฉียนเหิงไท่ได้ยังไง? จะมาบุกล้อมรัชทายาทได้ยังไง?!”ครั้นชายสักลายได้ยินหัวใจพลันหล่นตุบ เขารีบขอร้องพลางอธิบายเห็นเพียงหลิวเป้ยเฉยชา พูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “เจ้าจะพูดว่า หลายวันก่อนจู่ ๆ ก็มีคนมาหาและมอบเงินก้อนโตให้เจ้า ให้เจ้าเป็นตัวตั้งตัวตีปลุกระดมชาวบ้านให้ก่อจลาจล?”“ทะ ทะ ท่านรู้ได้ยังไง?”ไม่รอให้พวกเขาเอ่ยปาก หลิวเป้ยมอบคำตอบให้พวกเขาก่อน อีกฝ่ายตกใจจนหน้าถอดสี เรื่องลับเช่นนี้ หลิวเป้ยรู้ได้อย่างไร?“ฮึ! เรื่องพรรค์นี้เดายากหรือ?”หลิวเป้ยแค่นฮึเ
“เอาละ พวกเจ้ารีบกลับไปเอาก้อนเกลือสีเหลืองที่บ้านแล้วไปแลกที่ร้านเกลือหลวงหรือเครือต้าเฉียนเหิงไท่เถอะ มีให้มากพอทุกวัน!”หลังจากแก้วิกฤตได้แล้ว หลิวเป้ยก็โบกมือและตรงไปยังชั้นสองของเครือต้าเฉียนเหิงไท่ ก่อนจะคุกเข่าเรียงรายต่อหน้าฉินอวิ๋นฟานหลิวเป้ยพูดอย่างจริงจังที่สุด “เรียนรัชทายาท ระงับเหตุจลาจลได้แล้วขอรับ ร้านเกลือหลวงในเมืองจัวก็ถูกพวกเรารับช่วงมาแล้วเช่นกัน การแลกเปลี่ยนเริ่มดำเนินไปอย่างขยันขันแข็งขอรับ”“อื่ม ดี ดีมาก!”ฉินอวิ๋นฟานยกมุมปากเล็กน้อย “ลุกขึ้นมาเถอะ การทำงานของพวกเจ้าในวันนี้ ข้าพอใจมาก!”“ขอบคุณรัชทายาท!”เมื่อนั้นหลิวเป้ยและคนอื่น ๆ จึงลุกขึ้นยืนอย่างนอบน้อม“รัชทายาท เกลือละเอียดเตรียมพร้อมแล้วขอรับ แลกเปลี่ยนได้ทุกเมื่อ!”เฉินผิงเอ่ยปาก“อื่ม ดีมาก!”ฉินอวิ๋นฟานพยักหน้าพูด “หัวหน้าสมาคมทุกท่าน ที่ควรพูดข้าก็ได้พูดไปหมดแล้ว คาดว่าพวกท่านน่าจะเข้าใจดีแล้วกระมัง?”“ถ้าไม่มีปัญหาก็ไปแลกเถอะ แต่ละวันทุกสมาคมการค้าจะจำกัดปริมาณอยู่ที่สองหมื่นชั่ง และอย่าลืมว่าต้องเอาก้อนเกลือเหลืองมาชดเชยให้ครบในหนึ่งอาทิตย์ อัตราส่วนคือหนึ่งต่อเจ็ด ห้ามใช้อำนาจบังคับ
“เฮ้ย! ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็เกิดเรื่องใหญ่แล้ว! รีบไปหารือกับผู้นำตระกูลซือหม่าที่สมาคมการค้าต้าเยียนเร็วเข้า!”เดิมเป็นแผนเล่นงานฉินอวิ๋นฟาน ไม่นึกว่านอกจากฉินอวิ๋นฟานจะไม่เป็นอะไรสักนิดแล้ว ยังจะทำให้การค้าของฉินอวิ๋นฟานดังพลุแตกอีก?คราวนี้ทุกคนนั่งไม่ติดแล้ว!ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม หัวหน้าสมาคมการค้าทั้งยี่สิบกว่าสมาคมต่างมาชุมนุมอยู่ที่สมาคมการค้าต้าเยียนครบ ทุกคนเต้นเป็นเจ้าเข้าแล้ว บางคนเสียใจอย่างสุดซึ้ง ทำไมตอนนั้นถึงต้องยืนอยู่ฝั่งต้าเยียนร่วมเล่นงานฉินอวิ๋นฟานด้วย?“ท่านผู้นำตระกูลซือหม่า ท่านคือผู้อาวุโสระดับสูงของวงการค้า ตอนนี้จู่ ๆ ก็เกิดเหตุเช่นนี้ ท่านรีบหาทางให้พวกเราเถอะ!”“นั่นสิ ท่านผู้นำตระกูลซือหม่า พวกเราทำตามที่พวกท่านต้องการ ตอนนี้กลับดี กลายเป็นว่าถูกฉินอวิ๋นฟานคว่ำบาตรแล้ว แถมทางสมาคมการค้าเหมิงกู่ก็ยุติความร่วมมือทั้งหมดกับเราด้วย ทันทีที่ข่าวนี้ส่งไปถึงแคว้น ฝ่าบาทต้องถลกหนังของข้าแน่!”“อย่าว่าแต่ท่านแล้ว สมาคมการค้าเราก็ถูกคว่ำบาตรเหมือนกัน ไม่มีม้าศึก วัว แกะของเหมิงกู่รวมถึงผ้าไหมของแคว้นเหมียว มันจะเป็นผลเสียกับเรามาก ท่านผู้นำตระกูล ท่านต้องช่วยพวกเ
“ท่านผู้นำตระกูลซือหม่า ที่ท่านกล่าวมามีเหตุผลนัก เช่นนั้นท่านจะนำเกลือละเอียดมาให้ข้าสักหน่อยได้หรือไม่?”ตอนนี้เอง ผู้รับผิดชอบสมาคมการค้าหนานเจียงเอ่ยปากขึ้น“หนานไป่เวย ท่านจงใจหาเรื่องใช่หรือไม่? ท่านคิดว่าในสถานการณ์เช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานจะให้เกลือละเอียดข้าหรือ? จะเป็นไปได้ยังไง!”ซือหม่าเจาที่อึดอัดใจอยู่แล้ว ครั้นถูกหนานไป่เวยจงใจหาเรื่องจึงเหวี่ยงกลับอย่างไม่สบอารมณ์“เหอะ มันเป็นไปไม่ได้ เวลานี้ขนาดเราก็ยังไม่มีทางได้เกลือละเอียดมาเลย พวกเรางี่เง่านัก ทำไมต้องเป็นปรปักษ์กับฉินอวิ๋นฟานด้วย? ตอนนี้ดีเลย ปิดทางตัวเองสนิทแล้ว!”ผู้รับผิดชอบราชวงศ์ต้าเหลียงเหลียงชิงก็มีสีหน้าจนปัญญาเหมือนกัน ตอนนี้เขาเสียใจนัก ทำไมต้องกอดต้นขาต้าเยียนด้วย? ตอนนี้ดีแล้ว ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือ!เห็นทุกคนตาละห้อยกับเกลือละเอียดของฉินอวิ๋นฟานเช่นนี้ แถมสมาคมการค้าต้าเซี่ยและสมาคมอื่น ๆ ยังตัดความร่วมมือกับพวกเขาทั้งหมดอีก มันช่างเหลือเชื่อจริง ๆ นี่ทำให้ซือหม่าหนานที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งหลักขมวดคิ้วมุ่น เขาพูดแบบคิ้วมัดเป็นปม “เกลือละเอียดมันดีขนาดนั้นเชียวหรือ? ถึงทำให้พวกท่านดิ้นพล
“เอ่อ... แบบนี้ไม่ดีกระมัง?”ซือหม่าหนานเห็นสภาพการณ์แล้วสีหน้าดำเป็นตับหมูเดี๋ยวนั้น พันธมิตรทางธุรกิจของพวกเขาจะย่อยยับทั้งอย่างนี้หรือ? นี่จะเร็วเกินไปแล้วกระมัง?“ขออภัยแล้ว ท่านผู้นำตระกูลซือหม่า!”“ขออภัย ผู้อาวุโสซือหม่า ขอลา!”“หวังว่าเราจะมีโอกาสได้ร่วมมือกันอีกนะ!”......หัวหน้าสมาคมการค้าทั้งหลายมีใครบ้างที่ไม่ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์เป็นอันดับแรก? ทีแรกนึกว่าเข้าร่วมกับต้าเยียนคือการเลือกแบบมีกึ๋นสุด ๆ แล้ว ไม่นึกว่าจะเป็นหลุมเบ้อเร่อ พวกเขาจึงเลือกถอนตัวทันที“หา นี่ นี่...”เห็นหัวหน้าสมาคมแต่ละคนราวกับเท้าทาน้ำมัน พริบตาเดียวเผ่นแนบไปหมด ทำเอาซือหม่าเจาสองพ่อลูกมองตาปริบ ๆ หน้าเอ๋ออยู่ตรงนั้น“เฮ้อ! สุดท้ายก็คือพวกพ่อค้า เชื่อถือไม่ได้จริง ๆ!”ซือหม่าหนานส่ายหน้าพูดอย่างจนใจ“เอ่อ ท่านพ่อ เช่นนั้นตอนนี้เราจะทำยังไงกันดี? ถ้าพวกบ้าพวกนี้เข้าร่วมกับฝ่ายฉินอวิ๋นฟาน สมาคมการค้าต้าเยียนเรามิต้องจบเห่หรือ?”ซือหม่าเจาพูดหน้าละเหี่ยใจ“เฮ้อ! เราไม่ใช่ยอดฝีมือเล่นเกมการเมือง ไปหาหลัวเทียนเป้าคิดแผนรับมือเถอะ!”ซือหม่าหนานถอนหายใจหนัก ๆ ทีหนึ่ง ออกจากสมาคมการค้าแล
เขาได้แต่ฝืนฉีกยิ้มออกมานิดหนึ่ง “เอ่อคือ แม่นาง เจ้าว่าเช่นนี้จะได้หรือไม่ เจ้าก็บอกว่าเรามาด้วยความจริงใจอย่างยิ่ง อีกทั้งพวกเรายังยินดีให้ราคาสูงเพื่อลงนามหนังสือสัญญาความร่วมมือกับเครือต้าเฉียนเหิงไท่ด้วย”“ขอเพียงรัชทายาทต้าเฉียนยินยอมมอบโอกาสให้พวกเรา เราจะไม่ทำให้เขาผิดหวัง นี่คือการได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย จริงนะ เจ้าช่วยเราอีกสักครั้งเถอะ พบครั้งเดียวก็พอ ครั้งเดียวก็พอ”“เอ่อ นี่...”เห็นพวกหนานไป่เวยขอร้องน่าสงสาร ท่าทีจริงใจยิ่งนัก ทำให้สาวน้อยลำบากใจมาก ใช่ว่านางไม่อยากไปแจ้ง แต่พอนึกถึงท่าทีของฉินอวิ๋นฟานเมื่อครู่แล้วก็ทำให้นางสั่นโดยที่ไม่หนาวทีแรกนางคิดว่าทำดีกับสมาคมการค้าเหล่านี้สักหน่อย พวกเขาจะจากไปอย่างรู้กาลเทศะ นี่ก็คือท่าทีบริการของเครือต้าเฉียนเหิงไท่เสมอมา ไม่นึกว่าคนพวกนี้จะไม่รู้จักดี ยังทำให้นางลำบากใจอีก นี่จะทำอย่างไรดี?“แม่นาง ถือว่าข้าขอร้องละ ได้ไหม? เจ้าช่วยคว้าโอกาสให้เราอีกสักครั้งก็พอ แค่รัชทายาทต้าเฉียนยอมพบหน้าเราสักครั้ง ครั้งเดียวนะ!”เหลียงชิงก็รีบตื๊อด้วยเหมือนกัน“เอ่อ ก็ได้ เช่นนั้นข้าน้อยจะไปลองดูอีกสักครั้งแล้วกันเจ้าค่ะ!”สาวน้อย
ในที่สุดเหมิงฉาก็รับไม่ไหว ร้องตะโกนคำที่แทบจะเป็นความอัปยศนั้นการแข่งขันทางบู๊นี้ก็ปิดฉากลงท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของทุกคน...เรื่องหักเหจากการคาดหมายของทุกคนเหลียงจ้านอิงและเหลียงเทียนจื้อต่างคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้จะล้วงปืนสั้นออกมาพลิกสถานการณ์ในการแข่งขันด้านบู๊นี้กระทั่งว่าเหลียงเทียนจื้อไม่มีโอกาสจะได้ออกโรงเลย...เช่นละครอย่างไรอย่างนั้น เนื่องจากเหมิงฉากลัวสุดขีดจึงยกมือยอมแพ้ดังนั้นเหลียงเทียนอี้จึงคว้าชัยชนะการแข่งขันรอบนี้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่เปลืองแรงภาพมหัศจรรย์เกิดให้แบบไม่มีการเปลี่ยนแปลงลุ้นระทึกและไม่มีเลือดร้อนพลุ่งพล่านที่ใครคาดหวัง!ถึงขั้นว่าลวงตามากแต่ผลลัพธ์เป็นของจริงแท้แน่นอน เหลียงเทียนอี้ชนะแล้ว......“ดูท่าครั้งนี้ฟานเอ๋อร์จะช่วยข้าได้มากอีกแล้ว”เหลียงเทียนอี้กลับมาถึงด้านในก็คืนปืนสั้นให้ฉินอวิ๋นฟานและพรูลมหนัก ๆ“เหอะ ๆ เสด็จน้าชมเกินไปแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของท่านทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ มิได้กล่าวอะไรอีกถ้าจะบอกว่าเขาทำอะไรเพื่อเหลียงเทียนอี้ นั่นก็แค่บอกเขาว่าความจริงการแข่งขันนี้สามาร
การกระทำของเหลียงเทียนอี้ทำให้ทุกคนในนั้นตกตะลึงแม้แต่เหลียงจ้านอิงที่อยู่บนปะรำก็ยังหยุดการดื่มน้ำชาไม่ได้ มองไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ“เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”เหลียงเทียนจื้อมองเหลียงเทียนอี้ที่ปราศจากเครื่องป้องกันใด ๆ ด้านข้าง ใบหน้าแปลกใจนี่คือการแข่งขันบู๊นะ คือสถานที่ตีรันฟันแทง ถ้าไม่ระวังอาจต้องคมศาสตราได้จริง ๆ ศีรษะย้ายที่อยู่ หากไม่ใช่เพราะมั่นใจกับฝีมือของตัวเองมาก กอปรกับวางแผนร่วมกับทางซยงหนูดีแล้วเขาคงต้องสวมชุดเกราะหนักมารับมือกับการแข่งขันด้านบู๊วันนี้เหมือนกันทว่าการกระทำเช่นนี้ของเหลียงเทียนอี้ต่างจากการรนหาที่ตายอย่างไร?ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลก เหลียงเทียนจื้อหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย...ทั้งที่เขาควรดีใจกับเวลานี้ ถ้าเหลียงเทียนอี้เกิดอุบัติเหตุในการแข่งขันรอบนี้ เช่นนั้นบัลลังก์ต้องเป็นของเขาแน่แล้วแต่ใจกับกระวนกระวาย อย่างไรก็ไม่เป็นสุข“หรือว่าเขาแอบวางแผนอะไร?”ทันใดนั้นเหมิงฉาเริ่มบุกโจมตีก่อนแล้วร่างสูงใหญ่นั้นหวดขวานใหญ่หนักร้อยชั่งพลางเข้าใกล้เหลียงเทียนอี้อย่างต่อเนื่องภายใต้แสงสุริยา คมมีดนั้นน่ากลัวเช่นนี้ ราวกับแค่ถากเถือเบา ๆ ก็เฉือนศีรษ
“ข้าเอง!”ทันใดนั้นเหลียงเทียนอี้ก็ก้าวออกมาช้า ๆโง่อย่างที่คิด...เหลียงเทียนจื้อยืนยิ้มเยาะอยู่ในใจข้างหลังเขารู้นิสัยของพี่ชายดี และรู้ว่าเหลียงเทียนอี้เป็นคนดื้อรั้นมากเมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็มักจะดาหน้าออกไปทันทีแม้เผชิญหน้ากับพันขุนศึกหมื่นอาชาก็ยังปราศจากความกลัวเกรง พลีตนจนตัวตาย...แต่พฤติกรรมวู่วามเช่นนี้ กลัวแต่ต้องจบอย่างอนาถในท้ายที่สุด“ฮ่า ๆ ๆ รัชทายาทกล้าหาญดังคาด!” เหมิงฉาหัวเราะเสียงดัง “ปกติยังนึกว่าท่านเป็นแต่สะบัดพู่กันขีดเขียน วันนี้ข้าอยากลองดูสิว่าฝีมือดาบกระบี่ของท่านจะล้ำลึกหรือไม่?”เพิ่งกล่าวจบ เหมิงฉาก็กวัดแกว่งขวานใหญ่พลางเดินประชิดไปทางเหลียงเทียนอี้ทีละก้าวรูปร่างใหญ่นั้น ร่างกายแข็งแรงนั้น แค่ยืนอยู่ก็สร้างแรงกดดันที่มองไม่เห็นแล้วทำให้หลาย ๆ คนเห็นแล้วอดเกิดใจกลัวอย่างหนึ่งขึ้นมาไม่ได้“อุ๊ย ท่านพี่จะเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังไง?”เหลียงจื่อฝูที่อยู่บนปะรำหน้าทุกข์ร้อน สองมือบีบผ้าเช็ดหน้าแน่น สีหน้าซีดไปเล็กน้อยนางจ้องเหลียงเทียนอี้กลางลานฝึกซ้อม“ท่านพี่ไม่มีความสามารถด้านนี้เท่าไร ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหมิงฉา!”ผู้เป็นน้องสาว
เหลียงเทียนอี้ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าราบเรียบ มองอารมณ์ไม่ออกแต่ในใจเขารู้ดี การต่อสู้ครั้งนี้ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการตั้งแต่เหมิงฉาเริ่มพูดแล้วนี่คือการหยามหน้า คือการหยามเหยียดอย่างชัดเจนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย“เป็นยังไง? องค์ชายสาม?”เหมิงฉาเมินเหลียงเทียนอี้ที่อยู่อีกทางหนึ่ง แล้วใช้สายตาท้าทายมองไปทางเหลียงเทียนจื้อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “ได้ยินว่าฝีมือการใช้ดาบกระบี่ขององค์ชายสามค่อนข้างร้ายกาจ วันนี้ข้าขอท้าทายสักหน่อยเถิด”“มิเป็นไร” เหลียงเทียนจื้อฉีกยิ้ม ใบหน้าเปื้อนไปด้วยความกระหยิ่มใจจากนั้นก็ชักกระบี่ล้ำค่าคู่กายออกมาจากตรงเอวช้า ๆการต่อสู้ครั้งนี้ คือของเขาเท่านั้น!และเป็นเขาได้เท่านั้น!เขาต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเขาเหลียงเทียนจื้อต่างหากที่เป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดคนนั้น คือคนที่สามารถเอาชนะซยงหนูได้อย่างแท้จริง!......“ดูท่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามแผนนะ”เหลียงจ้านอิงดื่มน้ำชาสบายใจเฉิบอยู่บนปะรำมองผลสะท้อนกลับอย่างอบอุ่นของเหล่าผู้ชม จิตใจยิ่งฮึกเหิมตื่นเต้นไม่พูดไม่ได้เลย ถ้อยคำนั้นของเหมิงฉาทำให้เกิดผลดีเยี่ยม สามารถชักจูงอารมณ์ของทุกคนได้ในพริบตาเขาเช
ตกลงไว้แต่แรกว่าเป็นการแข่งขันรูปแบบปิด และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร นอกจากราชวงศ์จะมิมีผู้ใดล่วงรู้ทว่าตอนนี้กลับแข่งขันในลานกว้างต่อหน้าธารกำนัล?หากท่านพี่แพ้มิต้องเป็นที่หัวเราะไปทั่วหรือ?“นี่ก็คือผลลัพธ์ที่ทางเหลียงชินอ๋องต้องการกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานนั่งลงด้านข้าง ยิ้มพูดอย่างเฉยชา “ในฐานะที่เป็นละครฉายซ้ำของวันนี้ พวกเขาแค่ต้องการให้ทุกคนได้เห็นความประดักประเดิดของเสด็จน้าเท่านั้น”แต่แพ้จากการต่อสู้เช่นนั้นผลลัพธ์ต้องเทข้างแน่โอรสสวรรค์ของต้าเหลียงที่กล่าวขานกลับแพ้ให้กับคนป่าเถื่อน ทั้งความสามารถยังมิสู้องค์ชายสามเหลียงเทียนจื้อขอเพียงมีการพูดประเภทนี้ต่อไป ไม่นานอัตราการสนับสนุนเหลียงเทียนจื้อก็จะพุ่งสูงลูกไม้พรรค์นี้ช่างโหดเหี้ยมนัก“น่ารังเกียจจริง ๆ...” คิ้วงามเหลียงจื่อฝูย่นยู่เล็กน้อย อดกระตุกมุมปากไม่ได้ “ไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้”“เมื่อวานท่านพี่ชนะการแข่งขันด้านบุ๋นกับซยงหนูในท้องพระโรง พวกเขาไม่เห็นจะพูดกันเลย เลวทรามจริง ๆ!”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะอย่างไม่ออกความเห็นเขากลับไม่ใส่ใจว่าเมื่อวานจะชนะหรือแพ้ วันนี้ต่างหากที่เป็นส่วนสำค
สำหรับเหลียงเทียนอี้ การแข่งขันในวันนี้ค่อนข้างน่าตกใจแต่ยังดีที่สุดท้ายเขาสามารถคลี่คลายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้พวกซยงหนูหน้าบึ้งตึง โจมตีจนพวกเขารับมือไม่ทันดูท่าปกติว่างเว้นจากการงานอ่านหนังสือให้มากจะมีประโยชน์...หลังประชุมเช้า เหลียงเทียนอี้ก็อดรนทนไม่ไหวบอกข่าวดีกับฉินอวิ๋นฟาน อยากแบ่งปันความสุขและความเปรมปรีดิ์ของตนแต่พอได้ยินฉินอวิ๋นฟานตอบกลับ เขาจึงตระหนักว่าเรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายธรรมดาอย่างที่เขาคิดอย่างนั้น“การแข่งขันทางบู๊ในวันพรุ่งนี้จึงจะเป็นส่วนสำคัญอย่างแท้จริง”คำพูดราบเรียบประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานทำให้ความยินดีปรีดาของเหลียงเทียนอี้ในแต่เดิมสูญสิ้น สีหน้าอึมครึมมากขึ้นเรื่อย ๆ“ข้าย่อมรู้ดี...แต่ปกติ คนที่จะชนะในการแข่งขันทางบู๊คงจะเป็นน้องสาม”เกี่ยวกับจุดนี้แทบไม่มีอะไรให้ลุ้นเพราะเหลียงเทียนจื้อร่ำเรียนกับเหลียงจ้านอิงแต่เล็ก อีกทั้งยังเคยเข้าสนามรบฟาดฟันกับศัตรู ด้านประสบการณ์การรบ จึงมีความคล่องมากกว่าเป็นธรรมดาเช่นนี้ หากคิดจะชิงคะแนนหนึ่งมาจากมือของเหลียงเทียนจื้อ คาดว่าต้องยากเป็นพิเศษเมื่อเห็นเหลียงเทียนอี้มีท่าทางปราศจากใจฮึดสู้ ฉินอวิ
“พันทุบหมื่นเจาะจึงได้แผ่นดิน ไฟโหมเผาไหม้เป็นอาจิณ ร่างแหลกกายเหลวมิหวั่น คงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ในโลกา”ฝุ่นหินหนึ่งบททำให้หลิ่วเหวินเซี่ยมั่นใจมากขึ้นไม่น้อยครั้งนี้เขาไม่ออมมืออีก ทั้งยังท่องออกมาจนจบ ไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้กับเหลียงเทียนอี้เช่นเดียวกัน เขาทำนอกเหนือแผนเดิม ไม่คิดสนใจความรู้สึกของเหลียงเทียนจื้ออีก“นี่ นี่มันกลอนอะไร?”เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ด้านหลังเหงื่อตก ในหัวถึงขั้นว่าไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับกลอนบทนี้แน่นอน ด้วยความทึ่มทื่อของเขาจะต่อกลอนได้อย่างไร ได้แต่เกาหลังศีรษะยิก ๆทว่าเหลียงเทียนอี้ยังใจเย็นเหมือนเดิม เพียงครู่เดียวก็ตอบ“หวงคะนึงความทุกข์เข็ญในการสอบ บัดนี้ไฟสงครามสงบผ่านพ้นสี่ปี”“บ้างเมืองไหวเอนดังกิ่งหลิว ใครเล่ามิใช่ผิวน้ำฝนซัดสาด”“หวงข่งทานปราชัยพรั่นพรึงถึงวันนี้ หลิงติงหยางอ้างว้างถอนหายใจ”“นับแต่โบราณใครบ้างมิดับสูญ เหลือใจรักชาติในพงศาวดาร”ครั้นกล่าวออกมาก็ได้รีบเสียงปรบมือดังสนั่นขุนนางบุ๋นบู๊ที่ชมละครฉากเด็ดในแต่เดิม ยามนี้ยอมสยบกับความสามารถทางวรรณกรรมของเหลียงเทียนอี้แล้วไม่ว่าจะเป็นกลอนในสมัยใด เหลียงเทียนอี้ก็เหมือน
ชั่วขณะ ท้องพระโรงเงียบกริบ สายตาของทุกคนรวมศูนย์อยู่กับตัวของเหลียงเทียนอี้แทบทั้งหมดในดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความยินดีหลังจากหลิ่วเหวินเซี่ยร่ายกลอนท่อนแรกออกมา เหลียงเทียนอี้กลับสามารถตอบสนองทันควันพร้อมต่อท่อนหลังความเร็วเช่นนี้เรียกว่าเร็วยิ่ง!“อวิ๋นเฉ่าสาทรฤดูมีเขียวแห่งวสันต์ของกวีราชวงศ์ซ่ง คือยอดบทกวีโดยแท้!”เหลียงเทียนอี้พยักหน้าอย่างสง่างาม ใบหน้าประดับรอยยิ้มมั่นใจงานนี้ทำให้เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ข้างล่างหน้าตึงฉับพลันเหลียงจ้านอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งหนักกว่า สายตาที่มองมาราวกับมีไฟพุ่งออกมาได้“บ้าเอ๊ย...ถูกชิงตัดหน้าไปก่อน!”เหลียงเทียนจื้อกัดฟันกรอด ในใจกรุ่นโกรธไม่หยุดทั้งที่เขาทำการบ้านมาล่วงหน้า ไม่ว่าหลิ่วเหวินเซี่ยจะท่องกลอนบทใดเขาก็เตรียมเอาไว้หมดแล้วแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับเร็วสู้เหลียงเทียนอี้ไม่ได้!และไม่รู้ว่าตัวเองโง่เขลาหรือเหลียงเทียนอี้เก่งจริงกันแน่!“รัชทายาททรงภูมิแท้ ข้าน้อยเลื่อมใส!”หลิ่วเหวินเซี่ยพยักหน้าด้วยสีหน้าคงเดิมทว่าในใจกลับไม่พอใจเล็กน้อยแล้วคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้ผู้นี้จะมีฝีมือ เขาจงใจเลือกบทกวี
การกระทำเช่นนี้คือการแสดงความยโสหยิ่งผยองของซยงหนูอย่างมิต้องสงสัย“เหมิงฉา คารวะรัชทายาท”“หลิ่วเหวินเซี่ย คารวะรัชทายาท”คนอื่น ๆ ก็ทักทายตามด้วยเหมือนกัน เมื่อนั้นเหลียงเทียนอี้จึงรู้ฐานะของพวกเขาดูแล้วหนึ่งคนในนั้นก็คือบุตรชายของเหมิงเก๋อเอ่อร์ หรือก็คือคนที่มาท้าทายเขาในครั้งนี้อย่างที่เหลียงจ้านอิงบอก การมาครั้งนี้ของเหมิงเก๋อเอ่อร์ก็เพื่อหยั่งเชิงเขาโดยอ้างเหตุผลเยี่ยมเยือนฮ่องเต้ต้าเหลียง ดังนั้นเรื่องที่เริ่มสนทนาในท้องพระโรงจึงเกี่ยวกับสุขภาพของฮ่องเต้ต้าเหลียงแทบจะทั้งหมดทว่าทุกคนในที่นั้นต่างรู้ดี จุดประสงค์ของผู้นิยมสุรามิได้อยู่ที่สุรานี่อย่างไร ครั้นเปลี่ยนเรื่อง เหมิงเก๋อเอ่อร์ก็กล่าวถึงการแข่งขันเลย“ได้ยินว่ารัชทายาทและองค์ชายสามเก่งทั้งบุ๋นแล้วบู๊มานาน คืออัจฉริยะของต้าเหลียง การมาเยือนต้าเหลียงครั้งนี้ นอกจากจะเยี่ยมฮ่องเต้ต้าเหลียงสหายเก่าท่านนี้ ก็อยากให้บุตรชายได้ประมือกับรัชทายาทและองค์ชายสักหน่อย”เหมิงเก๋อเอ่อร์สีหน้าขึงขัง ในที่สุดก็เข้าประเด็นชั่วขณะ ทุกคนในท้องพระโรงหัวใจจะหลุดออกมาอยู่แล้ว ต่างสังเกตสีหน้าเหลียงเทียนอี้อย่างแนบเนียนทว่าเ