“เอาละ พวกเจ้ารีบกลับไปเอาก้อนเกลือสีเหลืองที่บ้านแล้วไปแลกที่ร้านเกลือหลวงหรือเครือต้าเฉียนเหิงไท่เถอะ มีให้มากพอทุกวัน!”หลังจากแก้วิกฤตได้แล้ว หลิวเป้ยก็โบกมือและตรงไปยังชั้นสองของเครือต้าเฉียนเหิงไท่ ก่อนจะคุกเข่าเรียงรายต่อหน้าฉินอวิ๋นฟานหลิวเป้ยพูดอย่างจริงจังที่สุด “เรียนรัชทายาท ระงับเหตุจลาจลได้แล้วขอรับ ร้านเกลือหลวงในเมืองจัวก็ถูกพวกเรารับช่วงมาแล้วเช่นกัน การแลกเปลี่ยนเริ่มดำเนินไปอย่างขยันขันแข็งขอรับ”“อื่ม ดี ดีมาก!”ฉินอวิ๋นฟานยกมุมปากเล็กน้อย “ลุกขึ้นมาเถอะ การทำงานของพวกเจ้าในวันนี้ ข้าพอใจมาก!”“ขอบคุณรัชทายาท!”เมื่อนั้นหลิวเป้ยและคนอื่น ๆ จึงลุกขึ้นยืนอย่างนอบน้อม“รัชทายาท เกลือละเอียดเตรียมพร้อมแล้วขอรับ แลกเปลี่ยนได้ทุกเมื่อ!”เฉินผิงเอ่ยปาก“อื่ม ดีมาก!”ฉินอวิ๋นฟานพยักหน้าพูด “หัวหน้าสมาคมทุกท่าน ที่ควรพูดข้าก็ได้พูดไปหมดแล้ว คาดว่าพวกท่านน่าจะเข้าใจดีแล้วกระมัง?”“ถ้าไม่มีปัญหาก็ไปแลกเถอะ แต่ละวันทุกสมาคมการค้าจะจำกัดปริมาณอยู่ที่สองหมื่นชั่ง และอย่าลืมว่าต้องเอาก้อนเกลือเหลืองมาชดเชยให้ครบในหนึ่งอาทิตย์ อัตราส่วนคือหนึ่งต่อเจ็ด ห้ามใช้อำนาจบังคับ
“เฮ้ย! ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็เกิดเรื่องใหญ่แล้ว! รีบไปหารือกับผู้นำตระกูลซือหม่าที่สมาคมการค้าต้าเยียนเร็วเข้า!”เดิมเป็นแผนเล่นงานฉินอวิ๋นฟาน ไม่นึกว่านอกจากฉินอวิ๋นฟานจะไม่เป็นอะไรสักนิดแล้ว ยังจะทำให้การค้าของฉินอวิ๋นฟานดังพลุแตกอีก?คราวนี้ทุกคนนั่งไม่ติดแล้ว!ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม หัวหน้าสมาคมการค้าทั้งยี่สิบกว่าสมาคมต่างมาชุมนุมอยู่ที่สมาคมการค้าต้าเยียนครบ ทุกคนเต้นเป็นเจ้าเข้าแล้ว บางคนเสียใจอย่างสุดซึ้ง ทำไมตอนนั้นถึงต้องยืนอยู่ฝั่งต้าเยียนร่วมเล่นงานฉินอวิ๋นฟานด้วย?“ท่านผู้นำตระกูลซือหม่า ท่านคือผู้อาวุโสระดับสูงของวงการค้า ตอนนี้จู่ ๆ ก็เกิดเหตุเช่นนี้ ท่านรีบหาทางให้พวกเราเถอะ!”“นั่นสิ ท่านผู้นำตระกูลซือหม่า พวกเราทำตามที่พวกท่านต้องการ ตอนนี้กลับดี กลายเป็นว่าถูกฉินอวิ๋นฟานคว่ำบาตรแล้ว แถมทางสมาคมการค้าเหมิงกู่ก็ยุติความร่วมมือทั้งหมดกับเราด้วย ทันทีที่ข่าวนี้ส่งไปถึงแคว้น ฝ่าบาทต้องถลกหนังของข้าแน่!”“อย่าว่าแต่ท่านแล้ว สมาคมการค้าเราก็ถูกคว่ำบาตรเหมือนกัน ไม่มีม้าศึก วัว แกะของเหมิงกู่รวมถึงผ้าไหมของแคว้นเหมียว มันจะเป็นผลเสียกับเรามาก ท่านผู้นำตระกูล ท่านต้องช่วยพวกเ
“ท่านผู้นำตระกูลซือหม่า ที่ท่านกล่าวมามีเหตุผลนัก เช่นนั้นท่านจะนำเกลือละเอียดมาให้ข้าสักหน่อยได้หรือไม่?”ตอนนี้เอง ผู้รับผิดชอบสมาคมการค้าหนานเจียงเอ่ยปากขึ้น“หนานไป่เวย ท่านจงใจหาเรื่องใช่หรือไม่? ท่านคิดว่าในสถานการณ์เช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานจะให้เกลือละเอียดข้าหรือ? จะเป็นไปได้ยังไง!”ซือหม่าเจาที่อึดอัดใจอยู่แล้ว ครั้นถูกหนานไป่เวยจงใจหาเรื่องจึงเหวี่ยงกลับอย่างไม่สบอารมณ์“เหอะ มันเป็นไปไม่ได้ เวลานี้ขนาดเราก็ยังไม่มีทางได้เกลือละเอียดมาเลย พวกเรางี่เง่านัก ทำไมต้องเป็นปรปักษ์กับฉินอวิ๋นฟานด้วย? ตอนนี้ดีเลย ปิดทางตัวเองสนิทแล้ว!”ผู้รับผิดชอบราชวงศ์ต้าเหลียงเหลียงชิงก็มีสีหน้าจนปัญญาเหมือนกัน ตอนนี้เขาเสียใจนัก ทำไมต้องกอดต้นขาต้าเยียนด้วย? ตอนนี้ดีแล้ว ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือ!เห็นทุกคนตาละห้อยกับเกลือละเอียดของฉินอวิ๋นฟานเช่นนี้ แถมสมาคมการค้าต้าเซี่ยและสมาคมอื่น ๆ ยังตัดความร่วมมือกับพวกเขาทั้งหมดอีก มันช่างเหลือเชื่อจริง ๆ นี่ทำให้ซือหม่าหนานที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งหลักขมวดคิ้วมุ่น เขาพูดแบบคิ้วมัดเป็นปม “เกลือละเอียดมันดีขนาดนั้นเชียวหรือ? ถึงทำให้พวกท่านดิ้นพล
“เอ่อ... แบบนี้ไม่ดีกระมัง?”ซือหม่าหนานเห็นสภาพการณ์แล้วสีหน้าดำเป็นตับหมูเดี๋ยวนั้น พันธมิตรทางธุรกิจของพวกเขาจะย่อยยับทั้งอย่างนี้หรือ? นี่จะเร็วเกินไปแล้วกระมัง?“ขออภัยแล้ว ท่านผู้นำตระกูลซือหม่า!”“ขออภัย ผู้อาวุโสซือหม่า ขอลา!”“หวังว่าเราจะมีโอกาสได้ร่วมมือกันอีกนะ!”......หัวหน้าสมาคมการค้าทั้งหลายมีใครบ้างที่ไม่ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์เป็นอันดับแรก? ทีแรกนึกว่าเข้าร่วมกับต้าเยียนคือการเลือกแบบมีกึ๋นสุด ๆ แล้ว ไม่นึกว่าจะเป็นหลุมเบ้อเร่อ พวกเขาจึงเลือกถอนตัวทันที“หา นี่ นี่...”เห็นหัวหน้าสมาคมแต่ละคนราวกับเท้าทาน้ำมัน พริบตาเดียวเผ่นแนบไปหมด ทำเอาซือหม่าเจาสองพ่อลูกมองตาปริบ ๆ หน้าเอ๋ออยู่ตรงนั้น“เฮ้อ! สุดท้ายก็คือพวกพ่อค้า เชื่อถือไม่ได้จริง ๆ!”ซือหม่าหนานส่ายหน้าพูดอย่างจนใจ“เอ่อ ท่านพ่อ เช่นนั้นตอนนี้เราจะทำยังไงกันดี? ถ้าพวกบ้าพวกนี้เข้าร่วมกับฝ่ายฉินอวิ๋นฟาน สมาคมการค้าต้าเยียนเรามิต้องจบเห่หรือ?”ซือหม่าเจาพูดหน้าละเหี่ยใจ“เฮ้อ! เราไม่ใช่ยอดฝีมือเล่นเกมการเมือง ไปหาหลัวเทียนเป้าคิดแผนรับมือเถอะ!”ซือหม่าหนานถอนหายใจหนัก ๆ ทีหนึ่ง ออกจากสมาคมการค้าแล
“เจ้าเดรัจฉาน เจ้าเดรัจฉาน!!!”“อดีตฮ่องเต้ต้าเฉียนเราเพิ่งสวรรคตได้แค่เจ็ดวัน พรุ่งนี้ก็เป็นวันที่รัชทายาทจะขึ้นครองราชย์แล้ว คิดไม่ถึงว่าวันนี้เขาจะปีนขึ้นเตียงของหยางกุ้ยเฟย อดสู มันคือความอดสูอย่างยิ่ง!”“ราชวงศ์ต้าเฉียนเราก่อตั้งมาสามร้อยกว่าปี ยึดหลักขงจื๊อโดยตลอด พิธีรีตอง ครองตัว รู้ยางอาย คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องผิดศีลผิดธรรม ผิดต่อหลักการเป็นคนต่ำช้าเช่นนี้ เกียรติของราชวงศ์ต้าเฉียนต้องสิ้นเพราะรัชทายาทแล้ว...”“หากอดีตฮ่องเต้ยังอยู่ จะต้องละอายจนกริ้วแน่ ประหารพวกมั่วโลกีย์ต่อหน้าสาธารณชนเพื่อเป็นเยี่ยงอย่างแน่นอน!”......ในตำหนักจื่อหลัวของราชวงศ์ต้าเฉียน บรรดาชายหญิงเด็กชราต่างมุงล้อมหน้าตั่งนอนทรงกลมที่ยุ่งเหยิงดูไม่จืด โจมตีชายร่างเปลือยเปล่าตรงหน้าด้วยวาจาและตัวหนังสือ โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เคืองแค้นในความไม่เป็นธรรมเต็มประดา เสียงเซ็งแซ่แต่ละเสียงทำให้ฉินอวิ๋นฟานที่กำลังหลับสนิทค่อย ๆ ลืมตาทั้งคู่ขึ้นอย่างงัวเงียขมุกขมัว“เชี่ย แค่ความฝันทำไมเสียงดังขนาดนี้ล่ะ”ยามนี้ฉินอวิ๋นฟานปวดหัวจนแทบจะระเบิด มึนงงหนัก ๆ เขาส่ายหน้าแรง ๆ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยความหงุดหงิด “น่ารำค
ฉินอวิ๋นคัง “...”ฉินอวิ๋นฮุย “...”ทุกคน “...”ครั้นถ้อยคำนี้โพล่งออกมา สถานที่แห่งนั้นก็เงียบกริบ!นี่มันอะไรกัน?ไม่ใช่ว่ารัชทายาทใช้กำลังลบหลู่หยางกุ้ยเฟยแล้วทุกคนพากันตำหนิการกระทำอันต่ำทรามของรัชทายาทหรือ?เหตุไฉนคนที่ถูกกล่าวหาจึงกลายเป็นคนกล่าวหาเสียเล่า? ดำกลับกลายเป็นขาว?หยางกุ้ยเฟยที่เป็นผู้เคราะห์ร้ายกลายเป็นตัวการ ส่วนรัชทายาทกลายเป็นผู้เคราะห์ร้าย?แบบนี้ก็ได้ด้วยรึ?“ล่อลวงรัชทายาท?”ครั้นได้ยินวาจานี้ หยางกุ้ยเฟยก็ลนลานทันที นี่คือจะให้นางเป็นแพะรับบาปหรือ หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริง วันนี้นางต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย หรือว่าจะให้นางเป็นเครื่องสังเวยศึกชิงความเป็นใหญ่ขององค์ชาย?“ข้าไม่ได้ล่อลวงรัชทายาทนะ ข้าไม่ได้ทำจริง ๆ องค์ชายใหญ่ ท่านต้องคืนความเป็นธรรมให้ข้านะ รัชทายาทให้ร้ายข้า”องค์ชายใหญ่และองค์ชายรองคือผู้กำกับเรื่องนี้และเป็นที่พึ่งของหยางกุ้ยเฟยด้วย จู่ ๆ รัชทายาททึ่มทื่อดันโยนความผิดทั้งหมดมาที่นาง นางก็ไม่ต้องยอมรับอยู่แล้วเวลานี้หัวใจขององค์ชายใหญ่และองค์ชายรองก็รัดแน่นเหมือนกัน...“น้องเจ็ด นี่เจ้าจะไร้ยางอายเกินไปแล้วกระมัง?”องค์ชายใหญ
อะไรนะ...การที่หยางกุ้ยเฟยถูกสังหารทำให้คนทั้งหมดในที่นั้นร้องอุทานขึ้นมา ใบหน้าของทุกคนมีแต่ความครั่นคร้าม เขาคือรัชทายาท สังหารหัวหน้าหมอหลวงก็ช่างเถอะ แต่กระทั่งนางสนมที่อดีตฮ่องเต้โปรดปรานที่สุดก็กล้าฆ่าแกงตามอำเภอใจหรือ?“น้องเจ็ด เจ้า เจ้าจะเหิมเกริมไปแล้วนะ แม้แต่หยางกุ้ยเฟยก็ยังฆ่าหรือ?”องค์ชายใหญ่ก็ตกตะลึงกับการกระทำที่เด็ดขาดแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยของฉินอวิ๋นฟานเหมือนกันผิดหูคำเดียวก็ฆ่า แววตาหนักแน่นและท่าทางที่ไม่หวั่นกลัวต่อสิ่งใด กลับทำให้เขามีความรู้สึกเหมือนราชันมาถึง“น้องเจ็ด เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”เวลานี้องค์ชายรองหน้าตามืดมนจนจะจับตัวเป็นน้ำหยดติ๋งได้อยู่แล้ว เดิมนึกว่าพวกเขาจะจัดการรัชทายาทโง่ได้ตามปรารถนา คิดไม่ถึง ในช่วงเวลาสำคัญกลับกลายเป็นเขาเล่นเด่นอยู่คนเดียวท่าทางเด็ดขาดฉับไว ท่วงทำนองแลมองเบื้องล่างและแววตาดูแคลนใต้หล้านั้นกลับทำให้เขาชักจะหวั่น ท่วงทำนองนี้ เขาเคยเห็นจากเสด็จพ่อผู้เป็นอดีตฮ่องเต้เท่านั้น“ข้าเคยบอกแล้ว ผู้ที่ป้ายมลทินให้ข้า ตายไม่เว้น!”ต่อหน้าเหล่าขุนนางและองค์ชายทั้งหลาย ฉินอวิ๋นฟานใจเย็นเป็นธรรมชาติ ความเผด็จการเ
คำพูดเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ฝูงชนแตกตื่นทันที ทุกคนมองหน้ากัน เดาะลิ้นอยู่ในใจ เจ้านี่เป็นพวกหัวร้อนกระมัง?เวลานี้ที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่คือไท่ซั่งหวง แล้วยังริอ่านล่วงเกินต่อหน้าอีก? ในเมื่อเจ้าเลือกที่จะรนหาที่ตาย ทุกคนย่อมชมอย่างยินดีปรีดาไท่ซั่งหวงเงยหน้าขึ้นน้อย ๆ มองไปตามเสียง เห็นเพียงชายหนุ่มรูปงามกำลังสบตาเขาอยู่ แววตาใสสะอาดแน่วแน่ แผ่กลิ่นอายทระนงออกมาจากทั้งตัว ทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อย“เจ้าคือ?”พินิจอยู่ค่อนวัน ไท่ซั่งหวงกลับไม่รู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้คือใครออกห่างจากราชสำนักเกือบยี่สิบกว่าปี ฮ่องเต้จะพาองค์ชายที่ค่อนข้างสำคัญไปเยี่ยมเขาในช่วงเทศกาลเท่านั้น มีความทรงจำกับองค์ชายอยู่ไม่กี่องค์ ทว่าจากท่วงท่าและการแต่งตัวของชายหนุ่มตรงหน้า น่าจะเป็นองค์ชายอย่างไม่ต้องสงสัย“รัชทายาทแห่งต้าเฉียนฉินอวิ๋นฟานพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินอวิ๋นฟานตอบด้วยกิริยาเหมาะสม“อ้อ?”ไท่ซั่งหวงมองฉินอวิ๋นฟานแบบเหนือคาดเล็กน้อย จากนั้นจึงเอ่ยปากถาม “ดูท่าทาง เจ้าดูไม่โง่นี่?”“เสด็จปู่ หลายปีที่ผ่านมาน้องเจ็ดไม่ได้เบาปัญญาสักหน่อย เขาเสแสร้ง เขาหลอกทุกคนพ่ะย่ะค่ะ”องค์ชายรองเสริมอีกดอก พูดตี