“ลาภยศสรรเสริญได้จากความเสี่ยง บางทีนี่อาจทำให้ข้าเข้าใกล้บัลลังก์ได้มากที่สุด หากพลาด ต่อไปอาจไม่มีโอกาสดีเช่นนี้แล้ว”ฉินอวิ๋นคังพูดหนักแน่นเห็นฉินอวิ๋นคังมุ่งมั่นเช่นนี้ หวังจื้อไม่มีอะไรจะพูดอีก หากเขากังวลใจชัดเจน ในฐานะที่อยู่ฝั่งเดียวกัน รู้สถานการณ์ในปัจจุบันของต้าเฉียนดี ซับซ้อนและเต็มไปด้วยตัวแปร บางเรื่องสามารถทำได้ แต่บางเรื่องก็ทำไม่ได้แน่นอน ภายใต้สถานการณ์ที่จำเป็นก็มีวิธีการที่จำเป็นเช่นกัน ทว่าหมากนี้ของฉินอวิ๋นคัง เรียกได้ว่าอันตรายอย่างยิ่ง นอกจากจะกังวลใจ เขาได้แต่สนับสนุนการตัดสินใจของฉินอวิ๋นคังหลับไม่รู้เลย ท่ามกลางม่านรัตติกาล ชายชุดดำคนหนึ่งจับจ้องห้องพักของฉินอวิ๋นคัง กระทั่งจางหมาจื่อย่องออกไปแล้ว เขาจึงหายเข้าท่ามกลางค่ำคืนมืดมิดช้า ๆหลายวันนี้แม้ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ได้เข้าร่วมการก่อสร้างใด ๆ แต่เขากลับเปลี่ยนเป็นใส่ชุดคุณชาย ผู้ติดตามเปลี่ยนเป็นเซี่ยงเส้าเหยียนคนเดียว เดินเตร็ดเตร่ไปตามสมาคมการค้าต่าง ๆ และพื้นบ้านของเมืองอู่โจวหลายวันมานี้เขานับว่าได้เห็นสถานการณ์โดยรวมของเมืองอู่โจวและระบบบางระบบของต้าเยียนด้วยตาตัวเองแล้ว หากเปรียบเทียบกันก็ไม่ต่า
“เตรียมน้ำไว้แล้วหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปากถาม“หา เตรียม เตรียมแล้วเจ้าค่ะ...”เมื่อนั้นซิ่วเอ๋อร์จึงสะดุ้ง รีบยกน้ำเข้าไป มองดูฉินอวิ๋นฟานล้างหน้าล้างตาจนเสร็จ นางทั้งคนยังอยู่ในภาวะงงงันอยู่ในตอนที่ฉินอวิ๋นฟานเดินมาถึงข้างตัวซิ่วเอ๋อร์ จู่ ๆ ก็หยุดฝีเท้า ยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะถาม “ซิ่วเอ๋อร์ ข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”“หา อะไรเป็นอย่างไรเจ้าคะ?”ซิ่วเอ๋อร์สะดุ้ง ไม่รู้ว่าฉินอวิ๋นฟานหมายความว่าอะไรกันแน่ คราวนี้ฉินอวิ๋นฟานเก้อเขินแล้ว ใบหน้าแข็งทื่อ นาง...ไม่รู้?“เอ่อ ไม่มีอะไร!”ฉินอวิ๋นฟานนิ่งไปสองสามวินาทีก่อนจะดึงสติกลับมา นางเป็นแค่เด็กสาววัยสิบหก เฉกเช่นกระดาษขาว ไม่เคยมีประสบการณ์จะไปเข้าใจอะไรได้? เรื่องลามกจกเปรตเช่นนี้ นางก็ต้องไม่เข้าใจอยู่แล้ว!“จริงสิ ห้ามพูดเรื่องนี้กับคนอื่นนะ!”ฉินอวิ๋นฟานทิ้งคำพูดหนึ่งจึงออกไป ทิ้งซิ่วเอ๋อร์ที่ใบหน้าสับสนงงงันอยู่ตรงนั้น นางราวกับปลดภาระหนักหน่วง เมื่อนั้นจึงฉุกคิดขึ้นมาได้ พึมพำกับตัวเองอย่างประหลาดใจ “รัช รัชทายาทคงไม่ได้หมายถึง...อะไรของเขานั่นหรอกนะ?”มองทิศทางที่ฉินอวิ๋นฟานจากไป ดวงหน้าหมดจดของซิ่วเอ๋อร์แดงซ่านอีกหน......
“ไม่เป็นไร ให้พวกเขาอยู่ในบัญชีดำไปเลย ต่อไปจะไม่มีความร่วมมือใด ๆ กับพวกเขา และทุกสมาคมที่ร่วมกับเรา จะต้องตัดขาดความร่วมมือกับยี่สิบห้าสมาคมนี้ทั้งหมด มิเช่นนั้นก็ให้อยู่ในบัญชีดำด้วย”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงเข้มแต่ไหนมาพ่อค้ามักต้องการผลประโยชน์ การที่พวกเขาเลือกตั้งพรรคตั้งพวกในเวลานี้กะทันหัน ทำให้ฉินอวิ๋นฟานไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก แต่อย่างไรพวกเขาก็สร้างรากฐานให้ธุรกิจในเมืองอู่โจว“มีอยู่สมาคมหนึ่งที่ข้าน้อยไม่กล้าตัดสินใจ จึงได้แต่มาขอให้ท่านตัดสินใจ...”เซียวหยางพูดด้วยใบหน้าเหยเก“อ้อ? สมาคมไหนพิเศษเช่นนี้ ต้องให้ข้าตัดสินใจเองด้วย?”เซียวหยางสะกิดต่อมสนใจของฉินอวิ๋นฟานแล้ว นับจากก่อตั้งเครือต้าเฉียนเหิงไท่ เขาสอดมือเข้ายุ่งน้อยมาก พร้อมกันนั้นก็เพื่อฝึกความสามารถของคนในมือด้วยเซียวหยางตอบ “สมาคมการค้าต้าเหลียงขอรับ”“สมาคมการค้าต้าเหลียง?”ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วมุ่นทันที เมื่อนั้นจึงเข้าใจสาเหตุที่เซียวหยางประดักประเดิด ที่แท้ก็คือต้าเหลียง ทุกคนต่างรู้ดีว่าพระมารดาของเขาคือองค์หญิงราชวงศ์ต้าเหลียงและหลายปีที่ผ่านมา สมาคมการค้าต้าเหลียงเซียวหยางมีการค้ากับต้าเฉียนบ่อย
“เข้าใจแล้วขอรับ!”เซียวหยางและคนอื่น ๆ ตอบอย่างพร้อมเพรียง“รายงาน...”ทันใดนั้น องครักษ์คนหนึ่งวิ่งเข้าห้องโถงใหญ่ด้วยความอนาทรร้อนใจ หลิวเป้ยรีบถาม “รีบรายงานมาเร็ว!”“เรียนรัชทายาท เมื่อครู่เพิ่งได้ข่าวมา เรื่องจากเมืองจัวขาดแคลนเกลือเป็นวงกว้าง ชาวบ้านกำลังอาละวาด ถึงขั้นที่จะควบคุมไม่ได้แล้วขอรับ!”องครักษ์ผู้นั้นรีบรายงาน “อีกอย่าง ตอนนี้ชาวบ้านเมืองอู่โจวก็เริ่มก่อตัวแล้วด้วยเหมือนกันขอรับ!”“อะไรนะ?! เกิดจลาจลเร็วขนาดนี้เลยหรือ?!”หลิวเป้ยตกใจ ช่วงนี้เนื่องจากขาดแคลนเกลือจึงทำให้ราคาพุ่งสูง ชาวบ้านมากมายไม่มีกำลังซื้อ ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ไม่พอใจมากแล้ว ไม่นึกว่าจะเสียการควบคุมเร็วเช่นนี้?“ขอรับ! ชาวบ้านไม่น้อยมารวมตัวกันที่หน่วยเกลือหลวงแล้ว จะเอาคำอธิบายให้ได้ มิเช่นนั้นเกรงว่าสถานการณ์จะควบคุมไม่อยู่ขอรับ!”องครักษ์ผู้นั้นรีบกล่าว“คราวนี้ยุ่งแล้ว...”ยามนี้หลิวเป้ยปวดหัวหนัก เรื่องนี้ฉินอวิ๋นฟานเคยบอกให้เขาวางใจได้เลย ตั้งปมกับเขา ไม่นึกว่าสุดท้ายเรื่องนี้ก็ยังจะเสียการควบคุม กลับดำเนินมาถึงขั้นที่จัดการให้เรียบร้อยไม่ได้“ท่านเจ้าเมืองโปรดวางใจ ทุกอย่างอยู่ในแผ
“ขอรับ!”ทุกคนขานรับเป็นเสียงเดียว“เฉินผิง หลิวเป้ยพวกเจ้าสองคนรีบนำคนไปเมืองจัว แก้ไขปัญหาเกลือขาดแคลนให้เร็วที่สุด อย่าให้เกิดความผิดพลาด”ฉินอวิ๋นฟานใบหน้าจริงจัง ออกคำสั่งทันที“รับทราบ!”ทั้งสองกำหมัดอย่างพร้อมเพรียง พาพวกจางเฟยตรงดิ่งไปยังเมืองจัวอย่างเร่งรีบฉินอวิ๋นฟานมองไปทางเซียวหยางและพูดขึ้น “เซียวหยาง เจ้าพาคนไปสมาคมการค้าที่ยินดีร่วมมือกับต้าเฉียนเราด้วยตัวเอง บอกว่าตอนกลางวันข้าจะรับรองพวกเขาด้วยตัวเอง ให้พวกเขามาร่วมให้ได้”“รับทราบ!”เซียวหยางไม่กล้ารีรอแม้แต่น้อย เริ่มปฏิบัติทันที!เรื่องเกลือขาดแคลนก่อตัวเร็วมาก ไม่นานก็แผ่ขยายไปทั่วเมืองจัวอย่างรวดเร็ว ยึดเมืองจัวเป็นศูนย์กลาง ชาวบ้านเดินอยู่บนท้องถนนขวางอยู่หน้าร้านค้าเกลือหลวงตามเมืองใหญ่ต่าง ๆแค่ครึ่งวัน เรื่องเกลือขาดแคลนก็ไต่ระดับไปถึงขั้นที่ควบคุมไม่อยู่โดยสิ้นเชิง เฉินผิง หลิวเป้ยและคนอื่น ๆ ขี่ม้าเร็วลงแส้ ถึงเมืองจัวในหนึ่งชั่วยาม“หลีกไป! หลีกไป!”หลังจากเสียงเร่งรีบของทหารที่ดังมาเป็นระยะ ชาวบ้านทุกคนจึงสังเกตเห็นว่าพวกหลิวเป้ยมาถึงแล้ว หลังจากหลิวเป้ยจัดระเบียบปกครองสี่เดือน เมืองจัวเปลี่ยน
ทันทีที่เห็นคนใส่ชุดเจ้าหน้าที่เกลือหลวงหลายคน หลิวเป้ยประหลาดใจมาก หรือว่านี่ก็คือแผนที่เฉินผิงเตรียมไว้แต่แรกแล้ว? คนพวกนั้นน่าจะเป็นผู้ตรวจสอบเกลือหลวง“เจ้าเมืองหลิว ข้าเฉินผิงก็อยู่ในแวดวงเกลือหลวงมาหลายปีแล้ว จะมีผู้ติดตามภักดีประมาณหนึ่งมิใช่เรื่องปกติมากหรือ?”กุมอำนาจจริงอีกครั้ง ปณิธานของเฉินผิงถูกปลุกขึ้นมาโดยสิ้นเชิงแล้ว รัศมีทั้งคนเกิดความเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าคว่ำดิน ด้านการกำหนดและนโยบายของระบบเกลือหลวง เขาได้เตรียมแผนการสมบูรณ์แบบร่วมกับฉินอวิ๋นฟานนานแล้ว ก็รอแต่วันที่จะปะทุนี่แหละถ้าไม่ทำให้เหตุขาดแคลนเกลือหลวงปะทุขึ้นมาจริง ๆ พวกเขาก็ไม่มีเหตุผลเต็มร้อยและข้ออ้างแทรกแซงเรื่องนี้ ทันทีที่ขาดแคลนเกลือจนทำให้ควบคุมประชาชนไม่ได้ เช่นนั้นพวกเขาจะสามารถผลักดันเกลือละเอียดรูปแบบใหม่ของพวกเขาได้รอบด้านด้วยความเร็วปานสายฟ้า“ก็จริง!”หลิวเป้ยพยักหน้าเห็นด้วย ขุนนางใหญ่ระดับสามของต้าเฉียน มือที่สามในด้านเกลือหลวง การจะมีผู้ติดตามซึ่งจงรักภักดีจำนวนหนึ่งเป็นเรื่องปกติโดยแท้ เขาเอ่ยต่อ “วันนี้ข้าน้อยจะฟังคำสั่งของหัวหน้าเฉินทั้งหมด อารักขาท่าน!”“ดี!”เฉินผิงไม่เกรงใจ สาวเ
“นโยบายเกลือหลวงรูปแบบใหม่?”ครั้นทุกคนได้ยินต่างทำหน้าเด๋อด๋าเป็นแถว เกลือบริโภคมิใช่ของราคาแพงล้ำค่าอะไร แต่มันกลับเป็นสิ่งสำคัญของทุกแคว้น และเป็นของจำเป็นต่อการดำรงชีวิต และระบบเกลือบริโภคในปัจจุบันหยั่งรากฝังลึกมาช้านาน เป็นหนึ่งเดียวทั่วทั้งโลกการที่รองหัวหน้าหน่วยเกลือหลวงเฉินผิงล้มธงของหวังหลางและประกาศระบบเกลือหลวงแบบใหม่กะทันหัน ทำให้ทุกคนนิ่งเฉยไม่ได้แล้วในระหว่างที่มวลชนกำลังฮือฮา คนของเฉินผิงติดใบปิดสองแผ่นใหญ่บนกระดานประกาศแล้ว“อะไรนะ?! เกลือละเอียด? นี่มันคืออะไร? ทำไมถึงแพงอย่างนั้นเล่า? ชั่งละห้าสิบตำลึง? หรือว่ามันจะดีกว่าก้อนเกลือขาวอีก? ใครจะไปกินไหว!”“ก้อนเกลือสีเหลืองสิบชั่งเท่ากับเกลือละเอียดหนึ่งชั่งจริงหรือ? ก้อนเกลือสีเหลืองหนึ่งตำลึงสามชั่ง จากราคามันต่างกันราวฟ้ากับดิน แน่ใจนะว่าไม่ได้เข้าใจผิด?”“พวกเจ้าดูข้อที่สามสิ ก้อนเกลือขาวจะเอามาแลกไม่ได้ด้วย? นี่มันอะไรกัน? ระบบเกลือหลวงแบบใหม่จะพิสดารไปแล้วกระมัง?”......หลังจากติดประกาศแล้วก็ก่อให้เกิดคลื่นลม ยามบรรดาชาวบ้านพากันฉงนสงสัย ก้อนเกลือสีเหลืองจัดเป็นเกลือบริโภคแบบหยาบ คนร้อยละเก้าสิบของต้า
“ฮ่า ๆ ๆ ท่านยาย ก่อนที่ท่านจะถามคำถามนี้ รัชทายาทของเราได้คิดเผื่อเอาไว้ให้พวกท่านแล้ว!”เฉินผิงแหงนหน้าขึ้นหัวเราะกับท้องฟ้า “ตอนที่บูรณะเมืองประชาชนทุกคนในเมืองจัว ได้ลงทะเบียนในทะเบียนราษฎร์แล้ว ครอบครัวมีความเป็นอยู่อย่างไร รัชทายาททราบดีหมด”“เพื่อให้ประชาชนทุกคนได้กินเกลือชั้นดี รัชทายาทจึงกำหนดนโยบายช่วยเหลือ สำหรับครอบครัวที่ไม่มีเกลือจริง ๆ และมีความเป็นอยู่ลำบากจริง ๆ สามารถรับก้อนเกลือสีขาวได้ที่ร้านเกลือหลวงโดยไม่มีค่าใช้จ่ายในปริมาณตามจำนวนสมาชิกในบ้าน”“แน่นอน คนที่บ้านมีเกลือก็อย่าได้โลภ เพราะของสิ่งนี้มิได้มีราคา ที่รัชทายาททำเช่นนี้ก็เพื่อดูแลประชาชนทุกคน ทันทีที่เกิดเรื่องโลภโมโทสัน จะถูกลงโทษอย่างหนัก ได้ไม่คุ้มเสีย”“ระยะนี้คือฤดูกาลเก็บเกี่ยว รัชทายาทไม่เพียงแต่จัดสรรที่ดินให้ทุกคน ยังมอบเมล็ดพันธุ์ที่จะได้ผลผลิตสูงให้ ละเว้นภาษีรายหัว อีกไม่นานทุกคนจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีแล้ว”“ขอบคุณรัชทายาท ขอบคุณพระผู้ทรงโปรด”ยายแก่ท่านนั้นซาบซึ้งใจอย่างหนัก นางคุกเข่าลงตรงหน้าเฉินผิงทันที แหงนหน้ากู่ร้องกับท้องฟ้า ยายแก่ที่มีชีวิตอยู่ในโคลนตมทั้งชีวิต ไม่นึกว่าจะได้