เพราะเรื่องนี้ เดิมทีฉินอวิ๋นคังก็ไม่พอใจฉินอวิ๋นฮุยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และปักใจเชื่อว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับน้องรองแน่นอน พอเห็นฉินอวิ๋นฟานมั่นใจอย่างนี้ กระดาษแถบหลักฐานหนักแน่นดังขุนเขา ความจริงปรากฏสู่ผิวน้ำ เพลิงโทสะในใจของเขาจึงถูกจุดขึ้นอีกครั้งฉินอวิ๋นฟานเห็นภาพนี้ เขายกยิ้มเย็นชาตรงมุมปาก พูดในใจว่า ‘ดูสิว่าครั้งนี้พวกเจ้าสองคนยังจะได้ใจยังไงอีก เล่นงานข้ารึ? นี่ก็คือสิ่งที่ต้องจ่าย!’“พี่ใหญ่ ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจไป เรื่องนี้เห็นชัดว่ามีเงื่อนงำ นี่ นี่ต้องเป็นแผนร้ายของน้องเจ็ดแน่ มันแผนร้าย!”หัวหอกของพี่ใหญ่กับฉินอวิ๋นฟานต่างชี้มาที่ตน ยามนี้ฉินอวิ๋นฮุยถึงขนาดว่าอยากตายแล้ว นี่ทำให้เขาร้อยปากก็แก้ต่างไม่ได้ จึงร้อนรนอย่างหนัก“น้องรอง น้องเจ็ดแค่ให้เจ้าพูดเรื่องนี้ออกมาให้ชัดเจนเท่านั้น ไยเจ้าต้องตื่นตระหนกเช่นนี้ด้วย? ทำไมต้องกัดน้องเจ็ด?”ฉินอวิ๋นคังจ้องฉินอวิ๋นฮุยตามเขม็ง ฉินอวิ๋นฮุยยิ่งร้อนรน เขาก็ยิ่งเชื่อว่าฉินอวิ๋นฮุยนั่นแหละที่หักหลังเขา ช่วงเวลาสามเดือนนี้ แม้เขาจะตรวจสอบ กลับไม่ได้ข้อเท็จจริงใด ๆ“ตื่นตระหนก? ข้าหรือ? พี่ใหญ่ ท่านจะใช้หัวสมองหน่อยได้หรื
ฉินอวิ๋นฮุยโกรธจนหน้าดำคร่ำเครียด กล้ามเนื้อใบหน้ากระตุก เขาเอ่ยเสียงเย็น “คนผู้นั้นคือคนดูแลสวนจวนน้าเล็กข้าก็จริง แต่เขาไม่เคยพูดถึงเรื่องกระดาษแถบอะไรกับข้ามาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเนื้อหาในนั้น ข้าไม่รู้สักหน่อยว่าคืออะไร!”“สถานการณ์อย่างนี้ ท่านจะให้ข้าอธิบายกับพวกท่านยังไง? แม่เอ๊ยข้าจะเริ่มอธิบายกับพวกท่านจากตรงไหน?”ฉินอวิ๋นฮุยผู้อัดอั้นตันใจโมโหจนหน้ามืดตาลาย สองคนนี้เจ้าคำข้าคำ ทำให้เขาแบกรับบาปนี้ แถมยังไม่ให้เขาโต้แย้งอีก ความรู้สึกอึดอัดเช่นนั้นมันทรมานนัก“เสแสร้ง! เจ้าเสแสร้งต่อไปสิ!”องค์ชายใหญ่สีหน้าเย็นชา ไม่เชื่อน้ำมนต์ของฉินอวิ๋นฮุยอีก แม้เขาจะมีปัญญาน้อยนิดอย่างไร ก็ไม่ถึงขั้นที่คิดเชื่อมโยงอะไรไม่ได้เลยในสายตาของเขา ฉินอวิ๋นฮุยก็คือปากแข็ง!กลับไม่รู้ว่าทั้งหมดนี้คือแผนการชั่วร้ายของฉินอวิ๋นฟาน ความจริงฉินอวิ๋นฮุยไม่รู้จะเริ่มพูดจากจริงไหนจริง ๆ และอธิบายได้ไม่ชัดเจนด้วย เพราะเขาไม่รู้ว่าขณะนั้นมันเกิดอะไรขึ้น“พี่รอง มีอะไรท่านก็ว่ามาตรง ๆ เถอะ พี่ใหญ่หายโกรธนานแล้ว เขาแค่ต้องการความจริงเท่านั้น ไยท่านต้องกัดไม่ปล่อยด้วย?”ฉินอวิ๋นฟานเสริมมีดอีกหนึ่ง“ฉ
“เอ่อ...นี่...”หมู่องครักษ์งงหนักกว่าเดิม มองไปทางนายของตน ใบหน้าสับสนฉินอวิ๋นฟานตบบ่าอู่จ้านแล้วพูด “อาจ้าน ไม่เป็นไร พวกท่านออกไปเถอะ!”ยามนี้ ฉินอวิ๋นฟานชักจะเวทนาพี่รองแล้ว ตอนนี้คงมีแต่เขาที่เข้าใจความอัดอั้นตันใจของฉินอวิ๋นฮุย เพราะคนที่สร้างความทรมานนี้ให้จึงจะเข้าใจความทรมานนี้ของอีกฝ่าย“ก็ได้!”อู่จ้านพยักหน้า พาเซี่ยงเทียนเวิ่นและคนอื่น ๆ ออกจากห้องส่วนตัว องครักษ์สองสามคนขององค์ชายรองก็ออกไปแบบรู้จักมองสถานการณ์มากเหมือนกัน องค์ชายใหญ่ก็ส่งสายตาให้องครักษ์ด้วยในห้องกลับเป็นปกติ สีหน้าทั้งสามคนแตกต่างกันไป“พี่ใหญ่ ข้าว่าเรื่องนี้พอแค่นี้เถอะ ท่านก็อย่าทำให้พี่รองลำบากใจอีกเลย”ฉินอวิ๋นฟานรีบทำให้เรื่องนี้จบ “ถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ว่าพี่รองจะพูดหรือไม่ มันก็ไม่มีความหมาย ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปจะส่งผลกับความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราพี่น้องด้วย”“อีกอย่าง ศัตรูที่แท้จริงของเราคือต้าเยียน เป้าหมายของเราคือรับเมืองอู่โจวกลับมาอย่างราบรื่น ถ้าจะเลือดขึ้นหน้าเพราะเรื่องที่ผ่านไปนานนม มันไม่คุ้มกัน ช่างเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานบรรลุผลลัพธ์ที่ต้องการแล้ว ถ้าปะทะกันต่อไปจะไร้ซึ่งความหมาย ปร
“อาจ้าน ข้าจะเล่าให้ท่านฟังนะว่าเมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น เมื่อกี้น่ะ ข้าใช้ลูกไม้นิดหน่อย กุเรื่องที่พี่ใหญ่ถูกหลอกให้อึราดเมื่อสามเดือนก่อน...”ฉินอวิ๋นฟานเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องเมื่อครู่อย่างละเอียดและตั้งใจรอบหนึ่ง อู่จ้านและเซี่ยงเทียนเวิ่นฟังแล้วต้องร้องว่าเจ๋ง! สีหน้าพิลึก นี่ใครจะไปรับได้? องค์ชายรองมิต้องจุกอกตายหรือ?นึกถึงหน้าตาชั่วร้ายทะยานอยากขององค์ชายใหญ่และองค์ชายรองเมื่อตอนกลางวัน แกล้งพวกเขาสองคนให้หนักก็ถือว่าระบายแค้นแล้ว เช่นนี้จะสามารถป้องกันไม่ให้พวกเขาร่วมมือกันอีกเพียงแต่วิธีการเสี่ยงไปหน่อย หากใช้กับพวกเขาสองคน กลับไม่รู้สึกว่ามีอะไรไม่เหมาะสมตอนนี้เอง เย่ซื่อกวานเดินเข้ามาในห้องด้วยการนำของเสิ่นวั่นซาน เย่ซื่อกวานในเวลานี้แทบจะต่างจากเมื่อสามเดือนก่อนราวฟ้ากับดิน จิตวิญญาณทั้งคนเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง“คำนับรัชทายาท!”เย่ซื่อกวานจดจำบุญคุณที่ได้พบพานของฉินอวิ๋นฟานเสมอ มาถึงห้องคุกเข่าลงตรงหน้าฉินอวิ๋นฟานทันทีฉินอวิ๋นฟานรีบเข้าไปประคองเขาและพูดว่า “เย่ซื่อกวาน อยู่ข้างนอกไม่ต้องมากพิธี ข้าไม่สนใจพิธีการที่ว่าพวกนั้นหรอก เจ้าแค่ทำเรื่องที่ควรทำให้เรียบ
“เอ่อ... ข้าน้อยเข้าใจแล้ว ต่อไปจะระวังขอรับ ขอบคุณรัชทายาทที่เป็นห่วง”เมื่อนั้นเย่ซื่อกวานจึงเข้าใจความหมายของฉินอวิ๋นฟานสักที รู้สึกซาบซึ้งใจอย่างหาที่เปรียบมิได้อีกครั้ง หลายปีขนาดนี้ ไม่เคยมีใครสนใจว่าเขาจะเหนื่อยหรือไม่ ลำบากหรือไม่ แม้จะเป็นบิดาบังเกิดเกล้าก็พร่ำสอนสั่งเขาเหมือนกันว่าต้องพยายามหาเงินเลี้ยงครอบครัวสุดชีวิต ฉินอวิ๋นฟานเป็นคนเดียวที่บอกให้เขาไม่ต้องพยายามสุดชีวิต ใช้เวลาและจิตใจอยู่กับครอบครัวให้มากหน่อย ความสุขในครอบครัวชนิดนั้นคือสิ่งที่เขาปรารถนาแม้ยามหลับฝันฉินอวิ๋นฟานนอกจากจะให้โอกาสเขา ยิ่งให้รายรับซึ่งสูงเป็นหมื่นเท่า การได้พบฉินอวิ๋นฟานคือความโชคดีในชีวิตของเขาอย่างมิต้องสงสัย......“เชี่ย เจ้าไม่มีตารึ? หรือว่าอยากตายแล้ว?”ก็ขณะที่เสิ่นวั่นซานและคนอื่น ๆ กำลังรายงานการทำงานอย่างละเอียดกับฉินอวิ๋นฟาน จู่ ๆ นอกประตูก็มีเสียงเอ็ดอึงดังขึ้น ทำให้ฉินอวิ๋นฟานหงุดหงิดมาก ดึกอย่างนี้แล้ว ยังมีคนอาละวาดอยู่ข้างนอกอีก?อู่จ้านรีบวิ่งไปดูที่หน้าต่างและบอก “เสี่ยวฟาน ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เหมือนว่ามีคนสัญจรคนหนึ่งกำลังมีเรื่องขัดแย้งกับองค์ชายรอง องค์ชายรองก
“ฮ่า ๆ ๆ...”คนสนิท องครักษ์และผู้ติดตามข้างตัวฉินอวิ๋นฮุยต่างแหงนหน้าหัวเราะกับฟ้าชายวัยสามสิบต้น ๆ ด้านข้างคนหนึ่งพูดด้วยใบหน้าเสียดสี “เจ้ารู้หรือไม่ว่ารองเท้าคู่นี้ขององค์ชายรองเท่าไร? อ้าปากก็บอกว่าจะชดใช้ แต่ก็ได้ ข้าจะบอกให้ว่าเท่าไร ทั้งหมดเจ็ดสิบเก้าตำลึง ขอเพียงเจ้าจ่ายไหว องค์ชายรองของเราอาจจะพิจารณาปล่อยตัวเจ้า”“ฮะ? เจ็ดสิบเก้าตำลึง? รอง รองเท้าคู่นี้แพงอย่างนี้เชียว? ต่อให้ท่านฆ่าข้า ข้าก็ไม่มีปัญญาหาเงินขนาดนี้หรอก ในตัวข้ามีอยู่แค่สิบแปดตำลึงเอง นี่คือเงินทองทั้งหมดของข้าแล้ว”ใบหน้าแตกตื่น เผยอารมณ์สิ้นหวัง เดิมยังนึกว่าพอชดใช้รองเท้าขององค์ชายรองแล้ว แต่ให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง นี่คือรองเท้าราคาสูงเฉียดฟ้า ถึงเขาจะไม่กินไม่ใช้หนึ่งปีก็หาเงินเจ็ดสิบเก้าตำลึงไม่ได้“เหอะ อายุอานามขนาดนี้แล้วยังไม่มีเจ็ดสิบเก้าตำลึงอีก ยังกล้าพูดหน้าด้าน ๆ ว่าจะชดใช้รองเท้าคู่นี้ให้ข้า?”ฉินอวิ๋นฮุยหัวเราะเสียงเย็น “รองเท้าคู่ละเจ็ดสิบเก้าตำลึง แพงหรือ? เจ้าเคยหาสาเหตุของตัวเองหรือไม่ ที่ผ่านมาพยายามหาเงินหรือยัง? รายรับเพิ่มขึ้นไหม? แม้แต่รองเท้าข้าคู่เดียวก็ชดใช้ไม่ได้ ไม่รู้
“เอ่อ นี่...”หยางมี่เห็นฉินอวิ๋นฮุยยังไม่ยอมถอยสักนิด นี่ทำให้นางลำบากใจมาก ชีวิตคนสำคัญเท่าฟ้า ฉินอวิ๋นฮุยเป็นองค์ชายกลับเอาแต่ใจเช่นนี้? ไม่สนใจชีวิตของประชาชน ช่างน่ารังเกียจนัก!แต่ไม่ว่านางจะมีความโกรธเคืองและหงุดหงิดอย่างไรก็ได้แต่อดทนเอาไว้ อย่างไรเสีย ชายตรงหน้าก็คือองค์ชายซึ่งกุมอำนาจจริงของต้าเฉียน นางล่วงเกินไม่ได้เพื่อช่วยคน หยางมี่จึงได้แต่ยิ้มให้ “องค์ชายรอง ท่านว่า... ต้องทำยังไงท่านถึงจะอารมณ์ดี คิดวิธีให้ท่านดีหรือไม่?”“อ้อ? นี่เจ้าพูดเองนะ!”ฉินอวิ๋นฮุยยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เผยรอยยิ้มชั่วร้ายก่อนจะเอ่ยเสียงหนัก “เจ้าอยู่กับข้าหนึ่งคืน แล้วข้าจะปล่อยพวกเขาพ่อลูกไป เป็นยังไง?”“อะไรนะ? ท่านจะให้ข้าอยู่กับท่านหนึ่งคืน?!”หยางมี่ตกตะลึง แม้แต่ใบหน้าก็กลายเป็นสีเทียนในพริบตา ถ้าคนตรงหน้าไม่ใช่องค์ชายรอง นางจะสะบัดฝ่ามือไปแล้ว แต่นางรู้อิทธิพลของฉินอวิ๋นฮุยดี เขาไม่ใช่คนที่นางจะล่วงเกินได้ง่าย ๆต่อให้ฉินอวิ๋นฟานเคยบอก ใครหน้าไหนหยามเหยียดนางก็โต้ตอบได้ทันที ไม่ต้องไว้หน้า แต่นางก็ยังไม่กล้าลงมือกับฉินอวิ๋นฮุยอยู่ดี ถึงในใจจะไม่พอใจอย่างยิ่งยวด หากได้แต่กัดฟันทน
ก็ตอนที่หลี่เถี่ยตั้นกำลังอธิบาย ฉินอวิ๋นฟานตะคอกหยุด หลังจากฉินอวิ๋นฟานตรวจและสังเกตอาการแล้ว ปฏิกิริยาแรกของเขาก็คืออาหารติดคอจึงทำให้หายใจลำบาก ก็เหมือนกับที่หลี่เถี่ยตั้นบอก เป็นเช่นนั้นจริง ๆสำหรับความขัดแย้งและคำพูดไร้สาระอื่น สำหรับฉินอวิ๋นฟานก็คือเสียงรบกวน เขาไม่อยากฟัง จากชีพจรที่แผ่วลงเรื่อย ๆ ความตายคือเวลาชั่วครู่ จะรออีกต่อไปไม่ได้แล้วฉินอวิ๋นฟานรีบอุ้มเด็กขึ้นมา เขายืนอยู่ข้างหลังเด็ก ใช้วิธีการกดกระแทกที่ท้องช่วยเหลือเด็กอย่างเร่งด่วน ทุกคนเห็นสภาพนี้แล้วแตกตื่นฉับพลัน“ทะ ท่านคือใคร? ทะ ท่านทรมานลูกชายข้าอย่างนี้ ท่านจะทำอะไร?!”หลี่เถี่ยตั้นเห็นร่างกายอ่อนปวกเปียกของลูกชายถูกฉินอวิ๋นฟานทรมานอย่างนี้แล้วก็ยิ่งตื่นตระหนก เขารีบเดิมเข้ามาห้าม กลับถูกอู่จ้านขวางเอาไว้และเอ่ยปากเสียงทุ้ม “เขาคือฉินอวิ๋นฟานรัชทายาทต้าเฉียนเรา เขากำลังช่วยลูกเจ้าอยู่”ความจริงอู่จ้านก็ไม่มั่นใจ เขาเองก็เพิ่งเคยพบเคยเห็นวิธีการช่วยเหลือเช่นนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน แต่เขาเชื่อฉินอวิ๋นฟาน รู้ว่าฉินอวิ๋นฟานจะไม่ทำร้ายเด็กแน่นอน“ไม่ เป็นไปไม่ได้ มีวิธีช่วยคนแบบนี้ที่ไหน? รัชทายาทรักษาคนเ