“ฮ่า ๆ ๆ...”คนสนิท องครักษ์และผู้ติดตามข้างตัวฉินอวิ๋นฮุยต่างแหงนหน้าหัวเราะกับฟ้าชายวัยสามสิบต้น ๆ ด้านข้างคนหนึ่งพูดด้วยใบหน้าเสียดสี “เจ้ารู้หรือไม่ว่ารองเท้าคู่นี้ขององค์ชายรองเท่าไร? อ้าปากก็บอกว่าจะชดใช้ แต่ก็ได้ ข้าจะบอกให้ว่าเท่าไร ทั้งหมดเจ็ดสิบเก้าตำลึง ขอเพียงเจ้าจ่ายไหว องค์ชายรองของเราอาจจะพิจารณาปล่อยตัวเจ้า”“ฮะ? เจ็ดสิบเก้าตำลึง? รอง รองเท้าคู่นี้แพงอย่างนี้เชียว? ต่อให้ท่านฆ่าข้า ข้าก็ไม่มีปัญญาหาเงินขนาดนี้หรอก ในตัวข้ามีอยู่แค่สิบแปดตำลึงเอง นี่คือเงินทองทั้งหมดของข้าแล้ว”ใบหน้าแตกตื่น เผยอารมณ์สิ้นหวัง เดิมยังนึกว่าพอชดใช้รองเท้าขององค์ชายรองแล้ว แต่ให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง นี่คือรองเท้าราคาสูงเฉียดฟ้า ถึงเขาจะไม่กินไม่ใช้หนึ่งปีก็หาเงินเจ็ดสิบเก้าตำลึงไม่ได้“เหอะ อายุอานามขนาดนี้แล้วยังไม่มีเจ็ดสิบเก้าตำลึงอีก ยังกล้าพูดหน้าด้าน ๆ ว่าจะชดใช้รองเท้าคู่นี้ให้ข้า?”ฉินอวิ๋นฮุยหัวเราะเสียงเย็น “รองเท้าคู่ละเจ็ดสิบเก้าตำลึง แพงหรือ? เจ้าเคยหาสาเหตุของตัวเองหรือไม่ ที่ผ่านมาพยายามหาเงินหรือยัง? รายรับเพิ่มขึ้นไหม? แม้แต่รองเท้าข้าคู่เดียวก็ชดใช้ไม่ได้ ไม่รู้
“เอ่อ นี่...”หยางมี่เห็นฉินอวิ๋นฮุยยังไม่ยอมถอยสักนิด นี่ทำให้นางลำบากใจมาก ชีวิตคนสำคัญเท่าฟ้า ฉินอวิ๋นฮุยเป็นองค์ชายกลับเอาแต่ใจเช่นนี้? ไม่สนใจชีวิตของประชาชน ช่างน่ารังเกียจนัก!แต่ไม่ว่านางจะมีความโกรธเคืองและหงุดหงิดอย่างไรก็ได้แต่อดทนเอาไว้ อย่างไรเสีย ชายตรงหน้าก็คือองค์ชายซึ่งกุมอำนาจจริงของต้าเฉียน นางล่วงเกินไม่ได้เพื่อช่วยคน หยางมี่จึงได้แต่ยิ้มให้ “องค์ชายรอง ท่านว่า... ต้องทำยังไงท่านถึงจะอารมณ์ดี คิดวิธีให้ท่านดีหรือไม่?”“อ้อ? นี่เจ้าพูดเองนะ!”ฉินอวิ๋นฮุยยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เผยรอยยิ้มชั่วร้ายก่อนจะเอ่ยเสียงหนัก “เจ้าอยู่กับข้าหนึ่งคืน แล้วข้าจะปล่อยพวกเขาพ่อลูกไป เป็นยังไง?”“อะไรนะ? ท่านจะให้ข้าอยู่กับท่านหนึ่งคืน?!”หยางมี่ตกตะลึง แม้แต่ใบหน้าก็กลายเป็นสีเทียนในพริบตา ถ้าคนตรงหน้าไม่ใช่องค์ชายรอง นางจะสะบัดฝ่ามือไปแล้ว แต่นางรู้อิทธิพลของฉินอวิ๋นฮุยดี เขาไม่ใช่คนที่นางจะล่วงเกินได้ง่าย ๆต่อให้ฉินอวิ๋นฟานเคยบอก ใครหน้าไหนหยามเหยียดนางก็โต้ตอบได้ทันที ไม่ต้องไว้หน้า แต่นางก็ยังไม่กล้าลงมือกับฉินอวิ๋นฮุยอยู่ดี ถึงในใจจะไม่พอใจอย่างยิ่งยวด หากได้แต่กัดฟันทน
ก็ตอนที่หลี่เถี่ยตั้นกำลังอธิบาย ฉินอวิ๋นฟานตะคอกหยุด หลังจากฉินอวิ๋นฟานตรวจและสังเกตอาการแล้ว ปฏิกิริยาแรกของเขาก็คืออาหารติดคอจึงทำให้หายใจลำบาก ก็เหมือนกับที่หลี่เถี่ยตั้นบอก เป็นเช่นนั้นจริง ๆสำหรับความขัดแย้งและคำพูดไร้สาระอื่น สำหรับฉินอวิ๋นฟานก็คือเสียงรบกวน เขาไม่อยากฟัง จากชีพจรที่แผ่วลงเรื่อย ๆ ความตายคือเวลาชั่วครู่ จะรออีกต่อไปไม่ได้แล้วฉินอวิ๋นฟานรีบอุ้มเด็กขึ้นมา เขายืนอยู่ข้างหลังเด็ก ใช้วิธีการกดกระแทกที่ท้องช่วยเหลือเด็กอย่างเร่งด่วน ทุกคนเห็นสภาพนี้แล้วแตกตื่นฉับพลัน“ทะ ท่านคือใคร? ทะ ท่านทรมานลูกชายข้าอย่างนี้ ท่านจะทำอะไร?!”หลี่เถี่ยตั้นเห็นร่างกายอ่อนปวกเปียกของลูกชายถูกฉินอวิ๋นฟานทรมานอย่างนี้แล้วก็ยิ่งตื่นตระหนก เขารีบเดิมเข้ามาห้าม กลับถูกอู่จ้านขวางเอาไว้และเอ่ยปากเสียงทุ้ม “เขาคือฉินอวิ๋นฟานรัชทายาทต้าเฉียนเรา เขากำลังช่วยลูกเจ้าอยู่”ความจริงอู่จ้านก็ไม่มั่นใจ เขาเองก็เพิ่งเคยพบเคยเห็นวิธีการช่วยเหลือเช่นนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน แต่เขาเชื่อฉินอวิ๋นฟาน รู้ว่าฉินอวิ๋นฟานจะไม่ทำร้ายเด็กแน่นอน“ไม่ เป็นไปไม่ได้ มีวิธีช่วยคนแบบนี้ที่ไหน? รัชทายาทรักษาคนเ
คำพูดของฉินอวิ๋นฟานทำให้เย่ซื่อกวานราวกับตื่นรู้ เขาเกิดความเลื่อมใสต่อรัชทายาทหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง หัวใจกว้างขวางและวิสัยทัศน์ยาวไกลอย่างหาที่เปรียบมิได้นั้น ทำให้เขาสัมผัสถึงความหมายในชีวิตเป็นครั้งแรกความเคารพและความรู้สึกเท่าเทียมแบบนั้นคือสิ่งที่เขาไม่เคยได้รับมาก่อนนาทีนี้ เย่ซื่อกวานปฏิญาณในใจ ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะแลกกับทุกอย่างเพื่อติดตามรัชทายาทผู้เสมือนเทพคนนี้......“พี่รอง ได้ยินว่ารองเท้าของท่านคู่หนึ่งเจ็ดสิบเก้าตำลึง?”ฉินอวิ๋นฟานปัดฝุ่นบนตัวออกเบา ๆ สะกดเพลิงโทสะในใจอย่างหนัก เดินมาถึงตรงหน้าฉินอวิ๋นฮุยด้วยใบหน้าอึมครึมสองคนสี่สายตาประสาน พลังแกร่งกล้านั้น แววตาเฉียบคมและเต็มไปด้วยความเด็ดขาดนั้นของฉินอวิ๋นฟาน ทำให้ฉินอวิ๋นฮุยบังเกิดความกลัวเกรงอย่างบอกไม่ถูก“เหอะ นี่นับเป็นอะไร? แค่เสื้อผ้าข้าชุดนี้ก็มีราคาถึงพันตำลึงเงินแล้ว กะอีแค่รองเท้าคู่ละเจ็ดสิบเก้าตำลึงมันนับเป็นอะไรได้?”ฉินอวิ๋นฮุยพยายามนิ่ง ต่อหน้าฉินอวิ๋นฟานเขาจะด้อยกว่าไม่ได้เด็ดขาด ยิ่งไม่สามารถถอย เพิ่งถูกฉินอวิ๋นฟานเล่นงานมายกหนึ่ง ถ้าเขาเกิดความรู้สึกกลัวฉินอวิ๋นฟานขึ้นมาอีกในตอน
“ฉินอวิ๋นฟาน ข้าคือองค์ชายรองแห่งต้าเฉียน พี่รองของเจ้า เจ้ากล้าด่าข้า ลบหลู่ข้าต่อหน้าทุกคนเพื่อชาวบ้านต้อยต่ำคนหนึ่งหรือ?!”ฉินอวิ๋นฮุยหรี่ดวงตาทั้งคู่ “ข้าคือโอรสในสายพระโลหิตของเสด็จพ่อ เจ้ากลับกล้าพูดว่าชาวบ้านต่ำต้อยเป็นพ่อข้า?! วาจาลบหลู่เบื้องสูงเช่นนี้เจ้าก็กล้าพูด?! เจ้ารู้หรือไม่ว่าผลที่จะตามมาคืออะไร?!”นับจากออกเดินทางจนมาถึงเมืองปินโจว ฉินอวิ๋นฮุยอารมณ์ดียิ่ง กระทั่งกำลังวางแผนว่าจะแย่งผลงานอย่างไร เล่นงานฉินอวิ๋นฟานอย่างไร แต่ให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง เพิ่งถึงเมืองปินโจวก็ทำให้เขารู้สึกถึงความอัปยศอย่างใหญ่หลวงในชีวิต!ในฐานะที่เป็นองค์ชายรองผู้สูงศักดิ์ เขาไม่เห็นสิ่งใดอยู่ในสายตา เสพสุขกับการเคารพสรรเสริญจากผู้คน หากไม่ใช่เพราะชิงบัลลังก์ เขาหรือจะยอมมาสถานที่เช่นนี้กับฉินอวิ๋นฟาน?“ผลที่จะตามมา? ผลที่จะตามมาอะไร? แม่เอ๊ย ท่านก็คู่ควรพูดเรื่องผลที่จะตามมากับข้ารึ?!”ฉินอวิ๋นฟานเปิดโหมดรบทันที ไม่ไว้หน้าฉินอวิ๋นฮุยแม้แต่น้อย เขาพูดกระแนะกระแหน “เสด็จพ่อเคยตรัสหลายต่อหลายครั้ง ชาวบ้านคือเสื้อผ้าอาหารบุพการีของเรา ที่ท่านกินใช้อยู่ล้วนเป็นสิ่งที่ชาวบ้านมอบให้ ข้าบอ
“คิดจะทำอะไรท่าน มันเป็นเรื่องที่ลำบากจริง ๆ แต่เรื่องนี้จะต้องมีคำอธิบาย”ฉินอวิ๋นฟานท่าทีแข็งข้ออย่างยิ่ง ในตอนที่ฉินอวิ๋นฮุยเผยความน่าชังออกมาจนหมดเปลือก ฉินอวิ๋นฟานก็เกิดใจคิดฆ่าแล้วคนพรรค์นี้ก็คือเนื้อร้ายของบ้านเมือง ขอแค่เขาได้ขึ้นครองราชย์ ฉินอวิ๋นฮุยจะต้องตาย!“คำอธิบาย? เจ้าต้องการคำอธิบายอะไร?”ฉินอวิ๋นฮุยพูดหน้าขมึงทึงยามนี้เขาคืนสติสมบูรณ์แล้ว ในช่วงเวลาพิเศษนี้ การขัดแย้งกับเจ้าบ้าฉินอวิ๋นฟานอย่างรุนแรงไม่คุ้มค่าจริง ๆ ขอเพียงเรื่องราวยังไม่ถึงขั้นบานปลาย เช่นนั้นเขาทำได้เพียงอดกลั้นเอาไว้“นี่คือเจ็ดสิบเก้าตำลึง ข้าชดใช้ให้ท่านแทนเขา!”สิ้นเสียง ฉินอวิ๋นฟานก็โยนเงินเจ็บสิบเก้าตำลึงให้ฉินอวิ๋นฮุย ตามด้วยเปลี่ยนสีหน้า “ท่านซ้อมเขาจนเป็นแบบนี้แล้ว เรื่องนี้จะว่ายังไง?”“ข้าตีเขา นั่นเพราะเขาสมควร ใครใช้ให้เขาไม่รู้จักดูตาม้าตาเรือ? ชนข้าผู้เป็นองค์ชายก็คือความผิด ข้าซ้อมเขายกหนึ่งถือว่าเบาแล้ว”ฉินอวิ๋นฮุยเอ่ยเสียงเข้ม “ข้าไม่ได้เอาความกับเขาอีกก็คือเมตตากรุณาเป็นพิเศษ เจ้ายังคิดจะเอายังไง? ถ้าเจ้าอยากให้เขาขอโทษข้า นั่นคือไม่จำเป็น!”ฉินอวิ๋นฮุยสองมือไพล่หลัง ใ
เมื่อเห็นทุกคนมองตัวเองอย่างกับเห็นผี ฉินอวิ๋นฟานจึงนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองพูดผิดไป นี่คือโลกยุคโบราณ ส่วนตัวเองคือคนที่ทะลุมิติมา ใช้หลักจราจรในปัจจุบันวิเคราะห์เรื่องนี้ พวกเขาก็ต้องไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว“อะแฮ่ม ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานเกาศีรษะ กระแอมกระไอเบา ๆ ทีหนึ่ง “หลี่เถี่ยตั้นอุ้มลูกวิ่งแบบปกติบนท้องถนน ผิดหรือไม่?”“นี่มันก็ไม่มีอะไรผิด!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่เข้าใจว่าฉินอวิ๋นฟานจะมาไม้ไหนกันแน่ ตอบคำถามของฉินอวิ๋นฟานด้วยใบหน้าระแวง หากคำพูดต่อจากนี้ของฉินอวิ๋นฟานกลับทำให้เขาสมองตื้อ!“ในเมื่อหลี่เถี่ยตั้นไม่ผิด แล้วทำไมอยู่ ๆ ถึงชนกับท่านได้? เหตุผลง่ายมาก ก็เพราะท่านโผล่ออกมาบนถนนกะทันหัน ขวางทางของหลี่เถี่ยตั้น ดังนั้นจึงเกิดเหตุขัดแย้งในครั้งนี้”ฉินอวิ๋นฟานตั้งใจวิเคราะห์ “ถ้าไม่ใช่เพราะท่านโผล่ออกมากะทันหัน หลี่เถี่ยตั้นก็จะไม่ชนท่าน และจะไม่เกิดเรื่องในครั้งนี้ด้วย ดังนั้น... ท่านต่างหากที่เป็นตัวการของเรื่องนี้!”“เอ่อ... เจ้าพูดมั่วซั่วอะไร? เขาชนข้า ข้าคือองค์ชาย เขาคือชาวบ้าน เขาผิด เข้าใจหรือไม่? เหตุผลง่าย ๆ เช่นนี้ เจ้ายังต้องวิเคราะห์บ้าบออะไรอยู่ที่นี่อีกหรือ?”ฉินอวิ๋
“ชดเชยหลี่เถี่ยตั้นสามพันตำลึงเป็นค่ารักษาพยาบาลและเยียวยาจิตใจ จากนั้นก็ขอโทษกับหลี่เถี่ยตั้นอย่างจริงจัง!”ฉินอวิ๋นฟานพูดแบบไม่คิดจากเนื้อแท้ของเรื่องเป็นแค่ความขัดแย้งธรรมดาเล็กน้อยเรื่องหนึ่ง ไม่ร้ายแรงถึงขั้นต้องจัดการอย่างเข้มงวด และฉินอวิ๋นฮุยยังมีสถานะพิเศษ ถ้าเขาเอาความต่อไป น่ากลัวว่าต้องตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน“สามพันตำลึงยังไงก็ได้ ค่ารักษาพยาบาลข้าก็ยังพอเข้าใจ แต่ค่าเยียวยาจิตใจนี่มันอะไรกัน?”ฉินอวิ๋นฮุยถามด้วยใบหน้าสับสน“เอ่อ มันคือ มันคือ...”อยู่ ๆ ก็ถูกฉินอวิ๋นฮุยถามมาอย่างนี้ ฉินอวิ๋นฟานจึงคิดขึ้นได้ว่านี่คือความเคยชินทางความคิดในยามปกติของเขา ดังนั้นจึงหลุดปากพูดออกไป ลืมคิดไปว่าที่นี่ไม่มีค่าเยียวยาจิตใจฉินอวิ๋นฟานรีบอธิบาย “ก็คือ ก็คือ... ใช่ ท่านเกือบทำลูกชายของเขาตายแล้ว ไม่สมควรชดใช้หรือ? ถ้าไม่ใช่เพราะข้าช่วยเหลือทัน สามพันตำลึงยังไม่พอชดใช้เลย”“อ้อ ที่แท้ก็หมายความเช่นนี้!”แม้ฉินอวิ๋นฟานจะพยายามอธิบายออกไปแบบข้าง ๆ คู ๆ แต่ฉินอวิ๋นฮุยก็ยังกึ่งเชื่อกึ่งไม่เชื่อ จากท่าทางของฉินอวิ๋นฟาน รู้สึกว่าเขาไม่ได้พูดความจริง เพื่อเขี่ยดาวพิฆาตตัวนี้ไปให้เร็วที
ฉินอวิ๋นฮุยจ้องฉินอวิ๋นฟาน สายตามืดสว่างไม่แน่นอน เขาเลื่องชื่อเรื่องชำนาญการวางแผนกลอุบายในต้าเฉียน มีหรือจะไม่เข้าใจความหมายโดยนัยที่อีกฝ่ายพูดเฮ่อชินอ๋องฉินอ้าวอันตรายเพียงใด วิธีการน่ากลัวเพียงใด เขารู้ดีกว่าคนส่วนใหญ่ในที่นี้อีก นั่นคือราชสีห์เฒ่าที่ซ่อนเร้นมานานหลายสิบปีตัวหนึ่ง บัดนี้ตื่นขึ้นโดยสิ้นเชิงแล้ว“องค์ชายรอง ฉินอวิ๋นฟานคารมคมคายที่สุด ท่านอย่าได้หลงกลเขานะ”ยามนี้ถังเจิ้นไห่ใจร้อนดั่งไฟเผา หากฉินอวิ๋นฮุยหันหลังทิ้งเขา นั่นจะได้เปิดหูเปิดตาจริงแล้ว ความสัมพันธ์พันธมิตรที่เพิ่งก่อตั้ง พลังทลายลงด้วยผลประโยชน์อันยั่วยวนและการพูดไม่กี่คำของฉินอวิ๋นฟาน“ข้า...”ฉินอวิ๋นฮุยอยากจะพูดแต่ก็หยุดอีก ในใจสับสนนักยามที่เขาได้ประโยชน์จากฉินอวิ๋นฟานและร่วมมือกับอีกฝ่าย ในใจก็มีคำตอบแล้ว ติดที่ร่วมมือกับเฮ่อชินอ๋องเป็นครั้งแรกก็ต้องจบด้วยรูปแบบไม่รื่นรมย์เช่นนี้ มากน้อยยังลำบากใจอยู่บ้างนาทีนี้ ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วน้อย ๆ ที่แล้วมาพี่รองเป็นคนคำนวณแม่นยำ ความคิดชัดเจน สถานการณ์ในวันนี้เรียกว่าแค่มองก็รู้ คุณโทษเขาก็วิเคราะห์ได้ชัด ไม่นึกว่าพี่รองจะคิดหนักถึงขั้นนี้ทันใดนั้น
ถังเจิ้นไห่สีหน้าแย่ที่สุด นี่คือการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรก เข้าร่วมการชิงบัลลังก์อย่างโจ่งแจ้งและเป็นทางการของพวกเขา กลับต้องพ่ายแพ้ย่อยยับ เขาแค้นใจนัก ดังนั้นก็ต้องไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้อยู่แล้ว“เหอะ...รัชทายาท ข้าจำต้องยอมรับความต้องการก้าวสู้ความยิ่งใหญ่ของท่าน ทุกคนในที่นี้ถูกหลอกกันหมด ท่านคิดว่าตัวเองอาภรณ์ไร้ตะเข็บจริงหรือ?”ถังเจิ้นไห่เห็นฉินอวิ๋นฮุยหวั่นไหวจึงก้าวออกมาอีกครั้ง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องกวนน้ำให้ขุ่น จะให้ฉินอวิ๋นฟานสมหวังไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นขั้วอิทธิพลของพวกเขาจะกลายเป็นชุดวิวาห์ของฉินอวิ๋นฟานการทุ่มเทกายใจเพื่อให้คนอื่นประสบความสำเร็จ เขาไม่มีทางทำเด็ดขาด แม้ต้องเสี่ยงล่วงเกินไท่ซั่งหวง เขายังต้องก้าวออกมา ถึงอย่างไรผู้ที่อยู่ข้างหลังเขาก็คือเฮ่อชินอ๋อง โอรสสายพระโลหิตของไท่ซั่งหวงเขาไม่เชื่อว่าไท่ซั่งหวงจะกล้าฆ่ากระทั่งโอรสที่เหลืออยู่เพียงองค์เดียว“อ้อ? แม่ทัพผู้เฒ่าถัง ท่านหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฮุยขมวดคิ้วมุ่นอีกครั้ง ยามนี้ทุกย่างก้าวสำคัญต่อเขามาก เขาต้องระมัดระวังรอบคอบ นอกเสียจากเป็นเรื่องที่มีคุณไร้โทษต่อเขา เขาจึงจะออกมาแสดงจ
“เลอะเลือน?”ฉินอวิ๋นฮุยขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางพูด “น้องเจ็ด เจ้าหมายความว่ายังไง?”ชิงอำนาจผลประโยชน์มานานเช่นนี้ พวกเขาย่อมแบ่งแยกคุณโทษได้ชัดเจน ชนชั้นเจ้าของที่ดินคือรายได้และผลประโยชน์ส่วนสำคัญและเป็นความมั่นคงของบรรดาผู้มีอำนาจ คือวิธีการสำคัญในการบีบบังคับอำนาจราชวงศ์มาถึงฉินอวิ๋นฟานก็จะลงมือกับพวกเจ้าของที่ดิน ย่อมแตะจุดอ่อนไหวของพวกเขาเป็นธรรมดา พวกเขามิใช่คนเขลา ไม่มีทางให้ฉินอวิ๋นฟานสมปรารถนาง่าย ๆ หรอก ต่อให้ไม่ได้เมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูง พวกเขาก็จะไม่เปิดโอกาสให้ฉินอวิ๋นฟานง่าย ๆ อย่างแน่นอน!“พี่ใหญ่ พี่รอง หรือพวกท่านยังไม่เห็นอีก? ฮ่องเต้ต้าเฉียนแต่ละพระองค์ปวดหัวกับพวกเจ้าของที่ดินพวกนี้มากที่สุดใช่หรือไม่?”ฉินอวิ๋นฟานกล่าววาจาโน้มน้าวทีละขั้น“หือ?”ฉินอวิ๋นฮุยเลิกคิ้ว ไม่ได้ตอบคำถามของฉินอวิ๋นฟานโดยตรง เขากำลังใคร่ครวญอยู่ในใจ ก่อนขึ้นครองราชย์เขาจะต้องเป็นพวกเดียวกับเจ้าของที่ดินเหล่านี้ หากเขารู้ดีว่าในอดีตเสด็จพ่อทรงปวดศีรษะมากเพียงไร ถ้าเขาสามารถขึ้นตำแหน่งนั้น...จะต่างกันโดยสิ้นเชิง!“ท่านดูสิ ข้าแค่ใช้ที่ดินของพวกเจ้าของที่ดินเหล่านี้ผลิตธัญพืชมากขึ้น ภายใต้
“แน่นอน”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มอย่างมั่นใจ “ในเมื่อชาวบ้านเมืองจัวต่างเพาะปลูกข้าวผลผลิตสูงจนชีวิตความเป็นอยู่เริ่มดีแล้ว แล้วหม่อมฉันยังจะทำใจเห็นชาวบ้านเมืองอื่น ๆ หิวโหยได้อย่างไร?”“อ้อ? ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง ฟานเอ๋อร์ เจ้าคิดจะทำยังไง?”สายตาที่ไท่ซั่งหวงมองฉินอวิ๋นฟานเกิดความเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ทบทวนทุกเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานทำในวันนี้ นั่นล้วนแล้วแต่ทำให้เขารู้สึกปลื้มใจและตกตะลึงยิ่งนัก เรื่องแรกที่เขาทำก็คือเรื่องสำนักศึกษาหลวง บ่มเพาะผู้มีความสามารถเพื่ออนาคตของต้าเฉียนเรื่องที่สองคือก่อตั้งเมืองการค้าขนาดใหญ่ ให้คนจากทุกแคว้นมาค้าขายกับต้าเฉียน เช่นนี้จะทำให้ต้าเฉียนกลายเป็นศูนย์กลางการค้าโลก เศรษฐกิจของต้าเฉียนจะรุดหน้าแบบที่มิอาจหยุดยั้งเรื่องที่สามคือเรื่องที่ไท่ซั่งหวงปลาบปลื้มมากที่สุด โลกในปัจจุบัน การแก้ไขปัญหาปากท้องคือปัญหาใหญ่หลวงในศตวรรษนี้ ทว่าฟานเอ๋อร์ใส่ใจกับเรื่องนี้ตามที่เขาคาดคิดเอาไว้“เสด็จปู่ เป็นเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ ปริมาณการผลิตของข้าวข้ามสายพันธุ์สูงกว่าข้าวทั่วไปถึงเจ็ดเท่า ดังนั้นการกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวผลผลิตสูงนี้จะรอช้าไม่ได้”ฉินอวิ๋นฟานพูดเป็นการเป็นง
“เอ่อ... แต่เพียงแต่ข้าที่กังวลเช่นนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมีความกังวลนี้เหมือนกันกระมัง? อย่างไรเสีย ของอย่างบัญชีก็สามารถปลอมแปลงได้”เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดตามตรง ฉินอวิ๋นฮุยจึงไม่อ้ำอึ้งอีก การยกเรื่องไม่ดีมาพูดแต่แรกมิใช่เรื่องน่าอายอันใด เพราะมันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเขา เขาไม่อยากถูกฉินอวิ๋นฟานหลอก!“ฮ่า ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานลั่นเสียงหัวเราะทันที “พี่รองทำงานรอบคอบดังคาด น้องเจ็ดเลื่อมใส แต่ท่านคิดมากไปแล้ว ถ้าต้องดูแลเมืองการค้าสามเมือง คนของข้าไม่มีทางพอ ถ้าพวกท่านไม่ส่งคนมาช่วยงาน ข้าคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”“อ้อ? น้องเจ็ดพูดจริงรึ?!”เมื่อนั้นหัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของฉินอวิ๋นฮุยจึงสงบลง หากเขาสามารถให้คนเข้าร่วมอยู่ในเมืองการค้าทั้งสามเมืองได้ เช่นนั้นเขาจะวางใจได้แล้ว เพราะจะรับประกันผลประโยชน์ของเขาได้ทั้งหมด!“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านวางใจได้เลย ระหว่างพวกเราพี่น้องแม้เป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้านเมือง พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง มีเพียงเช่นนี้ต้าเฉียนเราจึงจะเฟื่องฟูได้นิรันดร์”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในเรื่องการค้า เครือเหิงไท่จะรับผิดชอบกิจการหลักท
ฉินอวิ๋นฟานกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อให้ใครกล้ามีความคิดส่วนตัวก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกเราต้องร่วมกันทำงาน หากไม่อยากเสียเมืองไป ไม่อยากตาย ทหารทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เป็นหนึ่งเดียวสู้กับภายนอก”“ดี ดีมาก ความคิดนี้ไม่เลว!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ไท่ซั่งหวงรู้อยู่แล้วว่าฉินอวิ๋นฟานต้องทุ่มเทเพื่อแผนการนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีทางคิดแผนการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้“อื่ม ไม่เลว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ได้ดีใจกับแผนการสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของฉินอวิ๋นฟาน เพราะแม้เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองจริง หากไร้ประโยชน์อันใดต่อพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขายังจะกลายเป็นคนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้งานอีกด้วยพวกเขาส่งทหารรักษาเมือง ฉินอวิ๋นฟานกอบโกยกำไรอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วฉินอวิ๋นฮุยก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือโดยแท้!ทว่าไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?ฉินอวิ๋นฟานรู้ความคิดของพวกเขาดี อีกอย่าง ถ้าครองผลงานเองในเวลานี้จะเป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเอามาก ๆ ฉินอวิ๋นฟานไม่ทำเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้หรอก!โบราณกล่าว ตบหน้าฉาดหนึ่งต้องให้พุทราหวานหนึ่งลูก อีกฝ่ายส่งทหารม
ขณะนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ ถ้อยคำชวนให้คนมีจิตใจฮึกเหิมของฉินอวิ๋นฟานวนเวียนอยู่ในหัวของ แม้ไท่ซั่งหวงเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน!รัชทายาทวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่ง ช่างเป็นชายชาตินักรบเลือดร้อนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน หากคนเช่นนี้เป็นจักรพรรดิ ไยต้องกลัวอนาคตต้าเฉียนจะไม่ศิวิไลซ์?“เกี่ยวกับการสร้างเมืองการค้าสี่แห่งในสี่ทิศของต้าเฉียน ทุกคนคัดค้านอย่างหนัก ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนมาก แต่ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ ข้าก็ต้องยอมรับเสียงและความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนว่ามาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน มีแต่ต้องทำให้ทำคนยอมรับเรื่องนี้จากใจจริง เขาจึงจะยึดสิทธิ์ความเป็นผู้นำได้ มิเช่นนั้นต่อให้ใช้กำลังผลักดันเรื่องนี้ คนเหล่านี้ต้องเล่นตุกติกลับหลังเขาแน่ เช่นนี้มีแต่จะทำให้รำคาญดังนั้นฉินอวิ๋นฟานเตรียมตัวกับการคัดค้านและความคิดของทุกคนแต่แรกแล้ว ต้องการแค่โอกาสประจวบเหมาะหนึ่ง เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคอิจฉาตาร้อนมีมากเหลือเกิน มีแต่ต้องคิดหาทางหยดยาดวงตาให้พวกเขาสักหน่อย จึงจะขจัดต้นตอของปัญหาได้ “นี่...”ผู้คนมากมายแน่นขนัดพูดไม่ออกสักคำ เพราะต่างมีความกังวลอยู่ในใจ ฉ
นาทีนี้ถังเจิ้นไห่ถูกโจมตีทำร้ายทางจิตใจอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานปากคอเราะรายน่ากลัวจริง ๆ การโจมตีของเขารวดเร็วนัก เขาต้านทานไม่ไหวเลยเขาจนปัญญากับการโจมตีของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ได้แต่ใช้สถานะข่มขู่ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะหยุดโจมตีเขาน่าเสียดาย แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร และไม่เคยเป็นพวกยอมเสียเปรียบ หากมีคนโจมตีเขา ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!ต้องถล่มอีกฝ่ายจนแพ้ราบคาบ นี่สิจึงจะเป็นเป้าหมายความเป็นคนของเขา และถังเจิ้นไห่ก็แตะเขตต้องห้ามของเขาพอดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่ไว้หน้าเขา!ครั้นพวกฉินอวิ๋นฮุยเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พากันมอบสายตาเห็นใจให้ถังเจิ้นไห่ พวกเขาเคยได้รับการสั่งสอนด้วยหมัดหนักจากฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย หากหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!ไท่ซั่งหวงและจางเต้าหลินฉายรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานจะหยาบคายไม่รื่นหูไปบ้าง แต่สะใจยิ่งนัก! นักวางแผนร้ายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดกลับจนต้องสงสัยในชีวิต เด็ดสะระตี่แท้!“เกินไป? ตอนนี้ท่านรู้ว่าเกินไป? ตอนที่ท่านสาดน้ำคลำใส่
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน