“ชดเชยหลี่เถี่ยตั้นสามพันตำลึงเป็นค่ารักษาพยาบาลและเยียวยาจิตใจ จากนั้นก็ขอโทษกับหลี่เถี่ยตั้นอย่างจริงจัง!”ฉินอวิ๋นฟานพูดแบบไม่คิดจากเนื้อแท้ของเรื่องเป็นแค่ความขัดแย้งธรรมดาเล็กน้อยเรื่องหนึ่ง ไม่ร้ายแรงถึงขั้นต้องจัดการอย่างเข้มงวด และฉินอวิ๋นฮุยยังมีสถานะพิเศษ ถ้าเขาเอาความต่อไป น่ากลัวว่าต้องตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน“สามพันตำลึงยังไงก็ได้ ค่ารักษาพยาบาลข้าก็ยังพอเข้าใจ แต่ค่าเยียวยาจิตใจนี่มันอะไรกัน?”ฉินอวิ๋นฮุยถามด้วยใบหน้าสับสน“เอ่อ มันคือ มันคือ...”อยู่ ๆ ก็ถูกฉินอวิ๋นฮุยถามมาอย่างนี้ ฉินอวิ๋นฟานจึงคิดขึ้นได้ว่านี่คือความเคยชินทางความคิดในยามปกติของเขา ดังนั้นจึงหลุดปากพูดออกไป ลืมคิดไปว่าที่นี่ไม่มีค่าเยียวยาจิตใจฉินอวิ๋นฟานรีบอธิบาย “ก็คือ ก็คือ... ใช่ ท่านเกือบทำลูกชายของเขาตายแล้ว ไม่สมควรชดใช้หรือ? ถ้าไม่ใช่เพราะข้าช่วยเหลือทัน สามพันตำลึงยังไม่พอชดใช้เลย”“อ้อ ที่แท้ก็หมายความเช่นนี้!”แม้ฉินอวิ๋นฟานจะพยายามอธิบายออกไปแบบข้าง ๆ คู ๆ แต่ฉินอวิ๋นฮุยก็ยังกึ่งเชื่อกึ่งไม่เชื่อ จากท่าทางของฉินอวิ๋นฟาน รู้สึกว่าเขาไม่ได้พูดความจริง เพื่อเขี่ยดาวพิฆาตตัวนี้ไปให้เร็วที
ยามใดที่ขุนนางพวกนี้มาหารือด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส นั่นหมายถึงว่าพวกเขากำลังจะเผชิญกับลมมรสุมพายุกระหน่ำอย่างแน่นอน นี่คือสิ่งที่เขาสรุปได้จากประสบการณ์หลายปีที่ผ่านมา“เอาไปเถอะ ไม่ต้องเกรงใจ!”ฉินอวิ๋นฮุยตบบ่าหลี่เถี่ยตั้นพลางหัวเราะ “ถ้าอยากจะขอบคุณ เจ้าก็ขอบคุณน้องเจ็ดข้าให้มากเถอะ เป็นเขาที่ทำให้ข้าตระหนักถึงความผิดของตัวเอง และการขอโทษเจ้าต่อหน้าทุกคนก็เป็นสิ่งที่ข้าสมควรทำอยู่แล้ว”ครั้นได้ยินคำพูดนี้ หลี่เถี่ยตั้นมองไปทางฉินอวิ๋นฟานด้วยสีหน้าปั้นยาก เขาไม่เข้าใจเลยว่าองค์ชายรองมีจุดมุ่งหมายอะไรกันแน่ ความกลัวในใจไต่ระดับถึงจุดสูงสุดนานแล้ว สูญเสียความสามารถในการพิจารณาโดยสิ้นเชิง“เอาไปเถอะ ต่อไปก็ใช้ชีวิตให้มีความสุข นี่คือสิ่งที่เจ้าสมควรได้รับ!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มน้อย ๆ พลางพูดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของฉินอวิ๋นฮุยอยู่เหนือความคาดหมายของฉินอวิ๋นฟานมาก ทีแรกเขายังคิดจะข่มฉินอวิ๋นฮุยสักหน่อย ไม่นึกว่าคนข้างตัวจะชี้แนะ แก้ไขได้อย่างง่ายดายกระทั่งว่ายังให้ฉินอวิ๋นฮุยแสดงฝีมือ ได้ชื่อเสียงมาเสียอย่างนั้นเขาจำต้องยอมรับว่าคนผู้นี้คือยอดฝีมือแผนสูง......หลังจากผ่านเ
“ประหลาด ฉินอวิ๋นฟานผู้นี้ประหลาดนัก ต่อไปเจ้าต้องจับตามองให้มาก”เยียนจ้านเทียนกล่าวด้วยสีหน้าสงบ “เฉินเอ๋อร์ชอบเอาชนะแต่เล็ก นิสัยเหมือนข้า การมอบเมืองอู่โจวให้ในครานี้ถือเป็นการฝึกฝนนางครั้งหนึ่งแล้วกัน ให้นางมีประสบการณ์กับงานระหว่างบ้านเมืองมากหน่อย”“พ่ะย่ะค่ะ!”หลี่เหลียนอิงค้อมตัวเอ่ยนับจากนาทีที่ฉินอวิ๋นฟานออกเดินทาง ข่าวก็แพร่สะพัดไปตามแคว้นต่าง ๆ เหมือนติดปีก ราชวงศ์ต้าเซี่ยคือแคว้นใหญ่อันดับสองรองจากราชวงศ์ต้าเยียน นอกจากจะมีกองทัพที่น่าสะพรึงกลัว ยังมีอาณาบริเวณใหญ่ที่สุดในโลก บ้านเมืองเข้มแข็งประชามั่งมี“ฝ่าบาท สายสืบรายงานว่าองค์ชายทั้งสามของต้าเฉียนต่อสู้กันหนักหน่วงมาตลอด ต่างมีความคิดเป็นของตนเอง ในตอนที่พักในเมืองปินโจว ระหว่างสามพี่น้องเกิดความขัดแย้งอย่างหนัก ยังดีที่องค์ชายรองระงับได้ มิเช่นนั้นผลที่ตามมายากจะจินตนาการพ่ะย่ะค่ะ”ในห้องทรงพระอักษรของราชวงศ์ต้าเซี่ย จักรพรรดิราชวงศ์ต้าเซี่ยจีซื่อซวินหยุดงานในมือ ฟังการรายงานจากขันทีเฒ่าที่อยู่ด้านข้าง ในฐานะที่เป็นจักรพรรดิเหนือขั้นอันดับสองของโลก จีซื่อซวินย่อมมีสติปัญญาและฝีมือเหนือคนเป็นธรรมดาเขาเอ่ยปาก
“เสด็จอาไท่ซันวิเคราะห์มีเหตุผล!”เหมียวชิงอีคิ้วมัดเป็นปมแน่น“ระยะนี้กระหม่อมวิเคราะห์ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในปีกว่านี้อย่างละเอียดรอบหนึ่ง พบว่าเรื่องเมืองอู่โจวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ร้ายแรงกว่าที่พวกเราคิดเอาไว้มาก”เหมียวไท่ซันพูดหน้าเครียด “หนึ่งปีกว่าก่อน จักรพรรดิต้าเยียนเพิ่งประชวรหนัก เมืองอู่โจวก็เกิดเรื่องสินค้าต้าเยียนถูกปล้น การเจรจาไม่สำเร็จ ต้าเยียนโจมตีอย่างหนัก ยึดเมืองอู่โจว ส่วนต้าเฉียนกลับไม่มีวิธีตอบโต้ใด ๆ ทรงคิดว่านี่คือความบังเอิญหรือ?”“เมืองอู่โจวไม่ใหญ่ แต่มันกลับมีความพิเศษมาก เชื่อมต่อกับต้าเฉียน แคว้นเหมียว ต้าเยียน ต้าเซี่ยและเหมิงกู่ห้าแคว้น แคว้นใหญ่ล้วนตั้งสมาคมการค้าที่เมืองอู่โจวเกือบจะทั้งหมด เพียงพอให้เห็นความสำคัญทางชัยภูมิ”“การที่จู่ ๆ ต้าเยียนก็ลงมือกับเมืองอู่โจว มันแค่เพราะความขัดแย้งเรื่องหนึ่งหรือ? กระหม่อมกลับไม่เชื่อ จากปฏิกิริยาของราชวงศ์หนานเจียง กระหม่อมสันนิษฐานว่าที่ต้าเยียนทำเช่นนี้มีแค่ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว นั่นก็คือเป้าหมายทางกลยุทธ์”ครั้นได้ฟังการวิเคราะห์ของเหมียวไท่ซัน เหมียวชิงอีสีหน้าปั้นยากอย่างหนัก นับจากเมืองอู
ขณะเดียวกัน สถานการณ์ของราชวงศ์ต้าเหลียงพิเศษสุด เห็นเพียงจักรพรรดิต้าเหลียงเหลียงหลงจีนอนอยู่บนเตียงมังกร สีหน้าซีดขาว ดูเหมือนร่างกายอ่อนแอมาก“คิดไม่ถึงจริง ๆ หลานชายน้อยของข้าจะร้ายกาจเช่นนี้ ช่างทำให้คนนึกไม่ถึงโดยแท้”บนเตียงมังกร เหลียงหลงจีฝืนยิ้มเล็กน้อย ชื่นชมหลานชายที่ไม่เคยปะหน้าผู้นี้นัก!“นั่นสิเสด็จพ่อ หลานอวิ๋นฟานโตแล้วจริง ๆ นอกจากจะไม่โง่งมอีก ยังฉลาดหลักแหลมนัก ลูกไม้แพรวพราวไม่มีสิ้นสุด ควบคุมองค์ชายใหญ่และองค์ชายรองต้าเฉียนอยู่ในกำมือ หัวการค้ายิ่งทำให้คนมองไม่เห็นฝุ่น อยู่เหนือความคาดหมายของพวกเราจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”รัชทายาทต้าเหลียงเหลียงเทียนอี้ก็ชมเชยฉินอวิ๋นฟานหลานชายคนนี้อย่างไม่ปกปิดเหมือนกัน“นั่นสิเพคะเสด็จพ่อ ถ้าพี่หญิงใหญ่บนสวรรค์รับรู้ ต้องภูมิใจกับหลานชายคนเล็กคนนี้ของหม่อมฉันแน่นอน เขาได้เรื่องแล้ว พี่หญิงใหญ่หลับสนิทสักที”ข้างเตียง องค์หญิงสิบสามเอ่ยปากอย่างปริ่มใจ“นั่นสิ ครอบครัวจากไปทีละคน เหมือนสายลมใบไม้ร่วง”เหลียงหลงจีใบหน้าอารมณ์อ่อนไหวเศร้าหมอง เขาพูดลอย ๆ ขึ้นว่า “เวลานี้ร่างกายข้าแย่ลงทุกที อยากเจอคนรู้จักมากขึ้นเรื่อย ๆ พี่ใหญ่ของพ
“ไม่ ถ้าเจ้าคิดอย่างนี้ นั่นคือผิด ผิดมหันต์!”เหลียงหลงจีเอ่ยเสียงหนัก “เจ้าเคยคิดหรือไม่ ภายใต้สถานการณ์ต้าเฉียนที่ซับซ้อนอย่างนี้ และต่อสู้กันดุเดือดอย่างนี้ อวิ๋นฟานไม่มีขั้วอำนาจที่สามารถพึ่งพิง แต่ต่อสู้กับสององค์ชายเพียงลำพัง ซ้ำสะกดองค์ชายสององค์ได้โดยสมบูรณ์ นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะทำได้”“อวิ๋นฟานไปเมืองอู่โจวในครั้งนี้ อย่างนี้ต้องอยู่ที่นั่นประมาณหนึ่งเดือน เจ้ารีบออกเดินทางไปเมืองอู่โจว อย่าพลาดโอกาสดีนี้ เขาอาจนำพาผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงให้กับพวกเราก็ได้”เหลียงหลงจีกล่าวด้วยสายตามุ่งมั่นจากมุมมองของจักรพรรดิ ฝีมือที่ฉินอวิ๋นฟานแสดงออกมาทั้งหมด ไม่ว่าจะอยู่ในยุคใด ราชวงศ์ใด ล้วนเป็นตัวตนระดับยอดพีระมิดท่ามกลางการแข่งขันในราชวงศ์ ความสามารถส่วนบุคคลและวิธีการสำคัญอย่างยิ่งยวด ฉินอวิ๋นฟานแสดงฝีมือและความมั่นใจได้ในภาวะวิกฤตนี้ แทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและจะไม่มีอีกในภายหลัง อนาคตของต้าเหลียงจะเป็นเช่นไร ฉินอวิ๋นฟานอาจเป็นตัวแปรสำคัญตัวหนึ่งจริง ๆ“เพคะ เสด็จพ่อ หม่อมฉันทราบแล้ว หม่อมฉันจะออกเดินทางไปเมืองอู่โจวเดี๋ยวนี้เพคะ!”เหลียงจื่อฝูไม่กล้าทำให้เสียเวลาแม้แต่น้อย
จวนเจ้าเมืองอู่โจว หลังจากฟังการรายงานอย่างละเอียดของเซี่ยมู่ไป๋แล้ว ใบหน้าพริ้มเพราของเยียนอวี่เฉินก็มีน้ำค้างแข็งแผ่ขยายเต็มไปหมด ในแววตาอัดแน่นไปด้วยความแค้น ไม่ยินยอม และความเหลือเชื่อ“อาจารย์เซี่ย ท่านแน่ใจหรือว่าฉินอวิ๋นฟานจงใจเล่นงานเราเพราะเรื่องสัญญาเดิมพัน?”เยียนอวี่เฉินถามยืนยันอีกครั้งแบบไม่ตายใจ “เฮ้อ! องค์หญิงสาม ข้าหรือจะกล้าล้อเล่นกับเรื่องแบบนี้!”เซี่ยมู่ไป๋ถอนหายใจหนักและเอ่ย “ต่อหน้าฉินอวิ๋นฟาน คำพูดที่เราเตรียมเมื่อก่อนหน้านี้ไม่เกิดผลเลย เขาไม่คล้อยตามสักนิด ยังไงก็จะยึดตามหลักเหตุผล ข้าก็จนปัญญาแล้วเหมือนกัน” ในฐานะที่เซี่ยมู่ไป๋เป็นนักวรรณกรรมผู้ยิ่งใหญ่ มีพื้นฐานด้านบุ๋นล้ำเลิศ ไม่คิดว่าเขาจะพูดไม่ออกต่อหน้าฉินอวิ๋นฟาน ทำให้เขาแค้นใจนัก กระทั่งรู้สึกสิ้นกำลัง“ฉินอวิ๋นฟาน เจ้ามันบ้า ไม่รู้จักดีชอบ สุราเคารพไม่กินจะกินสุราลงทัณฑ์!”เยียนอวี่เฉินเดือดดาลสุดขีด โมโหจนกระทืบเท้าอยู่กับที่ ตะคอกอยู่ในห้องโถงอย่างบ้าคลั่ง ในฐานะที่เป็นองค์หญิงสามผู้สูงส่งของต้าเยียน นางเคยรับกับความเหยียดหยามเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร?ทั้งที่นางกำลังให้โอกาสฉินอวิ๋นฟานอยู่แท้
หลัวเทียนเป้าถูกเยียนอวี่เฉินถามกลับจนพูดไม่ออก หลัวเทียนเป้าย่อมชัดเจนในกำลังของต้าเยียนดี แต่การทัดทานห้าแคว้นด้วยกำลังของหนึ่งแคว้น คือเรื่องที่เป็นไปไม่ค่อยได้!ก็ขณะที่พวกเขากำลังว้าวุ่น คำพูดหนึ่งของซือหม่าเจาทำให้พวกเขาฉุกคิดขึ้นได้ทันที!เห็นเพียงซือหม่าเจาพูดอ้อมแอ้ม “เอ่อ คือว่า องค์หญิงสาม จะเป็นไปได้หรือไม่ ความจริงฉินอวิ๋นฟานมองแผนการของเราออกแต่แรกแล้ว เขาแค่แกล้งทำเป็นปฏิเสธคนอยู่นอกพันลี้ จงใจรักษาระยะห่างกับเรา“หือ? ซือหม่าเจา เจ้าพูดต่อมาสิ!”พอเยียนอวี่เฉินได้ฟังก็สนใจขึ้นมาทันที หรือว่าฉินอวิ๋นฟานมีความลับที่พูดยากอะไร?“เช่นนี้ขอรับ ข้าน้อยคือพ่อค้าคนหนึ่ง จะใช้เวลาส่วนมากกับการคิดปัญหาด้วยความคิดของพ่อค้า และจุดเด่นใหญ่ของพ่อค้าก็คือแสวงหากำไร รองลงมาก็คือไร้เล่ห์ไร้ธุรกิจ”ซือหม่าเจาอธิบาย “และฉินอวิ๋นฟานก็คืออัจฉริยะทางการค้าคนหนึ่ง ภาพพิมพ์เขียวทางธุรกิจของเขาเรียกได้ว่าไม่เคยมีมาก่อนและจะไม่มีอีก ทำให้สมาคมการค้าอย่างเราต้องละอายใจนัก ดังนั้นข้าน้อยกำลังคิด เขาเป็นคนฉลาดขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้ความน่ากลัวของต้าเยียนที่พึ่งพิงนี้”“ในฐานะที่เป็นพ
ฉินอวิ๋นฮุยจ้องฉินอวิ๋นฟาน สายตามืดสว่างไม่แน่นอน เขาเลื่องชื่อเรื่องชำนาญการวางแผนกลอุบายในต้าเฉียน มีหรือจะไม่เข้าใจความหมายโดยนัยที่อีกฝ่ายพูดเฮ่อชินอ๋องฉินอ้าวอันตรายเพียงใด วิธีการน่ากลัวเพียงใด เขารู้ดีกว่าคนส่วนใหญ่ในที่นี้อีก นั่นคือราชสีห์เฒ่าที่ซ่อนเร้นมานานหลายสิบปีตัวหนึ่ง บัดนี้ตื่นขึ้นโดยสิ้นเชิงแล้ว“องค์ชายรอง ฉินอวิ๋นฟานคารมคมคายที่สุด ท่านอย่าได้หลงกลเขานะ”ยามนี้ถังเจิ้นไห่ใจร้อนดั่งไฟเผา หากฉินอวิ๋นฮุยหันหลังทิ้งเขา นั่นจะได้เปิดหูเปิดตาจริงแล้ว ความสัมพันธ์พันธมิตรที่เพิ่งก่อตั้ง พลังทลายลงด้วยผลประโยชน์อันยั่วยวนและการพูดไม่กี่คำของฉินอวิ๋นฟาน“ข้า...”ฉินอวิ๋นฮุยอยากจะพูดแต่ก็หยุดอีก ในใจสับสนนักยามที่เขาได้ประโยชน์จากฉินอวิ๋นฟานและร่วมมือกับอีกฝ่าย ในใจก็มีคำตอบแล้ว ติดที่ร่วมมือกับเฮ่อชินอ๋องเป็นครั้งแรกก็ต้องจบด้วยรูปแบบไม่รื่นรมย์เช่นนี้ มากน้อยยังลำบากใจอยู่บ้างนาทีนี้ ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วน้อย ๆ ที่แล้วมาพี่รองเป็นคนคำนวณแม่นยำ ความคิดชัดเจน สถานการณ์ในวันนี้เรียกว่าแค่มองก็รู้ คุณโทษเขาก็วิเคราะห์ได้ชัด ไม่นึกว่าพี่รองจะคิดหนักถึงขั้นนี้ทันใดนั้น
ถังเจิ้นไห่สีหน้าแย่ที่สุด นี่คือการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรก เข้าร่วมการชิงบัลลังก์อย่างโจ่งแจ้งและเป็นทางการของพวกเขา กลับต้องพ่ายแพ้ย่อยยับ เขาแค้นใจนัก ดังนั้นก็ต้องไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้อยู่แล้ว“เหอะ...รัชทายาท ข้าจำต้องยอมรับความต้องการก้าวสู้ความยิ่งใหญ่ของท่าน ทุกคนในที่นี้ถูกหลอกกันหมด ท่านคิดว่าตัวเองอาภรณ์ไร้ตะเข็บจริงหรือ?”ถังเจิ้นไห่เห็นฉินอวิ๋นฮุยหวั่นไหวจึงก้าวออกมาอีกครั้ง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องกวนน้ำให้ขุ่น จะให้ฉินอวิ๋นฟานสมหวังไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นขั้วอิทธิพลของพวกเขาจะกลายเป็นชุดวิวาห์ของฉินอวิ๋นฟานการทุ่มเทกายใจเพื่อให้คนอื่นประสบความสำเร็จ เขาไม่มีทางทำเด็ดขาด แม้ต้องเสี่ยงล่วงเกินไท่ซั่งหวง เขายังต้องก้าวออกมา ถึงอย่างไรผู้ที่อยู่ข้างหลังเขาก็คือเฮ่อชินอ๋อง โอรสสายพระโลหิตของไท่ซั่งหวงเขาไม่เชื่อว่าไท่ซั่งหวงจะกล้าฆ่ากระทั่งโอรสที่เหลืออยู่เพียงองค์เดียว“อ้อ? แม่ทัพผู้เฒ่าถัง ท่านหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฮุยขมวดคิ้วมุ่นอีกครั้ง ยามนี้ทุกย่างก้าวสำคัญต่อเขามาก เขาต้องระมัดระวังรอบคอบ นอกเสียจากเป็นเรื่องที่มีคุณไร้โทษต่อเขา เขาจึงจะออกมาแสดงจ
“เลอะเลือน?”ฉินอวิ๋นฮุยขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางพูด “น้องเจ็ด เจ้าหมายความว่ายังไง?”ชิงอำนาจผลประโยชน์มานานเช่นนี้ พวกเขาย่อมแบ่งแยกคุณโทษได้ชัดเจน ชนชั้นเจ้าของที่ดินคือรายได้และผลประโยชน์ส่วนสำคัญและเป็นความมั่นคงของบรรดาผู้มีอำนาจ คือวิธีการสำคัญในการบีบบังคับอำนาจราชวงศ์มาถึงฉินอวิ๋นฟานก็จะลงมือกับพวกเจ้าของที่ดิน ย่อมแตะจุดอ่อนไหวของพวกเขาเป็นธรรมดา พวกเขามิใช่คนเขลา ไม่มีทางให้ฉินอวิ๋นฟานสมปรารถนาง่าย ๆ หรอก ต่อให้ไม่ได้เมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูง พวกเขาก็จะไม่เปิดโอกาสให้ฉินอวิ๋นฟานง่าย ๆ อย่างแน่นอน!“พี่ใหญ่ พี่รอง หรือพวกท่านยังไม่เห็นอีก? ฮ่องเต้ต้าเฉียนแต่ละพระองค์ปวดหัวกับพวกเจ้าของที่ดินพวกนี้มากที่สุดใช่หรือไม่?”ฉินอวิ๋นฟานกล่าววาจาโน้มน้าวทีละขั้น“หือ?”ฉินอวิ๋นฮุยเลิกคิ้ว ไม่ได้ตอบคำถามของฉินอวิ๋นฟานโดยตรง เขากำลังใคร่ครวญอยู่ในใจ ก่อนขึ้นครองราชย์เขาจะต้องเป็นพวกเดียวกับเจ้าของที่ดินเหล่านี้ หากเขารู้ดีว่าในอดีตเสด็จพ่อทรงปวดศีรษะมากเพียงไร ถ้าเขาสามารถขึ้นตำแหน่งนั้น...จะต่างกันโดยสิ้นเชิง!“ท่านดูสิ ข้าแค่ใช้ที่ดินของพวกเจ้าของที่ดินเหล่านี้ผลิตธัญพืชมากขึ้น ภายใต้
“แน่นอน”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มอย่างมั่นใจ “ในเมื่อชาวบ้านเมืองจัวต่างเพาะปลูกข้าวผลผลิตสูงจนชีวิตความเป็นอยู่เริ่มดีแล้ว แล้วหม่อมฉันยังจะทำใจเห็นชาวบ้านเมืองอื่น ๆ หิวโหยได้อย่างไร?”“อ้อ? ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง ฟานเอ๋อร์ เจ้าคิดจะทำยังไง?”สายตาที่ไท่ซั่งหวงมองฉินอวิ๋นฟานเกิดความเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ทบทวนทุกเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานทำในวันนี้ นั่นล้วนแล้วแต่ทำให้เขารู้สึกปลื้มใจและตกตะลึงยิ่งนัก เรื่องแรกที่เขาทำก็คือเรื่องสำนักศึกษาหลวง บ่มเพาะผู้มีความสามารถเพื่ออนาคตของต้าเฉียนเรื่องที่สองคือก่อตั้งเมืองการค้าขนาดใหญ่ ให้คนจากทุกแคว้นมาค้าขายกับต้าเฉียน เช่นนี้จะทำให้ต้าเฉียนกลายเป็นศูนย์กลางการค้าโลก เศรษฐกิจของต้าเฉียนจะรุดหน้าแบบที่มิอาจหยุดยั้งเรื่องที่สามคือเรื่องที่ไท่ซั่งหวงปลาบปลื้มมากที่สุด โลกในปัจจุบัน การแก้ไขปัญหาปากท้องคือปัญหาใหญ่หลวงในศตวรรษนี้ ทว่าฟานเอ๋อร์ใส่ใจกับเรื่องนี้ตามที่เขาคาดคิดเอาไว้“เสด็จปู่ เป็นเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ ปริมาณการผลิตของข้าวข้ามสายพันธุ์สูงกว่าข้าวทั่วไปถึงเจ็ดเท่า ดังนั้นการกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวผลผลิตสูงนี้จะรอช้าไม่ได้”ฉินอวิ๋นฟานพูดเป็นการเป็นง
“เอ่อ... แต่เพียงแต่ข้าที่กังวลเช่นนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมีความกังวลนี้เหมือนกันกระมัง? อย่างไรเสีย ของอย่างบัญชีก็สามารถปลอมแปลงได้”เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดตามตรง ฉินอวิ๋นฮุยจึงไม่อ้ำอึ้งอีก การยกเรื่องไม่ดีมาพูดแต่แรกมิใช่เรื่องน่าอายอันใด เพราะมันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเขา เขาไม่อยากถูกฉินอวิ๋นฟานหลอก!“ฮ่า ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานลั่นเสียงหัวเราะทันที “พี่รองทำงานรอบคอบดังคาด น้องเจ็ดเลื่อมใส แต่ท่านคิดมากไปแล้ว ถ้าต้องดูแลเมืองการค้าสามเมือง คนของข้าไม่มีทางพอ ถ้าพวกท่านไม่ส่งคนมาช่วยงาน ข้าคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”“อ้อ? น้องเจ็ดพูดจริงรึ?!”เมื่อนั้นหัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของฉินอวิ๋นฮุยจึงสงบลง หากเขาสามารถให้คนเข้าร่วมอยู่ในเมืองการค้าทั้งสามเมืองได้ เช่นนั้นเขาจะวางใจได้แล้ว เพราะจะรับประกันผลประโยชน์ของเขาได้ทั้งหมด!“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านวางใจได้เลย ระหว่างพวกเราพี่น้องแม้เป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้านเมือง พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง มีเพียงเช่นนี้ต้าเฉียนเราจึงจะเฟื่องฟูได้นิรันดร์”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในเรื่องการค้า เครือเหิงไท่จะรับผิดชอบกิจการหลักท
ฉินอวิ๋นฟานกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อให้ใครกล้ามีความคิดส่วนตัวก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกเราต้องร่วมกันทำงาน หากไม่อยากเสียเมืองไป ไม่อยากตาย ทหารทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เป็นหนึ่งเดียวสู้กับภายนอก”“ดี ดีมาก ความคิดนี้ไม่เลว!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ไท่ซั่งหวงรู้อยู่แล้วว่าฉินอวิ๋นฟานต้องทุ่มเทเพื่อแผนการนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีทางคิดแผนการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้“อื่ม ไม่เลว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ได้ดีใจกับแผนการสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของฉินอวิ๋นฟาน เพราะแม้เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองจริง หากไร้ประโยชน์อันใดต่อพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขายังจะกลายเป็นคนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้งานอีกด้วยพวกเขาส่งทหารรักษาเมือง ฉินอวิ๋นฟานกอบโกยกำไรอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วฉินอวิ๋นฮุยก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือโดยแท้!ทว่าไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?ฉินอวิ๋นฟานรู้ความคิดของพวกเขาดี อีกอย่าง ถ้าครองผลงานเองในเวลานี้จะเป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเอามาก ๆ ฉินอวิ๋นฟานไม่ทำเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้หรอก!โบราณกล่าว ตบหน้าฉาดหนึ่งต้องให้พุทราหวานหนึ่งลูก อีกฝ่ายส่งทหารม
ขณะนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ ถ้อยคำชวนให้คนมีจิตใจฮึกเหิมของฉินอวิ๋นฟานวนเวียนอยู่ในหัวของ แม้ไท่ซั่งหวงเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน!รัชทายาทวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่ง ช่างเป็นชายชาตินักรบเลือดร้อนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน หากคนเช่นนี้เป็นจักรพรรดิ ไยต้องกลัวอนาคตต้าเฉียนจะไม่ศิวิไลซ์?“เกี่ยวกับการสร้างเมืองการค้าสี่แห่งในสี่ทิศของต้าเฉียน ทุกคนคัดค้านอย่างหนัก ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนมาก แต่ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ ข้าก็ต้องยอมรับเสียงและความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนว่ามาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน มีแต่ต้องทำให้ทำคนยอมรับเรื่องนี้จากใจจริง เขาจึงจะยึดสิทธิ์ความเป็นผู้นำได้ มิเช่นนั้นต่อให้ใช้กำลังผลักดันเรื่องนี้ คนเหล่านี้ต้องเล่นตุกติกลับหลังเขาแน่ เช่นนี้มีแต่จะทำให้รำคาญดังนั้นฉินอวิ๋นฟานเตรียมตัวกับการคัดค้านและความคิดของทุกคนแต่แรกแล้ว ต้องการแค่โอกาสประจวบเหมาะหนึ่ง เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคอิจฉาตาร้อนมีมากเหลือเกิน มีแต่ต้องคิดหาทางหยดยาดวงตาให้พวกเขาสักหน่อย จึงจะขจัดต้นตอของปัญหาได้ “นี่...”ผู้คนมากมายแน่นขนัดพูดไม่ออกสักคำ เพราะต่างมีความกังวลอยู่ในใจ ฉ
นาทีนี้ถังเจิ้นไห่ถูกโจมตีทำร้ายทางจิตใจอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานปากคอเราะรายน่ากลัวจริง ๆ การโจมตีของเขารวดเร็วนัก เขาต้านทานไม่ไหวเลยเขาจนปัญญากับการโจมตีของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ได้แต่ใช้สถานะข่มขู่ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะหยุดโจมตีเขาน่าเสียดาย แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร และไม่เคยเป็นพวกยอมเสียเปรียบ หากมีคนโจมตีเขา ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!ต้องถล่มอีกฝ่ายจนแพ้ราบคาบ นี่สิจึงจะเป็นเป้าหมายความเป็นคนของเขา และถังเจิ้นไห่ก็แตะเขตต้องห้ามของเขาพอดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่ไว้หน้าเขา!ครั้นพวกฉินอวิ๋นฮุยเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พากันมอบสายตาเห็นใจให้ถังเจิ้นไห่ พวกเขาเคยได้รับการสั่งสอนด้วยหมัดหนักจากฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย หากหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!ไท่ซั่งหวงและจางเต้าหลินฉายรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานจะหยาบคายไม่รื่นหูไปบ้าง แต่สะใจยิ่งนัก! นักวางแผนร้ายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดกลับจนต้องสงสัยในชีวิต เด็ดสะระตี่แท้!“เกินไป? ตอนนี้ท่านรู้ว่าเกินไป? ตอนที่ท่านสาดน้ำคลำใส่
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน