“เอ่อ เช่นนั้น เช่นนั้นแผนการของเราจะทำยังไงดีล่ะ?”หลัวเทียนเป้าที่อยู่ด้านข้างทำหน้างงงัน สถานการณ์พลิกกลับเร็วเกินไป ทำให้เขาทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อยเยียนอวี่เฉินยิ้มอย่างมั่นใจ “ทำตามแผนเดิม ข้าก็อยากดูสิว่าแผนวิมานในอากาศนี้ ฉินอวิ๋นฟานจะแก้ยังไง!”เวลานี้เยียนอวี่เฉินเต็มไปด้วยความคาดหวังต่อการพบหน้าฉินอวิ๋นฟานในวันพรุ่งนี้ เจ้าคนชั่วน้อยที่ทำให้นางแอบเฝ้าคิดถึงตลอดสามเดือน ทั้งกระวนกระวายทั้งดีใจ“เอ่อคือ... องค์หญิงสาม ความจริงแล้ว... ข้ายังมีอีกแผนการหนึ่ง ท่านจะฟังหรือไม่?”หลัวเทียนเป้ากลับไม่เชื่อฉินอวิ๋นฟาน เป้าหมายของเขามีเพียงหนึ่งเดียว แม้ไม่ให้ฉินอวิ๋นฟานถึงตาย แต่ก็ต้องทรมานให้ร่างกายไร้ผิวหนังสมบูรณ์ จะไม่ให้เขาอยู่อย่างเป็นสุขแน่นอนแผนการนี้ขององค์หญิงสาม จำกัดพลังทำลายล้างของเขาต่อฉินอวิ๋นฟานโดยแท้ เขาจำต้องหาวิธีเพิ่มความยากและภาระให้ฉินอวิ๋นฟาน“ว่ามา!”เยียนอวี่เฉินถามด้วยความอยากรู้“เช่นนี้ขอรับ ท่านยังจำเมื่อหนึ่งปีกว่าก่อนได้หรือไม่ว่าต้าเยียนได้เมืองอู่โจวมายังไง?”หลัวเทียนเป้าถามด้วยสีหน้าลึกลับ“อ้อ? เรื่องนี้ข้าต้องรู้อยู่แล้ว เมืองอู่โจวเป็นเม
หลิวเป้ยพูดอย่างปลื้มปริ่ม “ถ้าบอกว่าไม่เหนื่อยนั่นคือไม่จริง แต่ความเหนื่อยนี้นำความภาคภูมิใจมาสู่พวกเรา เป็นสิ่งที่ไม่อาจแทนที่ได้ รอยยิ้มและความรู้สึกขอบคุณจากใจจริงของพวกชาวบ้าน ช่างทำให้จิตใจส่วนลึกเราเปี่ยมไปด้วยความเบิกบานสุขสันต์”“ถูกต้องแล้ว รัชทายาท พวกเราเห็นคนแล้วคนเล่าเดินออกมาจากความลำบากข้นแค้น การดำเนินนโยบายช่วยเหลือประชาชนนโยบายแล้วนโยบายเล่า มันทำให้รู้สึกภูมิใจและอิ่มเอมใจจริง ๆ”ลิ่งหูเสี่ยวยิ้มแก้มปริได้ยินทุกคนพูดคนละคำสื่อความภูมิใจในระยะนี้ ฉินอวิ๋นฟานก็เป็นเช่นนั้นด้วยเหมือนกัน เขาดำเนินการลงมือทำในสิ่งที่คิดในใจจนสำเร็จ รู้สึกภาคภูมิใจเป็นพิเศษ“เรื่องดีฟังจบแล้ว สมควรฟังอุปสรรคที่พวกเจ้าพบสักที พูดออกมาได้เลย!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มน้อย ๆ พลางพูดหลิวเป้ยลุกขึ้นยืนทันที เอ่ยปากเป็นการเป็นงาน “เรียนรัชทายาท ข้าน้อยย่อมมีอุปสรรคอยู่แล้ว แต่ส่วนมากพวกเราสามารถเอาชนะได้ ทว่าเวลานี้กำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่เรื่องหนึ่ง เกรงว่าต้องขอให้ท่านออกหน้าจึงจะดี”“อ้อ? เจ้าหมายถึงเรื่องเกลือขาดแคลน?”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยสีหน้าสงบทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเขา และเป็นปัญหาท
“เฮ้อ! รัชทายาท สามเดือนมานี้ข้าน้อยศึกษาขั้วอิทธิพลยุทธภพมาแล้ว แต่ข้อมูลน่าเชื่อถือที่ได้รับกลับน้อยนิดจนน่าสงสาร ไม่มีใครบอกชัดได้เลย!”หลิวเป้ยส่ายหน้าพูด “บางทีอาจจะเกี่ยวกับยอดฝีมือที่ข้าน้อยรู้จักกระมัง ยอดฝีมือเหนือขั้นจริง ๆ อาจไม่ใช่คนระดับอย่างข้าน้อยจะรู้จักได้!”ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วเล็กน้อย นึกถึงคำอธิบายสั้น ๆ ของเฉาเจิ้งฉุน ฉินอวิ๋นฟานก็รู้สึกไม่ธรรมดาแล้ว อย่าว่าแต่หลิวเป้ยเลย ต่อให้เป็นเขาซึ่งเป็นรัชทายาทคนนี้ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันฉินอวิ๋นฟานพูดอย่างผิดหวังเล็กน้อย “ดูท่า... ถ้าอยากทำความเข้าใจกับขั้วอิทธิพลยุทธภพจริง ๆ คงไม่ใช่เรื่องง่าย!”โบราณกล่าว รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง แต่ก่อนฉินอวิ๋นฟานมาจากหน่วยรบพิเศษ ความสามารถในการสืบรวบรวมข้อมูลวิเคราะห์ล้วนเป็นตัวตนระดับสูงสุด จากนั้นค่อยทำแผนการรองรับที่เหมาะสมโลกคู่ขนานยุคโบราณหลังจากทะลุมิติ ต่างจากโลกในประวัติศาสตร์จริงมาก ความสามารถในการสร้างธุรกิจของเขาย่อมไม่มีปัญหา เทคโนโลยียุคปัจจุบันก็ไม่ใช่ปัญหา ฝีมือการรับกับวิกฤตยิ่งไม่เป็นปัญหาแต่พลังแห่งวิถียุทธ์ของขั้วอิทธิพลยุทธภพกลับทำให้เขาหวาดหวั่น หน
“เจ้าเดรัจฉาน เจ้าเดรัจฉาน!!!”“อดีตฮ่องเต้ต้าเฉียนเราเพิ่งสวรรคตได้แค่เจ็ดวัน พรุ่งนี้ก็เป็นวันที่รัชทายาทจะขึ้นครองราชย์แล้ว คิดไม่ถึงว่าวันนี้เขาจะปีนขึ้นเตียงของหยางกุ้ยเฟย อดสู มันคือความอดสูอย่างยิ่ง!”“ราชวงศ์ต้าเฉียนเราก่อตั้งมาสามร้อยกว่าปี ยึดหลักขงจื๊อโดยตลอด พิธีรีตอง ครองตัว รู้ยางอาย คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องผิดศีลผิดธรรม ผิดต่อหลักการเป็นคนต่ำช้าเช่นนี้ เกียรติของราชวงศ์ต้าเฉียนต้องสิ้นเพราะรัชทายาทแล้ว...”“หากอดีตฮ่องเต้ยังอยู่ จะต้องละอายจนกริ้วแน่ ประหารพวกมั่วโลกีย์ต่อหน้าสาธารณชนเพื่อเป็นเยี่ยงอย่างแน่นอน!”......ในตำหนักจื่อหลัวของราชวงศ์ต้าเฉียน บรรดาชายหญิงเด็กชราต่างมุงล้อมหน้าตั่งนอนทรงกลมที่ยุ่งเหยิงดูไม่จืด โจมตีชายร่างเปลือยเปล่าตรงหน้าด้วยวาจาและตัวหนังสือ โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เคืองแค้นในความไม่เป็นธรรมเต็มประดา เสียงเซ็งแซ่แต่ละเสียงทำให้ฉินอวิ๋นฟานที่กำลังหลับสนิทค่อย ๆ ลืมตาทั้งคู่ขึ้นอย่างงัวเงียขมุกขมัว“เชี่ย แค่ความฝันทำไมเสียงดังขนาดนี้ล่ะ”ยามนี้ฉินอวิ๋นฟานปวดหัวจนแทบจะระเบิด มึนงงหนัก ๆ เขาส่ายหน้าแรง ๆ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยความหงุดหงิด “น่ารำค
ฉินอวิ๋นคัง “...”ฉินอวิ๋นฮุย “...”ทุกคน “...”ครั้นถ้อยคำนี้โพล่งออกมา สถานที่แห่งนั้นก็เงียบกริบ!นี่มันอะไรกัน?ไม่ใช่ว่ารัชทายาทใช้กำลังลบหลู่หยางกุ้ยเฟยแล้วทุกคนพากันตำหนิการกระทำอันต่ำทรามของรัชทายาทหรือ?เหตุไฉนคนที่ถูกกล่าวหาจึงกลายเป็นคนกล่าวหาเสียเล่า? ดำกลับกลายเป็นขาว?หยางกุ้ยเฟยที่เป็นผู้เคราะห์ร้ายกลายเป็นตัวการ ส่วนรัชทายาทกลายเป็นผู้เคราะห์ร้าย?แบบนี้ก็ได้ด้วยรึ?“ล่อลวงรัชทายาท?”ครั้นได้ยินวาจานี้ หยางกุ้ยเฟยก็ลนลานทันที นี่คือจะให้นางเป็นแพะรับบาปหรือ หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริง วันนี้นางต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย หรือว่าจะให้นางเป็นเครื่องสังเวยศึกชิงความเป็นใหญ่ขององค์ชาย?“ข้าไม่ได้ล่อลวงรัชทายาทนะ ข้าไม่ได้ทำจริง ๆ องค์ชายใหญ่ ท่านต้องคืนความเป็นธรรมให้ข้านะ รัชทายาทให้ร้ายข้า”องค์ชายใหญ่และองค์ชายรองคือผู้กำกับเรื่องนี้และเป็นที่พึ่งของหยางกุ้ยเฟยด้วย จู่ ๆ รัชทายาททึ่มทื่อดันโยนความผิดทั้งหมดมาที่นาง นางก็ไม่ต้องยอมรับอยู่แล้วเวลานี้หัวใจขององค์ชายใหญ่และองค์ชายรองก็รัดแน่นเหมือนกัน...“น้องเจ็ด นี่เจ้าจะไร้ยางอายเกินไปแล้วกระมัง?”องค์ชายใหญ
อะไรนะ...การที่หยางกุ้ยเฟยถูกสังหารทำให้คนทั้งหมดในที่นั้นร้องอุทานขึ้นมา ใบหน้าของทุกคนมีแต่ความครั่นคร้าม เขาคือรัชทายาท สังหารหัวหน้าหมอหลวงก็ช่างเถอะ แต่กระทั่งนางสนมที่อดีตฮ่องเต้โปรดปรานที่สุดก็กล้าฆ่าแกงตามอำเภอใจหรือ?“น้องเจ็ด เจ้า เจ้าจะเหิมเกริมไปแล้วนะ แม้แต่หยางกุ้ยเฟยก็ยังฆ่าหรือ?”องค์ชายใหญ่ก็ตกตะลึงกับการกระทำที่เด็ดขาดแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยของฉินอวิ๋นฟานเหมือนกันผิดหูคำเดียวก็ฆ่า แววตาหนักแน่นและท่าทางที่ไม่หวั่นกลัวต่อสิ่งใด กลับทำให้เขามีความรู้สึกเหมือนราชันมาถึง“น้องเจ็ด เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”เวลานี้องค์ชายรองหน้าตามืดมนจนจะจับตัวเป็นน้ำหยดติ๋งได้อยู่แล้ว เดิมนึกว่าพวกเขาจะจัดการรัชทายาทโง่ได้ตามปรารถนา คิดไม่ถึง ในช่วงเวลาสำคัญกลับกลายเป็นเขาเล่นเด่นอยู่คนเดียวท่าทางเด็ดขาดฉับไว ท่วงทำนองแลมองเบื้องล่างและแววตาดูแคลนใต้หล้านั้นกลับทำให้เขาชักจะหวั่น ท่วงทำนองนี้ เขาเคยเห็นจากเสด็จพ่อผู้เป็นอดีตฮ่องเต้เท่านั้น“ข้าเคยบอกแล้ว ผู้ที่ป้ายมลทินให้ข้า ตายไม่เว้น!”ต่อหน้าเหล่าขุนนางและองค์ชายทั้งหลาย ฉินอวิ๋นฟานใจเย็นเป็นธรรมชาติ ความเผด็จการเ
คำพูดเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ฝูงชนแตกตื่นทันที ทุกคนมองหน้ากัน เดาะลิ้นอยู่ในใจ เจ้านี่เป็นพวกหัวร้อนกระมัง?เวลานี้ที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่คือไท่ซั่งหวง แล้วยังริอ่านล่วงเกินต่อหน้าอีก? ในเมื่อเจ้าเลือกที่จะรนหาที่ตาย ทุกคนย่อมชมอย่างยินดีปรีดาไท่ซั่งหวงเงยหน้าขึ้นน้อย ๆ มองไปตามเสียง เห็นเพียงชายหนุ่มรูปงามกำลังสบตาเขาอยู่ แววตาใสสะอาดแน่วแน่ แผ่กลิ่นอายทระนงออกมาจากทั้งตัว ทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อย“เจ้าคือ?”พินิจอยู่ค่อนวัน ไท่ซั่งหวงกลับไม่รู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้คือใครออกห่างจากราชสำนักเกือบยี่สิบกว่าปี ฮ่องเต้จะพาองค์ชายที่ค่อนข้างสำคัญไปเยี่ยมเขาในช่วงเทศกาลเท่านั้น มีความทรงจำกับองค์ชายอยู่ไม่กี่องค์ ทว่าจากท่วงท่าและการแต่งตัวของชายหนุ่มตรงหน้า น่าจะเป็นองค์ชายอย่างไม่ต้องสงสัย“รัชทายาทแห่งต้าเฉียนฉินอวิ๋นฟานพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินอวิ๋นฟานตอบด้วยกิริยาเหมาะสม“อ้อ?”ไท่ซั่งหวงมองฉินอวิ๋นฟานแบบเหนือคาดเล็กน้อย จากนั้นจึงเอ่ยปากถาม “ดูท่าทาง เจ้าดูไม่โง่นี่?”“เสด็จปู่ หลายปีที่ผ่านมาน้องเจ็ดไม่ได้เบาปัญญาสักหน่อย เขาเสแสร้ง เขาหลอกทุกคนพ่ะย่ะค่ะ”องค์ชายรองเสริมอีกดอก พูดตี
ไท่ซั่งหวงเคาะโต๊ะลงมติ ไม่มีผู้ใดเห็นต่างอีกฉินอวิ๋นฟานเอ่ย “เสด็จปู่ ไม่ทราบว่าแค่แต่งงานกับฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวก็สืบทอดบัลลังก์ได้แล้วใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“ถูกต้อง ไม่ว่าใครที่สามารถแต่งกับฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวได้ ไม่ว่าต้องแลกกับอะไร ข้าก็จะคุ้มครองให้เขาได้ขึ้นครองราชย์อย่างราบรื่น!”ไท่ซั่งหวงเด็ดขาดมีพลัง แฝงความเผด็จการและความแข็งแกร่งเยี่ยงจักรพรรดิในวาที“เสด็จปู่ ฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวคัดเลือกราชบุตรเขยมีกติกาอะไรหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”เพิ่งทะลุมิติมาได้ไม่นาน ฉินอวิ๋นฟานไม่เข้าใจรูปแบบการเลือกราชบุตรเขยในสมัยโบราณ ในภาพจำของเขายังหยุดอยู่ที่ขั้นตอนการโยนบอลผ้า หรือไม่ก็หาคู่โดยการประลองยุทธ์ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกว่าการเลือกราชบุตรเขยของฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวไม่น่าจะธรรมดาอย่างนั้น“ย่อมมีกติกา ทั้งหมดแบ่งออกเป็นประลองด้านบุ๋นและประลองด้านบู๊ โดยจะประลองสามด้านละสามรอบ”ไท่ซั่งหวงอธิบาย “ประลองด้านบุ๋นแบ่งออกเป็นกลอนคู่ การเขียนและดนตรี ประลองด้านบู๊แบ่งออกเป็นยิงธนู ประลองกำลังและประลองกำลังยุทธ์ ผู้ที่คว้าชัยทั้งสองการประลองก็คือผู้ชนะ แต่ในการประลองบุ๋นบู๊สามารถเชิญผู