“รัชทายาทกล่าวหนักไปแล้ว!”ใบหน้าเข้มขรึมของเซี่ยงเส้าเหยียนผ่อนคลายลงนิดหน่อย เขาเอ่ยจริงจัง “ในเมื่อรัชทายาทอยากทราบเรื่องขั้วอิทธิพลยุทธภพและพลังแห่งวิถียุทธ์ เช่นนั้นข้าก็จะให้ความรู้พื้นฐานกับท่านสักหน่อยแล้วกัน!”“เกี่ยวกับต้นกำเนิดล้ำลึกของขั้วอิทธิพลยุทธภพและพลังแห่งวิถียุทธ์ ต้องย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งพันปีก่อน ยามนั้นใต้หล้าวุ่นวายอลหม่าน ประชาชนมิอาจอยู่รอด สมรภูมิกระจายอยู่ทั่วทุกหย่อมหญ้า ซากศพระเกะระกะไปทั่ว ปานขุมนรกเพลิงบนแดนดินอย่างไรอย่างนั้น”“และในช่วงเวลาพิเศษนี้เอง จู่ ๆ ก็มีนักพรตชุดขาวกลุ่มหนึ่งเดินออกมาจากเขาคุนหลุน พวกเขากระดูกพรตท่วงทำนองเซียน พลังเหนือคน เหาะเหินเดาอากาศ สามารถทุกสิ่ง ขณะที่พวกเขาใช้กำลังเข้าแทรกแซง การรบราฆ่าฟันก็ยุติลงในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี”“สงครามสงบ บ้านเมืองก่อรากสร้างฐาน ประชาชนจึงมีโอกาสได้หายใจหายคอบ้าง”“กล่าวกันว่านักพรตจากคุนหลุนเหล่านี้ต้านทานต่อสิ่งยั่วยวนบนโลกไม่ไหว จึงเลือกอยู่ในโลกนี้แต่งภรรยามีบุตร ไม่ได้กลับเขาคุนหลุนและกลายเป็นคนสุดแกร่งบนโลกใบนี้”“ตามเวลาที่ล่วงเลย ทายาทและตระกูลของคนเหล่านี้ขยายใหญ่อย่างต่อเนื่อง กลายเ
“อย่างนี้นี่เอง!”ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วมุ่นพลางพยักหน้าพูด “ทุกอย่างกำเนิดมาจากเขาคุนหลุนเมื่อพันปีก่อน?”“ถูกต้อง! ข้ามเวลาไปมาก ถึงพวกเราตระกูลเซี่ยงก็คือตระกูลวิถียุทธ์เหมือนกัน แต่ก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาคุนหลุนเลย กระทั่งไม่เคยได้ยินคนในตระกูลพูดถึงมาก่อน”เซี่ยงเส้าเหยียนส่ายหน้าพูด“อื่ม งั้นก็เล่าเรื่องเกี่ยวกับสถานการณ์วิถียุทธ์เถอะ!”หลังจากรู้ความเป็นมาของพลังแห่งวิถียุทธ์และสถานการณ์พื้นฐานของขั้วอิทธิพลยุทธภพแล้ว เรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานให้ความสำคัญที่สุดก็คือพลังแห่งวิถียุทธ์ เขาอยากรู้นักว่ายอดฝีมือที่แท้จริงเป็นเช่นไร ล้ำเลิศถึงขั้นไหนกันแน่!เซี่ยงเส้าเหยียนให้ความรู้ต่อ “ตามการพัฒนาของยุคสมัย คนส่วนหนึ่งสามารถฝึกพลังและความเร็วที่เหนือคนธรรมดา แตะขอบธรณีประตูแห่งพลังแห่งวิถียุทธ์ได้ก็จริง”“ดังนั้นทุกคนจึงแบ่งระดับของพลัง เรียกว่าวิถียุทธ์ระดับเจ็ด ระดับแปด ระดับเก้า...เป็นต้น แต่นี่ไม่นับว่าเป็นพลังแห่งวิถียุทธ์”“อะไรนะ? นี่ นี่ยังไม่นับว่าเป็นพลังแห่งวิถียุทธ์หรือ?”ฉินอวิ๋นฟานจุปากทันที ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลย พลังน่ากลัวขนาดนี้ กลับไม่นับว่าเป็นพลังแห่งวิถีย
“ดังนั้นยิ่งสูงก็ยิ่งต้องมีพรสวรรค์มาก ถ้าไม่มีพรสวรรค์ล้ำเลิศ จะไม่สามารถเข้าเขตเทวาได้เลย คนประเภทนี้โดยรวมแล้วก็คือขนหงส์เขากิเลน ก็คือสาเหตุที่ทำไมพวกท่านถึงไม่เห็นผู้มีพลังแห่งวิถียุทธ์ของจริงเลย เพราะมันน้อยมาก”“โอ้โฮ เป็นอย่างนี้นี่เอง!”ฉินอวิ๋นฟานมุมปากกระตุกเล็กน้อย วันนี้เซี่ยงเส้าเหยียนถือว่าเปิดคอร์สสอนวิชาวิถียุทธ์ให้เขาแล้ว เขาเข้าใจพลังแห่งวิถียุทธ์อย่างถ่องแท้สักที นี่มันไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะเข้าถึงได้จริง ๆก็ตอนนี้เอง จู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็มองไปทางเซี่ยงเส้าเหยียนและถามขึ้นว่า “เอ่อ อาเจ็ดเซี่ยง ข้าขอถามเสียงเบา ๆ หน่อยได้หรือไม่ ท่านขอบเขตไหนแล้ว?”เซี่ยงเส้าเหยียนสาธยายเป็นฉาก ๆ กระตุ้นต่อมอยากรู้ของฉินอวิ๋นฟานนานแล้ว ตระกูลวิถียุทธ์ที่น่าสะพรึงและลึกลับเช่นตระกูลเซี่ยงมีฝีมือขั้นไหนกันแน่“เอ่อ ข้า ข้าคือ...เขตปรมาจารย์!”เซี่ยงเส้าเหยียนขวยเขินเล็กน้อย อย่างไรนี่ก็คือเรื่องส่วนตัวของเขา และเป็นไพ่ตายของเขาด้วย ทว่าฉินอวิ๋นฟานคือนาย และเป็นฝ่ายราชวงศ์ที่ตระกูลเซี่ยงสวามิภักดิ์ จึงยังพูดออกมาในที่สุด “โอ้โฮ! ท่านเขตปรมาจารย์เชียว?! ขอบเขตนี้มีระดับประมาณไหน
ดวงตะวันสาดแสงอ่อน เมืองจัวประดับประดาไปด้วยโคมไฟ ตีฆ้องร้องป่าว เป็นภาพแห่งความครื้นเครงเป็นประกายสุกใสนานแล้ว ทั่วทั้งท้องถนนสองฝั่งอัดแน่นไปด้วยคน รอคอยการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่นี้!ในจวนเจ้าเมืองจัว ฉินอวิ๋นฟานแต่งตัวเต็มยศออกงาน ศีรษะประดับกวานหยกทอง ยืนอยู่ในห้องโถงใหญ่ สง่างามหล่อเหล่าไร้ที่เปรียบ ท่วงทำนองไร้ผู้ทัดเทียม เนื้อตัวบนล่างเต็มไปด้วยอำนาจ!“รัชทายาท องค์ชายใหญ่และองค์ชายรองถึงนอกประตูแล้วขอรับ รถม้าพร้อมแล้ว ทหารก็เตรียมตัวพร้อมแล้ว รอแต่ท่านออกคำสั่งขอรับ!”หลิวเป้ยยืนรายงานอยู่ตรงหน้าฉินอวิ๋นฟานด้วยความเคารพนอบน้อมที่สุด“อื่ม ได้เวลาแล้ว สมควรออกเดินทางแล้ว!”ฉินอวิ๋นฟานใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ เขาสะบัดแขนเสื้อใหญ่ เปล่งเสียงหนัก “ไป ตามข้าออกเดินทาง ไปเมืองอู่โจว!”“รับทราบ!”เหล่าผู้กล้าพร้อมใจเปล่งเสียง ความน่าเกรงขามคละคลุ้งจวนเจ้าเมือง ภายใต้การนำของฉินอวิ๋นฟาน ม้าเหล็กสองหมื่นคนตามอยู่ข้างหลัง ยกขบวนเดินอยู่บนถนนเมืองจัวอย่างเอิกเกริก อลังการอย่างหาที่เปรียบมิได้!ฉินอวิ๋นฟานเห็นชาวบ้านดีใจกระโดดโลดเต้นส่งเสียงกู่ร้องไปทั่วแล้วก็แย้มยิ้มแห่งความป
“เหอะ...”ฉินอวิ๋นฟานแค่นเสียงหัวเราะ ไม่สนใจฉินอวิ๋นคังที่กำลังหัวเสียอยู่ มีการคุ้มครองของเซี่ยงเส้าเหยียน ฉินอวิ๋นฟานยิ่งไม่หวาดกลัวต่อสิ่งใด ทั้งคนมีชีวิตชีวาขึ้นมาก!เมืองอู่โจวอยู่ห่างเมืองจัวไม่มากนัก ออกเดินทางประมาณเจ็ดโมงเช้า ฉินอวิ๋นฟานสามคนนำม้าเหล็กห้าหมื่นคนและผู้ติดตามกลุ่มหนึ่ง แค่สามชั่วยามก็ถึงใต้ประตูเมืองอู่โจวแล้วยามนี้ ประตูเมืองอู่โจวกำลังเปิดอ้า บนประตูเมืองมีทหารยืนเรียงแถวเป็นระเบียบ เยียนอวี่เฉินนำหลัวเทียนเป้า เซี่ยมู่ไป๋ตลอดจนขุนนางระดับสูงของต้าเยียนพร้อมผู้ติดตามปรากฏตัวอยู่ตรงประตูเมืองเยียนอวี่เฉินจ้องฉินอวิ๋นฟานที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ อย่างไม่ละสายตา เยียนอวี่เฉินที่คล้ายสงบ หากในใจกำลังกระวนกระวายอย่างยิ่ง นางตื่นเต้นจนเหงื่อชุ่มมือนานแล้ว ในใจเต็มไปด้วยความคาดหวังผู้ชายที่เท่และกักขฬะผู้นั้นกำลังจะปรากฏตัวต่อหน้านางอีกครั้งแล้ว ความรู้สึกที่หัวใจเต้นแรงอย่างนั้นช่างประหลาดยิ่งนัก!ให้ฉินอวิ๋นฟานนอนฝันก็ยังคิดไม่ถึง ข้างกายเขามีสาวงามชั้นยอดนับไม่ถ้วน ลูกไม้ก็ใช้ไปแล้วไม่น้อย แต่ก็ยังไม่ได้ตัวพวกนางมา สาวงามที่ได้มาจริง ๆ กลับเป็นองค์หญิงสามต้า
“ทะ ท่านไร้ยางอาย!”เซี่ยมู่ไป๋เดือดดาลคำพูดของฉินอวิ๋นฟานสุดเหวี่ยงเขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ หมดปัญญา ก่อนจะเปลี่ยนประเด็นทันที “องค์หญิงสาม วันนี้คือวันส่งมอบเมืองอู่โจว เราอย่าไร้สาระกับฉินอวิ๋นฟานเลย!”“อื่ม!”เวลานี้เยียนอวี่เฉินตระหนักถึงความไม่ชอบมาพากลแล้ว จึงหยุดถามและพูดด้วยสีหน้าอึมครึม “ฉินอวิ๋นฟาน ถ้าวันนี้เจ้าอยากได้เมืองอู่โจวกลับไป เช่นนั้นก็เก็บความเจ้าเล่ห์ของเจ้าเสีย อย่าเล่นลิ้นให้มาก” “ข้าเล่นลิ้นหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานแบมือออกและยิ้มแบบชั่วร้าย “ตามสัญญาเดิมพัน เจ้าก็คือเมียของข้าฉินอวิ๋นฟาน นี่คือเรื่องที่ไม่ต้องถกเถียง ข้าคิดถึงเมียของข้า มันผิดหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานหยอกเอินเยียนอวี่เฉินต่อแบบไม่เกรงกลัว ก่อนหน้านี้โจมตีพวกเยียนอวี่เฉินในตอนกลางคืน บัดนี้พบหน้าเยียนอวี่เฉินอีกครั้งในตอนกลางวัน ไม่นึกว่านางจะมีรูปโฉมงดงามเช่นนี้หลังจากบรรจงแต่งตัว มีความงามแห่งความสูงศักดิ์เหนือคนจริง ๆ นึกถึงพฤติกรรมเอาแต่ใจของตัวเองเมื่อก่อนหน้านี้ ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกตัวเองกำไรนัก บั้นท้ายกลมกลึงอวบอิ่มเด้งดึ๋งนั้น ช่างทำให้คนคิดถึงไม่รู้จบเยียนอวี่เฉินในตอนนี้ทั้งอาย ทั้งโมโห ท
“ทะ ท่าน ท่านปากคอเราะราย ปากคอเราะราย น่าชังยิ่งนัก!”เซี่ยมู่ไป๋โมโหจนเครากระพือยุ่งเหยิง ในฐานะที่กินเกลือมาก่อน เขาหรือจะไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ของฉินอวิ๋นฟาน? แต่เขาปฏิเสธไม่ได้ว่าที่ฉินอวิ๋นฟานพูดมาคือถูกต้อง“ผู้อาวุโสเซี่ย เขาก็เป็นแค่เจ้าแห่งการโต้คารม ไยท่านต้องใส่ใจด้วย? รีบดำเนินการให้เสร็จแล้วกลับกันเถอะ!”ตอนนี้เอง จู่ ๆ หลัวเทียนเป้าก็เดินมา เขายกยิ้มมุมปาก เผยความได้ใจ แม้จะเป็นกิริยาเล็กน้อยและเพียงแวบหนึ่ง แต่ฉินอวิ๋นฟานก็ยังจับได้ฉินอวิ๋นฟานอาจไม่คุ้นเคยกับคนอื่น ๆ ของต้าเยียน แต่พวกคนตรงหน้าเขารู้ดีที่สุด หลัวเทียนเป้าเป็นพวกแข็งกร้าว จะไม่ยอมคืนเมืองอู่โจวให้ต้าเฉียนแน่นอน ทว่าการกระทำของเขาในวันนี้เห็นชัดว่าผิดปกติอะไรทำให้เขามั่นใจอย่างนี้? ทำให้เขากล้ารีบคืนเมืองอู่โจวให้เร็วที่สุดแบบนี้?“น้องเจ็ด ภารกิจของเราในวันนี้คือรีบรับมอบเมืองอู่โจวให้เร็วที่สุด พยายามไม่ขัดแย้งกับคนต้าเยียน ขืนเจ้ากำแหงต่อไปจะไม่เป็นผลดีกับเรา”ในตอนที่ฉินอวิ๋นฟานกำลังใช้ความคิด ฉินอวิ๋นฮุยที่อยู่ด้านข้างพลันเอ่ยปาก ขัดความคิดของเขาครั้นฉินอวิ๋นฟานได้ยินก็หน้าตึง เขาผินหน้าเล็
“สัจจะคือพื้นฐานของความเป็นคน น้องอวี่เฉินทำได้ดีมาก”หลังจากรับตราขุนนางมา เมืองอู่โจวก็ถือว่าเป็นของต้าเฉียนโดยสมบูรณ์แล้ว ฉินอวิ๋นฟานเลื่อมใสในลักษณะของเยียนอวี่เฉินมาก แต่ที่เขาให้ความสำคัญกลับไม่ใช่หนึ่งเมือง หากเป็นใต้หล้า!ยามนี้ ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกสนใจเยียนอวี่เฉินมาก ก่อนหน้านี้อาจเพราะต่างฝ่ายต่างเป็นศัตรูกัน ฉินอวิ๋นฟานจึงระแวงเยียนอวี่เฉินมาก ทุกสิ่งทุกอย่างยึดถือประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้งดังนั้นในตอนแรกเขาจึงหยาบคายกับเยียนอวี่เฉิน ตอนนี้คิดย้อนดูแล้ว การตัดสินใจในตอนนั้นฉลาดล้ำเลิศโดยแท้ ได้ตัวเยียนอวี่เฉินมาจึงจะเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่“ฮึ ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าเจ้าจะรู้ว่าส่งมอบแล้วมิได้หมายถึงเสร็จสิ้นจริง ๆ มันเป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น!”เยียนอวี่เฉินแค่นเสียงพูด “สามเดือนให้หลัง พวกเราเจอกันที่ต้าเยียน หวังว่าเจ้าจะไม่เป็นเต่าหดหัว อย่าให้ข้าต้องดูถูกเจ้า!”หลังจากส่งมอบเมืองอู่โจวเสร็จ ความจริงเยียนอวี่เฉินรู้สึกกลัวกระวนกระวายมาก นางในเวลานี้วิตกกังวลอย่างหนัก กลัวว่ามอบเมืองอู่โจวให้ฉินอวิ๋นฟานแล้ว เขาจะพึงพอใจไม่ไปสู่ขอนางที่ต้าเยียนอีก!“อ้อ? ดูเหมือนว่าเจ้
ฉินอวิ๋นฮุยจ้องฉินอวิ๋นฟาน สายตามืดสว่างไม่แน่นอน เขาเลื่องชื่อเรื่องชำนาญการวางแผนกลอุบายในต้าเฉียน มีหรือจะไม่เข้าใจความหมายโดยนัยที่อีกฝ่ายพูดเฮ่อชินอ๋องฉินอ้าวอันตรายเพียงใด วิธีการน่ากลัวเพียงใด เขารู้ดีกว่าคนส่วนใหญ่ในที่นี้อีก นั่นคือราชสีห์เฒ่าที่ซ่อนเร้นมานานหลายสิบปีตัวหนึ่ง บัดนี้ตื่นขึ้นโดยสิ้นเชิงแล้ว“องค์ชายรอง ฉินอวิ๋นฟานคารมคมคายที่สุด ท่านอย่าได้หลงกลเขานะ”ยามนี้ถังเจิ้นไห่ใจร้อนดั่งไฟเผา หากฉินอวิ๋นฮุยหันหลังทิ้งเขา นั่นจะได้เปิดหูเปิดตาจริงแล้ว ความสัมพันธ์พันธมิตรที่เพิ่งก่อตั้ง พลังทลายลงด้วยผลประโยชน์อันยั่วยวนและการพูดไม่กี่คำของฉินอวิ๋นฟาน“ข้า...”ฉินอวิ๋นฮุยอยากจะพูดแต่ก็หยุดอีก ในใจสับสนนักยามที่เขาได้ประโยชน์จากฉินอวิ๋นฟานและร่วมมือกับอีกฝ่าย ในใจก็มีคำตอบแล้ว ติดที่ร่วมมือกับเฮ่อชินอ๋องเป็นครั้งแรกก็ต้องจบด้วยรูปแบบไม่รื่นรมย์เช่นนี้ มากน้อยยังลำบากใจอยู่บ้างนาทีนี้ ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วน้อย ๆ ที่แล้วมาพี่รองเป็นคนคำนวณแม่นยำ ความคิดชัดเจน สถานการณ์ในวันนี้เรียกว่าแค่มองก็รู้ คุณโทษเขาก็วิเคราะห์ได้ชัด ไม่นึกว่าพี่รองจะคิดหนักถึงขั้นนี้ทันใดนั้น
ถังเจิ้นไห่สีหน้าแย่ที่สุด นี่คือการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรก เข้าร่วมการชิงบัลลังก์อย่างโจ่งแจ้งและเป็นทางการของพวกเขา กลับต้องพ่ายแพ้ย่อยยับ เขาแค้นใจนัก ดังนั้นก็ต้องไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้อยู่แล้ว“เหอะ...รัชทายาท ข้าจำต้องยอมรับความต้องการก้าวสู้ความยิ่งใหญ่ของท่าน ทุกคนในที่นี้ถูกหลอกกันหมด ท่านคิดว่าตัวเองอาภรณ์ไร้ตะเข็บจริงหรือ?”ถังเจิ้นไห่เห็นฉินอวิ๋นฮุยหวั่นไหวจึงก้าวออกมาอีกครั้ง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องกวนน้ำให้ขุ่น จะให้ฉินอวิ๋นฟานสมหวังไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นขั้วอิทธิพลของพวกเขาจะกลายเป็นชุดวิวาห์ของฉินอวิ๋นฟานการทุ่มเทกายใจเพื่อให้คนอื่นประสบความสำเร็จ เขาไม่มีทางทำเด็ดขาด แม้ต้องเสี่ยงล่วงเกินไท่ซั่งหวง เขายังต้องก้าวออกมา ถึงอย่างไรผู้ที่อยู่ข้างหลังเขาก็คือเฮ่อชินอ๋อง โอรสสายพระโลหิตของไท่ซั่งหวงเขาไม่เชื่อว่าไท่ซั่งหวงจะกล้าฆ่ากระทั่งโอรสที่เหลืออยู่เพียงองค์เดียว“อ้อ? แม่ทัพผู้เฒ่าถัง ท่านหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฮุยขมวดคิ้วมุ่นอีกครั้ง ยามนี้ทุกย่างก้าวสำคัญต่อเขามาก เขาต้องระมัดระวังรอบคอบ นอกเสียจากเป็นเรื่องที่มีคุณไร้โทษต่อเขา เขาจึงจะออกมาแสดงจ
“เลอะเลือน?”ฉินอวิ๋นฮุยขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางพูด “น้องเจ็ด เจ้าหมายความว่ายังไง?”ชิงอำนาจผลประโยชน์มานานเช่นนี้ พวกเขาย่อมแบ่งแยกคุณโทษได้ชัดเจน ชนชั้นเจ้าของที่ดินคือรายได้และผลประโยชน์ส่วนสำคัญและเป็นความมั่นคงของบรรดาผู้มีอำนาจ คือวิธีการสำคัญในการบีบบังคับอำนาจราชวงศ์มาถึงฉินอวิ๋นฟานก็จะลงมือกับพวกเจ้าของที่ดิน ย่อมแตะจุดอ่อนไหวของพวกเขาเป็นธรรมดา พวกเขามิใช่คนเขลา ไม่มีทางให้ฉินอวิ๋นฟานสมปรารถนาง่าย ๆ หรอก ต่อให้ไม่ได้เมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูง พวกเขาก็จะไม่เปิดโอกาสให้ฉินอวิ๋นฟานง่าย ๆ อย่างแน่นอน!“พี่ใหญ่ พี่รอง หรือพวกท่านยังไม่เห็นอีก? ฮ่องเต้ต้าเฉียนแต่ละพระองค์ปวดหัวกับพวกเจ้าของที่ดินพวกนี้มากที่สุดใช่หรือไม่?”ฉินอวิ๋นฟานกล่าววาจาโน้มน้าวทีละขั้น“หือ?”ฉินอวิ๋นฮุยเลิกคิ้ว ไม่ได้ตอบคำถามของฉินอวิ๋นฟานโดยตรง เขากำลังใคร่ครวญอยู่ในใจ ก่อนขึ้นครองราชย์เขาจะต้องเป็นพวกเดียวกับเจ้าของที่ดินเหล่านี้ หากเขารู้ดีว่าในอดีตเสด็จพ่อทรงปวดศีรษะมากเพียงไร ถ้าเขาสามารถขึ้นตำแหน่งนั้น...จะต่างกันโดยสิ้นเชิง!“ท่านดูสิ ข้าแค่ใช้ที่ดินของพวกเจ้าของที่ดินเหล่านี้ผลิตธัญพืชมากขึ้น ภายใต้
“แน่นอน”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มอย่างมั่นใจ “ในเมื่อชาวบ้านเมืองจัวต่างเพาะปลูกข้าวผลผลิตสูงจนชีวิตความเป็นอยู่เริ่มดีแล้ว แล้วหม่อมฉันยังจะทำใจเห็นชาวบ้านเมืองอื่น ๆ หิวโหยได้อย่างไร?”“อ้อ? ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง ฟานเอ๋อร์ เจ้าคิดจะทำยังไง?”สายตาที่ไท่ซั่งหวงมองฉินอวิ๋นฟานเกิดความเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ทบทวนทุกเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานทำในวันนี้ นั่นล้วนแล้วแต่ทำให้เขารู้สึกปลื้มใจและตกตะลึงยิ่งนัก เรื่องแรกที่เขาทำก็คือเรื่องสำนักศึกษาหลวง บ่มเพาะผู้มีความสามารถเพื่ออนาคตของต้าเฉียนเรื่องที่สองคือก่อตั้งเมืองการค้าขนาดใหญ่ ให้คนจากทุกแคว้นมาค้าขายกับต้าเฉียน เช่นนี้จะทำให้ต้าเฉียนกลายเป็นศูนย์กลางการค้าโลก เศรษฐกิจของต้าเฉียนจะรุดหน้าแบบที่มิอาจหยุดยั้งเรื่องที่สามคือเรื่องที่ไท่ซั่งหวงปลาบปลื้มมากที่สุด โลกในปัจจุบัน การแก้ไขปัญหาปากท้องคือปัญหาใหญ่หลวงในศตวรรษนี้ ทว่าฟานเอ๋อร์ใส่ใจกับเรื่องนี้ตามที่เขาคาดคิดเอาไว้“เสด็จปู่ เป็นเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ ปริมาณการผลิตของข้าวข้ามสายพันธุ์สูงกว่าข้าวทั่วไปถึงเจ็ดเท่า ดังนั้นการกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวผลผลิตสูงนี้จะรอช้าไม่ได้”ฉินอวิ๋นฟานพูดเป็นการเป็นง
“เอ่อ... แต่เพียงแต่ข้าที่กังวลเช่นนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมีความกังวลนี้เหมือนกันกระมัง? อย่างไรเสีย ของอย่างบัญชีก็สามารถปลอมแปลงได้”เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดตามตรง ฉินอวิ๋นฮุยจึงไม่อ้ำอึ้งอีก การยกเรื่องไม่ดีมาพูดแต่แรกมิใช่เรื่องน่าอายอันใด เพราะมันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเขา เขาไม่อยากถูกฉินอวิ๋นฟานหลอก!“ฮ่า ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานลั่นเสียงหัวเราะทันที “พี่รองทำงานรอบคอบดังคาด น้องเจ็ดเลื่อมใส แต่ท่านคิดมากไปแล้ว ถ้าต้องดูแลเมืองการค้าสามเมือง คนของข้าไม่มีทางพอ ถ้าพวกท่านไม่ส่งคนมาช่วยงาน ข้าคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”“อ้อ? น้องเจ็ดพูดจริงรึ?!”เมื่อนั้นหัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของฉินอวิ๋นฮุยจึงสงบลง หากเขาสามารถให้คนเข้าร่วมอยู่ในเมืองการค้าทั้งสามเมืองได้ เช่นนั้นเขาจะวางใจได้แล้ว เพราะจะรับประกันผลประโยชน์ของเขาได้ทั้งหมด!“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านวางใจได้เลย ระหว่างพวกเราพี่น้องแม้เป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้านเมือง พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง มีเพียงเช่นนี้ต้าเฉียนเราจึงจะเฟื่องฟูได้นิรันดร์”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในเรื่องการค้า เครือเหิงไท่จะรับผิดชอบกิจการหลักท
ฉินอวิ๋นฟานกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อให้ใครกล้ามีความคิดส่วนตัวก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกเราต้องร่วมกันทำงาน หากไม่อยากเสียเมืองไป ไม่อยากตาย ทหารทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เป็นหนึ่งเดียวสู้กับภายนอก”“ดี ดีมาก ความคิดนี้ไม่เลว!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ไท่ซั่งหวงรู้อยู่แล้วว่าฉินอวิ๋นฟานต้องทุ่มเทเพื่อแผนการนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีทางคิดแผนการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้“อื่ม ไม่เลว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ได้ดีใจกับแผนการสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของฉินอวิ๋นฟาน เพราะแม้เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองจริง หากไร้ประโยชน์อันใดต่อพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขายังจะกลายเป็นคนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้งานอีกด้วยพวกเขาส่งทหารรักษาเมือง ฉินอวิ๋นฟานกอบโกยกำไรอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วฉินอวิ๋นฮุยก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือโดยแท้!ทว่าไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?ฉินอวิ๋นฟานรู้ความคิดของพวกเขาดี อีกอย่าง ถ้าครองผลงานเองในเวลานี้จะเป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเอามาก ๆ ฉินอวิ๋นฟานไม่ทำเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้หรอก!โบราณกล่าว ตบหน้าฉาดหนึ่งต้องให้พุทราหวานหนึ่งลูก อีกฝ่ายส่งทหารม
ขณะนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ ถ้อยคำชวนให้คนมีจิตใจฮึกเหิมของฉินอวิ๋นฟานวนเวียนอยู่ในหัวของ แม้ไท่ซั่งหวงเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน!รัชทายาทวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่ง ช่างเป็นชายชาตินักรบเลือดร้อนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน หากคนเช่นนี้เป็นจักรพรรดิ ไยต้องกลัวอนาคตต้าเฉียนจะไม่ศิวิไลซ์?“เกี่ยวกับการสร้างเมืองการค้าสี่แห่งในสี่ทิศของต้าเฉียน ทุกคนคัดค้านอย่างหนัก ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนมาก แต่ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ ข้าก็ต้องยอมรับเสียงและความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนว่ามาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน มีแต่ต้องทำให้ทำคนยอมรับเรื่องนี้จากใจจริง เขาจึงจะยึดสิทธิ์ความเป็นผู้นำได้ มิเช่นนั้นต่อให้ใช้กำลังผลักดันเรื่องนี้ คนเหล่านี้ต้องเล่นตุกติกลับหลังเขาแน่ เช่นนี้มีแต่จะทำให้รำคาญดังนั้นฉินอวิ๋นฟานเตรียมตัวกับการคัดค้านและความคิดของทุกคนแต่แรกแล้ว ต้องการแค่โอกาสประจวบเหมาะหนึ่ง เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคอิจฉาตาร้อนมีมากเหลือเกิน มีแต่ต้องคิดหาทางหยดยาดวงตาให้พวกเขาสักหน่อย จึงจะขจัดต้นตอของปัญหาได้ “นี่...”ผู้คนมากมายแน่นขนัดพูดไม่ออกสักคำ เพราะต่างมีความกังวลอยู่ในใจ ฉ
นาทีนี้ถังเจิ้นไห่ถูกโจมตีทำร้ายทางจิตใจอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานปากคอเราะรายน่ากลัวจริง ๆ การโจมตีของเขารวดเร็วนัก เขาต้านทานไม่ไหวเลยเขาจนปัญญากับการโจมตีของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ได้แต่ใช้สถานะข่มขู่ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะหยุดโจมตีเขาน่าเสียดาย แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร และไม่เคยเป็นพวกยอมเสียเปรียบ หากมีคนโจมตีเขา ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!ต้องถล่มอีกฝ่ายจนแพ้ราบคาบ นี่สิจึงจะเป็นเป้าหมายความเป็นคนของเขา และถังเจิ้นไห่ก็แตะเขตต้องห้ามของเขาพอดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่ไว้หน้าเขา!ครั้นพวกฉินอวิ๋นฮุยเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พากันมอบสายตาเห็นใจให้ถังเจิ้นไห่ พวกเขาเคยได้รับการสั่งสอนด้วยหมัดหนักจากฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย หากหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!ไท่ซั่งหวงและจางเต้าหลินฉายรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานจะหยาบคายไม่รื่นหูไปบ้าง แต่สะใจยิ่งนัก! นักวางแผนร้ายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดกลับจนต้องสงสัยในชีวิต เด็ดสะระตี่แท้!“เกินไป? ตอนนี้ท่านรู้ว่าเกินไป? ตอนที่ท่านสาดน้ำคลำใส่
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน