“เสี่ยวฟาน ตรวจสอบแล้วไม่มีปัญหา เข้าไปได้!”อู่จ้านเดินมาบอกด้วยความเคารพ“ดี!”ฉินอวิ๋นฟานนำ องค์ชายใหญ่และองค์ชายรองอยู่ทางซ้ายขวา เดินตรงเข้าห้องโถงใหญ่ของจวนเจ้าเมืองอู่โจว ในห้องโถงอันโอ่อ่า ทำให้ฉินอวิ๋นฟานอดสูดปากไม่ได้ สมกับที่เป็นเมืองเส้นทางการค้า รวย!“ในที่สุดเมืองอู่โจวเราก็กลับมาแล้ว!”ฉินอวิ๋นฟานนั่งอยู่ตรงตำแหน่งหลัก ยิ้มพูดด้วยความปีติ“ยินดีด้วยรัชทายาท!”หลิวเป้ย หานซิ่นและคนอื่น ๆ ค้อมตัวพูด ทำให้ฉินอวิ๋นฮุยและฉินอวิ๋นคังที่อยู่ด้านข้างหน้าเด๋อทันที ในฐานะที่เป็นองค์ชายผู้โดดเด่นในราชวงศ์ต้าเฉียนเหมือนกัน พวกเขากลับกล่าวคำยินดีต่อฉินอวิ๋นฟานเท่านั้น ทำให้พวกเขาไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไร“น้องเจ็ด ได้เมืองกลับคืนมาแล้ว แต่การจะรักษาไว้มันไม่...”ฉินอวิ๋นคังเพิ่งพูดได้ครึ่งเดียวก็ถูกฉินอวิ๋นฟานตวาดให้หยุดเห็นเพียงฉินอวิ๋นฟานนั่งสง่าอยู่บนแท่น เขารูปร่างสูงตรง แววตามุ่งมั่น พลังแข็งแกร่งขุมหนึ่งพัดหอบไปทั่วห้องโถง พาลให้ฉินอวิ๋นคังสะดุ้ง“หุบปาก! ที่นี่มีส่วนให้ท่านพูดได้หรือ?!”การตวาดกะทันหันของฉินอวิ๋นฟานทำให้ทุกคนเงียบราวกับจักจั่นในเหมันต์ฤดู สายตารวมศ
“เจ้า เจ้าด่าว่าข้าสมองหมู?”ถูกฉินอวิ๋นฟานลบหลู่ด่าทอต่อหน้าผู้คนอีกครั้ง ฉินอวิ๋นคังตับจะระเบิดอยู่แล้ว หากสายตาสามารถเอาชีวิตคนได้ ฉินอวิ๋นฟานคงถูกเขาฆ่าตายหมื่นครั้งเป็นที่เรียบร้อย“ฉินอวิ๋นคัง ข้าเรียกท่านว่าพี่ใหญ่และแบ่งผลงานให้พวกท่านส่วนหนึ่งได้ก็ถือว่าให้หน้ามากแล้ว ถ้ายังจะได้คืบเอาศอกก็ไม่ต้องมีมารยาทอีก”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงเย็น “ในเมื่อพวกท่านมาเพื่อพิทักษ์เมืองอู่โจว เช่นนั้นก็ควรทุ่มเทใจกับตำแหน่งของพวกท่าน ไม่ควรยืดแขนให้ยาวเกินไป นิสัยข้า ท่านรู้ดี อย่าบีบให้ข้าฟาดท่านนะ!”หลังจากรับมอบเมืองอู่โจว สุดยอดแผนการของฉินอวิ๋นฟานก็เริ่มเปิดฉากอย่างรวดเร็ว เขาไม่อนุญาตให้ใครสอดมือยุ่งเรื่องของเขา แต่ฉินอวิ๋นคังกลับหน้าไม่อายเช่นนี้ เขาหรือจะยอมตามใจ?เผชิญกับฉินอวิ๋นฟานที่แข็งกร้าวเช่นนี้ ฉินอวิ๋นคังหัวฟัดหัวเหวี่ยงจนกัดฟันแตก เรื่องดำเนินมาถึงขั้นนี้ อยู่เหนือความคาดหมายของเขาโดยสิ้นเชิงเห็นเพียงฉินอวิ๋นคังหรี่ตาทั้งคู่มองไปทางฉินอวิ๋นฮุย ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “น้องรอง นี่เจ้าหมายความว่ายังไง? ฉินอวิ๋นฟานเพิ่งหยามหน้าเจ้า เจ้ากลับนิ่งเฉย? อยู่ฝ่ายเดียวกับเขา? เจ้าบ้าไ
ครั้นได้ยินคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ฉินอวิ๋นคังโมโหจนแทบกระอักเลือด นี่ไม่ใช่รังแกกันโต้ง ๆ หรือ? ทหารของเขาต้องเสริมความแข็งแรงของเมืองตั้งแต่เมื่อไร? ถ้าข้าศึกรุกรานจะทำอย่างไร?“ท่านได้ยินถูกต้องแล้ว มีแต่คนที่เข้าร่วมกับแรงงานจึงจะประกันข้าวสามมื้อ คนที่ไม่ร่วม วันละมื้อ และจะให้แค่ข้าวถ้วยเดียวด้วย”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก“จะ เจ้า ฉินอวิ๋นฟาน เจ้าอย่าให้มันเกินไปนะ ทหารเราพวกนี้มาเพื่อคุ้มครองเมืองอู่โจว ไม่ใช่มาใช้แรงงาน!”ฉินอวิ๋นคังแยกเขี้ยวพูด“น้องเจ็ด ทหารข้าจะไปเข้าร่วมแรงงานในวันพรุ่งนี้ตรงเวลาแน่นอน”ตอนนี้เอง ฉินอวิ๋นฮุยยกยิ้มมุมปาก โจมตีฉินอวิ๋นคังแบบไม่ให้ตั้งตัว ภาพนี้ทำเอาฉินอวิ๋นคังเห็นแล้วโง่งมไปเลย ร่างกายแข็งทื่ออยู่กับที่“ดี ยังเป็นพี่รองที่รู้จักมอง ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้างเมือง ละทิ้งบุญคุณความแค้นส่วนตัวอย่างไม่ลังเล สนับสนุนผลประโยชน์ของบ้านเมืองทันที แบบอย่างที่ดี!”ฉินอวิ๋นฟานจำต้องยกนิ้วหัวแม่โป้งให้ฉินอวิ๋นฮุย นี่สิจึงเป็นวิสัยทัศน์และวิธีการของคนฉลาด เขาเอ่ยต่อ “ไม่เหมือนกับใครบางคน ตามุสิกแสงหนึ่งชุ่น จิตใจคับแคบ ไม่เห็นแก่บ้านเมืองสักนิด!
หวังจื้อในตอนนี้คิดอะไรมากไม่ได้แล้ว ดึงฉินอวิ๋นคังวิ่งออกไปนอกห้องโถง เวลาส่วนมากฉินอวิ๋นคังจะหัวแข็ง ขืนมีเรื่องต่อไปจะไม่เป็นผลดีกับเขาสักนิด“หวังจื้อ เจ้า เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? ทำไมรับปากความต้องการไร้เหตุผลของเจ้าบัดซบฉินอวิ๋นฟานได้?”เพิ่งออกจากห้องโถงใหญ่ ฉินอวิ๋นคังก็ตะคอกขึ้นมา นี่ไม่เท่ากับฉีกหน้าเขาแควก ๆ? ต่อไปจะให้เขาเป็นคนอย่างไร ถูกฉินอวิ๋นฟานรังแกจนพูดไม่ออก“เฮ้อ! องค์ชายใหญ่ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะใช้อารมณ์ทำงานนะ การเดินทางของเราครั้งนี้มีสายตานับไม่ถ้วนจับตาดูอยู่ ถ้าประมาทไปเพียงนิดเดียวจะถูกขยายความใหญ่โต มันไม่เป็นผลดีต่อการชิงบัลลังก์ของท่าน!”หวังจื้อถอนหายใจแรง ๆ ทีหนึ่งหวังจื้อเตือน ฉินอวิ๋นคังร่างกายผงะทีหนึ่ง เมื่อนั้นจึงได้สติกลับมา นึกถึงภาพที่ตัวเองถูกฉินอวิ๋นฟานข่ม แล้วคิดถึงการใช้กำลังข่มฉินอวิ๋นฟานเพื่อแบ่งผลงานของพวกเขาเมื่อก่อนหน้านี้ถ้าทำให้เป็นเรื่องใหญ่โต เกรงว่าเขาจะต้องกลายเป็นเป้าโจมตีของทุกคน ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของเขาในภายหลัง เมื่อนั้นสีหน้ากรุ่นโกรธของเขาจึงบรรเทาลงเล็กน้อย“แล้ว แล้ว แล้วตอนนี้ข้าจะทำยังไงดี?”ฉินอวิ๋นคังถามขึ้นด้วยค
ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน พวกเขาร่วมงานกันมาเป็นเวลานาน และค่อนข้างเข้าใจกันและกัน เลือกคนที่เหมาะสมจะเป็นเจ้าเมืองที่สุดน่าจะไม่ยากหลังจากปรึกษาหารือกันในเวลาสั้น ๆ หลิวเป้ยยังลุกขึ้นยืนและกล่าวอย่างจริงจัง “เรียนรัชทายาท พวกเขามีความเห็นเป็นเอกฉันท์ เซียวหยางเหมาะสมจะเป็นเจ้าเมืองอู่โจวมากที่สุดขอรับ”“เซียวหยาง? เซียวหยางที่นำประชาชนผู้ประสบภัยก่อจลาจลคนนั้น?”ฉินอวิ๋นฟานมีภาพจำฝังแน่นกับคนผู้นี้ และเป็นคนที่มีชื่อเสียงสูงสุดในหมู่ประชาชนผู้ประสบภัยในคราวนั้น ไม่เพียงเท่านี้ เซียวหยางยังเป็นคนที่มีความคิดนัก มีความสามารถกลุ่มเป็นเลิศ รับผิดชอบต่อประชาชนผู้ประสบภัยที่สุดในตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะหลิวเป้ยสามพี่นี้ปรากฏตัวทันเวลา การที่เขาจะเกลี้ยกล่อมเซียวหยางและพาทุกคนไปจับปลาไหล แก้ปัญหาบรรเทาภัยพิบัติคงเป็นจริงไม่ได้ ดังนั้นคนหนักแน่นซื่อสัตย์ประเภทนี้ มีความสามารถในการปฏิบัติงานดีเยี่ยม ไม่เลว!“ข้าน้อยเองขอรับ!”เซียวหยางทำงานอยู่ข้างตัวหลิวเป้ยมาตลอด แม้หลิวเป้ยจะให้ตำแหน่งขุนนางแก่เขาแล้ว แต่เขาก็ยังวางตัวต่ำมาก ทำงานในฐานะคนธรรมดาคนหนึ่ง ถ่อมตัวที่สุด“ไม่เลว ไม่เลวจริง ๆ”
“ขอรับ! ข้าน้อยทราบแล้ว!”หลิวเป้ยรู้ฝีมือของฉินอวิ๋นฟานดี เขาไม่เคยทำเรื่องที่ไม่มั่นใจ และฉินอวิ๋นฟานต้องการดำเนินงานขนานใหญ่กับเมืองอู่โจว ย่อมมีแนวทางและแผนการที่ชัดเจน พวกเขาย่อมสนับสนุนอย่างเต็มที่แน่“จริงสิ อาเจ็ดเซี่ยง ในเมื่อท่านเชี่ยวชาญพลังแห่งวิถียุทธ์ หรือไม่ก็ตรวจสอบพี่น้องเหล่านี้ของข้าหน่อยสิ ดูสิว่าพวกเขาพัฒนาศักยภาพได้อีกขั้นหรือไม่?”ฉินอวิ๋นฟานมองไปทางเซี่ยงเส้าเหยียนและพูด“อาจารย์เซี่ยง ได้ ได้ไหม?!”พออู่จ้านและพวกหลิวเป้ยได้ยินก็พลันยิ้มแป้น หากพูดจากมุมพลังแห่งวิถียุทธ์ พวกเขาเป็นผู้ที่อยู่นอกประตู ไม่มีทั้งวิธี ไม่มีทั้งผู้เชี่ยวชาญชี้แนะ ล้วนคลำทางด้วยตัวเองและครูพักลักจำจึงมาถึงระดับในทุกวันนี้ได้ถ้าสามารถได้ยอดฝีมือเขตปรมาจารย์ชี้แนะ ก็คือมีโอกาสพัฒนาไปอีกขั้นมิใช่หรือ? ถ้าพวกเขามีโอกาสเข้าสู่ขอบเขตยุทธ์แท้ ความสามารถต้องเพิ่มขึ้นมากแน่ หนำซ้ำยังมีความสามารถในการปกป้องตัวเองระดับหนึ่ง สำหรับพวกเขา นี่คือเรื่องดีใหญ่หลวงเรื่องหนึ่งเซี่ยงเส้าเหยียนหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะตอบ “นี่ไม่นับเป็นเรื่องใหญ่อะไร ไม่มีปัญหา!”ครั้นกล่าวจบ จางเฟยก็เดินปรี่ไปถึงต
เมื่อนั้นเซี่ยงเส้าเหยียนจึงเข้าใจ ในบรรดาคนเหล่านี้ แม้อู่จ้านจะอายุมากที่สุด กลับมีคุณสมบัติดีที่สุด แต่ตามอายุที่มากขึ้น พรสวรรค์เสียเปล่าไปไม่น้อยเหมือนกัน ถ้าตอนนั้นสามารถได้รับการชี้แนะและฝึกฝนอย่างดี เขาต้องมีพลังไม่น้อยไปกว่าตนแน่“อาเจ็ดเซี่ยง อาจ้านยังมีโอกาสเลื่อนขั้นหรือไม่?”ฉินอวิ๋นฟานรีบถามถึงอู่จ้านจะเป็นองครักษ์คนสนิทของเขา แต่สายใยระหว่างพวกเขาเฉกเช่นพ่อลูกอย่างไรอย่างนั้น ถ้าไม่มีอู่จ้าน เขาคงตายไปนานแล้ว เพื่ออู่จ้าน ฉินอวิ๋นฟานสามารถสนับสนุนและเชื่ออย่างไร้เงื่อนไขยามนี้อู่จ้านเต็มไปด้วยความหวัง หลังจากเผชิญกับการลอบสังหารร่วมกับฉินอวิ๋นฟานครั้งหนึ่ง เขาหวังยิ่งกว่าใคร ๆ ว่าจะสามารถเลื่อนระดับพลังได้ มีแต่พลังที่แข็งแกร่งพอจึงจะสามารถคุ้มครองความปลอดภัยของฉินอวิ๋นฟานได้ดียิ่งขึ้น“มี แต่เกรงว่าจะต้องจ่ายในราคาสูง!”เซี่ยงเส้าเหยียนขมวดคิ้วพูด“เรื่องจ่ายไม่ใช่ปัญหา ขอเพียงมีทางก็พอ ไม่ว่าจะต้องจ่ายด้วยอะไร ข้าก็ยอมได้ทั้งนั้น!”ฉินอวิ๋นฟานกล่าวเสียงหนัก“ความจริง ทางซีอวี้มียาตัดต่อหยกดำชั้นเลิศอยู่ชนิดหนึ่ง สามารถช่วยให้คนที่พลาดโอกาสฝึกได้รับโอกาสทะล
“รัชทายาทพูดถึงขนาดนี้แล้ว ข้าต้องพยายามซื้อยาตัดต่อหยกดำมาแบบสุดความสามารถแน่!”เซี่ยงเส้าเหยียนพูดด้วยท่าทีที่ทำให้คนตะลึงทีแรกอู่จ้านคิดจะปฏิเสธ กลับถูกฉินอวิ๋นฟานปรามเอาไว้ ในสายตาของฉินอวิ๋นฟาน ขอเพียงมีประโยชน์ต่ออู่จ้าน เขาจะยอมทำทุกอย่างเพื่อเขา หนึ่งร้อยล้านตำลึงเงินนับเป็นอะไร? พันล้านเขาจะไม่กะพริบตาเหมือนกัน!จากการตรวจสอบของเซี่ยงเส้าเหยียน คุณสมบัติของหลิวเป้ยพอ ๆ กับอู่จ้าน ทำให้คนยินดีนัก ถ้าสามารถซื้อยาตัดต่อหยกดำมาได้สองชิ้น และภายใต้การชี้แนะของเซี่ยงเส้าเหยียน ไม่นานพวกเขาก็จะสามารถเลื่อนขึ้นขอบเขตยุทธ์แท้ เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบหลังจากมอบหมายงานทั้งหลายแล้วเสร็จ พวกหลิวเป้ยก็เริ่มปฏิบัติทันที เริ่มดำเนินแผนงานใหญ่ทั่วทั้งเมืองอู่โจว.........เวลาดังกระสวย ไม่นานเวลาห้าวันก็มาถึง ฝีมือและแผนการสะพรึงโลกของฉินอวิ๋นฟานก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลก โดยเฉพาะต้าเยียนและต้าเฉียน ยิ่งกระพือให้เกิดคลื่นยักษ์น่ากลัว!“ฮ่า ๆ ๆ ๆ...”ในตำหนักเหยียนเหนียน พอไท่ซั่งหวงได้ฟังการรายงานจากเฉาเจิ้งฉุนก็ดีใจจนหุบปากไม่ลง ชายชราอายุแปดสิบคนหนึ่ง ดีใจเหมือนเด็กน้อยอย่างไรอ
ฉินอวิ๋นฮุยจ้องฉินอวิ๋นฟาน สายตามืดสว่างไม่แน่นอน เขาเลื่องชื่อเรื่องชำนาญการวางแผนกลอุบายในต้าเฉียน มีหรือจะไม่เข้าใจความหมายโดยนัยที่อีกฝ่ายพูดเฮ่อชินอ๋องฉินอ้าวอันตรายเพียงใด วิธีการน่ากลัวเพียงใด เขารู้ดีกว่าคนส่วนใหญ่ในที่นี้อีก นั่นคือราชสีห์เฒ่าที่ซ่อนเร้นมานานหลายสิบปีตัวหนึ่ง บัดนี้ตื่นขึ้นโดยสิ้นเชิงแล้ว“องค์ชายรอง ฉินอวิ๋นฟานคารมคมคายที่สุด ท่านอย่าได้หลงกลเขานะ”ยามนี้ถังเจิ้นไห่ใจร้อนดั่งไฟเผา หากฉินอวิ๋นฮุยหันหลังทิ้งเขา นั่นจะได้เปิดหูเปิดตาจริงแล้ว ความสัมพันธ์พันธมิตรที่เพิ่งก่อตั้ง พลังทลายลงด้วยผลประโยชน์อันยั่วยวนและการพูดไม่กี่คำของฉินอวิ๋นฟาน“ข้า...”ฉินอวิ๋นฮุยอยากจะพูดแต่ก็หยุดอีก ในใจสับสนนักยามที่เขาได้ประโยชน์จากฉินอวิ๋นฟานและร่วมมือกับอีกฝ่าย ในใจก็มีคำตอบแล้ว ติดที่ร่วมมือกับเฮ่อชินอ๋องเป็นครั้งแรกก็ต้องจบด้วยรูปแบบไม่รื่นรมย์เช่นนี้ มากน้อยยังลำบากใจอยู่บ้างนาทีนี้ ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วน้อย ๆ ที่แล้วมาพี่รองเป็นคนคำนวณแม่นยำ ความคิดชัดเจน สถานการณ์ในวันนี้เรียกว่าแค่มองก็รู้ คุณโทษเขาก็วิเคราะห์ได้ชัด ไม่นึกว่าพี่รองจะคิดหนักถึงขั้นนี้ทันใดนั้น
ถังเจิ้นไห่สีหน้าแย่ที่สุด นี่คือการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรก เข้าร่วมการชิงบัลลังก์อย่างโจ่งแจ้งและเป็นทางการของพวกเขา กลับต้องพ่ายแพ้ย่อยยับ เขาแค้นใจนัก ดังนั้นก็ต้องไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้อยู่แล้ว“เหอะ...รัชทายาท ข้าจำต้องยอมรับความต้องการก้าวสู้ความยิ่งใหญ่ของท่าน ทุกคนในที่นี้ถูกหลอกกันหมด ท่านคิดว่าตัวเองอาภรณ์ไร้ตะเข็บจริงหรือ?”ถังเจิ้นไห่เห็นฉินอวิ๋นฮุยหวั่นไหวจึงก้าวออกมาอีกครั้ง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องกวนน้ำให้ขุ่น จะให้ฉินอวิ๋นฟานสมหวังไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นขั้วอิทธิพลของพวกเขาจะกลายเป็นชุดวิวาห์ของฉินอวิ๋นฟานการทุ่มเทกายใจเพื่อให้คนอื่นประสบความสำเร็จ เขาไม่มีทางทำเด็ดขาด แม้ต้องเสี่ยงล่วงเกินไท่ซั่งหวง เขายังต้องก้าวออกมา ถึงอย่างไรผู้ที่อยู่ข้างหลังเขาก็คือเฮ่อชินอ๋อง โอรสสายพระโลหิตของไท่ซั่งหวงเขาไม่เชื่อว่าไท่ซั่งหวงจะกล้าฆ่ากระทั่งโอรสที่เหลืออยู่เพียงองค์เดียว“อ้อ? แม่ทัพผู้เฒ่าถัง ท่านหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฮุยขมวดคิ้วมุ่นอีกครั้ง ยามนี้ทุกย่างก้าวสำคัญต่อเขามาก เขาต้องระมัดระวังรอบคอบ นอกเสียจากเป็นเรื่องที่มีคุณไร้โทษต่อเขา เขาจึงจะออกมาแสดงจ
“เลอะเลือน?”ฉินอวิ๋นฮุยขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางพูด “น้องเจ็ด เจ้าหมายความว่ายังไง?”ชิงอำนาจผลประโยชน์มานานเช่นนี้ พวกเขาย่อมแบ่งแยกคุณโทษได้ชัดเจน ชนชั้นเจ้าของที่ดินคือรายได้และผลประโยชน์ส่วนสำคัญและเป็นความมั่นคงของบรรดาผู้มีอำนาจ คือวิธีการสำคัญในการบีบบังคับอำนาจราชวงศ์มาถึงฉินอวิ๋นฟานก็จะลงมือกับพวกเจ้าของที่ดิน ย่อมแตะจุดอ่อนไหวของพวกเขาเป็นธรรมดา พวกเขามิใช่คนเขลา ไม่มีทางให้ฉินอวิ๋นฟานสมปรารถนาง่าย ๆ หรอก ต่อให้ไม่ได้เมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูง พวกเขาก็จะไม่เปิดโอกาสให้ฉินอวิ๋นฟานง่าย ๆ อย่างแน่นอน!“พี่ใหญ่ พี่รอง หรือพวกท่านยังไม่เห็นอีก? ฮ่องเต้ต้าเฉียนแต่ละพระองค์ปวดหัวกับพวกเจ้าของที่ดินพวกนี้มากที่สุดใช่หรือไม่?”ฉินอวิ๋นฟานกล่าววาจาโน้มน้าวทีละขั้น“หือ?”ฉินอวิ๋นฮุยเลิกคิ้ว ไม่ได้ตอบคำถามของฉินอวิ๋นฟานโดยตรง เขากำลังใคร่ครวญอยู่ในใจ ก่อนขึ้นครองราชย์เขาจะต้องเป็นพวกเดียวกับเจ้าของที่ดินเหล่านี้ หากเขารู้ดีว่าในอดีตเสด็จพ่อทรงปวดศีรษะมากเพียงไร ถ้าเขาสามารถขึ้นตำแหน่งนั้น...จะต่างกันโดยสิ้นเชิง!“ท่านดูสิ ข้าแค่ใช้ที่ดินของพวกเจ้าของที่ดินเหล่านี้ผลิตธัญพืชมากขึ้น ภายใต้
“แน่นอน”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มอย่างมั่นใจ “ในเมื่อชาวบ้านเมืองจัวต่างเพาะปลูกข้าวผลผลิตสูงจนชีวิตความเป็นอยู่เริ่มดีแล้ว แล้วหม่อมฉันยังจะทำใจเห็นชาวบ้านเมืองอื่น ๆ หิวโหยได้อย่างไร?”“อ้อ? ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง ฟานเอ๋อร์ เจ้าคิดจะทำยังไง?”สายตาที่ไท่ซั่งหวงมองฉินอวิ๋นฟานเกิดความเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ทบทวนทุกเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานทำในวันนี้ นั่นล้วนแล้วแต่ทำให้เขารู้สึกปลื้มใจและตกตะลึงยิ่งนัก เรื่องแรกที่เขาทำก็คือเรื่องสำนักศึกษาหลวง บ่มเพาะผู้มีความสามารถเพื่ออนาคตของต้าเฉียนเรื่องที่สองคือก่อตั้งเมืองการค้าขนาดใหญ่ ให้คนจากทุกแคว้นมาค้าขายกับต้าเฉียน เช่นนี้จะทำให้ต้าเฉียนกลายเป็นศูนย์กลางการค้าโลก เศรษฐกิจของต้าเฉียนจะรุดหน้าแบบที่มิอาจหยุดยั้งเรื่องที่สามคือเรื่องที่ไท่ซั่งหวงปลาบปลื้มมากที่สุด โลกในปัจจุบัน การแก้ไขปัญหาปากท้องคือปัญหาใหญ่หลวงในศตวรรษนี้ ทว่าฟานเอ๋อร์ใส่ใจกับเรื่องนี้ตามที่เขาคาดคิดเอาไว้“เสด็จปู่ เป็นเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ ปริมาณการผลิตของข้าวข้ามสายพันธุ์สูงกว่าข้าวทั่วไปถึงเจ็ดเท่า ดังนั้นการกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวผลผลิตสูงนี้จะรอช้าไม่ได้”ฉินอวิ๋นฟานพูดเป็นการเป็นง
“เอ่อ... แต่เพียงแต่ข้าที่กังวลเช่นนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมีความกังวลนี้เหมือนกันกระมัง? อย่างไรเสีย ของอย่างบัญชีก็สามารถปลอมแปลงได้”เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดตามตรง ฉินอวิ๋นฮุยจึงไม่อ้ำอึ้งอีก การยกเรื่องไม่ดีมาพูดแต่แรกมิใช่เรื่องน่าอายอันใด เพราะมันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเขา เขาไม่อยากถูกฉินอวิ๋นฟานหลอก!“ฮ่า ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานลั่นเสียงหัวเราะทันที “พี่รองทำงานรอบคอบดังคาด น้องเจ็ดเลื่อมใส แต่ท่านคิดมากไปแล้ว ถ้าต้องดูแลเมืองการค้าสามเมือง คนของข้าไม่มีทางพอ ถ้าพวกท่านไม่ส่งคนมาช่วยงาน ข้าคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”“อ้อ? น้องเจ็ดพูดจริงรึ?!”เมื่อนั้นหัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของฉินอวิ๋นฮุยจึงสงบลง หากเขาสามารถให้คนเข้าร่วมอยู่ในเมืองการค้าทั้งสามเมืองได้ เช่นนั้นเขาจะวางใจได้แล้ว เพราะจะรับประกันผลประโยชน์ของเขาได้ทั้งหมด!“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านวางใจได้เลย ระหว่างพวกเราพี่น้องแม้เป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้านเมือง พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง มีเพียงเช่นนี้ต้าเฉียนเราจึงจะเฟื่องฟูได้นิรันดร์”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในเรื่องการค้า เครือเหิงไท่จะรับผิดชอบกิจการหลักท
ฉินอวิ๋นฟานกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อให้ใครกล้ามีความคิดส่วนตัวก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกเราต้องร่วมกันทำงาน หากไม่อยากเสียเมืองไป ไม่อยากตาย ทหารทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เป็นหนึ่งเดียวสู้กับภายนอก”“ดี ดีมาก ความคิดนี้ไม่เลว!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ไท่ซั่งหวงรู้อยู่แล้วว่าฉินอวิ๋นฟานต้องทุ่มเทเพื่อแผนการนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีทางคิดแผนการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้“อื่ม ไม่เลว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ได้ดีใจกับแผนการสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของฉินอวิ๋นฟาน เพราะแม้เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองจริง หากไร้ประโยชน์อันใดต่อพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขายังจะกลายเป็นคนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้งานอีกด้วยพวกเขาส่งทหารรักษาเมือง ฉินอวิ๋นฟานกอบโกยกำไรอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วฉินอวิ๋นฮุยก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือโดยแท้!ทว่าไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?ฉินอวิ๋นฟานรู้ความคิดของพวกเขาดี อีกอย่าง ถ้าครองผลงานเองในเวลานี้จะเป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเอามาก ๆ ฉินอวิ๋นฟานไม่ทำเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้หรอก!โบราณกล่าว ตบหน้าฉาดหนึ่งต้องให้พุทราหวานหนึ่งลูก อีกฝ่ายส่งทหารม
ขณะนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ ถ้อยคำชวนให้คนมีจิตใจฮึกเหิมของฉินอวิ๋นฟานวนเวียนอยู่ในหัวของ แม้ไท่ซั่งหวงเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน!รัชทายาทวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่ง ช่างเป็นชายชาตินักรบเลือดร้อนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน หากคนเช่นนี้เป็นจักรพรรดิ ไยต้องกลัวอนาคตต้าเฉียนจะไม่ศิวิไลซ์?“เกี่ยวกับการสร้างเมืองการค้าสี่แห่งในสี่ทิศของต้าเฉียน ทุกคนคัดค้านอย่างหนัก ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนมาก แต่ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ ข้าก็ต้องยอมรับเสียงและความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนว่ามาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน มีแต่ต้องทำให้ทำคนยอมรับเรื่องนี้จากใจจริง เขาจึงจะยึดสิทธิ์ความเป็นผู้นำได้ มิเช่นนั้นต่อให้ใช้กำลังผลักดันเรื่องนี้ คนเหล่านี้ต้องเล่นตุกติกลับหลังเขาแน่ เช่นนี้มีแต่จะทำให้รำคาญดังนั้นฉินอวิ๋นฟานเตรียมตัวกับการคัดค้านและความคิดของทุกคนแต่แรกแล้ว ต้องการแค่โอกาสประจวบเหมาะหนึ่ง เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคอิจฉาตาร้อนมีมากเหลือเกิน มีแต่ต้องคิดหาทางหยดยาดวงตาให้พวกเขาสักหน่อย จึงจะขจัดต้นตอของปัญหาได้ “นี่...”ผู้คนมากมายแน่นขนัดพูดไม่ออกสักคำ เพราะต่างมีความกังวลอยู่ในใจ ฉ
นาทีนี้ถังเจิ้นไห่ถูกโจมตีทำร้ายทางจิตใจอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานปากคอเราะรายน่ากลัวจริง ๆ การโจมตีของเขารวดเร็วนัก เขาต้านทานไม่ไหวเลยเขาจนปัญญากับการโจมตีของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ได้แต่ใช้สถานะข่มขู่ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะหยุดโจมตีเขาน่าเสียดาย แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร และไม่เคยเป็นพวกยอมเสียเปรียบ หากมีคนโจมตีเขา ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!ต้องถล่มอีกฝ่ายจนแพ้ราบคาบ นี่สิจึงจะเป็นเป้าหมายความเป็นคนของเขา และถังเจิ้นไห่ก็แตะเขตต้องห้ามของเขาพอดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่ไว้หน้าเขา!ครั้นพวกฉินอวิ๋นฮุยเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พากันมอบสายตาเห็นใจให้ถังเจิ้นไห่ พวกเขาเคยได้รับการสั่งสอนด้วยหมัดหนักจากฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย หากหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!ไท่ซั่งหวงและจางเต้าหลินฉายรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานจะหยาบคายไม่รื่นหูไปบ้าง แต่สะใจยิ่งนัก! นักวางแผนร้ายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดกลับจนต้องสงสัยในชีวิต เด็ดสะระตี่แท้!“เกินไป? ตอนนี้ท่านรู้ว่าเกินไป? ตอนที่ท่านสาดน้ำคลำใส่
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน