แต่ถ้าเขาไม่สามารถขึ้นนั่งตำแหน่งสูงสุดนั้นจริง สำหรับประชาชน ระบบนี้จะกลายเป็นนรกของพวกเขา เป็นกรงขังของพวกเขาทันทีที่แคว้นอื่นเลียนแบบจะเป็นขั้นตอนการพัฒนาที่เร็วมาก บ้านเมืองนี้จะเดินไปในทิศทางไหน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความคิดและความตั้งใจของชนชั้นสูง รุ่งเรืองหรือล่มสลาย“มีเรื่องน่ายินดีก็มีเรื่องน่ากังวล วิธีของฟานเอ๋อร์ไม่ผิด แต่มันจะทำให้เกิดปฏิกิริยาซับซ้อน และจะเป็นเรื่องใหญ่โตมโหฬาร”ไท่ซั่งหวงทั้งดีใจและกังวล หากนี่ก็คือความล่วงเลยของยุคสมัย และการพัฒนายุคสมัยด้วย เนื่องจากมีผู้สร้างเหล่านี้ จึงทำให้เกิดยุคสมัยที่แตกต่างกันยุคแล้วยุคเล่า“พ่ะย่ะค่ะ!”เฉาเจิ้งฉุนพยักหน้าเห็นด้วย......ช่วงเวลาเดียวกัน ฮั่วเจิ้นหลงปรากฏตัวอยู่ที่ตระกูลเริ่น ฟังการรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชา สีหน้าของท่านผู้เฒ่าเริ่นอึมครึมที่สุด เขาเอ่ยเสียงหนัก “ฉินอวิ๋นฟานซุกซ่อนอุบายเก่งจริง ๆ แกล้งโง่มานานหลายปีอย่างนี้ พวกเรากลับไม่ตงิดใจสักนิด?”“วิธีการปกครองแบบนี้ แทบจะเป็นตัวตนเช่นมารร้าย เทียบกับเขาแล้ว คังเอ๋อร์ราวกับขยะ!”ที่ผ่านมาท่านผู้เฒ่าเริ่นไม่ชอบถามเรื่องการต่อสู้พวกนี้นัก เพื่อฝึกคว
ในจวนตระกูลเหอต้าเฉียน ท่านผู้เฒ่าเหอ เหอเหวินเย่า เหอกุ้ยเฟยและคนสำคัญในตระกูลกำลังชุมนุมกันอยู่ในห้องโถง ทุกคนต่างมีสีหน้าย่ำแย่“ท่านพ่อ ฉินอวิ๋นฟานน่ากลัวนัก ฝีไม้ลายมือมีไม่รู้จบ เพิ่งรับเมืองอู่โจวมา เขากลับใช้เวลาแค่ห้าวันก็ควบคุมภาพรวมได้แล้ว น่ากลัวจริง ๆ”เหอเหวินเย่ากล่าวด้วยใบหน้าขื่นขม “ต่อหน้าฉินอวิ๋นฟาน องค์ชายใหญ่กับฮุยเอ๋อร์กลายเป็นไม่โดดเด่น ฝีมือความสามารถต่างกันราวฟ้ากับดิน ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป อีกไม่นานชื่อเสียงของฉินอวิ๋นฟานมิต้องเหนือพวกเขาแล้วหรือ?”“ศึกชิงบัลลังก์ดี ๆ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้? ทำไมความสามารถของทั้งสามคนจึงต่างกันขนาดนี้ได้?”ทุกคนต่างมีสีหน้าเหลือเชื่อ ฝีมือที่ฉินอวิ๋นฟานแสดงให้เห็นกลบความรู้ความเข้าใจของทุกคนในที่นี้อย่างสิ้นเชิงสมัยก่อน การต่อสู้ระหว่างองค์ชายยังถือว่าปกติ ตอนนี้กลับพบว่าหากเทียบกับฉินอวิ๋นฟานแล้ว พวกเขาคือคนละระดับชั้น“เหอะ ระบบลงทะเบียนทะเบียนราษฎร์ดีนี่”ท่านผู้เฒ่าเหอสีหน้าเย็นชา “อายุอานามน้อย ๆ ก็คิดระบบการจัดการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ได้แล้ว ทั้งยังออกนโยบายตกรางวัลลงโทษเร็วปานสายฟ้าแลบ ช่างเปิดโลกให้ตาแก่อย่างข้าจร
“อดีตฮ่องเต้สวรรคตแล้ว ถึงฉินอวิ๋นฟานจะเก่งกาจไร้เทียมทาน แต่ตำแหน่งสูงสุดนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะนั่งได้ง่าย ๆ อีกอย่าง ถึงอดีตฮ่องเต้ยังมีพระชนม์อยู่ ก็ไม่แน่ว่าจะรับรองให้ฉินอวิ๋นฟานขึ้นครองราชย์ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้?”ท่านผู้เฒ่าเหอกล่าวด้วยสีหน้าเข้มขรึม “สถานการณ์ในปัจจุบันของต้าเฉียนก็คือโจ๊กเละหม้อหนึ่ง ใครจะหัวเราะถึงตอนท้ายมันยังไม่แน่!”“ตอนนี้ฉินอวิ๋นฟานไม่มีตระกูลและขั้วอิทธิพลไหนสนับสนุน กลับกล้าแสดงความสามารถและฝีมือเหนือคนเช่นนี้ ขั้วอิทธิพลใหญ่ต่าง ๆ ในต้าเฉียนจะยอมให้มีคนเก่งกาจเช่นนี้อยู่หรือ?”“เข้าใจแล้วขอรับ ความหมายของท่านพ่อคือ ความสามารถและฝีมือเหนือคนที่ฉินอวิ๋นฟานแสดงออกมาในเวลานี้ จะต้องดึงความสนใจและความอิจฉาของขั้วอิทธิพลอื่นแน่ นี่เรียกว่าไม้เด่นกว่าป่า ย่อมต้องถูกลมโค่นก่อน?”เหอเหวินเย่าพูดด้วยดวงตาเป็นประกาย“มิผิด!”ท่านผู้เฒ่าเหอกล่าวด้วยสายตาลุ่มลึก “รีบส่งคนไปเมืองอู่โจวเร็ว จับตาดูฮุยเอ๋อร์ ต้องมีผลงาน ต่อสู้ให้น้อย ทำคะแนนให้มาก พยายามแสดงความสามารถของตัวเองสักหน่อย ต้องทำตัวเองให้มีตัวตน”“ขอรับ ท่านพ่อ ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!”เพื่อช่วยฉินอ
“ท่าน ท่านพ่อ ข้า ข้าทราบแล้ว ข้าจะไม่ทำผิดอีกขอรับ!”จ้องสายตาที่เต็มไปด้วยอายพิฆาตนั้นของบิดา หัวใจของฉินยวนตกสู่เหวลึก ตื่นตระหนกหวาดกลัวถึงขีดสุด ไม่มีใครรู้น้ำหนักคำพูดนี้ของบิดาไปมากกว่าเขาอีกแล้ว ต่อหน้าผลประโยชน์ บิดาบังเกิดเกล้าก็ยังฆ่าได้ นับประสาอะไรกับลูก?ที่เขาชอบทำเรื่องทรมานคนบ่อย ๆ ก็เพราะรับความกดดันทางจิตใจและถูกทรมานจากบิดา ดังนั้นเขาจึงใช้วิธีการสุดขั้วนี้ในการทรมานคนเพื่อเป็นการระบายอารมณ์ยามนี้ บิดาขีดเส้นตายให้เขาแล้ว เขายังจะกล้าก่อเรื่องอีกที่ไหน? รีบคลานขึ้นมาแล้วหนีไปจากสถานที่ถูกผิดนี้โดยเร็วในดวงตาของถังเจิ้นไห่และฉินอวิ๋นกว่างสองคนมีแต่ความตะลึง เมื่อครู่ท่านอ๋องดูไม่เหมือนกำลังล้อเล่น หรือว่าเขาจะกล้าเอาชีวิตลูกชายแท้ ๆ ของตัวเองจริง?“ศึกชิงบัลลังก์ดุเดือดมากขึ้นทุกที พวกเขาก็ต้องเร่งงานกันอย่างลับ ๆ แล้ว แผนครั้งนี้จะผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด!”ฉินอ้าวมองไปทางถังเจิ้นไห่และฉินอวิ๋นกว่างพลางเอ่ยเสียงเข้มถังเจิ้นไห่พูดด้วยสีหน้าขวัญผวา “ขอรับ ท่านอ๋อง ข้าน้อยจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ขอรับ!”ม่านรัตติกาลมาถึง หวงต้าหยวนยืนอยู่บนชั้นสูงสุดของหอวั่งเจียง สั
“บ้าเอ๊ย! คนของเรากลับถูกเจ้าบัดซบฉินอวิ๋นฟานเขี่ยออกไปหมด คงควบคุมเมืองอู่โจวไม่ได้แล้ว!”ในเมืองหานกู่ หลัวเทียนเป้าเดือดดาลถึงขีดสุด ตะคอกอย่างคลุ้มคลั่งยามนี้เยียนอวี่เฉินหน้าตาบึ้งตึงเหมือนกัน ฉินอวิ๋นฟานเล่นงานกะทันหันทำให้นางตั้งตัวไม่ทัน ทีแรกนึกว่าเป็นแผนที่สามารถคุมฉินอวิ๋นฟานได้อยู่หมัดแล้ว ไม่นึกว่าจะถูกฉินอวิ๋นฟานขจัดได้โดยง่ายดายเมื่อเมืองอู่โจวเสียการควบคุม สำหรับพวกเขาต้าเยียนคือการสูญเสียขนานใหญ่อย่างมิต้องสงสัย ตอนนี้นางนับวันจะยิ่งดูฉินอวิ๋นฟานไม่ออกแล้ว หัวของเขาคิดอะไรอยู่กันแน่? ตกลงเขาหมายร่วมมือกับต้าเยียน หรือมีจุดประสงค์อื่น?“คนผู้นี้แผนการเช่นมารร้าย ห้าวันก็กำจัดขุนนางทั้งเมืองอู่โจวได้แล้ว คนของเขาถูกเขี่ยออกทีละคน แถมคนที่คิดจะสวามิภักดิ์ต่อขุนนางเราก็ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้อำนาจ ข่มขู่ และใช้ผลประโยชน์หลอกล่อให้ลงนามสวามิภักดิ์ หันกลับไปเชื่อฟังฉินอวิ๋นฟานกันหมด”เซี่ยมู่ไป๋ส่ายหน้าด้วยความจนใจ รู้สึกอ่อนแรงสุดจิตสุดใจกับฝีมือรวดเร็วปานสายฟ้าที่ฉินอวิ๋นฟานแสดงออกมา เขาเริ่มสงสัยแล้ว คนที่มีความสามารถเหนือคนเช่นนี้จะเดินทางลัด ยอมอยู่ใต้อาณัติของต้าเยียน
“หือ? คนของต้าเยียนขอพบ?”ฉินอวิ๋นคังหน้านิ่งไปชั่วขณะ จากนั้นก็กลายเป็นระแวงขึ้นมา อย่างไรต้าเยียนก็คือแคว้นอริ ต่างฝ่ายต่างมีความขัดแย้งต่อกันอย่างใหญ่หลวง การที่พวกเขามาเยือนยามดึกกะทันหัน เห็นชัดว่ามีเรื่องสำคัญอยากปรึกษาฉินอวิ๋นคังพูดด้วยใบหน้าระวัง “ท่านกุนซือ เราเพิ่งดำเนินการตามแผนของเรา คนของต้าเยียนก็มาหา คงไม่บังเอิญขนาดนี้กระมัง?”“คงไม่ เรื่องนี้ท่านห้าเป็นคนจัดการเอง และยังเป็นการลดการส่งเกลือบริโภคแบบค่อยเป็นค่อยไป เพิ่งจะหยุดส่งเมื่อไม่กี่วันนี้เอง คนทั่วไปจะไม่สังเกตเห็นเรื่องนี้หรอก”หวังจื้อเอ่ย “ในเมื่อพวกเขามากันแล้ว มิสู้พวกเราพบสักหน่อย ดูสิว่าครั้งนี้พวกเขามาด้วยเรื่องอันใด!”แม้ในใจฉินอวิ๋นคังยังกังวลประมาณหนึ่งเหมือนเดิม แต่สุดท้ายก็ยังเห็นด้วยกับความคิดของหวังจื้อ จึงเอ่ยเสียงหนัก “ให้พวกเขาเข้ามาเถอะ!”ครั้นสิ้นเสียง ประตูถูกบ่าวรับใช้เปิดออกเบา ๆ ชายชุดดำคนหนึ่งเดิมเข้าห้องโถง เขาถอดหมวกสีดำออกและเอ่ย “คำนับองค์ชายใหญ่แห่งต้าเฉียน”“เจ้าคือใคร? มาด้วยเรื่องอันใด?”ฉินอวิ๋นคังเห็นคนผู้นี้ลับ ๆ ล่อ ๆ จึงระแวดระวัง เพราะคนของต้าเยียนปรากฏตัวที่จวนของเ
เขาเอ่ยเสียงเข้ม “พวกเจ้ากระทำการโจ่งแจ้งเช่นนี้แล้ว พวกเราจะยังไม่รู้ได้ยังไง?!”“ในเมื่อหลัวเทียนเป้าให้เจ้ามาเจรจากับองค์ชายใหญ่ของเรา นั่นก็หมายถึงสัมพันธ์ระหว่างพวกเจ้ามิได้ตื้นเขิน และหมายถึงเรื่องที่สินค้าถูกปล้นเมื่อหนึ่งปีกว่าก่อนครั้งนั้น คือละครที่พวกเขาเล่นกันเอง ใช่หรือไม่!”“หลักแหลม!”จางหมาจื่อยอมรับเรื่องนี้แบบไม่ลังเลแม้แต่น้อย นับแต่วินาทีที่เขาย่างเท้าเข้าจวนของฉินอวิ๋นคังก็รู้ว่าได้รับการอนุญาตจากหลัวเทียนเป้าแล้ว จึงไม่คิดปิดบังเรื่องในตอนนั้นกับฉินอวิ๋นคังอีกและนี่ก็คือสัญญาที่พวกเขาจะร่วมมือกับฉินอวิ๋นคัง มีแต่อย่างนี้จึงจะบรรลุเป้าหมายของกันและกัน!“อย่างนี้นี่เอง!”ฉินอวิ๋นคังกรุ่นโกรธลุกพรวดขึ้นมา เขาพูดเสียงหนาว “เอาไปเอามา ที่แท้ก็คือพวกเจ้าหมาป่าตัวเป้ยสมคบคิด [1] จุดประสงค์ก็เพื่อยึดเมืองอู่โจวของต้าเฉียนเรา?!”“องค์ชายใหญ่ ท่านไม่จำเป็นต้องโมโหไปหรอก!”จางหมาจื่อยิ้มน้อย ๆ “เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะ เอาความขึ้นมาก็ไร้ประโยชน์ อีกอย่าง เมืองอู่โจวก็คืนให้พวกท่านต้าเฉียนแล้วมิใช่หรือ?”“นี่มันคนละเรื่องกัน!”องค์ชายใหญ่ยังคงทำหน้าบึ้
นึกถึงว่ามีโอกาสกำจัดฉินอวิ๋นฟาน ฉินอวิ๋นคังทั้งตื่นเต้นและกลัว ทันทีที่ฉินอวิ๋นฟานถูกฆ่า ความกดดันในการแข่งขันของเขาจะลดลงมาก และไม่ต้องรับกับอารมณ์เจ้าบัดซบนี่อีกแต่พอนึกถึงท่าทีของเสด็จปู่กับการชิงบัลลังก์ เขาก็ขวัญผวาขึ้นมา ก่อนหน้านี้ฉินอวิ๋นฟานถูกลอบสังหาร ทำให้เสด็จปู่พิโรธผิดปกติ ลงมือด้วยความเร็วปานสายฟ้า สะเทือนไปทั้งราชสำนักท้ายที่สุดท่านผู้เฒ่าเหอออกหน้าด้วยตัวเอง เสียสละชีวิตคนมากมายเพื่อรับประกัน เรื่องนี้จึงยุติลง ดังนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่ล้อเล่น!ครั้นคิดถึงนี่คือโอกาสดีเยี่ยม แต่ก็กลัวล้มเหลว เขาคิดหนักมาก“องค์ชายใหญ่ เมืองอู่โจวมีคนหลายหลาก ซ้ำยังมียอดฝีมือยุทธภพมากมาย คิดจะเล่นงานฉินอวิ๋นฟานให้ตายนั้นไม่ยาก ดังนั้น โอกาสมิอาจปล่อย เวลามิอาจย้อนกลับ!”จางหมาจื่อยุต่อจ้องจางหมาจื่อ ฉินอวิ๋นคังระส่ำอยู่นาน เขาเบนสายตาไปที่ตัวหวังจื้ออีกครั้ง ในช่วงสำคัญเช่นนี้ คนที่เขาเชื่อได้มากที่สุดก็มีแต่หวังจื้อแล้ว และหวังจื้อก็คือหัวใจสำคัญในแผนการครั้งนี้ของเขาเวลานี้หวังจื้อขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเอ่ยปาก “องค์ชายใหญ่ เรื่องนี้ข้าตัดสินใจแทนท่านไม่ได้จริง ๆ ท่านคงทราบเรื่อง