“อดีตฮ่องเต้สวรรคตแล้ว ถึงฉินอวิ๋นฟานจะเก่งกาจไร้เทียมทาน แต่ตำแหน่งสูงสุดนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะนั่งได้ง่าย ๆ อีกอย่าง ถึงอดีตฮ่องเต้ยังมีพระชนม์อยู่ ก็ไม่แน่ว่าจะรับรองให้ฉินอวิ๋นฟานขึ้นครองราชย์ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้?”ท่านผู้เฒ่าเหอกล่าวด้วยสีหน้าเข้มขรึม “สถานการณ์ในปัจจุบันของต้าเฉียนก็คือโจ๊กเละหม้อหนึ่ง ใครจะหัวเราะถึงตอนท้ายมันยังไม่แน่!”“ตอนนี้ฉินอวิ๋นฟานไม่มีตระกูลและขั้วอิทธิพลไหนสนับสนุน กลับกล้าแสดงความสามารถและฝีมือเหนือคนเช่นนี้ ขั้วอิทธิพลใหญ่ต่าง ๆ ในต้าเฉียนจะยอมให้มีคนเก่งกาจเช่นนี้อยู่หรือ?”“เข้าใจแล้วขอรับ ความหมายของท่านพ่อคือ ความสามารถและฝีมือเหนือคนที่ฉินอวิ๋นฟานแสดงออกมาในเวลานี้ จะต้องดึงความสนใจและความอิจฉาของขั้วอิทธิพลอื่นแน่ นี่เรียกว่าไม้เด่นกว่าป่า ย่อมต้องถูกลมโค่นก่อน?”เหอเหวินเย่าพูดด้วยดวงตาเป็นประกาย“มิผิด!”ท่านผู้เฒ่าเหอกล่าวด้วยสายตาลุ่มลึก “รีบส่งคนไปเมืองอู่โจวเร็ว จับตาดูฮุยเอ๋อร์ ต้องมีผลงาน ต่อสู้ให้น้อย ทำคะแนนให้มาก พยายามแสดงความสามารถของตัวเองสักหน่อย ต้องทำตัวเองให้มีตัวตน”“ขอรับ ท่านพ่อ ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!”เพื่อช่วยฉินอ
“ท่าน ท่านพ่อ ข้า ข้าทราบแล้ว ข้าจะไม่ทำผิดอีกขอรับ!”จ้องสายตาที่เต็มไปด้วยอายพิฆาตนั้นของบิดา หัวใจของฉินยวนตกสู่เหวลึก ตื่นตระหนกหวาดกลัวถึงขีดสุด ไม่มีใครรู้น้ำหนักคำพูดนี้ของบิดาไปมากกว่าเขาอีกแล้ว ต่อหน้าผลประโยชน์ บิดาบังเกิดเกล้าก็ยังฆ่าได้ นับประสาอะไรกับลูก?ที่เขาชอบทำเรื่องทรมานคนบ่อย ๆ ก็เพราะรับความกดดันทางจิตใจและถูกทรมานจากบิดา ดังนั้นเขาจึงใช้วิธีการสุดขั้วนี้ในการทรมานคนเพื่อเป็นการระบายอารมณ์ยามนี้ บิดาขีดเส้นตายให้เขาแล้ว เขายังจะกล้าก่อเรื่องอีกที่ไหน? รีบคลานขึ้นมาแล้วหนีไปจากสถานที่ถูกผิดนี้โดยเร็วในดวงตาของถังเจิ้นไห่และฉินอวิ๋นกว่างสองคนมีแต่ความตะลึง เมื่อครู่ท่านอ๋องดูไม่เหมือนกำลังล้อเล่น หรือว่าเขาจะกล้าเอาชีวิตลูกชายแท้ ๆ ของตัวเองจริง?“ศึกชิงบัลลังก์ดุเดือดมากขึ้นทุกที พวกเขาก็ต้องเร่งงานกันอย่างลับ ๆ แล้ว แผนครั้งนี้จะผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด!”ฉินอ้าวมองไปทางถังเจิ้นไห่และฉินอวิ๋นกว่างพลางเอ่ยเสียงเข้มถังเจิ้นไห่พูดด้วยสีหน้าขวัญผวา “ขอรับ ท่านอ๋อง ข้าน้อยจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ขอรับ!”ม่านรัตติกาลมาถึง หวงต้าหยวนยืนอยู่บนชั้นสูงสุดของหอวั่งเจียง สั
“บ้าเอ๊ย! คนของเรากลับถูกเจ้าบัดซบฉินอวิ๋นฟานเขี่ยออกไปหมด คงควบคุมเมืองอู่โจวไม่ได้แล้ว!”ในเมืองหานกู่ หลัวเทียนเป้าเดือดดาลถึงขีดสุด ตะคอกอย่างคลุ้มคลั่งยามนี้เยียนอวี่เฉินหน้าตาบึ้งตึงเหมือนกัน ฉินอวิ๋นฟานเล่นงานกะทันหันทำให้นางตั้งตัวไม่ทัน ทีแรกนึกว่าเป็นแผนที่สามารถคุมฉินอวิ๋นฟานได้อยู่หมัดแล้ว ไม่นึกว่าจะถูกฉินอวิ๋นฟานขจัดได้โดยง่ายดายเมื่อเมืองอู่โจวเสียการควบคุม สำหรับพวกเขาต้าเยียนคือการสูญเสียขนานใหญ่อย่างมิต้องสงสัย ตอนนี้นางนับวันจะยิ่งดูฉินอวิ๋นฟานไม่ออกแล้ว หัวของเขาคิดอะไรอยู่กันแน่? ตกลงเขาหมายร่วมมือกับต้าเยียน หรือมีจุดประสงค์อื่น?“คนผู้นี้แผนการเช่นมารร้าย ห้าวันก็กำจัดขุนนางทั้งเมืองอู่โจวได้แล้ว คนของเขาถูกเขี่ยออกทีละคน แถมคนที่คิดจะสวามิภักดิ์ต่อขุนนางเราก็ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้อำนาจ ข่มขู่ และใช้ผลประโยชน์หลอกล่อให้ลงนามสวามิภักดิ์ หันกลับไปเชื่อฟังฉินอวิ๋นฟานกันหมด”เซี่ยมู่ไป๋ส่ายหน้าด้วยความจนใจ รู้สึกอ่อนแรงสุดจิตสุดใจกับฝีมือรวดเร็วปานสายฟ้าที่ฉินอวิ๋นฟานแสดงออกมา เขาเริ่มสงสัยแล้ว คนที่มีความสามารถเหนือคนเช่นนี้จะเดินทางลัด ยอมอยู่ใต้อาณัติของต้าเยียน
“หือ? คนของต้าเยียนขอพบ?”ฉินอวิ๋นคังหน้านิ่งไปชั่วขณะ จากนั้นก็กลายเป็นระแวงขึ้นมา อย่างไรต้าเยียนก็คือแคว้นอริ ต่างฝ่ายต่างมีความขัดแย้งต่อกันอย่างใหญ่หลวง การที่พวกเขามาเยือนยามดึกกะทันหัน เห็นชัดว่ามีเรื่องสำคัญอยากปรึกษาฉินอวิ๋นคังพูดด้วยใบหน้าระวัง “ท่านกุนซือ เราเพิ่งดำเนินการตามแผนของเรา คนของต้าเยียนก็มาหา คงไม่บังเอิญขนาดนี้กระมัง?”“คงไม่ เรื่องนี้ท่านห้าเป็นคนจัดการเอง และยังเป็นการลดการส่งเกลือบริโภคแบบค่อยเป็นค่อยไป เพิ่งจะหยุดส่งเมื่อไม่กี่วันนี้เอง คนทั่วไปจะไม่สังเกตเห็นเรื่องนี้หรอก”หวังจื้อเอ่ย “ในเมื่อพวกเขามากันแล้ว มิสู้พวกเราพบสักหน่อย ดูสิว่าครั้งนี้พวกเขามาด้วยเรื่องอันใด!”แม้ในใจฉินอวิ๋นคังยังกังวลประมาณหนึ่งเหมือนเดิม แต่สุดท้ายก็ยังเห็นด้วยกับความคิดของหวังจื้อ จึงเอ่ยเสียงหนัก “ให้พวกเขาเข้ามาเถอะ!”ครั้นสิ้นเสียง ประตูถูกบ่าวรับใช้เปิดออกเบา ๆ ชายชุดดำคนหนึ่งเดิมเข้าห้องโถง เขาถอดหมวกสีดำออกและเอ่ย “คำนับองค์ชายใหญ่แห่งต้าเฉียน”“เจ้าคือใคร? มาด้วยเรื่องอันใด?”ฉินอวิ๋นคังเห็นคนผู้นี้ลับ ๆ ล่อ ๆ จึงระแวดระวัง เพราะคนของต้าเยียนปรากฏตัวที่จวนของเ
เขาเอ่ยเสียงเข้ม “พวกเจ้ากระทำการโจ่งแจ้งเช่นนี้แล้ว พวกเราจะยังไม่รู้ได้ยังไง?!”“ในเมื่อหลัวเทียนเป้าให้เจ้ามาเจรจากับองค์ชายใหญ่ของเรา นั่นก็หมายถึงสัมพันธ์ระหว่างพวกเจ้ามิได้ตื้นเขิน และหมายถึงเรื่องที่สินค้าถูกปล้นเมื่อหนึ่งปีกว่าก่อนครั้งนั้น คือละครที่พวกเขาเล่นกันเอง ใช่หรือไม่!”“หลักแหลม!”จางหมาจื่อยอมรับเรื่องนี้แบบไม่ลังเลแม้แต่น้อย นับแต่วินาทีที่เขาย่างเท้าเข้าจวนของฉินอวิ๋นคังก็รู้ว่าได้รับการอนุญาตจากหลัวเทียนเป้าแล้ว จึงไม่คิดปิดบังเรื่องในตอนนั้นกับฉินอวิ๋นคังอีกและนี่ก็คือสัญญาที่พวกเขาจะร่วมมือกับฉินอวิ๋นคัง มีแต่อย่างนี้จึงจะบรรลุเป้าหมายของกันและกัน!“อย่างนี้นี่เอง!”ฉินอวิ๋นคังกรุ่นโกรธลุกพรวดขึ้นมา เขาพูดเสียงหนาว “เอาไปเอามา ที่แท้ก็คือพวกเจ้าหมาป่าตัวเป้ยสมคบคิด [1] จุดประสงค์ก็เพื่อยึดเมืองอู่โจวของต้าเฉียนเรา?!”“องค์ชายใหญ่ ท่านไม่จำเป็นต้องโมโหไปหรอก!”จางหมาจื่อยิ้มน้อย ๆ “เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะ เอาความขึ้นมาก็ไร้ประโยชน์ อีกอย่าง เมืองอู่โจวก็คืนให้พวกท่านต้าเฉียนแล้วมิใช่หรือ?”“นี่มันคนละเรื่องกัน!”องค์ชายใหญ่ยังคงทำหน้าบึ้
นึกถึงว่ามีโอกาสกำจัดฉินอวิ๋นฟาน ฉินอวิ๋นคังทั้งตื่นเต้นและกลัว ทันทีที่ฉินอวิ๋นฟานถูกฆ่า ความกดดันในการแข่งขันของเขาจะลดลงมาก และไม่ต้องรับกับอารมณ์เจ้าบัดซบนี่อีกแต่พอนึกถึงท่าทีของเสด็จปู่กับการชิงบัลลังก์ เขาก็ขวัญผวาขึ้นมา ก่อนหน้านี้ฉินอวิ๋นฟานถูกลอบสังหาร ทำให้เสด็จปู่พิโรธผิดปกติ ลงมือด้วยความเร็วปานสายฟ้า สะเทือนไปทั้งราชสำนักท้ายที่สุดท่านผู้เฒ่าเหอออกหน้าด้วยตัวเอง เสียสละชีวิตคนมากมายเพื่อรับประกัน เรื่องนี้จึงยุติลง ดังนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่ล้อเล่น!ครั้นคิดถึงนี่คือโอกาสดีเยี่ยม แต่ก็กลัวล้มเหลว เขาคิดหนักมาก“องค์ชายใหญ่ เมืองอู่โจวมีคนหลายหลาก ซ้ำยังมียอดฝีมือยุทธภพมากมาย คิดจะเล่นงานฉินอวิ๋นฟานให้ตายนั้นไม่ยาก ดังนั้น โอกาสมิอาจปล่อย เวลามิอาจย้อนกลับ!”จางหมาจื่อยุต่อจ้องจางหมาจื่อ ฉินอวิ๋นคังระส่ำอยู่นาน เขาเบนสายตาไปที่ตัวหวังจื้ออีกครั้ง ในช่วงสำคัญเช่นนี้ คนที่เขาเชื่อได้มากที่สุดก็มีแต่หวังจื้อแล้ว และหวังจื้อก็คือหัวใจสำคัญในแผนการครั้งนี้ของเขาเวลานี้หวังจื้อขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเอ่ยปาก “องค์ชายใหญ่ เรื่องนี้ข้าตัดสินใจแทนท่านไม่ได้จริง ๆ ท่านคงทราบเรื่อง
“ความจริงพวกท่านคิดซับซ้อนเกินไปแล้ว!”ในตอนที่ฉินอวิ๋นคังกำลังลังเลอยู่ จางหมาจื่อเอ่ยปากเรียบ “ความจริงเรื่องนี้ง่ายมาก พวกท่านกับแม่ทัพหลัวให้ยอดฝีมือสามพันคนดักซุ่มให้ดีก็พอ เรื่องสกปรกงานเหนื่อยให้พวกเรากองโจรไปทำก็พอ”“ถึงตอนนั้นท่านก็อ้างเรื่องทลายรังโจร ยุแยงฉินอวิ๋นฟานและฉินอวิ๋นฮุยให้ส่งทหารมาหาเรา สำหรับรายละเอียดปลีกย่อยในการดำเนินงาน... คาดว่าคงไม่ต้องให้ข้าน้อยสอนท่านกระมัง? ในป่าในเขา มีสิ่งที่มิอาจรู้มากมาย ใครจะรับรองได้ว่าใครจะรอดแน่?”“อีกอย่าง เล่นละครน่ะ เชื่อว่าองค์ชายใหญ่ต้องรู้ดีกว่าข้า ถ้าท่านเก็บงานในตอนท้ายได้สมบูรณ์แบบ...”จางหมาจื่อพูดจนถึงขั้นนี้แล้ว ฉินอวิ๋นคังเข้าใจทันทีว่านี่คือแผนการอาภรณ์สวรรค์ไร้ตะเข็บ เช่นเดียวกับแผนการของจางหมาจื่อ เขาไม่เพียงแต่ล้างข้อสงสัยได้ง่าย ๆ ยิ่งได้ความดีความชอบใหญ่หลวงถ้าทุกอย่างดำเนินตามแผนการได้สมบูรณ์แบบทั้งหมด นอกจากเขาจะกำจัดฉินอวิ๋นฟานได้ ยังจะบั่นทอนกำลังของฉินอวิ๋นฮุย ให้อีกฝ่ายซมซานไสหัวออกไปจากเมืองอู่โจว ส่วนเขาจะเป็นผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียวเวลานี้ฉินอวิ๋นคังหวั่นไหวแล้ว...“ฟังแผนของเจ้า ดูเหมือนว่าจะมีผ
“ลาภยศสรรเสริญได้จากความเสี่ยง บางทีนี่อาจทำให้ข้าเข้าใกล้บัลลังก์ได้มากที่สุด หากพลาด ต่อไปอาจไม่มีโอกาสดีเช่นนี้แล้ว”ฉินอวิ๋นคังพูดหนักแน่นเห็นฉินอวิ๋นคังมุ่งมั่นเช่นนี้ หวังจื้อไม่มีอะไรจะพูดอีก หากเขากังวลใจชัดเจน ในฐานะที่อยู่ฝั่งเดียวกัน รู้สถานการณ์ในปัจจุบันของต้าเฉียนดี ซับซ้อนและเต็มไปด้วยตัวแปร บางเรื่องสามารถทำได้ แต่บางเรื่องก็ทำไม่ได้แน่นอน ภายใต้สถานการณ์ที่จำเป็นก็มีวิธีการที่จำเป็นเช่นกัน ทว่าหมากนี้ของฉินอวิ๋นคัง เรียกได้ว่าอันตรายอย่างยิ่ง นอกจากจะกังวลใจ เขาได้แต่สนับสนุนการตัดสินใจของฉินอวิ๋นคังหลับไม่รู้เลย ท่ามกลางม่านรัตติกาล ชายชุดดำคนหนึ่งจับจ้องห้องพักของฉินอวิ๋นคัง กระทั่งจางหมาจื่อย่องออกไปแล้ว เขาจึงหายเข้าท่ามกลางค่ำคืนมืดมิดช้า ๆหลายวันนี้แม้ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ได้เข้าร่วมการก่อสร้างใด ๆ แต่เขากลับเปลี่ยนเป็นใส่ชุดคุณชาย ผู้ติดตามเปลี่ยนเป็นเซี่ยงเส้าเหยียนคนเดียว เดินเตร็ดเตร่ไปตามสมาคมการค้าต่าง ๆ และพื้นบ้านของเมืองอู่โจวหลายวันมานี้เขานับว่าได้เห็นสถานการณ์โดยรวมของเมืองอู่โจวและระบบบางระบบของต้าเยียนด้วยตาตัวเองแล้ว หากเปรียบเทียบกันก็ไม่ต่า
ฉินอวิ๋นฮุยจ้องฉินอวิ๋นฟาน สายตามืดสว่างไม่แน่นอน เขาเลื่องชื่อเรื่องชำนาญการวางแผนกลอุบายในต้าเฉียน มีหรือจะไม่เข้าใจความหมายโดยนัยที่อีกฝ่ายพูดเฮ่อชินอ๋องฉินอ้าวอันตรายเพียงใด วิธีการน่ากลัวเพียงใด เขารู้ดีกว่าคนส่วนใหญ่ในที่นี้อีก นั่นคือราชสีห์เฒ่าที่ซ่อนเร้นมานานหลายสิบปีตัวหนึ่ง บัดนี้ตื่นขึ้นโดยสิ้นเชิงแล้ว“องค์ชายรอง ฉินอวิ๋นฟานคารมคมคายที่สุด ท่านอย่าได้หลงกลเขานะ”ยามนี้ถังเจิ้นไห่ใจร้อนดั่งไฟเผา หากฉินอวิ๋นฮุยหันหลังทิ้งเขา นั่นจะได้เปิดหูเปิดตาจริงแล้ว ความสัมพันธ์พันธมิตรที่เพิ่งก่อตั้ง พลังทลายลงด้วยผลประโยชน์อันยั่วยวนและการพูดไม่กี่คำของฉินอวิ๋นฟาน“ข้า...”ฉินอวิ๋นฮุยอยากจะพูดแต่ก็หยุดอีก ในใจสับสนนักยามที่เขาได้ประโยชน์จากฉินอวิ๋นฟานและร่วมมือกับอีกฝ่าย ในใจก็มีคำตอบแล้ว ติดที่ร่วมมือกับเฮ่อชินอ๋องเป็นครั้งแรกก็ต้องจบด้วยรูปแบบไม่รื่นรมย์เช่นนี้ มากน้อยยังลำบากใจอยู่บ้างนาทีนี้ ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วน้อย ๆ ที่แล้วมาพี่รองเป็นคนคำนวณแม่นยำ ความคิดชัดเจน สถานการณ์ในวันนี้เรียกว่าแค่มองก็รู้ คุณโทษเขาก็วิเคราะห์ได้ชัด ไม่นึกว่าพี่รองจะคิดหนักถึงขั้นนี้ทันใดนั้น
ถังเจิ้นไห่สีหน้าแย่ที่สุด นี่คือการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรก เข้าร่วมการชิงบัลลังก์อย่างโจ่งแจ้งและเป็นทางการของพวกเขา กลับต้องพ่ายแพ้ย่อยยับ เขาแค้นใจนัก ดังนั้นก็ต้องไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้อยู่แล้ว“เหอะ...รัชทายาท ข้าจำต้องยอมรับความต้องการก้าวสู้ความยิ่งใหญ่ของท่าน ทุกคนในที่นี้ถูกหลอกกันหมด ท่านคิดว่าตัวเองอาภรณ์ไร้ตะเข็บจริงหรือ?”ถังเจิ้นไห่เห็นฉินอวิ๋นฮุยหวั่นไหวจึงก้าวออกมาอีกครั้ง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องกวนน้ำให้ขุ่น จะให้ฉินอวิ๋นฟานสมหวังไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นขั้วอิทธิพลของพวกเขาจะกลายเป็นชุดวิวาห์ของฉินอวิ๋นฟานการทุ่มเทกายใจเพื่อให้คนอื่นประสบความสำเร็จ เขาไม่มีทางทำเด็ดขาด แม้ต้องเสี่ยงล่วงเกินไท่ซั่งหวง เขายังต้องก้าวออกมา ถึงอย่างไรผู้ที่อยู่ข้างหลังเขาก็คือเฮ่อชินอ๋อง โอรสสายพระโลหิตของไท่ซั่งหวงเขาไม่เชื่อว่าไท่ซั่งหวงจะกล้าฆ่ากระทั่งโอรสที่เหลืออยู่เพียงองค์เดียว“อ้อ? แม่ทัพผู้เฒ่าถัง ท่านหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฮุยขมวดคิ้วมุ่นอีกครั้ง ยามนี้ทุกย่างก้าวสำคัญต่อเขามาก เขาต้องระมัดระวังรอบคอบ นอกเสียจากเป็นเรื่องที่มีคุณไร้โทษต่อเขา เขาจึงจะออกมาแสดงจ
“เลอะเลือน?”ฉินอวิ๋นฮุยขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางพูด “น้องเจ็ด เจ้าหมายความว่ายังไง?”ชิงอำนาจผลประโยชน์มานานเช่นนี้ พวกเขาย่อมแบ่งแยกคุณโทษได้ชัดเจน ชนชั้นเจ้าของที่ดินคือรายได้และผลประโยชน์ส่วนสำคัญและเป็นความมั่นคงของบรรดาผู้มีอำนาจ คือวิธีการสำคัญในการบีบบังคับอำนาจราชวงศ์มาถึงฉินอวิ๋นฟานก็จะลงมือกับพวกเจ้าของที่ดิน ย่อมแตะจุดอ่อนไหวของพวกเขาเป็นธรรมดา พวกเขามิใช่คนเขลา ไม่มีทางให้ฉินอวิ๋นฟานสมปรารถนาง่าย ๆ หรอก ต่อให้ไม่ได้เมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูง พวกเขาก็จะไม่เปิดโอกาสให้ฉินอวิ๋นฟานง่าย ๆ อย่างแน่นอน!“พี่ใหญ่ พี่รอง หรือพวกท่านยังไม่เห็นอีก? ฮ่องเต้ต้าเฉียนแต่ละพระองค์ปวดหัวกับพวกเจ้าของที่ดินพวกนี้มากที่สุดใช่หรือไม่?”ฉินอวิ๋นฟานกล่าววาจาโน้มน้าวทีละขั้น“หือ?”ฉินอวิ๋นฮุยเลิกคิ้ว ไม่ได้ตอบคำถามของฉินอวิ๋นฟานโดยตรง เขากำลังใคร่ครวญอยู่ในใจ ก่อนขึ้นครองราชย์เขาจะต้องเป็นพวกเดียวกับเจ้าของที่ดินเหล่านี้ หากเขารู้ดีว่าในอดีตเสด็จพ่อทรงปวดศีรษะมากเพียงไร ถ้าเขาสามารถขึ้นตำแหน่งนั้น...จะต่างกันโดยสิ้นเชิง!“ท่านดูสิ ข้าแค่ใช้ที่ดินของพวกเจ้าของที่ดินเหล่านี้ผลิตธัญพืชมากขึ้น ภายใต้
“แน่นอน”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มอย่างมั่นใจ “ในเมื่อชาวบ้านเมืองจัวต่างเพาะปลูกข้าวผลผลิตสูงจนชีวิตความเป็นอยู่เริ่มดีแล้ว แล้วหม่อมฉันยังจะทำใจเห็นชาวบ้านเมืองอื่น ๆ หิวโหยได้อย่างไร?”“อ้อ? ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง ฟานเอ๋อร์ เจ้าคิดจะทำยังไง?”สายตาที่ไท่ซั่งหวงมองฉินอวิ๋นฟานเกิดความเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ทบทวนทุกเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานทำในวันนี้ นั่นล้วนแล้วแต่ทำให้เขารู้สึกปลื้มใจและตกตะลึงยิ่งนัก เรื่องแรกที่เขาทำก็คือเรื่องสำนักศึกษาหลวง บ่มเพาะผู้มีความสามารถเพื่ออนาคตของต้าเฉียนเรื่องที่สองคือก่อตั้งเมืองการค้าขนาดใหญ่ ให้คนจากทุกแคว้นมาค้าขายกับต้าเฉียน เช่นนี้จะทำให้ต้าเฉียนกลายเป็นศูนย์กลางการค้าโลก เศรษฐกิจของต้าเฉียนจะรุดหน้าแบบที่มิอาจหยุดยั้งเรื่องที่สามคือเรื่องที่ไท่ซั่งหวงปลาบปลื้มมากที่สุด โลกในปัจจุบัน การแก้ไขปัญหาปากท้องคือปัญหาใหญ่หลวงในศตวรรษนี้ ทว่าฟานเอ๋อร์ใส่ใจกับเรื่องนี้ตามที่เขาคาดคิดเอาไว้“เสด็จปู่ เป็นเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ ปริมาณการผลิตของข้าวข้ามสายพันธุ์สูงกว่าข้าวทั่วไปถึงเจ็ดเท่า ดังนั้นการกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวผลผลิตสูงนี้จะรอช้าไม่ได้”ฉินอวิ๋นฟานพูดเป็นการเป็นง
“เอ่อ... แต่เพียงแต่ข้าที่กังวลเช่นนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมีความกังวลนี้เหมือนกันกระมัง? อย่างไรเสีย ของอย่างบัญชีก็สามารถปลอมแปลงได้”เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดตามตรง ฉินอวิ๋นฮุยจึงไม่อ้ำอึ้งอีก การยกเรื่องไม่ดีมาพูดแต่แรกมิใช่เรื่องน่าอายอันใด เพราะมันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเขา เขาไม่อยากถูกฉินอวิ๋นฟานหลอก!“ฮ่า ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานลั่นเสียงหัวเราะทันที “พี่รองทำงานรอบคอบดังคาด น้องเจ็ดเลื่อมใส แต่ท่านคิดมากไปแล้ว ถ้าต้องดูแลเมืองการค้าสามเมือง คนของข้าไม่มีทางพอ ถ้าพวกท่านไม่ส่งคนมาช่วยงาน ข้าคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”“อ้อ? น้องเจ็ดพูดจริงรึ?!”เมื่อนั้นหัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของฉินอวิ๋นฮุยจึงสงบลง หากเขาสามารถให้คนเข้าร่วมอยู่ในเมืองการค้าทั้งสามเมืองได้ เช่นนั้นเขาจะวางใจได้แล้ว เพราะจะรับประกันผลประโยชน์ของเขาได้ทั้งหมด!“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านวางใจได้เลย ระหว่างพวกเราพี่น้องแม้เป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้านเมือง พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง มีเพียงเช่นนี้ต้าเฉียนเราจึงจะเฟื่องฟูได้นิรันดร์”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในเรื่องการค้า เครือเหิงไท่จะรับผิดชอบกิจการหลักท
ฉินอวิ๋นฟานกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อให้ใครกล้ามีความคิดส่วนตัวก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกเราต้องร่วมกันทำงาน หากไม่อยากเสียเมืองไป ไม่อยากตาย ทหารทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เป็นหนึ่งเดียวสู้กับภายนอก”“ดี ดีมาก ความคิดนี้ไม่เลว!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ไท่ซั่งหวงรู้อยู่แล้วว่าฉินอวิ๋นฟานต้องทุ่มเทเพื่อแผนการนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีทางคิดแผนการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้“อื่ม ไม่เลว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ได้ดีใจกับแผนการสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของฉินอวิ๋นฟาน เพราะแม้เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองจริง หากไร้ประโยชน์อันใดต่อพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขายังจะกลายเป็นคนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้งานอีกด้วยพวกเขาส่งทหารรักษาเมือง ฉินอวิ๋นฟานกอบโกยกำไรอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วฉินอวิ๋นฮุยก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือโดยแท้!ทว่าไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?ฉินอวิ๋นฟานรู้ความคิดของพวกเขาดี อีกอย่าง ถ้าครองผลงานเองในเวลานี้จะเป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเอามาก ๆ ฉินอวิ๋นฟานไม่ทำเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้หรอก!โบราณกล่าว ตบหน้าฉาดหนึ่งต้องให้พุทราหวานหนึ่งลูก อีกฝ่ายส่งทหารม
ขณะนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ ถ้อยคำชวนให้คนมีจิตใจฮึกเหิมของฉินอวิ๋นฟานวนเวียนอยู่ในหัวของ แม้ไท่ซั่งหวงเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน!รัชทายาทวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่ง ช่างเป็นชายชาตินักรบเลือดร้อนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน หากคนเช่นนี้เป็นจักรพรรดิ ไยต้องกลัวอนาคตต้าเฉียนจะไม่ศิวิไลซ์?“เกี่ยวกับการสร้างเมืองการค้าสี่แห่งในสี่ทิศของต้าเฉียน ทุกคนคัดค้านอย่างหนัก ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนมาก แต่ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ ข้าก็ต้องยอมรับเสียงและความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนว่ามาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน มีแต่ต้องทำให้ทำคนยอมรับเรื่องนี้จากใจจริง เขาจึงจะยึดสิทธิ์ความเป็นผู้นำได้ มิเช่นนั้นต่อให้ใช้กำลังผลักดันเรื่องนี้ คนเหล่านี้ต้องเล่นตุกติกลับหลังเขาแน่ เช่นนี้มีแต่จะทำให้รำคาญดังนั้นฉินอวิ๋นฟานเตรียมตัวกับการคัดค้านและความคิดของทุกคนแต่แรกแล้ว ต้องการแค่โอกาสประจวบเหมาะหนึ่ง เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคอิจฉาตาร้อนมีมากเหลือเกิน มีแต่ต้องคิดหาทางหยดยาดวงตาให้พวกเขาสักหน่อย จึงจะขจัดต้นตอของปัญหาได้ “นี่...”ผู้คนมากมายแน่นขนัดพูดไม่ออกสักคำ เพราะต่างมีความกังวลอยู่ในใจ ฉ
นาทีนี้ถังเจิ้นไห่ถูกโจมตีทำร้ายทางจิตใจอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานปากคอเราะรายน่ากลัวจริง ๆ การโจมตีของเขารวดเร็วนัก เขาต้านทานไม่ไหวเลยเขาจนปัญญากับการโจมตีของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ได้แต่ใช้สถานะข่มขู่ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะหยุดโจมตีเขาน่าเสียดาย แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร และไม่เคยเป็นพวกยอมเสียเปรียบ หากมีคนโจมตีเขา ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!ต้องถล่มอีกฝ่ายจนแพ้ราบคาบ นี่สิจึงจะเป็นเป้าหมายความเป็นคนของเขา และถังเจิ้นไห่ก็แตะเขตต้องห้ามของเขาพอดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่ไว้หน้าเขา!ครั้นพวกฉินอวิ๋นฮุยเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พากันมอบสายตาเห็นใจให้ถังเจิ้นไห่ พวกเขาเคยได้รับการสั่งสอนด้วยหมัดหนักจากฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย หากหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!ไท่ซั่งหวงและจางเต้าหลินฉายรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานจะหยาบคายไม่รื่นหูไปบ้าง แต่สะใจยิ่งนัก! นักวางแผนร้ายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดกลับจนต้องสงสัยในชีวิต เด็ดสะระตี่แท้!“เกินไป? ตอนนี้ท่านรู้ว่าเกินไป? ตอนที่ท่านสาดน้ำคลำใส่
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน