ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน พวกเขาร่วมงานกันมาเป็นเวลานาน และค่อนข้างเข้าใจกันและกัน เลือกคนที่เหมาะสมจะเป็นเจ้าเมืองที่สุดน่าจะไม่ยากหลังจากปรึกษาหารือกันในเวลาสั้น ๆ หลิวเป้ยยังลุกขึ้นยืนและกล่าวอย่างจริงจัง “เรียนรัชทายาท พวกเขามีความเห็นเป็นเอกฉันท์ เซียวหยางเหมาะสมจะเป็นเจ้าเมืองอู่โจวมากที่สุดขอรับ”“เซียวหยาง? เซียวหยางที่นำประชาชนผู้ประสบภัยก่อจลาจลคนนั้น?”ฉินอวิ๋นฟานมีภาพจำฝังแน่นกับคนผู้นี้ และเป็นคนที่มีชื่อเสียงสูงสุดในหมู่ประชาชนผู้ประสบภัยในคราวนั้น ไม่เพียงเท่านี้ เซียวหยางยังเป็นคนที่มีความคิดนัก มีความสามารถกลุ่มเป็นเลิศ รับผิดชอบต่อประชาชนผู้ประสบภัยที่สุดในตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะหลิวเป้ยสามพี่นี้ปรากฏตัวทันเวลา การที่เขาจะเกลี้ยกล่อมเซียวหยางและพาทุกคนไปจับปลาไหล แก้ปัญหาบรรเทาภัยพิบัติคงเป็นจริงไม่ได้ ดังนั้นคนหนักแน่นซื่อสัตย์ประเภทนี้ มีความสามารถในการปฏิบัติงานดีเยี่ยม ไม่เลว!“ข้าน้อยเองขอรับ!”เซียวหยางทำงานอยู่ข้างตัวหลิวเป้ยมาตลอด แม้หลิวเป้ยจะให้ตำแหน่งขุนนางแก่เขาแล้ว แต่เขาก็ยังวางตัวต่ำมาก ทำงานในฐานะคนธรรมดาคนหนึ่ง ถ่อมตัวที่สุด“ไม่เลว ไม่เลวจริง ๆ”
“ขอรับ! ข้าน้อยทราบแล้ว!”หลิวเป้ยรู้ฝีมือของฉินอวิ๋นฟานดี เขาไม่เคยทำเรื่องที่ไม่มั่นใจ และฉินอวิ๋นฟานต้องการดำเนินงานขนานใหญ่กับเมืองอู่โจว ย่อมมีแนวทางและแผนการที่ชัดเจน พวกเขาย่อมสนับสนุนอย่างเต็มที่แน่“จริงสิ อาเจ็ดเซี่ยง ในเมื่อท่านเชี่ยวชาญพลังแห่งวิถียุทธ์ หรือไม่ก็ตรวจสอบพี่น้องเหล่านี้ของข้าหน่อยสิ ดูสิว่าพวกเขาพัฒนาศักยภาพได้อีกขั้นหรือไม่?”ฉินอวิ๋นฟานมองไปทางเซี่ยงเส้าเหยียนและพูด“อาจารย์เซี่ยง ได้ ได้ไหม?!”พออู่จ้านและพวกหลิวเป้ยได้ยินก็พลันยิ้มแป้น หากพูดจากมุมพลังแห่งวิถียุทธ์ พวกเขาเป็นผู้ที่อยู่นอกประตู ไม่มีทั้งวิธี ไม่มีทั้งผู้เชี่ยวชาญชี้แนะ ล้วนคลำทางด้วยตัวเองและครูพักลักจำจึงมาถึงระดับในทุกวันนี้ได้ถ้าสามารถได้ยอดฝีมือเขตปรมาจารย์ชี้แนะ ก็คือมีโอกาสพัฒนาไปอีกขั้นมิใช่หรือ? ถ้าพวกเขามีโอกาสเข้าสู่ขอบเขตยุทธ์แท้ ความสามารถต้องเพิ่มขึ้นมากแน่ หนำซ้ำยังมีความสามารถในการปกป้องตัวเองระดับหนึ่ง สำหรับพวกเขา นี่คือเรื่องดีใหญ่หลวงเรื่องหนึ่งเซี่ยงเส้าเหยียนหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะตอบ “นี่ไม่นับเป็นเรื่องใหญ่อะไร ไม่มีปัญหา!”ครั้นกล่าวจบ จางเฟยก็เดินปรี่ไปถึงต
เมื่อนั้นเซี่ยงเส้าเหยียนจึงเข้าใจ ในบรรดาคนเหล่านี้ แม้อู่จ้านจะอายุมากที่สุด กลับมีคุณสมบัติดีที่สุด แต่ตามอายุที่มากขึ้น พรสวรรค์เสียเปล่าไปไม่น้อยเหมือนกัน ถ้าตอนนั้นสามารถได้รับการชี้แนะและฝึกฝนอย่างดี เขาต้องมีพลังไม่น้อยไปกว่าตนแน่“อาเจ็ดเซี่ยง อาจ้านยังมีโอกาสเลื่อนขั้นหรือไม่?”ฉินอวิ๋นฟานรีบถามถึงอู่จ้านจะเป็นองครักษ์คนสนิทของเขา แต่สายใยระหว่างพวกเขาเฉกเช่นพ่อลูกอย่างไรอย่างนั้น ถ้าไม่มีอู่จ้าน เขาคงตายไปนานแล้ว เพื่ออู่จ้าน ฉินอวิ๋นฟานสามารถสนับสนุนและเชื่ออย่างไร้เงื่อนไขยามนี้อู่จ้านเต็มไปด้วยความหวัง หลังจากเผชิญกับการลอบสังหารร่วมกับฉินอวิ๋นฟานครั้งหนึ่ง เขาหวังยิ่งกว่าใคร ๆ ว่าจะสามารถเลื่อนระดับพลังได้ มีแต่พลังที่แข็งแกร่งพอจึงจะสามารถคุ้มครองความปลอดภัยของฉินอวิ๋นฟานได้ดียิ่งขึ้น“มี แต่เกรงว่าจะต้องจ่ายในราคาสูง!”เซี่ยงเส้าเหยียนขมวดคิ้วพูด“เรื่องจ่ายไม่ใช่ปัญหา ขอเพียงมีทางก็พอ ไม่ว่าจะต้องจ่ายด้วยอะไร ข้าก็ยอมได้ทั้งนั้น!”ฉินอวิ๋นฟานกล่าวเสียงหนัก“ความจริง ทางซีอวี้มียาตัดต่อหยกดำชั้นเลิศอยู่ชนิดหนึ่ง สามารถช่วยให้คนที่พลาดโอกาสฝึกได้รับโอกาสทะล
“รัชทายาทพูดถึงขนาดนี้แล้ว ข้าต้องพยายามซื้อยาตัดต่อหยกดำมาแบบสุดความสามารถแน่!”เซี่ยงเส้าเหยียนพูดด้วยท่าทีที่ทำให้คนตะลึงทีแรกอู่จ้านคิดจะปฏิเสธ กลับถูกฉินอวิ๋นฟานปรามเอาไว้ ในสายตาของฉินอวิ๋นฟาน ขอเพียงมีประโยชน์ต่ออู่จ้าน เขาจะยอมทำทุกอย่างเพื่อเขา หนึ่งร้อยล้านตำลึงเงินนับเป็นอะไร? พันล้านเขาจะไม่กะพริบตาเหมือนกัน!จากการตรวจสอบของเซี่ยงเส้าเหยียน คุณสมบัติของหลิวเป้ยพอ ๆ กับอู่จ้าน ทำให้คนยินดีนัก ถ้าสามารถซื้อยาตัดต่อหยกดำมาได้สองชิ้น และภายใต้การชี้แนะของเซี่ยงเส้าเหยียน ไม่นานพวกเขาก็จะสามารถเลื่อนขึ้นขอบเขตยุทธ์แท้ เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบหลังจากมอบหมายงานทั้งหลายแล้วเสร็จ พวกหลิวเป้ยก็เริ่มปฏิบัติทันที เริ่มดำเนินแผนงานใหญ่ทั่วทั้งเมืองอู่โจว.........เวลาดังกระสวย ไม่นานเวลาห้าวันก็มาถึง ฝีมือและแผนการสะพรึงโลกของฉินอวิ๋นฟานก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลก โดยเฉพาะต้าเยียนและต้าเฉียน ยิ่งกระพือให้เกิดคลื่นยักษ์น่ากลัว!“ฮ่า ๆ ๆ ๆ...”ในตำหนักเหยียนเหนียน พอไท่ซั่งหวงได้ฟังการรายงานจากเฉาเจิ้งฉุนก็ดีใจจนหุบปากไม่ลง ชายชราอายุแปดสิบคนหนึ่ง ดีใจเหมือนเด็กน้อยอย่างไรอ
แต่ถ้าเขาไม่สามารถขึ้นนั่งตำแหน่งสูงสุดนั้นจริง สำหรับประชาชน ระบบนี้จะกลายเป็นนรกของพวกเขา เป็นกรงขังของพวกเขาทันทีที่แคว้นอื่นเลียนแบบจะเป็นขั้นตอนการพัฒนาที่เร็วมาก บ้านเมืองนี้จะเดินไปในทิศทางไหน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความคิดและความตั้งใจของชนชั้นสูง รุ่งเรืองหรือล่มสลาย“มีเรื่องน่ายินดีก็มีเรื่องน่ากังวล วิธีของฟานเอ๋อร์ไม่ผิด แต่มันจะทำให้เกิดปฏิกิริยาซับซ้อน และจะเป็นเรื่องใหญ่โตมโหฬาร”ไท่ซั่งหวงทั้งดีใจและกังวล หากนี่ก็คือความล่วงเลยของยุคสมัย และการพัฒนายุคสมัยด้วย เนื่องจากมีผู้สร้างเหล่านี้ จึงทำให้เกิดยุคสมัยที่แตกต่างกันยุคแล้วยุคเล่า“พ่ะย่ะค่ะ!”เฉาเจิ้งฉุนพยักหน้าเห็นด้วย......ช่วงเวลาเดียวกัน ฮั่วเจิ้นหลงปรากฏตัวอยู่ที่ตระกูลเริ่น ฟังการรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชา สีหน้าของท่านผู้เฒ่าเริ่นอึมครึมที่สุด เขาเอ่ยเสียงหนัก “ฉินอวิ๋นฟานซุกซ่อนอุบายเก่งจริง ๆ แกล้งโง่มานานหลายปีอย่างนี้ พวกเรากลับไม่ตงิดใจสักนิด?”“วิธีการปกครองแบบนี้ แทบจะเป็นตัวตนเช่นมารร้าย เทียบกับเขาแล้ว คังเอ๋อร์ราวกับขยะ!”ที่ผ่านมาท่านผู้เฒ่าเริ่นไม่ชอบถามเรื่องการต่อสู้พวกนี้นัก เพื่อฝึกคว
ในจวนตระกูลเหอต้าเฉียน ท่านผู้เฒ่าเหอ เหอเหวินเย่า เหอกุ้ยเฟยและคนสำคัญในตระกูลกำลังชุมนุมกันอยู่ในห้องโถง ทุกคนต่างมีสีหน้าย่ำแย่“ท่านพ่อ ฉินอวิ๋นฟานน่ากลัวนัก ฝีไม้ลายมือมีไม่รู้จบ เพิ่งรับเมืองอู่โจวมา เขากลับใช้เวลาแค่ห้าวันก็ควบคุมภาพรวมได้แล้ว น่ากลัวจริง ๆ”เหอเหวินเย่ากล่าวด้วยใบหน้าขื่นขม “ต่อหน้าฉินอวิ๋นฟาน องค์ชายใหญ่กับฮุยเอ๋อร์กลายเป็นไม่โดดเด่น ฝีมือความสามารถต่างกันราวฟ้ากับดิน ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป อีกไม่นานชื่อเสียงของฉินอวิ๋นฟานมิต้องเหนือพวกเขาแล้วหรือ?”“ศึกชิงบัลลังก์ดี ๆ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้? ทำไมความสามารถของทั้งสามคนจึงต่างกันขนาดนี้ได้?”ทุกคนต่างมีสีหน้าเหลือเชื่อ ฝีมือที่ฉินอวิ๋นฟานแสดงให้เห็นกลบความรู้ความเข้าใจของทุกคนในที่นี้อย่างสิ้นเชิงสมัยก่อน การต่อสู้ระหว่างองค์ชายยังถือว่าปกติ ตอนนี้กลับพบว่าหากเทียบกับฉินอวิ๋นฟานแล้ว พวกเขาคือคนละระดับชั้น“เหอะ ระบบลงทะเบียนทะเบียนราษฎร์ดีนี่”ท่านผู้เฒ่าเหอสีหน้าเย็นชา “อายุอานามน้อย ๆ ก็คิดระบบการจัดการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ได้แล้ว ทั้งยังออกนโยบายตกรางวัลลงโทษเร็วปานสายฟ้าแลบ ช่างเปิดโลกให้ตาแก่อย่างข้าจร
“อดีตฮ่องเต้สวรรคตแล้ว ถึงฉินอวิ๋นฟานจะเก่งกาจไร้เทียมทาน แต่ตำแหน่งสูงสุดนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะนั่งได้ง่าย ๆ อีกอย่าง ถึงอดีตฮ่องเต้ยังมีพระชนม์อยู่ ก็ไม่แน่ว่าจะรับรองให้ฉินอวิ๋นฟานขึ้นครองราชย์ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้?”ท่านผู้เฒ่าเหอกล่าวด้วยสีหน้าเข้มขรึม “สถานการณ์ในปัจจุบันของต้าเฉียนก็คือโจ๊กเละหม้อหนึ่ง ใครจะหัวเราะถึงตอนท้ายมันยังไม่แน่!”“ตอนนี้ฉินอวิ๋นฟานไม่มีตระกูลและขั้วอิทธิพลไหนสนับสนุน กลับกล้าแสดงความสามารถและฝีมือเหนือคนเช่นนี้ ขั้วอิทธิพลใหญ่ต่าง ๆ ในต้าเฉียนจะยอมให้มีคนเก่งกาจเช่นนี้อยู่หรือ?”“เข้าใจแล้วขอรับ ความหมายของท่านพ่อคือ ความสามารถและฝีมือเหนือคนที่ฉินอวิ๋นฟานแสดงออกมาในเวลานี้ จะต้องดึงความสนใจและความอิจฉาของขั้วอิทธิพลอื่นแน่ นี่เรียกว่าไม้เด่นกว่าป่า ย่อมต้องถูกลมโค่นก่อน?”เหอเหวินเย่าพูดด้วยดวงตาเป็นประกาย“มิผิด!”ท่านผู้เฒ่าเหอกล่าวด้วยสายตาลุ่มลึก “รีบส่งคนไปเมืองอู่โจวเร็ว จับตาดูฮุยเอ๋อร์ ต้องมีผลงาน ต่อสู้ให้น้อย ทำคะแนนให้มาก พยายามแสดงความสามารถของตัวเองสักหน่อย ต้องทำตัวเองให้มีตัวตน”“ขอรับ ท่านพ่อ ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!”เพื่อช่วยฉินอ
“ท่าน ท่านพ่อ ข้า ข้าทราบแล้ว ข้าจะไม่ทำผิดอีกขอรับ!”จ้องสายตาที่เต็มไปด้วยอายพิฆาตนั้นของบิดา หัวใจของฉินยวนตกสู่เหวลึก ตื่นตระหนกหวาดกลัวถึงขีดสุด ไม่มีใครรู้น้ำหนักคำพูดนี้ของบิดาไปมากกว่าเขาอีกแล้ว ต่อหน้าผลประโยชน์ บิดาบังเกิดเกล้าก็ยังฆ่าได้ นับประสาอะไรกับลูก?ที่เขาชอบทำเรื่องทรมานคนบ่อย ๆ ก็เพราะรับความกดดันทางจิตใจและถูกทรมานจากบิดา ดังนั้นเขาจึงใช้วิธีการสุดขั้วนี้ในการทรมานคนเพื่อเป็นการระบายอารมณ์ยามนี้ บิดาขีดเส้นตายให้เขาแล้ว เขายังจะกล้าก่อเรื่องอีกที่ไหน? รีบคลานขึ้นมาแล้วหนีไปจากสถานที่ถูกผิดนี้โดยเร็วในดวงตาของถังเจิ้นไห่และฉินอวิ๋นกว่างสองคนมีแต่ความตะลึง เมื่อครู่ท่านอ๋องดูไม่เหมือนกำลังล้อเล่น หรือว่าเขาจะกล้าเอาชีวิตลูกชายแท้ ๆ ของตัวเองจริง?“ศึกชิงบัลลังก์ดุเดือดมากขึ้นทุกที พวกเขาก็ต้องเร่งงานกันอย่างลับ ๆ แล้ว แผนครั้งนี้จะผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด!”ฉินอ้าวมองไปทางถังเจิ้นไห่และฉินอวิ๋นกว่างพลางเอ่ยเสียงเข้มถังเจิ้นไห่พูดด้วยสีหน้าขวัญผวา “ขอรับ ท่านอ๋อง ข้าน้อยจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ขอรับ!”ม่านรัตติกาลมาถึง หวงต้าหยวนยืนอยู่บนชั้นสูงสุดของหอวั่งเจียง สั