“ไม่ ถ้าเจ้าคิดอย่างนี้ นั่นคือผิด ผิดมหันต์!”เหลียงหลงจีเอ่ยเสียงหนัก “เจ้าเคยคิดหรือไม่ ภายใต้สถานการณ์ต้าเฉียนที่ซับซ้อนอย่างนี้ และต่อสู้กันดุเดือดอย่างนี้ อวิ๋นฟานไม่มีขั้วอำนาจที่สามารถพึ่งพิง แต่ต่อสู้กับสององค์ชายเพียงลำพัง ซ้ำสะกดองค์ชายสององค์ได้โดยสมบูรณ์ นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะทำได้”“อวิ๋นฟานไปเมืองอู่โจวในครั้งนี้ อย่างนี้ต้องอยู่ที่นั่นประมาณหนึ่งเดือน เจ้ารีบออกเดินทางไปเมืองอู่โจว อย่าพลาดโอกาสดีนี้ เขาอาจนำพาผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงให้กับพวกเราก็ได้”เหลียงหลงจีกล่าวด้วยสายตามุ่งมั่นจากมุมมองของจักรพรรดิ ฝีมือที่ฉินอวิ๋นฟานแสดงออกมาทั้งหมด ไม่ว่าจะอยู่ในยุคใด ราชวงศ์ใด ล้วนเป็นตัวตนระดับยอดพีระมิดท่ามกลางการแข่งขันในราชวงศ์ ความสามารถส่วนบุคคลและวิธีการสำคัญอย่างยิ่งยวด ฉินอวิ๋นฟานแสดงฝีมือและความมั่นใจได้ในภาวะวิกฤตนี้ แทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและจะไม่มีอีกในภายหลัง อนาคตของต้าเหลียงจะเป็นเช่นไร ฉินอวิ๋นฟานอาจเป็นตัวแปรสำคัญตัวหนึ่งจริง ๆ“เพคะ เสด็จพ่อ หม่อมฉันทราบแล้ว หม่อมฉันจะออกเดินทางไปเมืองอู่โจวเดี๋ยวนี้เพคะ!”เหลียงจื่อฝูไม่กล้าทำให้เสียเวลาแม้แต่น้อย
จวนเจ้าเมืองอู่โจว หลังจากฟังการรายงานอย่างละเอียดของเซี่ยมู่ไป๋แล้ว ใบหน้าพริ้มเพราของเยียนอวี่เฉินก็มีน้ำค้างแข็งแผ่ขยายเต็มไปหมด ในแววตาอัดแน่นไปด้วยความแค้น ไม่ยินยอม และความเหลือเชื่อ“อาจารย์เซี่ย ท่านแน่ใจหรือว่าฉินอวิ๋นฟานจงใจเล่นงานเราเพราะเรื่องสัญญาเดิมพัน?”เยียนอวี่เฉินถามยืนยันอีกครั้งแบบไม่ตายใจ “เฮ้อ! องค์หญิงสาม ข้าหรือจะกล้าล้อเล่นกับเรื่องแบบนี้!”เซี่ยมู่ไป๋ถอนหายใจหนักและเอ่ย “ต่อหน้าฉินอวิ๋นฟาน คำพูดที่เราเตรียมเมื่อก่อนหน้านี้ไม่เกิดผลเลย เขาไม่คล้อยตามสักนิด ยังไงก็จะยึดตามหลักเหตุผล ข้าก็จนปัญญาแล้วเหมือนกัน” ในฐานะที่เซี่ยมู่ไป๋เป็นนักวรรณกรรมผู้ยิ่งใหญ่ มีพื้นฐานด้านบุ๋นล้ำเลิศ ไม่คิดว่าเขาจะพูดไม่ออกต่อหน้าฉินอวิ๋นฟาน ทำให้เขาแค้นใจนัก กระทั่งรู้สึกสิ้นกำลัง“ฉินอวิ๋นฟาน เจ้ามันบ้า ไม่รู้จักดีชอบ สุราเคารพไม่กินจะกินสุราลงทัณฑ์!”เยียนอวี่เฉินเดือดดาลสุดขีด โมโหจนกระทืบเท้าอยู่กับที่ ตะคอกอยู่ในห้องโถงอย่างบ้าคลั่ง ในฐานะที่เป็นองค์หญิงสามผู้สูงส่งของต้าเยียน นางเคยรับกับความเหยียดหยามเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร?ทั้งที่นางกำลังให้โอกาสฉินอวิ๋นฟานอยู่แท้
หลัวเทียนเป้าถูกเยียนอวี่เฉินถามกลับจนพูดไม่ออก หลัวเทียนเป้าย่อมชัดเจนในกำลังของต้าเยียนดี แต่การทัดทานห้าแคว้นด้วยกำลังของหนึ่งแคว้น คือเรื่องที่เป็นไปไม่ค่อยได้!ก็ขณะที่พวกเขากำลังว้าวุ่น คำพูดหนึ่งของซือหม่าเจาทำให้พวกเขาฉุกคิดขึ้นได้ทันที!เห็นเพียงซือหม่าเจาพูดอ้อมแอ้ม “เอ่อ คือว่า องค์หญิงสาม จะเป็นไปได้หรือไม่ ความจริงฉินอวิ๋นฟานมองแผนการของเราออกแต่แรกแล้ว เขาแค่แกล้งทำเป็นปฏิเสธคนอยู่นอกพันลี้ จงใจรักษาระยะห่างกับเรา“หือ? ซือหม่าเจา เจ้าพูดต่อมาสิ!”พอเยียนอวี่เฉินได้ฟังก็สนใจขึ้นมาทันที หรือว่าฉินอวิ๋นฟานมีความลับที่พูดยากอะไร?“เช่นนี้ขอรับ ข้าน้อยคือพ่อค้าคนหนึ่ง จะใช้เวลาส่วนมากกับการคิดปัญหาด้วยความคิดของพ่อค้า และจุดเด่นใหญ่ของพ่อค้าก็คือแสวงหากำไร รองลงมาก็คือไร้เล่ห์ไร้ธุรกิจ”ซือหม่าเจาอธิบาย “และฉินอวิ๋นฟานก็คืออัจฉริยะทางการค้าคนหนึ่ง ภาพพิมพ์เขียวทางธุรกิจของเขาเรียกได้ว่าไม่เคยมีมาก่อนและจะไม่มีอีก ทำให้สมาคมการค้าอย่างเราต้องละอายใจนัก ดังนั้นข้าน้อยกำลังคิด เขาเป็นคนฉลาดขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้ความน่ากลัวของต้าเยียนที่พึ่งพิงนี้”“ในฐานะที่เป็นพ
“เอ่อ เช่นนั้น เช่นนั้นแผนการของเราจะทำยังไงดีล่ะ?”หลัวเทียนเป้าที่อยู่ด้านข้างทำหน้างงงัน สถานการณ์พลิกกลับเร็วเกินไป ทำให้เขาทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อยเยียนอวี่เฉินยิ้มอย่างมั่นใจ “ทำตามแผนเดิม ข้าก็อยากดูสิว่าแผนวิมานในอากาศนี้ ฉินอวิ๋นฟานจะแก้ยังไง!”เวลานี้เยียนอวี่เฉินเต็มไปด้วยความคาดหวังต่อการพบหน้าฉินอวิ๋นฟานในวันพรุ่งนี้ เจ้าคนชั่วน้อยที่ทำให้นางแอบเฝ้าคิดถึงตลอดสามเดือน ทั้งกระวนกระวายทั้งดีใจ“เอ่อคือ... องค์หญิงสาม ความจริงแล้ว... ข้ายังมีอีกแผนการหนึ่ง ท่านจะฟังหรือไม่?”หลัวเทียนเป้ากลับไม่เชื่อฉินอวิ๋นฟาน เป้าหมายของเขามีเพียงหนึ่งเดียว แม้ไม่ให้ฉินอวิ๋นฟานถึงตาย แต่ก็ต้องทรมานให้ร่างกายไร้ผิวหนังสมบูรณ์ จะไม่ให้เขาอยู่อย่างเป็นสุขแน่นอนแผนการนี้ขององค์หญิงสาม จำกัดพลังทำลายล้างของเขาต่อฉินอวิ๋นฟานโดยแท้ เขาจำต้องหาวิธีเพิ่มความยากและภาระให้ฉินอวิ๋นฟาน“ว่ามา!”เยียนอวี่เฉินถามด้วยความอยากรู้“เช่นนี้ขอรับ ท่านยังจำเมื่อหนึ่งปีกว่าก่อนได้หรือไม่ว่าต้าเยียนได้เมืองอู่โจวมายังไง?”หลัวเทียนเป้าถามด้วยสีหน้าลึกลับ“อ้อ? เรื่องนี้ข้าต้องรู้อยู่แล้ว เมืองอู่โจวเป็นเม
หลิวเป้ยพูดอย่างปลื้มปริ่ม “ถ้าบอกว่าไม่เหนื่อยนั่นคือไม่จริง แต่ความเหนื่อยนี้นำความภาคภูมิใจมาสู่พวกเรา เป็นสิ่งที่ไม่อาจแทนที่ได้ รอยยิ้มและความรู้สึกขอบคุณจากใจจริงของพวกชาวบ้าน ช่างทำให้จิตใจส่วนลึกเราเปี่ยมไปด้วยความเบิกบานสุขสันต์”“ถูกต้องแล้ว รัชทายาท พวกเราเห็นคนแล้วคนเล่าเดินออกมาจากความลำบากข้นแค้น การดำเนินนโยบายช่วยเหลือประชาชนนโยบายแล้วนโยบายเล่า มันทำให้รู้สึกภูมิใจและอิ่มเอมใจจริง ๆ”ลิ่งหูเสี่ยวยิ้มแก้มปริได้ยินทุกคนพูดคนละคำสื่อความภูมิใจในระยะนี้ ฉินอวิ๋นฟานก็เป็นเช่นนั้นด้วยเหมือนกัน เขาดำเนินการลงมือทำในสิ่งที่คิดในใจจนสำเร็จ รู้สึกภาคภูมิใจเป็นพิเศษ“เรื่องดีฟังจบแล้ว สมควรฟังอุปสรรคที่พวกเจ้าพบสักที พูดออกมาได้เลย!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มน้อย ๆ พลางพูดหลิวเป้ยลุกขึ้นยืนทันที เอ่ยปากเป็นการเป็นงาน “เรียนรัชทายาท ข้าน้อยย่อมมีอุปสรรคอยู่แล้ว แต่ส่วนมากพวกเราสามารถเอาชนะได้ ทว่าเวลานี้กำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่เรื่องหนึ่ง เกรงว่าต้องขอให้ท่านออกหน้าจึงจะดี”“อ้อ? เจ้าหมายถึงเรื่องเกลือขาดแคลน?”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยสีหน้าสงบทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเขา และเป็นปัญหาท
“เฮ้อ! รัชทายาท สามเดือนมานี้ข้าน้อยศึกษาขั้วอิทธิพลยุทธภพมาแล้ว แต่ข้อมูลน่าเชื่อถือที่ได้รับกลับน้อยนิดจนน่าสงสาร ไม่มีใครบอกชัดได้เลย!”หลิวเป้ยส่ายหน้าพูด “บางทีอาจจะเกี่ยวกับยอดฝีมือที่ข้าน้อยรู้จักกระมัง ยอดฝีมือเหนือขั้นจริง ๆ อาจไม่ใช่คนระดับอย่างข้าน้อยจะรู้จักได้!”ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วเล็กน้อย นึกถึงคำอธิบายสั้น ๆ ของเฉาเจิ้งฉุน ฉินอวิ๋นฟานก็รู้สึกไม่ธรรมดาแล้ว อย่าว่าแต่หลิวเป้ยเลย ต่อให้เป็นเขาซึ่งเป็นรัชทายาทคนนี้ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันฉินอวิ๋นฟานพูดอย่างผิดหวังเล็กน้อย “ดูท่า... ถ้าอยากทำความเข้าใจกับขั้วอิทธิพลยุทธภพจริง ๆ คงไม่ใช่เรื่องง่าย!”โบราณกล่าว รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง แต่ก่อนฉินอวิ๋นฟานมาจากหน่วยรบพิเศษ ความสามารถในการสืบรวบรวมข้อมูลวิเคราะห์ล้วนเป็นตัวตนระดับสูงสุด จากนั้นค่อยทำแผนการรองรับที่เหมาะสมโลกคู่ขนานยุคโบราณหลังจากทะลุมิติ ต่างจากโลกในประวัติศาสตร์จริงมาก ความสามารถในการสร้างธุรกิจของเขาย่อมไม่มีปัญหา เทคโนโลยียุคปัจจุบันก็ไม่ใช่ปัญหา ฝีมือการรับกับวิกฤตยิ่งไม่เป็นปัญหาแต่พลังแห่งวิถียุทธ์ของขั้วอิทธิพลยุทธภพกลับทำให้เขาหวาดหวั่น หน
“เจ้าเดรัจฉาน เจ้าเดรัจฉาน!!!”“อดีตฮ่องเต้ต้าเฉียนเราเพิ่งสวรรคตได้แค่เจ็ดวัน พรุ่งนี้ก็เป็นวันที่รัชทายาทจะขึ้นครองราชย์แล้ว คิดไม่ถึงว่าวันนี้เขาจะปีนขึ้นเตียงของหยางกุ้ยเฟย อดสู มันคือความอดสูอย่างยิ่ง!”“ราชวงศ์ต้าเฉียนเราก่อตั้งมาสามร้อยกว่าปี ยึดหลักขงจื๊อโดยตลอด พิธีรีตอง ครองตัว รู้ยางอาย คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องผิดศีลผิดธรรม ผิดต่อหลักการเป็นคนต่ำช้าเช่นนี้ เกียรติของราชวงศ์ต้าเฉียนต้องสิ้นเพราะรัชทายาทแล้ว...”“หากอดีตฮ่องเต้ยังอยู่ จะต้องละอายจนกริ้วแน่ ประหารพวกมั่วโลกีย์ต่อหน้าสาธารณชนเพื่อเป็นเยี่ยงอย่างแน่นอน!”......ในตำหนักจื่อหลัวของราชวงศ์ต้าเฉียน บรรดาชายหญิงเด็กชราต่างมุงล้อมหน้าตั่งนอนทรงกลมที่ยุ่งเหยิงดูไม่จืด โจมตีชายร่างเปลือยเปล่าตรงหน้าด้วยวาจาและตัวหนังสือ โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เคืองแค้นในความไม่เป็นธรรมเต็มประดา เสียงเซ็งแซ่แต่ละเสียงทำให้ฉินอวิ๋นฟานที่กำลังหลับสนิทค่อย ๆ ลืมตาทั้งคู่ขึ้นอย่างงัวเงียขมุกขมัว“เชี่ย แค่ความฝันทำไมเสียงดังขนาดนี้ล่ะ”ยามนี้ฉินอวิ๋นฟานปวดหัวจนแทบจะระเบิด มึนงงหนัก ๆ เขาส่ายหน้าแรง ๆ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยความหงุดหงิด “น่ารำค
ฉินอวิ๋นคัง “...”ฉินอวิ๋นฮุย “...”ทุกคน “...”ครั้นถ้อยคำนี้โพล่งออกมา สถานที่แห่งนั้นก็เงียบกริบ!นี่มันอะไรกัน?ไม่ใช่ว่ารัชทายาทใช้กำลังลบหลู่หยางกุ้ยเฟยแล้วทุกคนพากันตำหนิการกระทำอันต่ำทรามของรัชทายาทหรือ?เหตุไฉนคนที่ถูกกล่าวหาจึงกลายเป็นคนกล่าวหาเสียเล่า? ดำกลับกลายเป็นขาว?หยางกุ้ยเฟยที่เป็นผู้เคราะห์ร้ายกลายเป็นตัวการ ส่วนรัชทายาทกลายเป็นผู้เคราะห์ร้าย?แบบนี้ก็ได้ด้วยรึ?“ล่อลวงรัชทายาท?”ครั้นได้ยินวาจานี้ หยางกุ้ยเฟยก็ลนลานทันที นี่คือจะให้นางเป็นแพะรับบาปหรือ หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริง วันนี้นางต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย หรือว่าจะให้นางเป็นเครื่องสังเวยศึกชิงความเป็นใหญ่ขององค์ชาย?“ข้าไม่ได้ล่อลวงรัชทายาทนะ ข้าไม่ได้ทำจริง ๆ องค์ชายใหญ่ ท่านต้องคืนความเป็นธรรมให้ข้านะ รัชทายาทให้ร้ายข้า”องค์ชายใหญ่และองค์ชายรองคือผู้กำกับเรื่องนี้และเป็นที่พึ่งของหยางกุ้ยเฟยด้วย จู่ ๆ รัชทายาททึ่มทื่อดันโยนความผิดทั้งหมดมาที่นาง นางก็ไม่ต้องยอมรับอยู่แล้วเวลานี้หัวใจขององค์ชายใหญ่และองค์ชายรองก็รัดแน่นเหมือนกัน...“น้องเจ็ด นี่เจ้าจะไร้ยางอายเกินไปแล้วกระมัง?”องค์ชายใหญ