ยามใดที่ขุนนางพวกนี้มาหารือด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส นั่นหมายถึงว่าพวกเขากำลังจะเผชิญกับลมมรสุมพายุกระหน่ำอย่างแน่นอน นี่คือสิ่งที่เขาสรุปได้จากประสบการณ์หลายปีที่ผ่านมา“เอาไปเถอะ ไม่ต้องเกรงใจ!”ฉินอวิ๋นฮุยตบบ่าหลี่เถี่ยตั้นพลางหัวเราะ “ถ้าอยากจะขอบคุณ เจ้าก็ขอบคุณน้องเจ็ดข้าให้มากเถอะ เป็นเขาที่ทำให้ข้าตระหนักถึงความผิดของตัวเอง และการขอโทษเจ้าต่อหน้าทุกคนก็เป็นสิ่งที่ข้าสมควรทำอยู่แล้ว”ครั้นได้ยินคำพูดนี้ หลี่เถี่ยตั้นมองไปทางฉินอวิ๋นฟานด้วยสีหน้าปั้นยาก เขาไม่เข้าใจเลยว่าองค์ชายรองมีจุดมุ่งหมายอะไรกันแน่ ความกลัวในใจไต่ระดับถึงจุดสูงสุดนานแล้ว สูญเสียความสามารถในการพิจารณาโดยสิ้นเชิง“เอาไปเถอะ ต่อไปก็ใช้ชีวิตให้มีความสุข นี่คือสิ่งที่เจ้าสมควรได้รับ!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มน้อย ๆ พลางพูดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของฉินอวิ๋นฮุยอยู่เหนือความคาดหมายของฉินอวิ๋นฟานมาก ทีแรกเขายังคิดจะข่มฉินอวิ๋นฮุยสักหน่อย ไม่นึกว่าคนข้างตัวจะชี้แนะ แก้ไขได้อย่างง่ายดายกระทั่งว่ายังให้ฉินอวิ๋นฮุยแสดงฝีมือ ได้ชื่อเสียงมาเสียอย่างนั้นเขาจำต้องยอมรับว่าคนผู้นี้คือยอดฝีมือแผนสูง......หลังจากผ่านเ
“ประหลาด ฉินอวิ๋นฟานผู้นี้ประหลาดนัก ต่อไปเจ้าต้องจับตามองให้มาก”เยียนจ้านเทียนกล่าวด้วยสีหน้าสงบ “เฉินเอ๋อร์ชอบเอาชนะแต่เล็ก นิสัยเหมือนข้า การมอบเมืองอู่โจวให้ในครานี้ถือเป็นการฝึกฝนนางครั้งหนึ่งแล้วกัน ให้นางมีประสบการณ์กับงานระหว่างบ้านเมืองมากหน่อย”“พ่ะย่ะค่ะ!”หลี่เหลียนอิงค้อมตัวเอ่ยนับจากนาทีที่ฉินอวิ๋นฟานออกเดินทาง ข่าวก็แพร่สะพัดไปตามแคว้นต่าง ๆ เหมือนติดปีก ราชวงศ์ต้าเซี่ยคือแคว้นใหญ่อันดับสองรองจากราชวงศ์ต้าเยียน นอกจากจะมีกองทัพที่น่าสะพรึงกลัว ยังมีอาณาบริเวณใหญ่ที่สุดในโลก บ้านเมืองเข้มแข็งประชามั่งมี“ฝ่าบาท สายสืบรายงานว่าองค์ชายทั้งสามของต้าเฉียนต่อสู้กันหนักหน่วงมาตลอด ต่างมีความคิดเป็นของตนเอง ในตอนที่พักในเมืองปินโจว ระหว่างสามพี่น้องเกิดความขัดแย้งอย่างหนัก ยังดีที่องค์ชายรองระงับได้ มิเช่นนั้นผลที่ตามมายากจะจินตนาการพ่ะย่ะค่ะ”ในห้องทรงพระอักษรของราชวงศ์ต้าเซี่ย จักรพรรดิราชวงศ์ต้าเซี่ยจีซื่อซวินหยุดงานในมือ ฟังการรายงานจากขันทีเฒ่าที่อยู่ด้านข้าง ในฐานะที่เป็นจักรพรรดิเหนือขั้นอันดับสองของโลก จีซื่อซวินย่อมมีสติปัญญาและฝีมือเหนือคนเป็นธรรมดาเขาเอ่ยปาก
“เสด็จอาไท่ซันวิเคราะห์มีเหตุผล!”เหมียวชิงอีคิ้วมัดเป็นปมแน่น“ระยะนี้กระหม่อมวิเคราะห์ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในปีกว่านี้อย่างละเอียดรอบหนึ่ง พบว่าเรื่องเมืองอู่โจวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ร้ายแรงกว่าที่พวกเราคิดเอาไว้มาก”เหมียวไท่ซันพูดหน้าเครียด “หนึ่งปีกว่าก่อน จักรพรรดิต้าเยียนเพิ่งประชวรหนัก เมืองอู่โจวก็เกิดเรื่องสินค้าต้าเยียนถูกปล้น การเจรจาไม่สำเร็จ ต้าเยียนโจมตีอย่างหนัก ยึดเมืองอู่โจว ส่วนต้าเฉียนกลับไม่มีวิธีตอบโต้ใด ๆ ทรงคิดว่านี่คือความบังเอิญหรือ?”“เมืองอู่โจวไม่ใหญ่ แต่มันกลับมีความพิเศษมาก เชื่อมต่อกับต้าเฉียน แคว้นเหมียว ต้าเยียน ต้าเซี่ยและเหมิงกู่ห้าแคว้น แคว้นใหญ่ล้วนตั้งสมาคมการค้าที่เมืองอู่โจวเกือบจะทั้งหมด เพียงพอให้เห็นความสำคัญทางชัยภูมิ”“การที่จู่ ๆ ต้าเยียนก็ลงมือกับเมืองอู่โจว มันแค่เพราะความขัดแย้งเรื่องหนึ่งหรือ? กระหม่อมกลับไม่เชื่อ จากปฏิกิริยาของราชวงศ์หนานเจียง กระหม่อมสันนิษฐานว่าที่ต้าเยียนทำเช่นนี้มีแค่ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว นั่นก็คือเป้าหมายทางกลยุทธ์”ครั้นได้ฟังการวิเคราะห์ของเหมียวไท่ซัน เหมียวชิงอีสีหน้าปั้นยากอย่างหนัก นับจากเมืองอู
ขณะเดียวกัน สถานการณ์ของราชวงศ์ต้าเหลียงพิเศษสุด เห็นเพียงจักรพรรดิต้าเหลียงเหลียงหลงจีนอนอยู่บนเตียงมังกร สีหน้าซีดขาว ดูเหมือนร่างกายอ่อนแอมาก“คิดไม่ถึงจริง ๆ หลานชายน้อยของข้าจะร้ายกาจเช่นนี้ ช่างทำให้คนนึกไม่ถึงโดยแท้”บนเตียงมังกร เหลียงหลงจีฝืนยิ้มเล็กน้อย ชื่นชมหลานชายที่ไม่เคยปะหน้าผู้นี้นัก!“นั่นสิเสด็จพ่อ หลานอวิ๋นฟานโตแล้วจริง ๆ นอกจากจะไม่โง่งมอีก ยังฉลาดหลักแหลมนัก ลูกไม้แพรวพราวไม่มีสิ้นสุด ควบคุมองค์ชายใหญ่และองค์ชายรองต้าเฉียนอยู่ในกำมือ หัวการค้ายิ่งทำให้คนมองไม่เห็นฝุ่น อยู่เหนือความคาดหมายของพวกเราจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”รัชทายาทต้าเหลียงเหลียงเทียนอี้ก็ชมเชยฉินอวิ๋นฟานหลานชายคนนี้อย่างไม่ปกปิดเหมือนกัน“นั่นสิเพคะเสด็จพ่อ ถ้าพี่หญิงใหญ่บนสวรรค์รับรู้ ต้องภูมิใจกับหลานชายคนเล็กคนนี้ของหม่อมฉันแน่นอน เขาได้เรื่องแล้ว พี่หญิงใหญ่หลับสนิทสักที”ข้างเตียง องค์หญิงสิบสามเอ่ยปากอย่างปริ่มใจ“นั่นสิ ครอบครัวจากไปทีละคน เหมือนสายลมใบไม้ร่วง”เหลียงหลงจีใบหน้าอารมณ์อ่อนไหวเศร้าหมอง เขาพูดลอย ๆ ขึ้นว่า “เวลานี้ร่างกายข้าแย่ลงทุกที อยากเจอคนรู้จักมากขึ้นเรื่อย ๆ พี่ใหญ่ของพ
“ไม่ ถ้าเจ้าคิดอย่างนี้ นั่นคือผิด ผิดมหันต์!”เหลียงหลงจีเอ่ยเสียงหนัก “เจ้าเคยคิดหรือไม่ ภายใต้สถานการณ์ต้าเฉียนที่ซับซ้อนอย่างนี้ และต่อสู้กันดุเดือดอย่างนี้ อวิ๋นฟานไม่มีขั้วอำนาจที่สามารถพึ่งพิง แต่ต่อสู้กับสององค์ชายเพียงลำพัง ซ้ำสะกดองค์ชายสององค์ได้โดยสมบูรณ์ นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะทำได้”“อวิ๋นฟานไปเมืองอู่โจวในครั้งนี้ อย่างนี้ต้องอยู่ที่นั่นประมาณหนึ่งเดือน เจ้ารีบออกเดินทางไปเมืองอู่โจว อย่าพลาดโอกาสดีนี้ เขาอาจนำพาผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงให้กับพวกเราก็ได้”เหลียงหลงจีกล่าวด้วยสายตามุ่งมั่นจากมุมมองของจักรพรรดิ ฝีมือที่ฉินอวิ๋นฟานแสดงออกมาทั้งหมด ไม่ว่าจะอยู่ในยุคใด ราชวงศ์ใด ล้วนเป็นตัวตนระดับยอดพีระมิดท่ามกลางการแข่งขันในราชวงศ์ ความสามารถส่วนบุคคลและวิธีการสำคัญอย่างยิ่งยวด ฉินอวิ๋นฟานแสดงฝีมือและความมั่นใจได้ในภาวะวิกฤตนี้ แทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและจะไม่มีอีกในภายหลัง อนาคตของต้าเหลียงจะเป็นเช่นไร ฉินอวิ๋นฟานอาจเป็นตัวแปรสำคัญตัวหนึ่งจริง ๆ“เพคะ เสด็จพ่อ หม่อมฉันทราบแล้ว หม่อมฉันจะออกเดินทางไปเมืองอู่โจวเดี๋ยวนี้เพคะ!”เหลียงจื่อฝูไม่กล้าทำให้เสียเวลาแม้แต่น้อย
จวนเจ้าเมืองอู่โจว หลังจากฟังการรายงานอย่างละเอียดของเซี่ยมู่ไป๋แล้ว ใบหน้าพริ้มเพราของเยียนอวี่เฉินก็มีน้ำค้างแข็งแผ่ขยายเต็มไปหมด ในแววตาอัดแน่นไปด้วยความแค้น ไม่ยินยอม และความเหลือเชื่อ“อาจารย์เซี่ย ท่านแน่ใจหรือว่าฉินอวิ๋นฟานจงใจเล่นงานเราเพราะเรื่องสัญญาเดิมพัน?”เยียนอวี่เฉินถามยืนยันอีกครั้งแบบไม่ตายใจ “เฮ้อ! องค์หญิงสาม ข้าหรือจะกล้าล้อเล่นกับเรื่องแบบนี้!”เซี่ยมู่ไป๋ถอนหายใจหนักและเอ่ย “ต่อหน้าฉินอวิ๋นฟาน คำพูดที่เราเตรียมเมื่อก่อนหน้านี้ไม่เกิดผลเลย เขาไม่คล้อยตามสักนิด ยังไงก็จะยึดตามหลักเหตุผล ข้าก็จนปัญญาแล้วเหมือนกัน” ในฐานะที่เซี่ยมู่ไป๋เป็นนักวรรณกรรมผู้ยิ่งใหญ่ มีพื้นฐานด้านบุ๋นล้ำเลิศ ไม่คิดว่าเขาจะพูดไม่ออกต่อหน้าฉินอวิ๋นฟาน ทำให้เขาแค้นใจนัก กระทั่งรู้สึกสิ้นกำลัง“ฉินอวิ๋นฟาน เจ้ามันบ้า ไม่รู้จักดีชอบ สุราเคารพไม่กินจะกินสุราลงทัณฑ์!”เยียนอวี่เฉินเดือดดาลสุดขีด โมโหจนกระทืบเท้าอยู่กับที่ ตะคอกอยู่ในห้องโถงอย่างบ้าคลั่ง ในฐานะที่เป็นองค์หญิงสามผู้สูงส่งของต้าเยียน นางเคยรับกับความเหยียดหยามเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร?ทั้งที่นางกำลังให้โอกาสฉินอวิ๋นฟานอยู่แท้
หลัวเทียนเป้าถูกเยียนอวี่เฉินถามกลับจนพูดไม่ออก หลัวเทียนเป้าย่อมชัดเจนในกำลังของต้าเยียนดี แต่การทัดทานห้าแคว้นด้วยกำลังของหนึ่งแคว้น คือเรื่องที่เป็นไปไม่ค่อยได้!ก็ขณะที่พวกเขากำลังว้าวุ่น คำพูดหนึ่งของซือหม่าเจาทำให้พวกเขาฉุกคิดขึ้นได้ทันที!เห็นเพียงซือหม่าเจาพูดอ้อมแอ้ม “เอ่อ คือว่า องค์หญิงสาม จะเป็นไปได้หรือไม่ ความจริงฉินอวิ๋นฟานมองแผนการของเราออกแต่แรกแล้ว เขาแค่แกล้งทำเป็นปฏิเสธคนอยู่นอกพันลี้ จงใจรักษาระยะห่างกับเรา“หือ? ซือหม่าเจา เจ้าพูดต่อมาสิ!”พอเยียนอวี่เฉินได้ฟังก็สนใจขึ้นมาทันที หรือว่าฉินอวิ๋นฟานมีความลับที่พูดยากอะไร?“เช่นนี้ขอรับ ข้าน้อยคือพ่อค้าคนหนึ่ง จะใช้เวลาส่วนมากกับการคิดปัญหาด้วยความคิดของพ่อค้า และจุดเด่นใหญ่ของพ่อค้าก็คือแสวงหากำไร รองลงมาก็คือไร้เล่ห์ไร้ธุรกิจ”ซือหม่าเจาอธิบาย “และฉินอวิ๋นฟานก็คืออัจฉริยะทางการค้าคนหนึ่ง ภาพพิมพ์เขียวทางธุรกิจของเขาเรียกได้ว่าไม่เคยมีมาก่อนและจะไม่มีอีก ทำให้สมาคมการค้าอย่างเราต้องละอายใจนัก ดังนั้นข้าน้อยกำลังคิด เขาเป็นคนฉลาดขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้ความน่ากลัวของต้าเยียนที่พึ่งพิงนี้”“ในฐานะที่เป็นพ
“เอ่อ เช่นนั้น เช่นนั้นแผนการของเราจะทำยังไงดีล่ะ?”หลัวเทียนเป้าที่อยู่ด้านข้างทำหน้างงงัน สถานการณ์พลิกกลับเร็วเกินไป ทำให้เขาทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อยเยียนอวี่เฉินยิ้มอย่างมั่นใจ “ทำตามแผนเดิม ข้าก็อยากดูสิว่าแผนวิมานในอากาศนี้ ฉินอวิ๋นฟานจะแก้ยังไง!”เวลานี้เยียนอวี่เฉินเต็มไปด้วยความคาดหวังต่อการพบหน้าฉินอวิ๋นฟานในวันพรุ่งนี้ เจ้าคนชั่วน้อยที่ทำให้นางแอบเฝ้าคิดถึงตลอดสามเดือน ทั้งกระวนกระวายทั้งดีใจ“เอ่อคือ... องค์หญิงสาม ความจริงแล้ว... ข้ายังมีอีกแผนการหนึ่ง ท่านจะฟังหรือไม่?”หลัวเทียนเป้ากลับไม่เชื่อฉินอวิ๋นฟาน เป้าหมายของเขามีเพียงหนึ่งเดียว แม้ไม่ให้ฉินอวิ๋นฟานถึงตาย แต่ก็ต้องทรมานให้ร่างกายไร้ผิวหนังสมบูรณ์ จะไม่ให้เขาอยู่อย่างเป็นสุขแน่นอนแผนการนี้ขององค์หญิงสาม จำกัดพลังทำลายล้างของเขาต่อฉินอวิ๋นฟานโดยแท้ เขาจำต้องหาวิธีเพิ่มความยากและภาระให้ฉินอวิ๋นฟาน“ว่ามา!”เยียนอวี่เฉินถามด้วยความอยากรู้“เช่นนี้ขอรับ ท่านยังจำเมื่อหนึ่งปีกว่าก่อนได้หรือไม่ว่าต้าเยียนได้เมืองอู่โจวมายังไง?”หลัวเทียนเป้าถามด้วยสีหน้าลึกลับ“อ้อ? เรื่องนี้ข้าต้องรู้อยู่แล้ว เมืองอู่โจวเป็นเม