คำพูดของฉินอวิ๋นฟานทำให้เย่ซื่อกวานราวกับตื่นรู้ เขาเกิดความเลื่อมใสต่อรัชทายาทหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง หัวใจกว้างขวางและวิสัยทัศน์ยาวไกลอย่างหาที่เปรียบมิได้นั้น ทำให้เขาสัมผัสถึงความหมายในชีวิตเป็นครั้งแรกความเคารพและความรู้สึกเท่าเทียมแบบนั้นคือสิ่งที่เขาไม่เคยได้รับมาก่อนนาทีนี้ เย่ซื่อกวานปฏิญาณในใจ ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะแลกกับทุกอย่างเพื่อติดตามรัชทายาทผู้เสมือนเทพคนนี้......“พี่รอง ได้ยินว่ารองเท้าของท่านคู่หนึ่งเจ็ดสิบเก้าตำลึง?”ฉินอวิ๋นฟานปัดฝุ่นบนตัวออกเบา ๆ สะกดเพลิงโทสะในใจอย่างหนัก เดินมาถึงตรงหน้าฉินอวิ๋นฮุยด้วยใบหน้าอึมครึมสองคนสี่สายตาประสาน พลังแกร่งกล้านั้น แววตาเฉียบคมและเต็มไปด้วยความเด็ดขาดนั้นของฉินอวิ๋นฟาน ทำให้ฉินอวิ๋นฮุยบังเกิดความกลัวเกรงอย่างบอกไม่ถูก“เหอะ นี่นับเป็นอะไร? แค่เสื้อผ้าข้าชุดนี้ก็มีราคาถึงพันตำลึงเงินแล้ว กะอีแค่รองเท้าคู่ละเจ็ดสิบเก้าตำลึงมันนับเป็นอะไรได้?”ฉินอวิ๋นฮุยพยายามนิ่ง ต่อหน้าฉินอวิ๋นฟานเขาจะด้อยกว่าไม่ได้เด็ดขาด ยิ่งไม่สามารถถอย เพิ่งถูกฉินอวิ๋นฟานเล่นงานมายกหนึ่ง ถ้าเขาเกิดความรู้สึกกลัวฉินอวิ๋นฟานขึ้นมาอีกในตอน
“ฉินอวิ๋นฟาน ข้าคือองค์ชายรองแห่งต้าเฉียน พี่รองของเจ้า เจ้ากล้าด่าข้า ลบหลู่ข้าต่อหน้าทุกคนเพื่อชาวบ้านต้อยต่ำคนหนึ่งหรือ?!”ฉินอวิ๋นฮุยหรี่ดวงตาทั้งคู่ “ข้าคือโอรสในสายพระโลหิตของเสด็จพ่อ เจ้ากลับกล้าพูดว่าชาวบ้านต่ำต้อยเป็นพ่อข้า?! วาจาลบหลู่เบื้องสูงเช่นนี้เจ้าก็กล้าพูด?! เจ้ารู้หรือไม่ว่าผลที่จะตามมาคืออะไร?!”นับจากออกเดินทางจนมาถึงเมืองปินโจว ฉินอวิ๋นฮุยอารมณ์ดียิ่ง กระทั่งกำลังวางแผนว่าจะแย่งผลงานอย่างไร เล่นงานฉินอวิ๋นฟานอย่างไร แต่ให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง เพิ่งถึงเมืองปินโจวก็ทำให้เขารู้สึกถึงความอัปยศอย่างใหญ่หลวงในชีวิต!ในฐานะที่เป็นองค์ชายรองผู้สูงศักดิ์ เขาไม่เห็นสิ่งใดอยู่ในสายตา เสพสุขกับการเคารพสรรเสริญจากผู้คน หากไม่ใช่เพราะชิงบัลลังก์ เขาหรือจะยอมมาสถานที่เช่นนี้กับฉินอวิ๋นฟาน?“ผลที่จะตามมา? ผลที่จะตามมาอะไร? แม่เอ๊ย ท่านก็คู่ควรพูดเรื่องผลที่จะตามมากับข้ารึ?!”ฉินอวิ๋นฟานเปิดโหมดรบทันที ไม่ไว้หน้าฉินอวิ๋นฮุยแม้แต่น้อย เขาพูดกระแนะกระแหน “เสด็จพ่อเคยตรัสหลายต่อหลายครั้ง ชาวบ้านคือเสื้อผ้าอาหารบุพการีของเรา ที่ท่านกินใช้อยู่ล้วนเป็นสิ่งที่ชาวบ้านมอบให้ ข้าบอ
“คิดจะทำอะไรท่าน มันเป็นเรื่องที่ลำบากจริง ๆ แต่เรื่องนี้จะต้องมีคำอธิบาย”ฉินอวิ๋นฟานท่าทีแข็งข้ออย่างยิ่ง ในตอนที่ฉินอวิ๋นฮุยเผยความน่าชังออกมาจนหมดเปลือก ฉินอวิ๋นฟานก็เกิดใจคิดฆ่าแล้วคนพรรค์นี้ก็คือเนื้อร้ายของบ้านเมือง ขอแค่เขาได้ขึ้นครองราชย์ ฉินอวิ๋นฮุยจะต้องตาย!“คำอธิบาย? เจ้าต้องการคำอธิบายอะไร?”ฉินอวิ๋นฮุยพูดหน้าขมึงทึงยามนี้เขาคืนสติสมบูรณ์แล้ว ในช่วงเวลาพิเศษนี้ การขัดแย้งกับเจ้าบ้าฉินอวิ๋นฟานอย่างรุนแรงไม่คุ้มค่าจริง ๆ ขอเพียงเรื่องราวยังไม่ถึงขั้นบานปลาย เช่นนั้นเขาทำได้เพียงอดกลั้นเอาไว้“นี่คือเจ็ดสิบเก้าตำลึง ข้าชดใช้ให้ท่านแทนเขา!”สิ้นเสียง ฉินอวิ๋นฟานก็โยนเงินเจ็บสิบเก้าตำลึงให้ฉินอวิ๋นฮุย ตามด้วยเปลี่ยนสีหน้า “ท่านซ้อมเขาจนเป็นแบบนี้แล้ว เรื่องนี้จะว่ายังไง?”“ข้าตีเขา นั่นเพราะเขาสมควร ใครใช้ให้เขาไม่รู้จักดูตาม้าตาเรือ? ชนข้าผู้เป็นองค์ชายก็คือความผิด ข้าซ้อมเขายกหนึ่งถือว่าเบาแล้ว”ฉินอวิ๋นฮุยเอ่ยเสียงเข้ม “ข้าไม่ได้เอาความกับเขาอีกก็คือเมตตากรุณาเป็นพิเศษ เจ้ายังคิดจะเอายังไง? ถ้าเจ้าอยากให้เขาขอโทษข้า นั่นคือไม่จำเป็น!”ฉินอวิ๋นฮุยสองมือไพล่หลัง ใ
เมื่อเห็นทุกคนมองตัวเองอย่างกับเห็นผี ฉินอวิ๋นฟานจึงนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองพูดผิดไป นี่คือโลกยุคโบราณ ส่วนตัวเองคือคนที่ทะลุมิติมา ใช้หลักจราจรในปัจจุบันวิเคราะห์เรื่องนี้ พวกเขาก็ต้องไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว“อะแฮ่ม ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานเกาศีรษะ กระแอมกระไอเบา ๆ ทีหนึ่ง “หลี่เถี่ยตั้นอุ้มลูกวิ่งแบบปกติบนท้องถนน ผิดหรือไม่?”“นี่มันก็ไม่มีอะไรผิด!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่เข้าใจว่าฉินอวิ๋นฟานจะมาไม้ไหนกันแน่ ตอบคำถามของฉินอวิ๋นฟานด้วยใบหน้าระแวง หากคำพูดต่อจากนี้ของฉินอวิ๋นฟานกลับทำให้เขาสมองตื้อ!“ในเมื่อหลี่เถี่ยตั้นไม่ผิด แล้วทำไมอยู่ ๆ ถึงชนกับท่านได้? เหตุผลง่ายมาก ก็เพราะท่านโผล่ออกมาบนถนนกะทันหัน ขวางทางของหลี่เถี่ยตั้น ดังนั้นจึงเกิดเหตุขัดแย้งในครั้งนี้”ฉินอวิ๋นฟานตั้งใจวิเคราะห์ “ถ้าไม่ใช่เพราะท่านโผล่ออกมากะทันหัน หลี่เถี่ยตั้นก็จะไม่ชนท่าน และจะไม่เกิดเรื่องในครั้งนี้ด้วย ดังนั้น... ท่านต่างหากที่เป็นตัวการของเรื่องนี้!”“เอ่อ... เจ้าพูดมั่วซั่วอะไร? เขาชนข้า ข้าคือองค์ชาย เขาคือชาวบ้าน เขาผิด เข้าใจหรือไม่? เหตุผลง่าย ๆ เช่นนี้ เจ้ายังต้องวิเคราะห์บ้าบออะไรอยู่ที่นี่อีกหรือ?”ฉินอวิ๋
“ชดเชยหลี่เถี่ยตั้นสามพันตำลึงเป็นค่ารักษาพยาบาลและเยียวยาจิตใจ จากนั้นก็ขอโทษกับหลี่เถี่ยตั้นอย่างจริงจัง!”ฉินอวิ๋นฟานพูดแบบไม่คิดจากเนื้อแท้ของเรื่องเป็นแค่ความขัดแย้งธรรมดาเล็กน้อยเรื่องหนึ่ง ไม่ร้ายแรงถึงขั้นต้องจัดการอย่างเข้มงวด และฉินอวิ๋นฮุยยังมีสถานะพิเศษ ถ้าเขาเอาความต่อไป น่ากลัวว่าต้องตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน“สามพันตำลึงยังไงก็ได้ ค่ารักษาพยาบาลข้าก็ยังพอเข้าใจ แต่ค่าเยียวยาจิตใจนี่มันอะไรกัน?”ฉินอวิ๋นฮุยถามด้วยใบหน้าสับสน“เอ่อ มันคือ มันคือ...”อยู่ ๆ ก็ถูกฉินอวิ๋นฮุยถามมาอย่างนี้ ฉินอวิ๋นฟานจึงคิดขึ้นได้ว่านี่คือความเคยชินทางความคิดในยามปกติของเขา ดังนั้นจึงหลุดปากพูดออกไป ลืมคิดไปว่าที่นี่ไม่มีค่าเยียวยาจิตใจฉินอวิ๋นฟานรีบอธิบาย “ก็คือ ก็คือ... ใช่ ท่านเกือบทำลูกชายของเขาตายแล้ว ไม่สมควรชดใช้หรือ? ถ้าไม่ใช่เพราะข้าช่วยเหลือทัน สามพันตำลึงยังไม่พอชดใช้เลย”“อ้อ ที่แท้ก็หมายความเช่นนี้!”แม้ฉินอวิ๋นฟานจะพยายามอธิบายออกไปแบบข้าง ๆ คู ๆ แต่ฉินอวิ๋นฮุยก็ยังกึ่งเชื่อกึ่งไม่เชื่อ จากท่าทางของฉินอวิ๋นฟาน รู้สึกว่าเขาไม่ได้พูดความจริง เพื่อเขี่ยดาวพิฆาตตัวนี้ไปให้เร็วที
ยามใดที่ขุนนางพวกนี้มาหารือด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส นั่นหมายถึงว่าพวกเขากำลังจะเผชิญกับลมมรสุมพายุกระหน่ำอย่างแน่นอน นี่คือสิ่งที่เขาสรุปได้จากประสบการณ์หลายปีที่ผ่านมา“เอาไปเถอะ ไม่ต้องเกรงใจ!”ฉินอวิ๋นฮุยตบบ่าหลี่เถี่ยตั้นพลางหัวเราะ “ถ้าอยากจะขอบคุณ เจ้าก็ขอบคุณน้องเจ็ดข้าให้มากเถอะ เป็นเขาที่ทำให้ข้าตระหนักถึงความผิดของตัวเอง และการขอโทษเจ้าต่อหน้าทุกคนก็เป็นสิ่งที่ข้าสมควรทำอยู่แล้ว”ครั้นได้ยินคำพูดนี้ หลี่เถี่ยตั้นมองไปทางฉินอวิ๋นฟานด้วยสีหน้าปั้นยาก เขาไม่เข้าใจเลยว่าองค์ชายรองมีจุดมุ่งหมายอะไรกันแน่ ความกลัวในใจไต่ระดับถึงจุดสูงสุดนานแล้ว สูญเสียความสามารถในการพิจารณาโดยสิ้นเชิง“เอาไปเถอะ ต่อไปก็ใช้ชีวิตให้มีความสุข นี่คือสิ่งที่เจ้าสมควรได้รับ!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มน้อย ๆ พลางพูดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของฉินอวิ๋นฮุยอยู่เหนือความคาดหมายของฉินอวิ๋นฟานมาก ทีแรกเขายังคิดจะข่มฉินอวิ๋นฮุยสักหน่อย ไม่นึกว่าคนข้างตัวจะชี้แนะ แก้ไขได้อย่างง่ายดายกระทั่งว่ายังให้ฉินอวิ๋นฮุยแสดงฝีมือ ได้ชื่อเสียงมาเสียอย่างนั้นเขาจำต้องยอมรับว่าคนผู้นี้คือยอดฝีมือแผนสูง......หลังจากผ่านเ
“ประหลาด ฉินอวิ๋นฟานผู้นี้ประหลาดนัก ต่อไปเจ้าต้องจับตามองให้มาก”เยียนจ้านเทียนกล่าวด้วยสีหน้าสงบ “เฉินเอ๋อร์ชอบเอาชนะแต่เล็ก นิสัยเหมือนข้า การมอบเมืองอู่โจวให้ในครานี้ถือเป็นการฝึกฝนนางครั้งหนึ่งแล้วกัน ให้นางมีประสบการณ์กับงานระหว่างบ้านเมืองมากหน่อย”“พ่ะย่ะค่ะ!”หลี่เหลียนอิงค้อมตัวเอ่ยนับจากนาทีที่ฉินอวิ๋นฟานออกเดินทาง ข่าวก็แพร่สะพัดไปตามแคว้นต่าง ๆ เหมือนติดปีก ราชวงศ์ต้าเซี่ยคือแคว้นใหญ่อันดับสองรองจากราชวงศ์ต้าเยียน นอกจากจะมีกองทัพที่น่าสะพรึงกลัว ยังมีอาณาบริเวณใหญ่ที่สุดในโลก บ้านเมืองเข้มแข็งประชามั่งมี“ฝ่าบาท สายสืบรายงานว่าองค์ชายทั้งสามของต้าเฉียนต่อสู้กันหนักหน่วงมาตลอด ต่างมีความคิดเป็นของตนเอง ในตอนที่พักในเมืองปินโจว ระหว่างสามพี่น้องเกิดความขัดแย้งอย่างหนัก ยังดีที่องค์ชายรองระงับได้ มิเช่นนั้นผลที่ตามมายากจะจินตนาการพ่ะย่ะค่ะ”ในห้องทรงพระอักษรของราชวงศ์ต้าเซี่ย จักรพรรดิราชวงศ์ต้าเซี่ยจีซื่อซวินหยุดงานในมือ ฟังการรายงานจากขันทีเฒ่าที่อยู่ด้านข้าง ในฐานะที่เป็นจักรพรรดิเหนือขั้นอันดับสองของโลก จีซื่อซวินย่อมมีสติปัญญาและฝีมือเหนือคนเป็นธรรมดาเขาเอ่ยปาก
“เสด็จอาไท่ซันวิเคราะห์มีเหตุผล!”เหมียวชิงอีคิ้วมัดเป็นปมแน่น“ระยะนี้กระหม่อมวิเคราะห์ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในปีกว่านี้อย่างละเอียดรอบหนึ่ง พบว่าเรื่องเมืองอู่โจวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ร้ายแรงกว่าที่พวกเราคิดเอาไว้มาก”เหมียวไท่ซันพูดหน้าเครียด “หนึ่งปีกว่าก่อน จักรพรรดิต้าเยียนเพิ่งประชวรหนัก เมืองอู่โจวก็เกิดเรื่องสินค้าต้าเยียนถูกปล้น การเจรจาไม่สำเร็จ ต้าเยียนโจมตีอย่างหนัก ยึดเมืองอู่โจว ส่วนต้าเฉียนกลับไม่มีวิธีตอบโต้ใด ๆ ทรงคิดว่านี่คือความบังเอิญหรือ?”“เมืองอู่โจวไม่ใหญ่ แต่มันกลับมีความพิเศษมาก เชื่อมต่อกับต้าเฉียน แคว้นเหมียว ต้าเยียน ต้าเซี่ยและเหมิงกู่ห้าแคว้น แคว้นใหญ่ล้วนตั้งสมาคมการค้าที่เมืองอู่โจวเกือบจะทั้งหมด เพียงพอให้เห็นความสำคัญทางชัยภูมิ”“การที่จู่ ๆ ต้าเยียนก็ลงมือกับเมืองอู่โจว มันแค่เพราะความขัดแย้งเรื่องหนึ่งหรือ? กระหม่อมกลับไม่เชื่อ จากปฏิกิริยาของราชวงศ์หนานเจียง กระหม่อมสันนิษฐานว่าที่ต้าเยียนทำเช่นนี้มีแค่ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว นั่นก็คือเป้าหมายทางกลยุทธ์”ครั้นได้ฟังการวิเคราะห์ของเหมียวไท่ซัน เหมียวชิงอีสีหน้าปั้นยากอย่างหนัก นับจากเมืองอู