“เอ่อ นี่...”หยางมี่เห็นฉินอวิ๋นฮุยยังไม่ยอมถอยสักนิด นี่ทำให้นางลำบากใจมาก ชีวิตคนสำคัญเท่าฟ้า ฉินอวิ๋นฮุยเป็นองค์ชายกลับเอาแต่ใจเช่นนี้? ไม่สนใจชีวิตของประชาชน ช่างน่ารังเกียจนัก!แต่ไม่ว่านางจะมีความโกรธเคืองและหงุดหงิดอย่างไรก็ได้แต่อดทนเอาไว้ อย่างไรเสีย ชายตรงหน้าก็คือองค์ชายซึ่งกุมอำนาจจริงของต้าเฉียน นางล่วงเกินไม่ได้เพื่อช่วยคน หยางมี่จึงได้แต่ยิ้มให้ “องค์ชายรอง ท่านว่า... ต้องทำยังไงท่านถึงจะอารมณ์ดี คิดวิธีให้ท่านดีหรือไม่?”“อ้อ? นี่เจ้าพูดเองนะ!”ฉินอวิ๋นฮุยยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เผยรอยยิ้มชั่วร้ายก่อนจะเอ่ยเสียงหนัก “เจ้าอยู่กับข้าหนึ่งคืน แล้วข้าจะปล่อยพวกเขาพ่อลูกไป เป็นยังไง?”“อะไรนะ? ท่านจะให้ข้าอยู่กับท่านหนึ่งคืน?!”หยางมี่ตกตะลึง แม้แต่ใบหน้าก็กลายเป็นสีเทียนในพริบตา ถ้าคนตรงหน้าไม่ใช่องค์ชายรอง นางจะสะบัดฝ่ามือไปแล้ว แต่นางรู้อิทธิพลของฉินอวิ๋นฮุยดี เขาไม่ใช่คนที่นางจะล่วงเกินได้ง่าย ๆต่อให้ฉินอวิ๋นฟานเคยบอก ใครหน้าไหนหยามเหยียดนางก็โต้ตอบได้ทันที ไม่ต้องไว้หน้า แต่นางก็ยังไม่กล้าลงมือกับฉินอวิ๋นฮุยอยู่ดี ถึงในใจจะไม่พอใจอย่างยิ่งยวด หากได้แต่กัดฟันทน
ก็ตอนที่หลี่เถี่ยตั้นกำลังอธิบาย ฉินอวิ๋นฟานตะคอกหยุด หลังจากฉินอวิ๋นฟานตรวจและสังเกตอาการแล้ว ปฏิกิริยาแรกของเขาก็คืออาหารติดคอจึงทำให้หายใจลำบาก ก็เหมือนกับที่หลี่เถี่ยตั้นบอก เป็นเช่นนั้นจริง ๆสำหรับความขัดแย้งและคำพูดไร้สาระอื่น สำหรับฉินอวิ๋นฟานก็คือเสียงรบกวน เขาไม่อยากฟัง จากชีพจรที่แผ่วลงเรื่อย ๆ ความตายคือเวลาชั่วครู่ จะรออีกต่อไปไม่ได้แล้วฉินอวิ๋นฟานรีบอุ้มเด็กขึ้นมา เขายืนอยู่ข้างหลังเด็ก ใช้วิธีการกดกระแทกที่ท้องช่วยเหลือเด็กอย่างเร่งด่วน ทุกคนเห็นสภาพนี้แล้วแตกตื่นฉับพลัน“ทะ ท่านคือใคร? ทะ ท่านทรมานลูกชายข้าอย่างนี้ ท่านจะทำอะไร?!”หลี่เถี่ยตั้นเห็นร่างกายอ่อนปวกเปียกของลูกชายถูกฉินอวิ๋นฟานทรมานอย่างนี้แล้วก็ยิ่งตื่นตระหนก เขารีบเดิมเข้ามาห้าม กลับถูกอู่จ้านขวางเอาไว้และเอ่ยปากเสียงทุ้ม “เขาคือฉินอวิ๋นฟานรัชทายาทต้าเฉียนเรา เขากำลังช่วยลูกเจ้าอยู่”ความจริงอู่จ้านก็ไม่มั่นใจ เขาเองก็เพิ่งเคยพบเคยเห็นวิธีการช่วยเหลือเช่นนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน แต่เขาเชื่อฉินอวิ๋นฟาน รู้ว่าฉินอวิ๋นฟานจะไม่ทำร้ายเด็กแน่นอน“ไม่ เป็นไปไม่ได้ มีวิธีช่วยคนแบบนี้ที่ไหน? รัชทายาทรักษาคนเ
คำพูดของฉินอวิ๋นฟานทำให้เย่ซื่อกวานราวกับตื่นรู้ เขาเกิดความเลื่อมใสต่อรัชทายาทหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง หัวใจกว้างขวางและวิสัยทัศน์ยาวไกลอย่างหาที่เปรียบมิได้นั้น ทำให้เขาสัมผัสถึงความหมายในชีวิตเป็นครั้งแรกความเคารพและความรู้สึกเท่าเทียมแบบนั้นคือสิ่งที่เขาไม่เคยได้รับมาก่อนนาทีนี้ เย่ซื่อกวานปฏิญาณในใจ ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะแลกกับทุกอย่างเพื่อติดตามรัชทายาทผู้เสมือนเทพคนนี้......“พี่รอง ได้ยินว่ารองเท้าของท่านคู่หนึ่งเจ็ดสิบเก้าตำลึง?”ฉินอวิ๋นฟานปัดฝุ่นบนตัวออกเบา ๆ สะกดเพลิงโทสะในใจอย่างหนัก เดินมาถึงตรงหน้าฉินอวิ๋นฮุยด้วยใบหน้าอึมครึมสองคนสี่สายตาประสาน พลังแกร่งกล้านั้น แววตาเฉียบคมและเต็มไปด้วยความเด็ดขาดนั้นของฉินอวิ๋นฟาน ทำให้ฉินอวิ๋นฮุยบังเกิดความกลัวเกรงอย่างบอกไม่ถูก“เหอะ นี่นับเป็นอะไร? แค่เสื้อผ้าข้าชุดนี้ก็มีราคาถึงพันตำลึงเงินแล้ว กะอีแค่รองเท้าคู่ละเจ็ดสิบเก้าตำลึงมันนับเป็นอะไรได้?”ฉินอวิ๋นฮุยพยายามนิ่ง ต่อหน้าฉินอวิ๋นฟานเขาจะด้อยกว่าไม่ได้เด็ดขาด ยิ่งไม่สามารถถอย เพิ่งถูกฉินอวิ๋นฟานเล่นงานมายกหนึ่ง ถ้าเขาเกิดความรู้สึกกลัวฉินอวิ๋นฟานขึ้นมาอีกในตอน
“ฉินอวิ๋นฟาน ข้าคือองค์ชายรองแห่งต้าเฉียน พี่รองของเจ้า เจ้ากล้าด่าข้า ลบหลู่ข้าต่อหน้าทุกคนเพื่อชาวบ้านต้อยต่ำคนหนึ่งหรือ?!”ฉินอวิ๋นฮุยหรี่ดวงตาทั้งคู่ “ข้าคือโอรสในสายพระโลหิตของเสด็จพ่อ เจ้ากลับกล้าพูดว่าชาวบ้านต่ำต้อยเป็นพ่อข้า?! วาจาลบหลู่เบื้องสูงเช่นนี้เจ้าก็กล้าพูด?! เจ้ารู้หรือไม่ว่าผลที่จะตามมาคืออะไร?!”นับจากออกเดินทางจนมาถึงเมืองปินโจว ฉินอวิ๋นฮุยอารมณ์ดียิ่ง กระทั่งกำลังวางแผนว่าจะแย่งผลงานอย่างไร เล่นงานฉินอวิ๋นฟานอย่างไร แต่ให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง เพิ่งถึงเมืองปินโจวก็ทำให้เขารู้สึกถึงความอัปยศอย่างใหญ่หลวงในชีวิต!ในฐานะที่เป็นองค์ชายรองผู้สูงศักดิ์ เขาไม่เห็นสิ่งใดอยู่ในสายตา เสพสุขกับการเคารพสรรเสริญจากผู้คน หากไม่ใช่เพราะชิงบัลลังก์ เขาหรือจะยอมมาสถานที่เช่นนี้กับฉินอวิ๋นฟาน?“ผลที่จะตามมา? ผลที่จะตามมาอะไร? แม่เอ๊ย ท่านก็คู่ควรพูดเรื่องผลที่จะตามมากับข้ารึ?!”ฉินอวิ๋นฟานเปิดโหมดรบทันที ไม่ไว้หน้าฉินอวิ๋นฮุยแม้แต่น้อย เขาพูดกระแนะกระแหน “เสด็จพ่อเคยตรัสหลายต่อหลายครั้ง ชาวบ้านคือเสื้อผ้าอาหารบุพการีของเรา ที่ท่านกินใช้อยู่ล้วนเป็นสิ่งที่ชาวบ้านมอบให้ ข้าบอ
“คิดจะทำอะไรท่าน มันเป็นเรื่องที่ลำบากจริง ๆ แต่เรื่องนี้จะต้องมีคำอธิบาย”ฉินอวิ๋นฟานท่าทีแข็งข้ออย่างยิ่ง ในตอนที่ฉินอวิ๋นฮุยเผยความน่าชังออกมาจนหมดเปลือก ฉินอวิ๋นฟานก็เกิดใจคิดฆ่าแล้วคนพรรค์นี้ก็คือเนื้อร้ายของบ้านเมือง ขอแค่เขาได้ขึ้นครองราชย์ ฉินอวิ๋นฮุยจะต้องตาย!“คำอธิบาย? เจ้าต้องการคำอธิบายอะไร?”ฉินอวิ๋นฮุยพูดหน้าขมึงทึงยามนี้เขาคืนสติสมบูรณ์แล้ว ในช่วงเวลาพิเศษนี้ การขัดแย้งกับเจ้าบ้าฉินอวิ๋นฟานอย่างรุนแรงไม่คุ้มค่าจริง ๆ ขอเพียงเรื่องราวยังไม่ถึงขั้นบานปลาย เช่นนั้นเขาทำได้เพียงอดกลั้นเอาไว้“นี่คือเจ็ดสิบเก้าตำลึง ข้าชดใช้ให้ท่านแทนเขา!”สิ้นเสียง ฉินอวิ๋นฟานก็โยนเงินเจ็บสิบเก้าตำลึงให้ฉินอวิ๋นฮุย ตามด้วยเปลี่ยนสีหน้า “ท่านซ้อมเขาจนเป็นแบบนี้แล้ว เรื่องนี้จะว่ายังไง?”“ข้าตีเขา นั่นเพราะเขาสมควร ใครใช้ให้เขาไม่รู้จักดูตาม้าตาเรือ? ชนข้าผู้เป็นองค์ชายก็คือความผิด ข้าซ้อมเขายกหนึ่งถือว่าเบาแล้ว”ฉินอวิ๋นฮุยเอ่ยเสียงเข้ม “ข้าไม่ได้เอาความกับเขาอีกก็คือเมตตากรุณาเป็นพิเศษ เจ้ายังคิดจะเอายังไง? ถ้าเจ้าอยากให้เขาขอโทษข้า นั่นคือไม่จำเป็น!”ฉินอวิ๋นฮุยสองมือไพล่หลัง ใ
เมื่อเห็นทุกคนมองตัวเองอย่างกับเห็นผี ฉินอวิ๋นฟานจึงนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองพูดผิดไป นี่คือโลกยุคโบราณ ส่วนตัวเองคือคนที่ทะลุมิติมา ใช้หลักจราจรในปัจจุบันวิเคราะห์เรื่องนี้ พวกเขาก็ต้องไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว“อะแฮ่ม ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานเกาศีรษะ กระแอมกระไอเบา ๆ ทีหนึ่ง “หลี่เถี่ยตั้นอุ้มลูกวิ่งแบบปกติบนท้องถนน ผิดหรือไม่?”“นี่มันก็ไม่มีอะไรผิด!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่เข้าใจว่าฉินอวิ๋นฟานจะมาไม้ไหนกันแน่ ตอบคำถามของฉินอวิ๋นฟานด้วยใบหน้าระแวง หากคำพูดต่อจากนี้ของฉินอวิ๋นฟานกลับทำให้เขาสมองตื้อ!“ในเมื่อหลี่เถี่ยตั้นไม่ผิด แล้วทำไมอยู่ ๆ ถึงชนกับท่านได้? เหตุผลง่ายมาก ก็เพราะท่านโผล่ออกมาบนถนนกะทันหัน ขวางทางของหลี่เถี่ยตั้น ดังนั้นจึงเกิดเหตุขัดแย้งในครั้งนี้”ฉินอวิ๋นฟานตั้งใจวิเคราะห์ “ถ้าไม่ใช่เพราะท่านโผล่ออกมากะทันหัน หลี่เถี่ยตั้นก็จะไม่ชนท่าน และจะไม่เกิดเรื่องในครั้งนี้ด้วย ดังนั้น... ท่านต่างหากที่เป็นตัวการของเรื่องนี้!”“เอ่อ... เจ้าพูดมั่วซั่วอะไร? เขาชนข้า ข้าคือองค์ชาย เขาคือชาวบ้าน เขาผิด เข้าใจหรือไม่? เหตุผลง่าย ๆ เช่นนี้ เจ้ายังต้องวิเคราะห์บ้าบออะไรอยู่ที่นี่อีกหรือ?”ฉินอวิ๋
“ชดเชยหลี่เถี่ยตั้นสามพันตำลึงเป็นค่ารักษาพยาบาลและเยียวยาจิตใจ จากนั้นก็ขอโทษกับหลี่เถี่ยตั้นอย่างจริงจัง!”ฉินอวิ๋นฟานพูดแบบไม่คิดจากเนื้อแท้ของเรื่องเป็นแค่ความขัดแย้งธรรมดาเล็กน้อยเรื่องหนึ่ง ไม่ร้ายแรงถึงขั้นต้องจัดการอย่างเข้มงวด และฉินอวิ๋นฮุยยังมีสถานะพิเศษ ถ้าเขาเอาความต่อไป น่ากลัวว่าต้องตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน“สามพันตำลึงยังไงก็ได้ ค่ารักษาพยาบาลข้าก็ยังพอเข้าใจ แต่ค่าเยียวยาจิตใจนี่มันอะไรกัน?”ฉินอวิ๋นฮุยถามด้วยใบหน้าสับสน“เอ่อ มันคือ มันคือ...”อยู่ ๆ ก็ถูกฉินอวิ๋นฮุยถามมาอย่างนี้ ฉินอวิ๋นฟานจึงคิดขึ้นได้ว่านี่คือความเคยชินทางความคิดในยามปกติของเขา ดังนั้นจึงหลุดปากพูดออกไป ลืมคิดไปว่าที่นี่ไม่มีค่าเยียวยาจิตใจฉินอวิ๋นฟานรีบอธิบาย “ก็คือ ก็คือ... ใช่ ท่านเกือบทำลูกชายของเขาตายแล้ว ไม่สมควรชดใช้หรือ? ถ้าไม่ใช่เพราะข้าช่วยเหลือทัน สามพันตำลึงยังไม่พอชดใช้เลย”“อ้อ ที่แท้ก็หมายความเช่นนี้!”แม้ฉินอวิ๋นฟานจะพยายามอธิบายออกไปแบบข้าง ๆ คู ๆ แต่ฉินอวิ๋นฮุยก็ยังกึ่งเชื่อกึ่งไม่เชื่อ จากท่าทางของฉินอวิ๋นฟาน รู้สึกว่าเขาไม่ได้พูดความจริง เพื่อเขี่ยดาวพิฆาตตัวนี้ไปให้เร็วที
ยามใดที่ขุนนางพวกนี้มาหารือด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส นั่นหมายถึงว่าพวกเขากำลังจะเผชิญกับลมมรสุมพายุกระหน่ำอย่างแน่นอน นี่คือสิ่งที่เขาสรุปได้จากประสบการณ์หลายปีที่ผ่านมา“เอาไปเถอะ ไม่ต้องเกรงใจ!”ฉินอวิ๋นฮุยตบบ่าหลี่เถี่ยตั้นพลางหัวเราะ “ถ้าอยากจะขอบคุณ เจ้าก็ขอบคุณน้องเจ็ดข้าให้มากเถอะ เป็นเขาที่ทำให้ข้าตระหนักถึงความผิดของตัวเอง และการขอโทษเจ้าต่อหน้าทุกคนก็เป็นสิ่งที่ข้าสมควรทำอยู่แล้ว”ครั้นได้ยินคำพูดนี้ หลี่เถี่ยตั้นมองไปทางฉินอวิ๋นฟานด้วยสีหน้าปั้นยาก เขาไม่เข้าใจเลยว่าองค์ชายรองมีจุดมุ่งหมายอะไรกันแน่ ความกลัวในใจไต่ระดับถึงจุดสูงสุดนานแล้ว สูญเสียความสามารถในการพิจารณาโดยสิ้นเชิง“เอาไปเถอะ ต่อไปก็ใช้ชีวิตให้มีความสุข นี่คือสิ่งที่เจ้าสมควรได้รับ!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มน้อย ๆ พลางพูดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของฉินอวิ๋นฮุยอยู่เหนือความคาดหมายของฉินอวิ๋นฟานมาก ทีแรกเขายังคิดจะข่มฉินอวิ๋นฮุยสักหน่อย ไม่นึกว่าคนข้างตัวจะชี้แนะ แก้ไขได้อย่างง่ายดายกระทั่งว่ายังให้ฉินอวิ๋นฮุยแสดงฝีมือ ได้ชื่อเสียงมาเสียอย่างนั้นเขาจำต้องยอมรับว่าคนผู้นี้คือยอดฝีมือแผนสูง......หลังจากผ่านเ