“แหะ ๆ เจ้าหอหวง เจ้าต้องเหยียบเรื่องนี้ให้มิดเลยนะ! นี่คือสิ่งสำคัญที่ข้าจะใช้ตอบโต้ และเป็นส่วนหนึ่งที่จะสร้างยุคยิ่งใหญ่ของเราด้วย!”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะแหะ ๆ พลางพูด“ย่อมเป็นเช่นนั้น!”หวงต้าหยวนเอ่ย “ข้าก็อยากเห็นท่านในอนาคตนัก ท่านจะสร้างโลกอย่างไรกันแน่!”“อนาคต อะไรก็เป็นไปได้!”ก่อนจะกลับ ฉินอวิ๋นฟานได้ส่งสายตาปิ้ง ๆ ให้หวงต้าหยวนทีหนึ่ง ทำเอาหวงต้าหยวนหัวใจวสันต์เต้นแรง ก็คือรัชทายาทผู้จริงจังและชั่วร้ายเช่นนี้ ทำให้นางนับวันยิ่งลุ่มหลง นับวันยิ่งคาดหวัง......“รัชทายาท จะได้เวลามื้อเที่ยงแล้วนะ พวกเราจะไปภัตตาคารต้าเฉียนหรือว่าจะกลับตำหนักรัชทายาทกันดีขอรับ?”เพิ่งออกจากหอนางคณิกาชั้นสูงวั่งเจียง เซี่ยงเทียนเวิ่นก็ถามอยู่ข้างตัวฉินอวิ๋นฟานด้วยความเคารพฉินอวิ๋นฟานหันไปมองทางเซี่ยงเทียนเวิ่นและฉายรอยยิ้มพอใจ เจ้านี่ไม่เลวเลยทีเดียว ไม่กี่เดือนมานี้ก้าวหน้าขึ้นมาก จากไม่มีมันสมองในสมัยก่อนจนใจเย็นสุขุมในตอนนี้ เปลี่ยนไปมากจริง ๆสมกับที่เกิดในตระกูลเซี่ยงตระกูลวิถียุทธ์ที่ซื่อสัตย์ พวกเขาไม่เพียงแต่มีกำลังแข็งแกร่ง ยังให้ความสำคัญกับมิตรภาพและคุณธรรม เห็นเซี่ยงเทียนเ
“เชอะ!”ฉินอวิ๋นฟานมองบนใส่จางเต้าหลินแรง ๆ ก่อนจะหันไปพูดกับเซี่ยงเทียนเวิ่นที่อยู่ข้างหลัง “มา นั่งดื่มชาด้วยกัน ไม่ต้องรักษากิริยามารยาทอะไรทั้งนั้น”เซี่ยงเทียนเวิ่นยังคงหวาดหวั่นอยู่เหมือนเดิม แต่ฉินอวิ๋นฟานออกปากแล้ว เขาจึงไม่ขัดขืนอีก นั่งลงข้างโต๊ะน้ำชาทันที ฉินอวิ๋นฟานเทน้ำชาให้เขาด้วยตัวเอง ภาพนี้ทำให้เซี่ยงเทียนเวิ่นตื้นตันใจแบบที่ไม่เคยได้รับมาก่อนเล็กน้อยเวลาที่ฉินอวิ๋นฟานแข็งข้อขึ้นมาน่ากลัวจนขนหัวลุก เนื้อตัวบนล่างแผ่กลิ่นอายสังหารออกมาเต็มเปี่ยม ประดุจเทพสังหาร แต่เวลาที่เขาทำตัวตามสบายก็สบายเสียนี่กระไร ไม่มีมาดของรัชทายาทเลยสักนิด เฉกเช่นสหายคนหนึ่ง“ว่ามาเถอะ มาหาข้ามีธุระอะไร?”จางเต้าหลินวางถ้วยน้ำชาในมือลง ก่อนจะเปิดปากถาม“จางไท่เว่ย ไม่ขอปิดบัง มีธุระสองเรื่องที่อยากขอคำชี้แนะจากท่านจริง ๆ”ท่าทีของฉินอวิ๋นฟานเป็นการเป็นงานขึ้นมาทันที เขาเอ่ยเสียงหนัก “คาดว่าท่านคงรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานแล้ว ท่าทีของเฮ่อชินอ๋องอยู่เหนือความคาดหมายของข้ามาก และข้าก็ไม่รู้เรื่องของเขาเลย ดังนั้นข้าจึงอยากขอคำชี้แนะเกี่ยวกับเรื่องของเขาหน่อย”“ท่านนี่ ถือดียังไงคิดว่า
“มือเท้าสายใยลึกซึ้งแล้วยังไง?”จางเต้าหลินพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เกิดอยู่ในตระกูลจ้าว ทั้งเป็นองค์ชายผู้สูงส่ง ใครบ้างไม่อยากถูกขนานนามเป็นจักรพรรดิ? ใครบ้างยินยอมเป็นคนธรรมดา? ใครบ้างที่อยากเป็นลูกน้องทั้งชีวิต?”“ทุกคนที่อยู่ในจุดนั้นมักไม่เป็นตัวของตัวเอง ก็เหมือนกับสภาพการณ์ของท่านในตอนนั้น แสร้งเป็นโง่เง่าแล้วยังไง? พวกเขาปล่อยท่านไปไหม?”“ถ้ามีองค์ชายมากมายแต่ไม่ชิงบัลลังก์ ยี่สิบปีก่อนก็ไม่เกิดเรื่องเลือดล้างกำแพงวัง จะไม่เหลือแค่เฮ่อชินอ๋องคนเดียวแล้ว”“ในตอนที่เฮ่อชินอ๋องติดตามอดีตฮ่องเต้บุกใต้หล้า จู่ ๆ ก็แสดงความคมและปฏิภาณเหนือคนทั่วไปออกมา ทั้งยังสร้างผลงานยิ่งใหญ่ให้กับอดีตฮ่องเต้ เรียกได้ว่าผลงานมิอาจลบล้าง”“แต่ก็คนเช่นนี้ แต่เล็กจนโตติดตามอดีตฮ่องเต้ต้อย ๆ ยินยอมเป็นลูกน้องผู้ภักดีทั้งชีวิต ท่านคิดว่าเป็นไปได้หรือ?”ซี้ด...คำพูดนี้ของจางเต้าหลินทำให้ฉินอวิ๋นฟานสูดปาก ในใจคือความตะลึงถึงขีดสุดครั้งแรกที่พบปะกับเฮ่อชินอ๋อง แม้ไม่มีความขัดแย้งใหญ่หลวงอะไร ฉินอวิ๋นฟานกลับเห็นเศษเสี้ยวความดูแคลนและความโหดเหี้ยมจากแววตาของฉินอ้าวถึงฉินอ้าวจะเหมือนอากาศธาตุที่อยู
“เหอะ ขนาดท่านที่เป็นคนไม่มีอิทธิพลอะไรยังมีใจคิดอยากได้บัลลังก์ แล้วทำไมเขาจะไม่กล้า?”จางเต้าหลินบุ้ยปากพูด “อีกอย่าง ไม่แน่ว่าเขาจะต้องให้ตัวเองนั่งตำแหน่งนั้นให้ได้นี่”“หือ? ความหมายของท่านคือเขาจะดันองค์ชายองค์อื่นขึ้น?”จากแนวคิดของจางเต้าหลิน ฉินอวิ๋นฟานเข้าใจในพริบตา เฮ่อชินอ๋องก็เหมือนกับตระกูลใหญ่อื่น ๆ อาจจะดันองค์ชายองค์หนึ่งจากองค์ชายทั้งเก้า แต่องค์ชายองค์นี้คือใครกันนะ?หรือว่าจะเป็นพี่หก? จู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็นึกถึงองค์ชายที่ไม่โดดเด่นคนนี้ องค์ชายที่ทำตัวธรรมดาที่สุด เขาถือดียังไงแต่งงานกับลูกสาวของแม่ทัพฝ่ายขวา? แถมแม่ทัพคนนี้ยังเคยเป็นผู้ติดตามที่ภักดีของเฮ่อชินอ๋องอีก“ข้าเข้าใจแล้ว! ข้าเข้าใจได้สักที!”ได้จางเต้าหลินชี้แนะ กอปรกับความไวของปัญญาฉินอวิ๋นฟาน ไม่นานเขาก็ตระหนักประเด็นสำคัญของเรื่องได้ และการอนุมานเช่นนี้สามารถอธิบายได้โดยสมบูรณ์“มีบางเรื่องท่านรู้ก็พอ สถานการณ์ของต้าเฉียนซับซ้อนกว่าที่ท่านคิดมาก บัลลังก์ว่างเปล่า หมู่มังกรไร้เศียร สักวันต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่ ไท่ซั่งหวงพระชนมายุสูงแล้ว พระพลานามัยมิสู้แต่ก่อน จะสามารถทานได้ถึงเมื่อไรก็ไม่รู้ เวลา
“ข้าละแปลกใจนัก ข้าเป็นแค่คนที่ไม่สนโลกคนหนึ่ง จะมีเส้นสายอะไรให้ท่านยืมได้?”จางเต้าหลินถามด้วยความสนใจฉินอวิ๋นฟานไม่ปิดบัง เขาเอ่ยแบบจริงจังมาก “จางไท่เว่ย ข้าไม่ขอพูดตามตรง นับจากเริ่นซวี่ถูกข้าฆ่าแล้ว เริ่นจื้อคุนก็เจ็บแค้นใจ ตอนนี้เขาเริ่มเล่นงานข้าแล้ว ข้าจำเป็นต้องโต้ตอบ”“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย? ท่านก็โต้ตอบไปสิ ถึงยังไงท่านก็ไม่ใช่คนที่จะต่อกรด้วยได้ง่าย ๆ คนทั่วไปคิดจะให้ท่านเสียเปรียบ เกรงว่าจะไม่ง่าย”จางเต้าหลินพูดอย่างหน้าไม่ยี่หระ“จางไท่เว่ย คำพูดนี้ผิดถนัด คาดว่าท่านน่าจะรู้ว่าเกลือหลวงคือสิ่งสำคัญของบ้านเมืองนับแต่โบราณกาล ทันทีที่กองทัพขาดเกลือบริโภค จะอ่อนเปลี้ยไร้กำลังในเสี้ยววินาที ไม่มีกำลังต่อสู้อีก”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “และเริ่นจื้อคุนก็กุมเกลือหลวงทั้งหมดซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของต้าเฉียน มันอันตรายมาก ตอนนี้เขาเริ่มเล่นตุกติกกับการส่งเกลือหลวงไปเมืองจัวแล้ว ต้องการเล่นงานข้าชัด ๆ ข้าคิดจะใช้โอกาสนี้ถีบเขาออกจากเกลือหลวงเสียเลย แล้วกุมเกลือหลวงเอาไว้เสียเอง”“เราต่างรู้ความสำคัญของเกลือหลวงดี และข้าไม่มีคนสนิทและเส้นสายในด้านนี้ ต้องการคนที่เชื่อถื
“ลองชิมดูสิ ดูสิว่าเป็นยังไง!”ฉินอวิ๋นฟานยกมือทำท่าทางและบอกจางเต้าหลินไม่ได้ปฏิเสธ แต่หยิบนิด ๆ ส่งเข้าปาก จังหวะที่รสเค็มจาง ๆ เข้าปาก จางเต้าหลินแตกตื่นขึ้นมาทันใด ดวงตาทั้งสองเบิกกว้าง ในนั้นคือความเหลือเชื่อทั้งหมด“จะเป็น จะเป็นไปได้ยังไง? เกลือบริโภคละเอียดได้ขนาดนี้เชียวหรือ? แห้งสดชื่นอย่างยิ่ง ยืดอายุการเก็บได้นาน และยังไม่มีรสขมเฝื่อนเลย วิเศษจริง ๆ!”จางเต้าหลินผุดลุกขึ้นมาจากที่นั่ง มองเกลือบริโภคละเอียดในมือ ใจของเขาเต้นเร่าโดยสิ้นเชิง เกลือบริโภคชนิดนี้เมื่อเข้าสู่ท้องตลาด จะต้องเป็นเรื่องใหญ่สะเทือนเลือนลั่นที่สุดแน่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ มันจะเปลี่ยนรูปโฉมตลาดเกลือบริโภคบนโลกนี้ทั้งหมด สลัดความขมเฝื่อน หนึ่งก้าวพัฒนา!“ความจริงถ้าข้าอยากจะผลักดันเกลือบริโภคละเอียดแบบใหม่นี้รอบด้านกลับไม่ยาก เพียงแต่จะทำให้หลาย ๆ คนสูญเสียผลประโยชน์ และจะทำให้ตลาดเกลือหลวงของต้าเฉียนเกิดความโกลาหลลุกลามใหญ่โต ดังนั้นข้าจึงต้องการโอกาสหนึ่ง ตอนนี้โอกาสมาถึงแล้ว ข้าต้องคว้าเอาไว้ให้ได้”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย“ถ้าตระกูลเริ่นใช้สิทธิ์ในการจัดสรรปันส่วนเกลือหลวงเล่นงานท่าน เช่นนั้นจะเป็น
“ไม่ว่าอะไรก็ต้องดำเนินอย่างมีขั้นมีตอนสิ กินคำเดียวก็เป็นเจ้าอ้วนไม่ได้นะ”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มอย่างมั่นใจ “แม้ทหารในค่ายทานหลางกับค่ายทัพหน้าข้าจะมีไม่มาก ก็แค่สองแสนต้น ๆ แต่พวกเขาคือทหารชั้นยอดทั้งหมด กำลังรบไม่ธรรมดา ต้องมีสักวันที่ข้าจะทำให้ท่านได้รู้ว่าอะไรคือหนึ่งศึกเลื่องชื่อ!”จางเต้าหลินพูดถึงขนาดนี้แล้ว ได้แต่อธิบายปัญหาข้อหนึ่ง นั่นก็คือเขาไม่เห็นงามกับกำลังรบของค่ายทานหลางและค่ายทัพหน้า ยิ่งอธิบายว่าอีกฝ่ายไม่รู้เรื่องทั้งสองค่ายนี้ของเขาเลย จางเต้าหลินเป็นเช่นนี้ ยิ่งไม่ได้พูดถึงคนอื่น?ที่ฉินอวิ๋นฟานต้องการคือผลลัพธ์ ยิ่งทุกคนคิดว่าสองค่ายนี้ไม่เพียงพอให้กลัวก็ยิ่งเป็นผลดี เขาต้องการพัฒนาแบบซุ่มเงียบกลับไม่รู้ว่าค่ายทานหลางและค่ายทัพหน้า ภายใต้การดูแลของหานซิ่นเกิดการปฏิรูปแบบหน้ามือเป็นหลังมือนานแล้ว กอปรกับเทคโนโลยีทันสมัยของเขา กำลังรบสุดสะพรึง มิใช่ทหารโบร่ำโบราณเหล่านี้จะสามารถเปรียบเทียบได้“ได้ ท่านมีแผนการของตัวเองก็พอ!”จางเต้าหลินไม่พูดอะไรมากอีก ในบรรดาองค์ชายทั้งหลาย ความสามารถและคุณธรรมของฉินอวิ๋นฟานที่แสดงออกในระยะนี้ยอดเยี่ยมที่สุดจริง ๆ ใช้อุบายช่วงชิง
ฉินอวิ๋นฟานสองมือไพล่หลัง ยืดอก ใบหน้าจริงจัง เขากลัวว่าจางเต้าหลินจะมองจุดประสงค์ของเขาออกแล้วไล่เขาไป อย่างไรเสีย ผู้มีพระคุณช่วยชีวิตเมื่อหลายเดือนก่อนของเขาปรากฏตัวแล้ว เขาจะไปได้อย่างไร?!วันนี้ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องพบหน้าสักครั้ง เขาก็อยากดูสิว่าผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของเขารูปหน้าคร่าตาเป็นอย่างไร ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องขอบคุณต่อหน้าสักครั้ง ตอบแทนอีกฝ่ายให้มาก“อวี่ม่อ เตรียมถ้วยตะเกียบอีกชุด!”ฉินอวิ๋นฟานพูดถึงขนาดนี้แล้ว จางเต้าหลินย่อมไม่มีเหตุผลจะปฏิเสธ หากเขายังคงรักษาความระแวดระวังระดับสูง สัญชาตญาณของบิดาเฒ่าบอกว่าฉินอวิ๋นฟานไม่มีประสงค์ดีแผนร้ายสำเร็จ ฉินอวิ๋นฟานลิงโลดอยู่ในใจ หมุนตัวเดินไปยังห้องอาหาร อดรนทนไม่ไหวอยากเห็นบุตรสาวจางเต้าหลินจางอวี่ม่อว่าหน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่ครั้นถึงห้องโถงรับแขก สาวใช้สองคนกำลังยุ่งงวด เจ็ดกับหนึ่งแกงครบแล้ว รอแต่เจ้าบ้านนั่งลง ฉินอวิ๋นฟานไม่เกรงใจสักนิด หย่อนบั้นท้ายลงนั่งตำแหน่งหลักทันที จางเต้าหลินที่อยู่ด้านหลังหน้าดำเป็นหมิ่นหม้อก่อนจะนั่งอยู่ด้านข้าง“เอ๊ะ ท่านพ่อ เขาคือใครหรือ?”จางอวี่ม่อไม่รู้ว่าที่บ้านมีแขกมา วินาทีที่นางมา
ฉินอวิ๋นฮุยจ้องฉินอวิ๋นฟาน สายตามืดสว่างไม่แน่นอน เขาเลื่องชื่อเรื่องชำนาญการวางแผนกลอุบายในต้าเฉียน มีหรือจะไม่เข้าใจความหมายโดยนัยที่อีกฝ่ายพูดเฮ่อชินอ๋องฉินอ้าวอันตรายเพียงใด วิธีการน่ากลัวเพียงใด เขารู้ดีกว่าคนส่วนใหญ่ในที่นี้อีก นั่นคือราชสีห์เฒ่าที่ซ่อนเร้นมานานหลายสิบปีตัวหนึ่ง บัดนี้ตื่นขึ้นโดยสิ้นเชิงแล้ว“องค์ชายรอง ฉินอวิ๋นฟานคารมคมคายที่สุด ท่านอย่าได้หลงกลเขานะ”ยามนี้ถังเจิ้นไห่ใจร้อนดั่งไฟเผา หากฉินอวิ๋นฮุยหันหลังทิ้งเขา นั่นจะได้เปิดหูเปิดตาจริงแล้ว ความสัมพันธ์พันธมิตรที่เพิ่งก่อตั้ง พลังทลายลงด้วยผลประโยชน์อันยั่วยวนและการพูดไม่กี่คำของฉินอวิ๋นฟาน“ข้า...”ฉินอวิ๋นฮุยอยากจะพูดแต่ก็หยุดอีก ในใจสับสนนักยามที่เขาได้ประโยชน์จากฉินอวิ๋นฟานและร่วมมือกับอีกฝ่าย ในใจก็มีคำตอบแล้ว ติดที่ร่วมมือกับเฮ่อชินอ๋องเป็นครั้งแรกก็ต้องจบด้วยรูปแบบไม่รื่นรมย์เช่นนี้ มากน้อยยังลำบากใจอยู่บ้างนาทีนี้ ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วน้อย ๆ ที่แล้วมาพี่รองเป็นคนคำนวณแม่นยำ ความคิดชัดเจน สถานการณ์ในวันนี้เรียกว่าแค่มองก็รู้ คุณโทษเขาก็วิเคราะห์ได้ชัด ไม่นึกว่าพี่รองจะคิดหนักถึงขั้นนี้ทันใดนั้น
ถังเจิ้นไห่สีหน้าแย่ที่สุด นี่คือการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรก เข้าร่วมการชิงบัลลังก์อย่างโจ่งแจ้งและเป็นทางการของพวกเขา กลับต้องพ่ายแพ้ย่อยยับ เขาแค้นใจนัก ดังนั้นก็ต้องไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้อยู่แล้ว“เหอะ...รัชทายาท ข้าจำต้องยอมรับความต้องการก้าวสู้ความยิ่งใหญ่ของท่าน ทุกคนในที่นี้ถูกหลอกกันหมด ท่านคิดว่าตัวเองอาภรณ์ไร้ตะเข็บจริงหรือ?”ถังเจิ้นไห่เห็นฉินอวิ๋นฮุยหวั่นไหวจึงก้าวออกมาอีกครั้ง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องกวนน้ำให้ขุ่น จะให้ฉินอวิ๋นฟานสมหวังไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นขั้วอิทธิพลของพวกเขาจะกลายเป็นชุดวิวาห์ของฉินอวิ๋นฟานการทุ่มเทกายใจเพื่อให้คนอื่นประสบความสำเร็จ เขาไม่มีทางทำเด็ดขาด แม้ต้องเสี่ยงล่วงเกินไท่ซั่งหวง เขายังต้องก้าวออกมา ถึงอย่างไรผู้ที่อยู่ข้างหลังเขาก็คือเฮ่อชินอ๋อง โอรสสายพระโลหิตของไท่ซั่งหวงเขาไม่เชื่อว่าไท่ซั่งหวงจะกล้าฆ่ากระทั่งโอรสที่เหลืออยู่เพียงองค์เดียว“อ้อ? แม่ทัพผู้เฒ่าถัง ท่านหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฮุยขมวดคิ้วมุ่นอีกครั้ง ยามนี้ทุกย่างก้าวสำคัญต่อเขามาก เขาต้องระมัดระวังรอบคอบ นอกเสียจากเป็นเรื่องที่มีคุณไร้โทษต่อเขา เขาจึงจะออกมาแสดงจ
“เลอะเลือน?”ฉินอวิ๋นฮุยขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางพูด “น้องเจ็ด เจ้าหมายความว่ายังไง?”ชิงอำนาจผลประโยชน์มานานเช่นนี้ พวกเขาย่อมแบ่งแยกคุณโทษได้ชัดเจน ชนชั้นเจ้าของที่ดินคือรายได้และผลประโยชน์ส่วนสำคัญและเป็นความมั่นคงของบรรดาผู้มีอำนาจ คือวิธีการสำคัญในการบีบบังคับอำนาจราชวงศ์มาถึงฉินอวิ๋นฟานก็จะลงมือกับพวกเจ้าของที่ดิน ย่อมแตะจุดอ่อนไหวของพวกเขาเป็นธรรมดา พวกเขามิใช่คนเขลา ไม่มีทางให้ฉินอวิ๋นฟานสมปรารถนาง่าย ๆ หรอก ต่อให้ไม่ได้เมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูง พวกเขาก็จะไม่เปิดโอกาสให้ฉินอวิ๋นฟานง่าย ๆ อย่างแน่นอน!“พี่ใหญ่ พี่รอง หรือพวกท่านยังไม่เห็นอีก? ฮ่องเต้ต้าเฉียนแต่ละพระองค์ปวดหัวกับพวกเจ้าของที่ดินพวกนี้มากที่สุดใช่หรือไม่?”ฉินอวิ๋นฟานกล่าววาจาโน้มน้าวทีละขั้น“หือ?”ฉินอวิ๋นฮุยเลิกคิ้ว ไม่ได้ตอบคำถามของฉินอวิ๋นฟานโดยตรง เขากำลังใคร่ครวญอยู่ในใจ ก่อนขึ้นครองราชย์เขาจะต้องเป็นพวกเดียวกับเจ้าของที่ดินเหล่านี้ หากเขารู้ดีว่าในอดีตเสด็จพ่อทรงปวดศีรษะมากเพียงไร ถ้าเขาสามารถขึ้นตำแหน่งนั้น...จะต่างกันโดยสิ้นเชิง!“ท่านดูสิ ข้าแค่ใช้ที่ดินของพวกเจ้าของที่ดินเหล่านี้ผลิตธัญพืชมากขึ้น ภายใต้
“แน่นอน”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มอย่างมั่นใจ “ในเมื่อชาวบ้านเมืองจัวต่างเพาะปลูกข้าวผลผลิตสูงจนชีวิตความเป็นอยู่เริ่มดีแล้ว แล้วหม่อมฉันยังจะทำใจเห็นชาวบ้านเมืองอื่น ๆ หิวโหยได้อย่างไร?”“อ้อ? ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง ฟานเอ๋อร์ เจ้าคิดจะทำยังไง?”สายตาที่ไท่ซั่งหวงมองฉินอวิ๋นฟานเกิดความเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ทบทวนทุกเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานทำในวันนี้ นั่นล้วนแล้วแต่ทำให้เขารู้สึกปลื้มใจและตกตะลึงยิ่งนัก เรื่องแรกที่เขาทำก็คือเรื่องสำนักศึกษาหลวง บ่มเพาะผู้มีความสามารถเพื่ออนาคตของต้าเฉียนเรื่องที่สองคือก่อตั้งเมืองการค้าขนาดใหญ่ ให้คนจากทุกแคว้นมาค้าขายกับต้าเฉียน เช่นนี้จะทำให้ต้าเฉียนกลายเป็นศูนย์กลางการค้าโลก เศรษฐกิจของต้าเฉียนจะรุดหน้าแบบที่มิอาจหยุดยั้งเรื่องที่สามคือเรื่องที่ไท่ซั่งหวงปลาบปลื้มมากที่สุด โลกในปัจจุบัน การแก้ไขปัญหาปากท้องคือปัญหาใหญ่หลวงในศตวรรษนี้ ทว่าฟานเอ๋อร์ใส่ใจกับเรื่องนี้ตามที่เขาคาดคิดเอาไว้“เสด็จปู่ เป็นเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ ปริมาณการผลิตของข้าวข้ามสายพันธุ์สูงกว่าข้าวทั่วไปถึงเจ็ดเท่า ดังนั้นการกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวผลผลิตสูงนี้จะรอช้าไม่ได้”ฉินอวิ๋นฟานพูดเป็นการเป็นง
“เอ่อ... แต่เพียงแต่ข้าที่กังวลเช่นนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมีความกังวลนี้เหมือนกันกระมัง? อย่างไรเสีย ของอย่างบัญชีก็สามารถปลอมแปลงได้”เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดตามตรง ฉินอวิ๋นฮุยจึงไม่อ้ำอึ้งอีก การยกเรื่องไม่ดีมาพูดแต่แรกมิใช่เรื่องน่าอายอันใด เพราะมันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเขา เขาไม่อยากถูกฉินอวิ๋นฟานหลอก!“ฮ่า ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานลั่นเสียงหัวเราะทันที “พี่รองทำงานรอบคอบดังคาด น้องเจ็ดเลื่อมใส แต่ท่านคิดมากไปแล้ว ถ้าต้องดูแลเมืองการค้าสามเมือง คนของข้าไม่มีทางพอ ถ้าพวกท่านไม่ส่งคนมาช่วยงาน ข้าคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”“อ้อ? น้องเจ็ดพูดจริงรึ?!”เมื่อนั้นหัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของฉินอวิ๋นฮุยจึงสงบลง หากเขาสามารถให้คนเข้าร่วมอยู่ในเมืองการค้าทั้งสามเมืองได้ เช่นนั้นเขาจะวางใจได้แล้ว เพราะจะรับประกันผลประโยชน์ของเขาได้ทั้งหมด!“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านวางใจได้เลย ระหว่างพวกเราพี่น้องแม้เป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้านเมือง พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง มีเพียงเช่นนี้ต้าเฉียนเราจึงจะเฟื่องฟูได้นิรันดร์”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในเรื่องการค้า เครือเหิงไท่จะรับผิดชอบกิจการหลักท
ฉินอวิ๋นฟานกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อให้ใครกล้ามีความคิดส่วนตัวก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกเราต้องร่วมกันทำงาน หากไม่อยากเสียเมืองไป ไม่อยากตาย ทหารทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เป็นหนึ่งเดียวสู้กับภายนอก”“ดี ดีมาก ความคิดนี้ไม่เลว!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ไท่ซั่งหวงรู้อยู่แล้วว่าฉินอวิ๋นฟานต้องทุ่มเทเพื่อแผนการนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีทางคิดแผนการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้“อื่ม ไม่เลว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ได้ดีใจกับแผนการสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของฉินอวิ๋นฟาน เพราะแม้เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองจริง หากไร้ประโยชน์อันใดต่อพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขายังจะกลายเป็นคนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้งานอีกด้วยพวกเขาส่งทหารรักษาเมือง ฉินอวิ๋นฟานกอบโกยกำไรอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วฉินอวิ๋นฮุยก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือโดยแท้!ทว่าไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?ฉินอวิ๋นฟานรู้ความคิดของพวกเขาดี อีกอย่าง ถ้าครองผลงานเองในเวลานี้จะเป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเอามาก ๆ ฉินอวิ๋นฟานไม่ทำเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้หรอก!โบราณกล่าว ตบหน้าฉาดหนึ่งต้องให้พุทราหวานหนึ่งลูก อีกฝ่ายส่งทหารม
ขณะนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ ถ้อยคำชวนให้คนมีจิตใจฮึกเหิมของฉินอวิ๋นฟานวนเวียนอยู่ในหัวของ แม้ไท่ซั่งหวงเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน!รัชทายาทวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่ง ช่างเป็นชายชาตินักรบเลือดร้อนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน หากคนเช่นนี้เป็นจักรพรรดิ ไยต้องกลัวอนาคตต้าเฉียนจะไม่ศิวิไลซ์?“เกี่ยวกับการสร้างเมืองการค้าสี่แห่งในสี่ทิศของต้าเฉียน ทุกคนคัดค้านอย่างหนัก ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนมาก แต่ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ ข้าก็ต้องยอมรับเสียงและความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนว่ามาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน มีแต่ต้องทำให้ทำคนยอมรับเรื่องนี้จากใจจริง เขาจึงจะยึดสิทธิ์ความเป็นผู้นำได้ มิเช่นนั้นต่อให้ใช้กำลังผลักดันเรื่องนี้ คนเหล่านี้ต้องเล่นตุกติกลับหลังเขาแน่ เช่นนี้มีแต่จะทำให้รำคาญดังนั้นฉินอวิ๋นฟานเตรียมตัวกับการคัดค้านและความคิดของทุกคนแต่แรกแล้ว ต้องการแค่โอกาสประจวบเหมาะหนึ่ง เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคอิจฉาตาร้อนมีมากเหลือเกิน มีแต่ต้องคิดหาทางหยดยาดวงตาให้พวกเขาสักหน่อย จึงจะขจัดต้นตอของปัญหาได้ “นี่...”ผู้คนมากมายแน่นขนัดพูดไม่ออกสักคำ เพราะต่างมีความกังวลอยู่ในใจ ฉ
นาทีนี้ถังเจิ้นไห่ถูกโจมตีทำร้ายทางจิตใจอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานปากคอเราะรายน่ากลัวจริง ๆ การโจมตีของเขารวดเร็วนัก เขาต้านทานไม่ไหวเลยเขาจนปัญญากับการโจมตีของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ได้แต่ใช้สถานะข่มขู่ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะหยุดโจมตีเขาน่าเสียดาย แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร และไม่เคยเป็นพวกยอมเสียเปรียบ หากมีคนโจมตีเขา ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!ต้องถล่มอีกฝ่ายจนแพ้ราบคาบ นี่สิจึงจะเป็นเป้าหมายความเป็นคนของเขา และถังเจิ้นไห่ก็แตะเขตต้องห้ามของเขาพอดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่ไว้หน้าเขา!ครั้นพวกฉินอวิ๋นฮุยเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พากันมอบสายตาเห็นใจให้ถังเจิ้นไห่ พวกเขาเคยได้รับการสั่งสอนด้วยหมัดหนักจากฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย หากหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!ไท่ซั่งหวงและจางเต้าหลินฉายรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานจะหยาบคายไม่รื่นหูไปบ้าง แต่สะใจยิ่งนัก! นักวางแผนร้ายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดกลับจนต้องสงสัยในชีวิต เด็ดสะระตี่แท้!“เกินไป? ตอนนี้ท่านรู้ว่าเกินไป? ตอนที่ท่านสาดน้ำคลำใส่
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน