ฉินอวิ๋นฟานยิ้มราบเรียบ แต่แล้วก็ล้วงของที่ห่อด้วยกระดาษออกมาจากกระเป๋าก่อนจะยื่นไปตรงหน้าหวงต้าหยวน“เอ่อ นี่คือ?”หวงต้าหยวนถามด้วยใบหน้าฉงนฉินอวิ๋นฟานยิ้มพูดอย่างมั่นใจ “เปิดออกดูก็รู้แล้วนี่”หวงต้าหยวนเปิดห่อกระดาษออกด้วยความสงสัยเต็มประดา จังหวะที่เห็นของสีขาวละเอียดเหมือนเม็ดทรายในนั้นแล้วนางก็ยิ่งสับสน เอ่ยปากถาม “นี่ นี่คืออะไรหรือ?”นาทีนี้หวงต้าหยวนยังดูไม่ออกว่าทรายละเอียดขาวคืออะไร ความจริงมันก็คือเกลือละเอียดที่ฉินอวิ๋นฟานแปรรูปแล้ว ก้อนเกลือจะมีกลิ่นฉุน และนี่ก็เป็นเพราะเทคโนโลยียุคนี้ล้าสมัยนั่นเอง หลังจากฉินอวิ๋นฟานบรรจงแปรรูปก็เปลี่ยนเป็นเกลือละเอียดในยุคปัจจุบัน ไม่เพียงกำจัดสิ่งแปลกปลอมในเกลือออกทั้งหมด ยังทำให้รสชาติกลับมาเป็นปกติอีกด้วยดังนั้นเมื่อหวงต้าหยวนไม่ได้กลิ่นฉุนที่เป็นการกระตุ้นใด ๆ ย่อมไม่รู้ว่านี่คือสิ่งใด“เจ้าลองชิมดู ดูสิว่ารสชาติเป็นยังไง?”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มน้อย ๆ “วางใจเถอะ ข้าไม่วางยาหรอก และไม่ใช่เพื่อหลอกให้เจ้าเปิดผ้าปิดหน้าด้วย เจ้าไปชิมข้างหลังฉากบังลมได้เลย”พูดจบ ฉินอวิ๋นฟานหยิบขึ้นมาเล็กน้อยแล้วเอาเข้าปากเพื่อสาธิตให้หวงต้าหยวน
“แหะ ๆ เจ้าหอหวง เจ้าต้องเหยียบเรื่องนี้ให้มิดเลยนะ! นี่คือสิ่งสำคัญที่ข้าจะใช้ตอบโต้ และเป็นส่วนหนึ่งที่จะสร้างยุคยิ่งใหญ่ของเราด้วย!”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะแหะ ๆ พลางพูด“ย่อมเป็นเช่นนั้น!”หวงต้าหยวนเอ่ย “ข้าก็อยากเห็นท่านในอนาคตนัก ท่านจะสร้างโลกอย่างไรกันแน่!”“อนาคต อะไรก็เป็นไปได้!”ก่อนจะกลับ ฉินอวิ๋นฟานได้ส่งสายตาปิ้ง ๆ ให้หวงต้าหยวนทีหนึ่ง ทำเอาหวงต้าหยวนหัวใจวสันต์เต้นแรง ก็คือรัชทายาทผู้จริงจังและชั่วร้ายเช่นนี้ ทำให้นางนับวันยิ่งลุ่มหลง นับวันยิ่งคาดหวัง......“รัชทายาท จะได้เวลามื้อเที่ยงแล้วนะ พวกเราจะไปภัตตาคารต้าเฉียนหรือว่าจะกลับตำหนักรัชทายาทกันดีขอรับ?”เพิ่งออกจากหอนางคณิกาชั้นสูงวั่งเจียง เซี่ยงเทียนเวิ่นก็ถามอยู่ข้างตัวฉินอวิ๋นฟานด้วยความเคารพฉินอวิ๋นฟานหันไปมองทางเซี่ยงเทียนเวิ่นและฉายรอยยิ้มพอใจ เจ้านี่ไม่เลวเลยทีเดียว ไม่กี่เดือนมานี้ก้าวหน้าขึ้นมาก จากไม่มีมันสมองในสมัยก่อนจนใจเย็นสุขุมในตอนนี้ เปลี่ยนไปมากจริง ๆสมกับที่เกิดในตระกูลเซี่ยงตระกูลวิถียุทธ์ที่ซื่อสัตย์ พวกเขาไม่เพียงแต่มีกำลังแข็งแกร่ง ยังให้ความสำคัญกับมิตรภาพและคุณธรรม เห็นเซี่ยงเทียนเ
“เชอะ!”ฉินอวิ๋นฟานมองบนใส่จางเต้าหลินแรง ๆ ก่อนจะหันไปพูดกับเซี่ยงเทียนเวิ่นที่อยู่ข้างหลัง “มา นั่งดื่มชาด้วยกัน ไม่ต้องรักษากิริยามารยาทอะไรทั้งนั้น”เซี่ยงเทียนเวิ่นยังคงหวาดหวั่นอยู่เหมือนเดิม แต่ฉินอวิ๋นฟานออกปากแล้ว เขาจึงไม่ขัดขืนอีก นั่งลงข้างโต๊ะน้ำชาทันที ฉินอวิ๋นฟานเทน้ำชาให้เขาด้วยตัวเอง ภาพนี้ทำให้เซี่ยงเทียนเวิ่นตื้นตันใจแบบที่ไม่เคยได้รับมาก่อนเล็กน้อยเวลาที่ฉินอวิ๋นฟานแข็งข้อขึ้นมาน่ากลัวจนขนหัวลุก เนื้อตัวบนล่างแผ่กลิ่นอายสังหารออกมาเต็มเปี่ยม ประดุจเทพสังหาร แต่เวลาที่เขาทำตัวตามสบายก็สบายเสียนี่กระไร ไม่มีมาดของรัชทายาทเลยสักนิด เฉกเช่นสหายคนหนึ่ง“ว่ามาเถอะ มาหาข้ามีธุระอะไร?”จางเต้าหลินวางถ้วยน้ำชาในมือลง ก่อนจะเปิดปากถาม“จางไท่เว่ย ไม่ขอปิดบัง มีธุระสองเรื่องที่อยากขอคำชี้แนะจากท่านจริง ๆ”ท่าทีของฉินอวิ๋นฟานเป็นการเป็นงานขึ้นมาทันที เขาเอ่ยเสียงหนัก “คาดว่าท่านคงรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานแล้ว ท่าทีของเฮ่อชินอ๋องอยู่เหนือความคาดหมายของข้ามาก และข้าก็ไม่รู้เรื่องของเขาเลย ดังนั้นข้าจึงอยากขอคำชี้แนะเกี่ยวกับเรื่องของเขาหน่อย”“ท่านนี่ ถือดียังไงคิดว่า
“มือเท้าสายใยลึกซึ้งแล้วยังไง?”จางเต้าหลินพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เกิดอยู่ในตระกูลจ้าว ทั้งเป็นองค์ชายผู้สูงส่ง ใครบ้างไม่อยากถูกขนานนามเป็นจักรพรรดิ? ใครบ้างยินยอมเป็นคนธรรมดา? ใครบ้างที่อยากเป็นลูกน้องทั้งชีวิต?”“ทุกคนที่อยู่ในจุดนั้นมักไม่เป็นตัวของตัวเอง ก็เหมือนกับสภาพการณ์ของท่านในตอนนั้น แสร้งเป็นโง่เง่าแล้วยังไง? พวกเขาปล่อยท่านไปไหม?”“ถ้ามีองค์ชายมากมายแต่ไม่ชิงบัลลังก์ ยี่สิบปีก่อนก็ไม่เกิดเรื่องเลือดล้างกำแพงวัง จะไม่เหลือแค่เฮ่อชินอ๋องคนเดียวแล้ว”“ในตอนที่เฮ่อชินอ๋องติดตามอดีตฮ่องเต้บุกใต้หล้า จู่ ๆ ก็แสดงความคมและปฏิภาณเหนือคนทั่วไปออกมา ทั้งยังสร้างผลงานยิ่งใหญ่ให้กับอดีตฮ่องเต้ เรียกได้ว่าผลงานมิอาจลบล้าง”“แต่ก็คนเช่นนี้ แต่เล็กจนโตติดตามอดีตฮ่องเต้ต้อย ๆ ยินยอมเป็นลูกน้องผู้ภักดีทั้งชีวิต ท่านคิดว่าเป็นไปได้หรือ?”ซี้ด...คำพูดนี้ของจางเต้าหลินทำให้ฉินอวิ๋นฟานสูดปาก ในใจคือความตะลึงถึงขีดสุดครั้งแรกที่พบปะกับเฮ่อชินอ๋อง แม้ไม่มีความขัดแย้งใหญ่หลวงอะไร ฉินอวิ๋นฟานกลับเห็นเศษเสี้ยวความดูแคลนและความโหดเหี้ยมจากแววตาของฉินอ้าวถึงฉินอ้าวจะเหมือนอากาศธาตุที่อยู
“เหอะ ขนาดท่านที่เป็นคนไม่มีอิทธิพลอะไรยังมีใจคิดอยากได้บัลลังก์ แล้วทำไมเขาจะไม่กล้า?”จางเต้าหลินบุ้ยปากพูด “อีกอย่าง ไม่แน่ว่าเขาจะต้องให้ตัวเองนั่งตำแหน่งนั้นให้ได้นี่”“หือ? ความหมายของท่านคือเขาจะดันองค์ชายองค์อื่นขึ้น?”จากแนวคิดของจางเต้าหลิน ฉินอวิ๋นฟานเข้าใจในพริบตา เฮ่อชินอ๋องก็เหมือนกับตระกูลใหญ่อื่น ๆ อาจจะดันองค์ชายองค์หนึ่งจากองค์ชายทั้งเก้า แต่องค์ชายองค์นี้คือใครกันนะ?หรือว่าจะเป็นพี่หก? จู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็นึกถึงองค์ชายที่ไม่โดดเด่นคนนี้ องค์ชายที่ทำตัวธรรมดาที่สุด เขาถือดียังไงแต่งงานกับลูกสาวของแม่ทัพฝ่ายขวา? แถมแม่ทัพคนนี้ยังเคยเป็นผู้ติดตามที่ภักดีของเฮ่อชินอ๋องอีก“ข้าเข้าใจแล้ว! ข้าเข้าใจได้สักที!”ได้จางเต้าหลินชี้แนะ กอปรกับความไวของปัญญาฉินอวิ๋นฟาน ไม่นานเขาก็ตระหนักประเด็นสำคัญของเรื่องได้ และการอนุมานเช่นนี้สามารถอธิบายได้โดยสมบูรณ์“มีบางเรื่องท่านรู้ก็พอ สถานการณ์ของต้าเฉียนซับซ้อนกว่าที่ท่านคิดมาก บัลลังก์ว่างเปล่า หมู่มังกรไร้เศียร สักวันต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่ ไท่ซั่งหวงพระชนมายุสูงแล้ว พระพลานามัยมิสู้แต่ก่อน จะสามารถทานได้ถึงเมื่อไรก็ไม่รู้ เวลา
“ข้าละแปลกใจนัก ข้าเป็นแค่คนที่ไม่สนโลกคนหนึ่ง จะมีเส้นสายอะไรให้ท่านยืมได้?”จางเต้าหลินถามด้วยความสนใจฉินอวิ๋นฟานไม่ปิดบัง เขาเอ่ยแบบจริงจังมาก “จางไท่เว่ย ข้าไม่ขอพูดตามตรง นับจากเริ่นซวี่ถูกข้าฆ่าแล้ว เริ่นจื้อคุนก็เจ็บแค้นใจ ตอนนี้เขาเริ่มเล่นงานข้าแล้ว ข้าจำเป็นต้องโต้ตอบ”“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย? ท่านก็โต้ตอบไปสิ ถึงยังไงท่านก็ไม่ใช่คนที่จะต่อกรด้วยได้ง่าย ๆ คนทั่วไปคิดจะให้ท่านเสียเปรียบ เกรงว่าจะไม่ง่าย”จางเต้าหลินพูดอย่างหน้าไม่ยี่หระ“จางไท่เว่ย คำพูดนี้ผิดถนัด คาดว่าท่านน่าจะรู้ว่าเกลือหลวงคือสิ่งสำคัญของบ้านเมืองนับแต่โบราณกาล ทันทีที่กองทัพขาดเกลือบริโภค จะอ่อนเปลี้ยไร้กำลังในเสี้ยววินาที ไม่มีกำลังต่อสู้อีก”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “และเริ่นจื้อคุนก็กุมเกลือหลวงทั้งหมดซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของต้าเฉียน มันอันตรายมาก ตอนนี้เขาเริ่มเล่นตุกติกกับการส่งเกลือหลวงไปเมืองจัวแล้ว ต้องการเล่นงานข้าชัด ๆ ข้าคิดจะใช้โอกาสนี้ถีบเขาออกจากเกลือหลวงเสียเลย แล้วกุมเกลือหลวงเอาไว้เสียเอง”“เราต่างรู้ความสำคัญของเกลือหลวงดี และข้าไม่มีคนสนิทและเส้นสายในด้านนี้ ต้องการคนที่เชื่อถื
“ลองชิมดูสิ ดูสิว่าเป็นยังไง!”ฉินอวิ๋นฟานยกมือทำท่าทางและบอกจางเต้าหลินไม่ได้ปฏิเสธ แต่หยิบนิด ๆ ส่งเข้าปาก จังหวะที่รสเค็มจาง ๆ เข้าปาก จางเต้าหลินแตกตื่นขึ้นมาทันใด ดวงตาทั้งสองเบิกกว้าง ในนั้นคือความเหลือเชื่อทั้งหมด“จะเป็น จะเป็นไปได้ยังไง? เกลือบริโภคละเอียดได้ขนาดนี้เชียวหรือ? แห้งสดชื่นอย่างยิ่ง ยืดอายุการเก็บได้นาน และยังไม่มีรสขมเฝื่อนเลย วิเศษจริง ๆ!”จางเต้าหลินผุดลุกขึ้นมาจากที่นั่ง มองเกลือบริโภคละเอียดในมือ ใจของเขาเต้นเร่าโดยสิ้นเชิง เกลือบริโภคชนิดนี้เมื่อเข้าสู่ท้องตลาด จะต้องเป็นเรื่องใหญ่สะเทือนเลือนลั่นที่สุดแน่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ มันจะเปลี่ยนรูปโฉมตลาดเกลือบริโภคบนโลกนี้ทั้งหมด สลัดความขมเฝื่อน หนึ่งก้าวพัฒนา!“ความจริงถ้าข้าอยากจะผลักดันเกลือบริโภคละเอียดแบบใหม่นี้รอบด้านกลับไม่ยาก เพียงแต่จะทำให้หลาย ๆ คนสูญเสียผลประโยชน์ และจะทำให้ตลาดเกลือหลวงของต้าเฉียนเกิดความโกลาหลลุกลามใหญ่โต ดังนั้นข้าจึงต้องการโอกาสหนึ่ง ตอนนี้โอกาสมาถึงแล้ว ข้าต้องคว้าเอาไว้ให้ได้”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย“ถ้าตระกูลเริ่นใช้สิทธิ์ในการจัดสรรปันส่วนเกลือหลวงเล่นงานท่าน เช่นนั้นจะเป็น
“ไม่ว่าอะไรก็ต้องดำเนินอย่างมีขั้นมีตอนสิ กินคำเดียวก็เป็นเจ้าอ้วนไม่ได้นะ”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มอย่างมั่นใจ “แม้ทหารในค่ายทานหลางกับค่ายทัพหน้าข้าจะมีไม่มาก ก็แค่สองแสนต้น ๆ แต่พวกเขาคือทหารชั้นยอดทั้งหมด กำลังรบไม่ธรรมดา ต้องมีสักวันที่ข้าจะทำให้ท่านได้รู้ว่าอะไรคือหนึ่งศึกเลื่องชื่อ!”จางเต้าหลินพูดถึงขนาดนี้แล้ว ได้แต่อธิบายปัญหาข้อหนึ่ง นั่นก็คือเขาไม่เห็นงามกับกำลังรบของค่ายทานหลางและค่ายทัพหน้า ยิ่งอธิบายว่าอีกฝ่ายไม่รู้เรื่องทั้งสองค่ายนี้ของเขาเลย จางเต้าหลินเป็นเช่นนี้ ยิ่งไม่ได้พูดถึงคนอื่น?ที่ฉินอวิ๋นฟานต้องการคือผลลัพธ์ ยิ่งทุกคนคิดว่าสองค่ายนี้ไม่เพียงพอให้กลัวก็ยิ่งเป็นผลดี เขาต้องการพัฒนาแบบซุ่มเงียบกลับไม่รู้ว่าค่ายทานหลางและค่ายทัพหน้า ภายใต้การดูแลของหานซิ่นเกิดการปฏิรูปแบบหน้ามือเป็นหลังมือนานแล้ว กอปรกับเทคโนโลยีทันสมัยของเขา กำลังรบสุดสะพรึง มิใช่ทหารโบร่ำโบราณเหล่านี้จะสามารถเปรียบเทียบได้“ได้ ท่านมีแผนการของตัวเองก็พอ!”จางเต้าหลินไม่พูดอะไรมากอีก ในบรรดาองค์ชายทั้งหลาย ความสามารถและคุณธรรมของฉินอวิ๋นฟานที่แสดงออกในระยะนี้ยอดเยี่ยมที่สุดจริง ๆ ใช้อุบายช่วงชิง