“ไม่ว่าอะไรก็ต้องดำเนินอย่างมีขั้นมีตอนสิ กินคำเดียวก็เป็นเจ้าอ้วนไม่ได้นะ”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มอย่างมั่นใจ “แม้ทหารในค่ายทานหลางกับค่ายทัพหน้าข้าจะมีไม่มาก ก็แค่สองแสนต้น ๆ แต่พวกเขาคือทหารชั้นยอดทั้งหมด กำลังรบไม่ธรรมดา ต้องมีสักวันที่ข้าจะทำให้ท่านได้รู้ว่าอะไรคือหนึ่งศึกเลื่องชื่อ!”จางเต้าหลินพูดถึงขนาดนี้แล้ว ได้แต่อธิบายปัญหาข้อหนึ่ง นั่นก็คือเขาไม่เห็นงามกับกำลังรบของค่ายทานหลางและค่ายทัพหน้า ยิ่งอธิบายว่าอีกฝ่ายไม่รู้เรื่องทั้งสองค่ายนี้ของเขาเลย จางเต้าหลินเป็นเช่นนี้ ยิ่งไม่ได้พูดถึงคนอื่น?ที่ฉินอวิ๋นฟานต้องการคือผลลัพธ์ ยิ่งทุกคนคิดว่าสองค่ายนี้ไม่เพียงพอให้กลัวก็ยิ่งเป็นผลดี เขาต้องการพัฒนาแบบซุ่มเงียบกลับไม่รู้ว่าค่ายทานหลางและค่ายทัพหน้า ภายใต้การดูแลของหานซิ่นเกิดการปฏิรูปแบบหน้ามือเป็นหลังมือนานแล้ว กอปรกับเทคโนโลยีทันสมัยของเขา กำลังรบสุดสะพรึง มิใช่ทหารโบร่ำโบราณเหล่านี้จะสามารถเปรียบเทียบได้“ได้ ท่านมีแผนการของตัวเองก็พอ!”จางเต้าหลินไม่พูดอะไรมากอีก ในบรรดาองค์ชายทั้งหลาย ความสามารถและคุณธรรมของฉินอวิ๋นฟานที่แสดงออกในระยะนี้ยอดเยี่ยมที่สุดจริง ๆ ใช้อุบายช่วงชิง
ฉินอวิ๋นฟานสองมือไพล่หลัง ยืดอก ใบหน้าจริงจัง เขากลัวว่าจางเต้าหลินจะมองจุดประสงค์ของเขาออกแล้วไล่เขาไป อย่างไรเสีย ผู้มีพระคุณช่วยชีวิตเมื่อหลายเดือนก่อนของเขาปรากฏตัวแล้ว เขาจะไปได้อย่างไร?!วันนี้ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องพบหน้าสักครั้ง เขาก็อยากดูสิว่าผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของเขารูปหน้าคร่าตาเป็นอย่างไร ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องขอบคุณต่อหน้าสักครั้ง ตอบแทนอีกฝ่ายให้มาก“อวี่ม่อ เตรียมถ้วยตะเกียบอีกชุด!”ฉินอวิ๋นฟานพูดถึงขนาดนี้แล้ว จางเต้าหลินย่อมไม่มีเหตุผลจะปฏิเสธ หากเขายังคงรักษาความระแวดระวังระดับสูง สัญชาตญาณของบิดาเฒ่าบอกว่าฉินอวิ๋นฟานไม่มีประสงค์ดีแผนร้ายสำเร็จ ฉินอวิ๋นฟานลิงโลดอยู่ในใจ หมุนตัวเดินไปยังห้องอาหาร อดรนทนไม่ไหวอยากเห็นบุตรสาวจางเต้าหลินจางอวี่ม่อว่าหน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่ครั้นถึงห้องโถงรับแขก สาวใช้สองคนกำลังยุ่งงวด เจ็ดกับหนึ่งแกงครบแล้ว รอแต่เจ้าบ้านนั่งลง ฉินอวิ๋นฟานไม่เกรงใจสักนิด หย่อนบั้นท้ายลงนั่งตำแหน่งหลักทันที จางเต้าหลินที่อยู่ด้านหลังหน้าดำเป็นหมิ่นหม้อก่อนจะนั่งอยู่ด้านข้าง“เอ๊ะ ท่านพ่อ เขาคือใครหรือ?”จางอวี่ม่อไม่รู้ว่าที่บ้านมีแขกมา วินาทีที่นางมา
ยามในใจจางอวี่ม่อว้าวุ่นนัก ถ้าฉินอวิ๋นฟานจำนางได้เช่นนั้นจะยุ่งแล้ว บิดาเฒ่ากำชับหลายครั้งหลายหนว่าห้ามเปิดเผยตัวตนและความสามารถเพื่อลบล้างข้อสงสัยของฉินอวิ๋นฟาน จางอวี่ม่อได้แต่ปฏิเสธออกไป แต่การแสดงเงอะ ๆ งะ ๆ นั้นได้เปิดโปงตัวเองไปหมดแล้ว ต่อหน้าจิ้งจอกหนึ่งหนุ่มหนึ่งแก่อย่างฉินอวิ๋นฟานและจางเต้าหลิน พวกเขาต่างได้รับคำตอบเป็นที่เรียบร้อย“เป็นเช่นนี้ แม่นางอวี่ม่อ ถึงตอนนั้นข้าจะบาดเจ็บหนัก แต่ข้าไวต่อเสียงคนมาก โดยเฉพาะเสียงของหญิงสาว และเสียงของท่านกับเสียงของแม่นางที่ช่วยชีวิตข้าเหมือนกันมาก ดังนั้นข้าจึงถามเจ้าไปเช่นนี้”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มเล็กน้อยเวลานี้ฉินอวิ๋นฟานดีใจลิงโลด การแสดงออกของจางอวี่ม่อเปิดโปงนางหมดแล้ว ตอนนี้เขามั่นใจเต็มร้อยว่าจางอวี่ม่อก็คือผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของเขา และยังเป็นความสุดยอดในอีกประเภทหนึ่งด้วยจากมุมของความชอบ นี่คือความรู้สึกของใจเต้น จากมุมของความเซ็กซี่ เขาต้องตอบแทนผู้มีพระคุณช่วยชีวิตแน่ รูปแบบของการตอบแทนพระคุณของหญิงทั่วไปก็คือการมอบใจอุทิศกาย ดูท่าฉินอวิ๋นฟานต้องเลียนแบบผู้หญิงบ้างแล้ว“นานขนาดนี้แล้ว รัชทายาทต้องจำผิดแน่ ปกติข้าออกบ้าน
“ได้ ๆ ๆ... กินข้าว กินข้าว!”ฉินอวิ๋นฟานในยามนี้พึงพอใจแล้ว กินข้าวไปพลาง แอบชำเลืองมองจางอวี่ม่อไปพลาง ในใจลิงโลดที่สุด ส่วนจางเต้าหลินที่อยู่อีกด้านหนึ่งกลับทำหน้าบูดบึ้ง กินข้าวไปแค่ไม่กี่คำ เอาแต่จ้องดวงตาที่ซุกซนของฉินอวิ๋นฟาน......หลังจากฉินอวิ๋นฟานกลับไป จางเต้าหลินถามหน้าขมึงทึง “อวี่ม่อ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?!”“เอ่อ ท่านพ่อ ตอนนั้นข้าก็ไม่รู้เหมือนกันนี่ว่าคนที่ช่วยก็คือฉินอวิ๋นฟาน”จางอวี่ม่อพูดด้วยใบหน้าเศร้าหมอง “อีกอย่าง มืดตึ๊ดตื๋อออกอย่างนั้น และเขาก็บาดเจ็บหนักด้วย น่าจะปกปิดตัวตนได้จึงจะถูก ทำไมเขาถึงเอาแต่พูดว่าเป็นข้านะ? ใช้แค่เสียง? มันไม่พอมั้ง?”“เฮ้อ!”จางเต้าหลินถอนหายใจแรง ๆ ทีหนึ่ง บุตรสาวเติบใหญ่รั้งไว้ไม่อยู่แท้ ๆ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ นางกลับปกปิดเขาถึงสามเดือน? ตอนนี้ดีเลย ถูกเจ้าฉินอวิ๋นฟานรู้เข้าแล้ว นี่ไม่เปิดเผยหมดแล้วหรือ?!เขาส่ายหน้าพูด “ด้วยความเข้าใจและการสังเกตฉินอวิ๋นฟาน เขารู้แล้วว่าเจ้าก็คือผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของเขา แถมด้วยนิสัยกับอารมณ์ของเขา ต้องไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่”“เชอะ เขารู้แล้วจะทำไม? ข้าเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของเขาเชียวนะ
“ข้าก็ไม่อยากส่งเจ้าไปเหมือนกัน”จางเต้าหลินพูดด้วยความจนใจ “เจ้าไปหลบก่อนสักระยะหนึ่ง เอาไว้พ้นช่วงนี้ไปแล้วค่อยกลับมาเถอะ!”......หลังจากออกจากจวนไท่เว่ย ฉินอวิ๋นฟานตื่นเต้นจนกระโดดโลดเต้นกลางถนน เขากุมมือเซี่ยงเทียนเวิ่นและพูดด้วยความดีใจว่า “สหายเทียนเวิ่น บังเอิญจริง บังเอิญมาก ๆ คนที่ช่วยเราในตอนนั้นกลับเป็นลูกสาวของจางไท่เว่ยจางอวี่ม่อ!”“ยอดไปเลย ดีสุด ๆ ข้าหาตัวนางเจอสักที!”เซี่ยงเทียนเวิ่นตกใจกับการกระทำแบบไม่มีปีมีขลุ่ยนี้ของฉินอวิ๋นฟาน อย่างไรเสียฉินอวิ๋นฟานก็คือรัชทายาท ทั้งยังเป็นนายของเขา เขาจึงตอบไปแบบสั่น ๆ “ยิน ยินดีด้วยขอรับรัชทายาท”“ไม่ได้การ ข้าต้องรับผิดชอบนาง ข้าต้องมอบใจถวายกาย ข้าต้องสู่ขอนาง!”ฉินอวิ๋นฟานพูดแบบยากจะปกปิดความตื่นเต้น“หา? นี่ นี่ก็ได้หรือขอรับ?”ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานทำเอาซีพียูของเซี่ยงเทียนเวิ่นไหม้ไปเลย ครึ่งค่อนวันยังไม่ตอบสนอง อีกฝ่ายคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของเขาไม่ใช่หรือ? แถมอีกฝ่ายยังเหมือนไม่คิดอยากได้การตอบแทนจากเขาด้วย แล้วทำไมเขาต้องรับผิดชอบอีกฝ่ายด้วย?โดยเฉพาะเรื่องที่ว่า ‘มอบใจถวายกาย’ ทำไมรู้สึกทะแม่ง ๆ นะ? แน่ใจว่าไ
ฉินอวิ๋นฟานเลิกคิ้วพูด“คืออย่างนี้ พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางไปรับช่วงเมืองอู่โจวแล้วใช่ไหม องค์ชายใหญ่คิดจะนำทัพกองหนึ่งอารักขาคุ้มครองเรา ข้าคิดว่าไม่จำเป็น ก็เลยไม่กล้ารับปาก”อู่จ้านเอ่ย“หา? เขาจะส่งกองทัพกองหนึ่งมาคุ้มครองความปลอดภัยเรา? อยากกินลมผาย? ไสหัวไปยิ่งไกลยิ่งดี!”พอฉินอวิ๋นฟานได้ยินว่าพี่ใหญ่หน้าด้านอย่างนี้แล้วก็ปรอทแตก อีกฝ่ายทำให้เสียเมืองเอง กว่าเขาจะเอากลับมาได้ก็ยังจะมาแบ่งผลประโยชน์ด้วยอีก? โลกนี้ยังมีเรื่องดีเช่นนี้ที่ไหน?“นั่นสิ เห็นชัดว่าองค์ชายใหญ่มีความคิดจะเอาเปล่า ๆ พวกเราต้องทุ่มเทอย่างหนัก ใช้เงินทองมหาศาลกว่าเมืองจัวจะเจริญเช่นทุกวันนี้ จะให้คนอื่นมาสอดมือง่าย ๆ ได้ยังไง?”อู่จ้านเอ่ยเสียงหนัก“ไม่ต้องสนใจเขา ไม่มีใครคว้าผลสำเร็จของข้าฉินอวิ๋นฟานไปได้หรอก ถ้าเขากล้ายื่นมือมา ข้าจะสับมือของเขาทิ้งซะ!”ฉินอวิ๋นฟานแค่นลมกับพฤติกรรมเช่นนี้ขององค์ชายใหญ่ เขาไม่มีทางให้อีกฝ่ายสมหวังหรอก ยิ่งไม่ให้หน้าเขา!“ได้!”อู่จ้านเอ่ย “จริงสิ เสี่ยวฟาน ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อกี้มีขันทีน้อยมารายงาน บอกว่าขุนนางทูตของต้าเยียนมาถึงตำหนักเหยียนเหนียนแล้ว ต้องการ
เด็ก ๆ ใส่ซื่อบริสุทธิ์ ทำให้ฉินอวิ๋นฟานนึกถึงชีวิตวัยเยาว์ก่อนจะทะลุมิติมา ตอนนั้นพวกเขาเล่นดีดลูกแก้ว และที่เด็ก ๆ พวกนี้เล่นอยู่คือลูกหิน ถึงจะหนัก กลับมีความสนุกในแบบเดียวกันพร้อมกันนั้นยังทำให้ฉินอวิ๋นฟานนึกถึงชีวิตสี่เดือนที่เขาทะลุมิติมาต้าเฉียนทุกย่างก้าวเสมือนน้ำแข็งแผ่นบาง ประชันความกล้าประลองปัญญากับพี่ใหญ่ พี่รอง กระทั่งเกือบถูกลอบฆ่าตายแล้วเพื่อยืนอยู่บนโลกใบนี้ เขาพยายามสุดชีวิต วางแผนไม่หยุด ไม่กล้าเผยเทคโนโลยีต่าง ๆ ในมือออกมาโดยง่าย เพราะอาวุธที่มีพลังทำลายล้างสูงจะเป็นดาบสองคม ใช้ดีจะทำให้เขาเป็นใหญ่ในหล้า ใช้ไม่ดีจะแว้งกลับมาทำลายเขา ดังนั้นเขาจึงระมัดระวังรอบคอบที่สุดการจัดวางธุรกิจ อย่างไรก็มิอาจช่วยให้เขาขึ้นตำแหน่งใหญ่ ภายใต้การปกครองของจีนโบราณที่ฝังรากหยั่งลึก ภายใต้สภาวะที่ตระกูลใหญ่เกาะกลุ่มมีผลประโยชน์ร่วมกัน เขาจำเป็นต้องทัดทานแรงกดดันทั้งปวง สร้างขุมกำลังของตัวเองมิเช่นนี้เขาจะนั่งบัลลังก์ได้ยากมาก หากไม่สามารถนั่งบัลลังก์ได้สำเร็จ เช่นนั้นเขาจะมีแต่ต้องตายเช่นเดียวกับที่จางเต้าหลินกล่าว ไท่ซั่งหวงสูงวัยแล้ว ทันทีที่เขาล้มลง ต้าเฉียนจะเกิดจลาจล แ
ฉินอวิ๋นฟานเห็นเด็ก ๆ น่ารักจึงฉายรอยยิ้มปานบิดาเมตตา!อู่จ้านว่องไวมาก เพียงสิบนาทีก็บอกกล่าวเสร็จสิ้น ทั้งยังนำลูกแก้วกลับมาห้าสิบกว่าอัน ลูกแก้วเร็วมากกว่า เรียบเนียนมากกว่า เบากว่า สัมผัสมือดีกว่า เด็กทั้งสองสนุกสนานบันเทิงใจอย่างยิ่ง ถือไม่ยอมวางมือด้วยการชี้แนะจากฉินอวิ๋นฟาน ทักษะของพวกเขารุดหน้าอย่างรวดเร็ว จากพื้นที่เล็ก ๆ ไม่นานก็ขยายเป็นครึ่งลานเรือน อย่าให้พูดเลยว่าสนุกขนาดไหนอู่จ้านและเซี่ยงเทียนเวิ่นที่อยู่อีกทางหน้าแลกสายตากัน ในดวงตาเต็มไปด้วยความทึ่ง ไม่อยากจะเชื่อเลย รัชทายาทแห่งต้าเฉียนกลับเล่นกับเด็กสองคนได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันขนาดนี้...หนึ่งชั่วยามให้หลังมีเด็กเข้าร่วมอีกสองคน คนยิ่งเยอะยิ่งครื้นเครง ความหรรษาคูณสอง ฉินอวิ๋นฟานเล่นจนเหงื่อไหลไคลย้อย“ท่านคือ?”ก็ขณะที่ฉินอวิ๋นฟานกำลังนำทีมเด็กน้อยทั้งสี่เล่นสนุกติดลมบน ชายร่างกำยำคนหนึ่งย่างเข้าลานเรือนมา เขาก็คือรองหัวหน้าหน่วยเกลือหลวงการเฉินผิง ดูจากข้างหลัง เขาจำฉินอวิ๋นฟานไม่ได้“ท่านพ่อ ท่านกลับมาได้สักที!”“นั่นสิท่านพ่อ ท่านอาท่านนี้เอาลูกแก้วใหม่มาให้ข้าด้วย สนุกกว่าลูกหินของพวกเราตั้งเยอะ เขา