“ได้ ๆ ๆ... กินข้าว กินข้าว!”ฉินอวิ๋นฟานในยามนี้พึงพอใจแล้ว กินข้าวไปพลาง แอบชำเลืองมองจางอวี่ม่อไปพลาง ในใจลิงโลดที่สุด ส่วนจางเต้าหลินที่อยู่อีกด้านหนึ่งกลับทำหน้าบูดบึ้ง กินข้าวไปแค่ไม่กี่คำ เอาแต่จ้องดวงตาที่ซุกซนของฉินอวิ๋นฟาน......หลังจากฉินอวิ๋นฟานกลับไป จางเต้าหลินถามหน้าขมึงทึง “อวี่ม่อ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?!”“เอ่อ ท่านพ่อ ตอนนั้นข้าก็ไม่รู้เหมือนกันนี่ว่าคนที่ช่วยก็คือฉินอวิ๋นฟาน”จางอวี่ม่อพูดด้วยใบหน้าเศร้าหมอง “อีกอย่าง มืดตึ๊ดตื๋อออกอย่างนั้น และเขาก็บาดเจ็บหนักด้วย น่าจะปกปิดตัวตนได้จึงจะถูก ทำไมเขาถึงเอาแต่พูดว่าเป็นข้านะ? ใช้แค่เสียง? มันไม่พอมั้ง?”“เฮ้อ!”จางเต้าหลินถอนหายใจแรง ๆ ทีหนึ่ง บุตรสาวเติบใหญ่รั้งไว้ไม่อยู่แท้ ๆ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ นางกลับปกปิดเขาถึงสามเดือน? ตอนนี้ดีเลย ถูกเจ้าฉินอวิ๋นฟานรู้เข้าแล้ว นี่ไม่เปิดเผยหมดแล้วหรือ?!เขาส่ายหน้าพูด “ด้วยความเข้าใจและการสังเกตฉินอวิ๋นฟาน เขารู้แล้วว่าเจ้าก็คือผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของเขา แถมด้วยนิสัยกับอารมณ์ของเขา ต้องไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่”“เชอะ เขารู้แล้วจะทำไม? ข้าเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของเขาเชียวนะ
“ข้าก็ไม่อยากส่งเจ้าไปเหมือนกัน”จางเต้าหลินพูดด้วยความจนใจ “เจ้าไปหลบก่อนสักระยะหนึ่ง เอาไว้พ้นช่วงนี้ไปแล้วค่อยกลับมาเถอะ!”......หลังจากออกจากจวนไท่เว่ย ฉินอวิ๋นฟานตื่นเต้นจนกระโดดโลดเต้นกลางถนน เขากุมมือเซี่ยงเทียนเวิ่นและพูดด้วยความดีใจว่า “สหายเทียนเวิ่น บังเอิญจริง บังเอิญมาก ๆ คนที่ช่วยเราในตอนนั้นกลับเป็นลูกสาวของจางไท่เว่ยจางอวี่ม่อ!”“ยอดไปเลย ดีสุด ๆ ข้าหาตัวนางเจอสักที!”เซี่ยงเทียนเวิ่นตกใจกับการกระทำแบบไม่มีปีมีขลุ่ยนี้ของฉินอวิ๋นฟาน อย่างไรเสียฉินอวิ๋นฟานก็คือรัชทายาท ทั้งยังเป็นนายของเขา เขาจึงตอบไปแบบสั่น ๆ “ยิน ยินดีด้วยขอรับรัชทายาท”“ไม่ได้การ ข้าต้องรับผิดชอบนาง ข้าต้องมอบใจถวายกาย ข้าต้องสู่ขอนาง!”ฉินอวิ๋นฟานพูดแบบยากจะปกปิดความตื่นเต้น“หา? นี่ นี่ก็ได้หรือขอรับ?”ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานทำเอาซีพียูของเซี่ยงเทียนเวิ่นไหม้ไปเลย ครึ่งค่อนวันยังไม่ตอบสนอง อีกฝ่ายคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของเขาไม่ใช่หรือ? แถมอีกฝ่ายยังเหมือนไม่คิดอยากได้การตอบแทนจากเขาด้วย แล้วทำไมเขาต้องรับผิดชอบอีกฝ่ายด้วย?โดยเฉพาะเรื่องที่ว่า ‘มอบใจถวายกาย’ ทำไมรู้สึกทะแม่ง ๆ นะ? แน่ใจว่าไ
ฉินอวิ๋นฟานเลิกคิ้วพูด“คืออย่างนี้ พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางไปรับช่วงเมืองอู่โจวแล้วใช่ไหม องค์ชายใหญ่คิดจะนำทัพกองหนึ่งอารักขาคุ้มครองเรา ข้าคิดว่าไม่จำเป็น ก็เลยไม่กล้ารับปาก”อู่จ้านเอ่ย“หา? เขาจะส่งกองทัพกองหนึ่งมาคุ้มครองความปลอดภัยเรา? อยากกินลมผาย? ไสหัวไปยิ่งไกลยิ่งดี!”พอฉินอวิ๋นฟานได้ยินว่าพี่ใหญ่หน้าด้านอย่างนี้แล้วก็ปรอทแตก อีกฝ่ายทำให้เสียเมืองเอง กว่าเขาจะเอากลับมาได้ก็ยังจะมาแบ่งผลประโยชน์ด้วยอีก? โลกนี้ยังมีเรื่องดีเช่นนี้ที่ไหน?“นั่นสิ เห็นชัดว่าองค์ชายใหญ่มีความคิดจะเอาเปล่า ๆ พวกเราต้องทุ่มเทอย่างหนัก ใช้เงินทองมหาศาลกว่าเมืองจัวจะเจริญเช่นทุกวันนี้ จะให้คนอื่นมาสอดมือง่าย ๆ ได้ยังไง?”อู่จ้านเอ่ยเสียงหนัก“ไม่ต้องสนใจเขา ไม่มีใครคว้าผลสำเร็จของข้าฉินอวิ๋นฟานไปได้หรอก ถ้าเขากล้ายื่นมือมา ข้าจะสับมือของเขาทิ้งซะ!”ฉินอวิ๋นฟานแค่นลมกับพฤติกรรมเช่นนี้ขององค์ชายใหญ่ เขาไม่มีทางให้อีกฝ่ายสมหวังหรอก ยิ่งไม่ให้หน้าเขา!“ได้!”อู่จ้านเอ่ย “จริงสิ เสี่ยวฟาน ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อกี้มีขันทีน้อยมารายงาน บอกว่าขุนนางทูตของต้าเยียนมาถึงตำหนักเหยียนเหนียนแล้ว ต้องการ
เด็ก ๆ ใส่ซื่อบริสุทธิ์ ทำให้ฉินอวิ๋นฟานนึกถึงชีวิตวัยเยาว์ก่อนจะทะลุมิติมา ตอนนั้นพวกเขาเล่นดีดลูกแก้ว และที่เด็ก ๆ พวกนี้เล่นอยู่คือลูกหิน ถึงจะหนัก กลับมีความสนุกในแบบเดียวกันพร้อมกันนั้นยังทำให้ฉินอวิ๋นฟานนึกถึงชีวิตสี่เดือนที่เขาทะลุมิติมาต้าเฉียนทุกย่างก้าวเสมือนน้ำแข็งแผ่นบาง ประชันความกล้าประลองปัญญากับพี่ใหญ่ พี่รอง กระทั่งเกือบถูกลอบฆ่าตายแล้วเพื่อยืนอยู่บนโลกใบนี้ เขาพยายามสุดชีวิต วางแผนไม่หยุด ไม่กล้าเผยเทคโนโลยีต่าง ๆ ในมือออกมาโดยง่าย เพราะอาวุธที่มีพลังทำลายล้างสูงจะเป็นดาบสองคม ใช้ดีจะทำให้เขาเป็นใหญ่ในหล้า ใช้ไม่ดีจะแว้งกลับมาทำลายเขา ดังนั้นเขาจึงระมัดระวังรอบคอบที่สุดการจัดวางธุรกิจ อย่างไรก็มิอาจช่วยให้เขาขึ้นตำแหน่งใหญ่ ภายใต้การปกครองของจีนโบราณที่ฝังรากหยั่งลึก ภายใต้สภาวะที่ตระกูลใหญ่เกาะกลุ่มมีผลประโยชน์ร่วมกัน เขาจำเป็นต้องทัดทานแรงกดดันทั้งปวง สร้างขุมกำลังของตัวเองมิเช่นนี้เขาจะนั่งบัลลังก์ได้ยากมาก หากไม่สามารถนั่งบัลลังก์ได้สำเร็จ เช่นนั้นเขาจะมีแต่ต้องตายเช่นเดียวกับที่จางเต้าหลินกล่าว ไท่ซั่งหวงสูงวัยแล้ว ทันทีที่เขาล้มลง ต้าเฉียนจะเกิดจลาจล แ
ฉินอวิ๋นฟานเห็นเด็ก ๆ น่ารักจึงฉายรอยยิ้มปานบิดาเมตตา!อู่จ้านว่องไวมาก เพียงสิบนาทีก็บอกกล่าวเสร็จสิ้น ทั้งยังนำลูกแก้วกลับมาห้าสิบกว่าอัน ลูกแก้วเร็วมากกว่า เรียบเนียนมากกว่า เบากว่า สัมผัสมือดีกว่า เด็กทั้งสองสนุกสนานบันเทิงใจอย่างยิ่ง ถือไม่ยอมวางมือด้วยการชี้แนะจากฉินอวิ๋นฟาน ทักษะของพวกเขารุดหน้าอย่างรวดเร็ว จากพื้นที่เล็ก ๆ ไม่นานก็ขยายเป็นครึ่งลานเรือน อย่าให้พูดเลยว่าสนุกขนาดไหนอู่จ้านและเซี่ยงเทียนเวิ่นที่อยู่อีกทางหน้าแลกสายตากัน ในดวงตาเต็มไปด้วยความทึ่ง ไม่อยากจะเชื่อเลย รัชทายาทแห่งต้าเฉียนกลับเล่นกับเด็กสองคนได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันขนาดนี้...หนึ่งชั่วยามให้หลังมีเด็กเข้าร่วมอีกสองคน คนยิ่งเยอะยิ่งครื้นเครง ความหรรษาคูณสอง ฉินอวิ๋นฟานเล่นจนเหงื่อไหลไคลย้อย“ท่านคือ?”ก็ขณะที่ฉินอวิ๋นฟานกำลังนำทีมเด็กน้อยทั้งสี่เล่นสนุกติดลมบน ชายร่างกำยำคนหนึ่งย่างเข้าลานเรือนมา เขาก็คือรองหัวหน้าหน่วยเกลือหลวงการเฉินผิง ดูจากข้างหลัง เขาจำฉินอวิ๋นฟานไม่ได้“ท่านพ่อ ท่านกลับมาได้สักที!”“นั่นสิท่านพ่อ ท่านอาท่านนี้เอาลูกแก้วใหม่มาให้ข้าด้วย สนุกกว่าลูกหินของพวกเราตั้งเยอะ เขา
“เอ่อ... พอได้ขอรับ”เพื่อไม่ทำให้ฉินอวิ๋นฟานหงุดหงิด เฉินผิงจึงได้แต่ตอบแบบกลาง ๆ คำหนึ่ง ต่อหน้าเจ้านายใหญ่ วาทศิลป์สำคัญอย่างยิ่งยวด หากพลั้งเผลอไปนิดเดียวจะถูกจ้องเล่นงาน หากเขาบอกว่าทำงานไม่มีความสุข จะถูกฉินอวิ๋นฟานคิดว่าเขาไม่ให้ความร่วมมือกับหัวหน้าหน่วยและผู้บังคับการหรือไม่? เป็นหอกข้างแคร่? ไม่พอใจสภาพปัจจุบัน? มักใหญ่ใฝ่สูง?ถ้าเขาบอกว่าทำงานมีความสุขดีมาก จะถูกฉินอวิ๋นฟานคิดว่าเขาร่วมมือทุจริตกับตระกูลเริ่นหรือเปล่า? ดึงสมัครพรรคพวก? นี่คือเรื่องต้องห้ามของราชวงศ์เชียวนะ!บัดนี้การชิงบัลลังก์ระหว่างองค์ชายดุเดือดมากขึ้นทุกที หากเข้าร่วมศึกนี้จะเผชิญหมื่นเคราะห์มิอาจหวนคืนได้ง่าย ก่อนที่เขาจะรู้แจ้งในจุดประสงค์การมาของฉินอวิ๋นฟาน เขาไม่กล้าแสดงท่าทีใด ๆ“ฮ่า ๆ ๆ เฉินผิง ข้าไม่ได้ดูเจ้าผิดไปจริง ๆ”เห็นเฉินผิงระมัดระวังรอบคอบเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะชอบใจยกใหญ่ รองหัวหน้าหน่วยเกลือหลวงซึ่งปราศจากขั้วอำนาจและคนหนุนหลังคนหนึ่ง สามารถรั้งตำแหน่งนี้ได้มั่นคงเช่นนี้ ดูท่าต้องมีฝีมืออยู่บ้าง“เจ้าไม่ต้องกลัว ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด คือคนที่อดีตฮ่องเต้ทรงส่งเสริม มีคว
“ประการสุดท้ายคือฐานการผลิตเกลือหลวงอยู่ในกำมือของตระกูลเริ่นทั้งหมด ทันทีที่หยุดผลิตเกลือตั้งต้น จะก่อให้เกิดปัญหาใหญ่หลวงเหมือนกัน ดังนั้นสามขั้นตอนนี้ล้วนเป็นสิ่งต้องห้าม ถ้าไม่ได้เตรียมตัวอย่างดีล่วงหน้า ไม่ว่าจะแตะต้องขั้นตอนไหนล้วนเป็นการรนหาที่ตาย”“ข้าพูดถูกหรือไม่?”ได้ยินการวิเคราะห์ของฉินอวิ๋นฟาน เฉินผิงนิ่งเฉยไม่ได้แล้ว สายตาที่มองฉินอวิ๋นฟานคล้ายกับการมองภูตผีปีศาจ ให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง ฉินอวิ๋นฟานกลับเข้าใจเกลือหลวงละเอียดเช่นนี้? เขาทำได้อย่างไรกัน?“ถูก ถูกต้องที่สุด!”เฉินผิงตกตะลึงอย่างหาที่เปรียบมิได้ เขาส่ายหน้าพูด “แต่ท่านรู้แล้วจะยังไง? ก็ยังเปลี่ยนอะไรไม่ได้อยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนไหนก็ล้วนแล้วแต่เป็นจุดตายทั้งนั้น”“มันก็ไม่แน่!”ฉินอวิ๋นฟานยกยิ้มมุมปาก แล้วยื่นเกลือบริโภคละเอียดห่อเล็กไปตรงหน้าเฉินผิงก่อนจะเอ่ย “ดูสิว่ามันจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบภาวะป่วยของเกลือหลวงในตอนนี้ได้หรือไม่?”เห็นดวงหน้ามั่นใจของฉินอวิ๋นฟาน ทั้งท่าทางเตรียมตัวมาก่อนอย่างชัดเจน เฉินผิงรับของประหลาดห่อเล็กจากฉินอวิ๋นฟานมาด้วยใจตุ้ม ๆ ต่อ ๆ“นะ นะ นี่คือเกลือบริโภค? เกลือละเอี
“โบราณกล่าว สตรีเก่งหากไร้ข้าวสารก็มิอาจหุงข้าว ท่านมีแต่ทักษะ ไม่มีเกลือก็ไร้ประโยชน์ ต่อให้เราแก้ไขปัญหาสองอย่างนั้นแล้วก็ยังไม่ได้อยู่ดี!”เฉินผิงพูดด้วยใบหน้าหดหู่“ฮ่า ๆ ๆ เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องห่วง!”ฉินอวิ๋นฟานนึกว่าเรื่องอะไร ที่แท้เฉินผิงก็กังวลเรื่องนี้? สามเดือนก่อนเขาส่งคนดำเนินการอย่างลับ ๆ แล้ว กักตุนก้อนเกลือสีเหลืองหนึ่งพันล้านชั่งเต็ม ๆที่ฉินอวิ๋นฟานทาเช่นนี้ก็เพื่อสอดมือเข้าเรื่องเกลือหลวง ไม่ลงมือยังแล้วไป ลงมือก็คือนาเกลือละเอียดเจ้าสู่ตลาดจำนวนมหาศาลซึ่งเป็นการโจมตีเกลือดังเดิมอย่างรุนแรง!“หา...”เห็นฉินอวิ๋นฟานหัวเราะยกใหญ่ เฉินผิงงงไปเลย หรือว่ารัชทายาทยังสอดมือเข้าพื้นที่ผลิตเกลือด้วย? นี่คือสิ่งสำคัญของตระกูลเริ่นเลยนะ ไม่น่ามีคนสามารถสอดมือเข้าไปได้จึงจะถูก!“เฉินผิง เจ้าฉลาดออกอย่างนี้ ทำไมถึงไม่เข้าใจนะ?”ฉินอวิ๋นฟานพูดเรียบ “ในเมื่อข้ามีทักษะ และอยากสอดมือเข้าเรื่องเกลือหลวง เจ้าคิดว่าข้าจะไม่นึกถึงปัญหาเรื่องเกลือดั้งเดิมหรือ”“นี่ก็เหมือนกับผู้ชายคนหนึ่ง พาผู้หญิงที่เย้ายวนมาก ๆ คนหนึ่งไปยังห้องที่เต็มไปด้วยความคลุมเครือ ผู้หญิงอดรนทนไม่ไหวแล้ว เ