“เอ่อ... พอได้ขอรับ”เพื่อไม่ทำให้ฉินอวิ๋นฟานหงุดหงิด เฉินผิงจึงได้แต่ตอบแบบกลาง ๆ คำหนึ่ง ต่อหน้าเจ้านายใหญ่ วาทศิลป์สำคัญอย่างยิ่งยวด หากพลั้งเผลอไปนิดเดียวจะถูกจ้องเล่นงาน หากเขาบอกว่าทำงานไม่มีความสุข จะถูกฉินอวิ๋นฟานคิดว่าเขาไม่ให้ความร่วมมือกับหัวหน้าหน่วยและผู้บังคับการหรือไม่? เป็นหอกข้างแคร่? ไม่พอใจสภาพปัจจุบัน? มักใหญ่ใฝ่สูง?ถ้าเขาบอกว่าทำงานมีความสุขดีมาก จะถูกฉินอวิ๋นฟานคิดว่าเขาร่วมมือทุจริตกับตระกูลเริ่นหรือเปล่า? ดึงสมัครพรรคพวก? นี่คือเรื่องต้องห้ามของราชวงศ์เชียวนะ!บัดนี้การชิงบัลลังก์ระหว่างองค์ชายดุเดือดมากขึ้นทุกที หากเข้าร่วมศึกนี้จะเผชิญหมื่นเคราะห์มิอาจหวนคืนได้ง่าย ก่อนที่เขาจะรู้แจ้งในจุดประสงค์การมาของฉินอวิ๋นฟาน เขาไม่กล้าแสดงท่าทีใด ๆ“ฮ่า ๆ ๆ เฉินผิง ข้าไม่ได้ดูเจ้าผิดไปจริง ๆ”เห็นเฉินผิงระมัดระวังรอบคอบเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะชอบใจยกใหญ่ รองหัวหน้าหน่วยเกลือหลวงซึ่งปราศจากขั้วอำนาจและคนหนุนหลังคนหนึ่ง สามารถรั้งตำแหน่งนี้ได้มั่นคงเช่นนี้ ดูท่าต้องมีฝีมืออยู่บ้าง“เจ้าไม่ต้องกลัว ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด คือคนที่อดีตฮ่องเต้ทรงส่งเสริม มีคว
“ประการสุดท้ายคือฐานการผลิตเกลือหลวงอยู่ในกำมือของตระกูลเริ่นทั้งหมด ทันทีที่หยุดผลิตเกลือตั้งต้น จะก่อให้เกิดปัญหาใหญ่หลวงเหมือนกัน ดังนั้นสามขั้นตอนนี้ล้วนเป็นสิ่งต้องห้าม ถ้าไม่ได้เตรียมตัวอย่างดีล่วงหน้า ไม่ว่าจะแตะต้องขั้นตอนไหนล้วนเป็นการรนหาที่ตาย”“ข้าพูดถูกหรือไม่?”ได้ยินการวิเคราะห์ของฉินอวิ๋นฟาน เฉินผิงนิ่งเฉยไม่ได้แล้ว สายตาที่มองฉินอวิ๋นฟานคล้ายกับการมองภูตผีปีศาจ ให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง ฉินอวิ๋นฟานกลับเข้าใจเกลือหลวงละเอียดเช่นนี้? เขาทำได้อย่างไรกัน?“ถูก ถูกต้องที่สุด!”เฉินผิงตกตะลึงอย่างหาที่เปรียบมิได้ เขาส่ายหน้าพูด “แต่ท่านรู้แล้วจะยังไง? ก็ยังเปลี่ยนอะไรไม่ได้อยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนไหนก็ล้วนแล้วแต่เป็นจุดตายทั้งนั้น”“มันก็ไม่แน่!”ฉินอวิ๋นฟานยกยิ้มมุมปาก แล้วยื่นเกลือบริโภคละเอียดห่อเล็กไปตรงหน้าเฉินผิงก่อนจะเอ่ย “ดูสิว่ามันจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบภาวะป่วยของเกลือหลวงในตอนนี้ได้หรือไม่?”เห็นดวงหน้ามั่นใจของฉินอวิ๋นฟาน ทั้งท่าทางเตรียมตัวมาก่อนอย่างชัดเจน เฉินผิงรับของประหลาดห่อเล็กจากฉินอวิ๋นฟานมาด้วยใจตุ้ม ๆ ต่อ ๆ“นะ นะ นี่คือเกลือบริโภค? เกลือละเอี
“โบราณกล่าว สตรีเก่งหากไร้ข้าวสารก็มิอาจหุงข้าว ท่านมีแต่ทักษะ ไม่มีเกลือก็ไร้ประโยชน์ ต่อให้เราแก้ไขปัญหาสองอย่างนั้นแล้วก็ยังไม่ได้อยู่ดี!”เฉินผิงพูดด้วยใบหน้าหดหู่“ฮ่า ๆ ๆ เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องห่วง!”ฉินอวิ๋นฟานนึกว่าเรื่องอะไร ที่แท้เฉินผิงก็กังวลเรื่องนี้? สามเดือนก่อนเขาส่งคนดำเนินการอย่างลับ ๆ แล้ว กักตุนก้อนเกลือสีเหลืองหนึ่งพันล้านชั่งเต็ม ๆที่ฉินอวิ๋นฟานทาเช่นนี้ก็เพื่อสอดมือเข้าเรื่องเกลือหลวง ไม่ลงมือยังแล้วไป ลงมือก็คือนาเกลือละเอียดเจ้าสู่ตลาดจำนวนมหาศาลซึ่งเป็นการโจมตีเกลือดังเดิมอย่างรุนแรง!“หา...”เห็นฉินอวิ๋นฟานหัวเราะยกใหญ่ เฉินผิงงงไปเลย หรือว่ารัชทายาทยังสอดมือเข้าพื้นที่ผลิตเกลือด้วย? นี่คือสิ่งสำคัญของตระกูลเริ่นเลยนะ ไม่น่ามีคนสามารถสอดมือเข้าไปได้จึงจะถูก!“เฉินผิง เจ้าฉลาดออกอย่างนี้ ทำไมถึงไม่เข้าใจนะ?”ฉินอวิ๋นฟานพูดเรียบ “ในเมื่อข้ามีทักษะ และอยากสอดมือเข้าเรื่องเกลือหลวง เจ้าคิดว่าข้าจะไม่นึกถึงปัญหาเรื่องเกลือดั้งเดิมหรือ”“นี่ก็เหมือนกับผู้ชายคนหนึ่ง พาผู้หญิงที่เย้ายวนมาก ๆ คนหนึ่งไปยังห้องที่เต็มไปด้วยความคลุมเครือ ผู้หญิงอดรนทนไม่ไหวแล้ว เ
ครั้นได้ยินถ้อยคำนี้จากเฉินผิง ฉินอวิ๋นฟานซาบซึ้งใจนัก นี่สิจึงจะเป็นพฤติกรรมที่ลูกผู้ชายคนหนึ่งพึงมี ไม่เพียงแต่มีความกล้า ยิ่งมีการมองการณ์ไกล หนำซ้ำยังมีอุดมการณ์ยาวไกลและปณิธานใหญ่หลวง“ดี มีคำพูดนี้ของเจ้าข้าก็วางใจแล้ว เก็บข้าวของเถอะ พรุ่งนี้ตามข้าออกเดินทาง!”ฉินอวิ๋นฟานไม่พูดไร้สาระที่เป็นส่วนเกิน เขาตบบ่าเฉินผิงเบา ๆ “ความเชื่อมั่นของเจ้า จะทำให้ชีวิตเจ้าเฉิดฉายรัศมีพันจั้ง!”จ้องเงาแผ่นหลังของฉินอวิ๋นฟาน เฉินผิงยืนอยู่กับที่ มุมปากยกยิ้มเล็กน้อย ผ่านไปนานแล้วแต่ในใจยังมิอาจสงบ หลายปีเช่นนี้ นานแล้วที่เขาไม่เคยเลือดร้อนพลุ่งพล่าน เลือดร้อนถูกจุดขึ้นมาอีกครั้งในฐานะที่เป็นรัชทายาทของต้าเฉียน ยังสามารถจริงใจต่อเด็กแปลกหน้ากลุ่มหนึ่ง ติดตามผู้มีใจเมตตาเช่นนี้ ต่อให้ล้มเหลวแล้วจะมีอะไรน่าเสียดาย?หลังจากเดินออกจากบ้านของเฉินผิง ฉินอวิ๋นฟานแช่มชื่นสุขอุราสุดขีด สำหรับเขาแล้ว การได้ตัวเฉินผิงคือเรื่องพิเศษ แผนการทั้งหมดของเขากำลังดำเนินไป รอแต่รับมอบเมืองอู่โจวในอีกสามวันข้างหน้าแล้ว“เสี่ยวฟาน เห็นเจ้าอารมณ์ดีอย่างนี้ คงได้ตัวเฉินผิงแล้วสิ?”อู่จ้านเอ่ยปากถาม“เรียบร้อย!
ฉินอวิ๋นฟานเพิ่งมาถึงนอกตำหนักรับแขกก็ได้ยินขุนนางทูตต้าเยียนกำลังบ่น ฉินอวิ๋นฟานไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที เขาสองมือไพล่หลัง เดินเข้าตำหนักใหญ่ด้วยใบหน้าขมึงตึง“พวกเรา...”เห็นฉินอวิ๋นฟานมาถึง ท่าทีของซือหม่าเจาเลี้ยวโค้งร้อยแปดสิบองศาเดี๋ยวนั้น เมื่อครู่ยังมีท่าทางโมโหโกรธา ยามนี้กลับปั้นหน้าประจบประแจง เขารีบเดินซอยเท้ามาหาและพูด “รัชทายาทต้าเฉียน เฝ้ารอคอยดวงดาว รอคอยดวงจันทร์ ในที่สุดก็รอจนท่านมาได้สักที”ฉินอวิ๋นฟานปราดมองซือหม่าเจาแวบหนึ่งด้วยความเย็นชา ดูแคลนมาก จากนั้นจึงเดินตรงไปยังตำแหน่งหลัก“พวกเจ้าทูตต้าเยียนมากะทันหันในช่วงส่งมอบเมืองอู่โจวที่สำคัญนี้ มีธุระอะไร?”ฉินอวิ๋นฟานมองจากเบื้องบน กวาดสายตากับทุกคน กลิ่นอายผู้มีอำนาจปะทะใบหน้ามา ทำให้คณะขุนนางทูตของต้าเยียนเกิดใจครั่นคร้ามขึ้นมาทันที ท่าทีเปลี่ยนเป็นอีหลักอีเหลื่อพวกเรา...ก็ขณะที่ซือหม่าเจาเตรียมจะเปิดปากก็ถูกเซี่ยมู่ไป๋ขัดจังหวะ เห็นเพียงเซี่ยมู่ไป๋ใบหน้าอ่อนโยน เอ่ยปากขึ้นก่อน “เรียนรัชทายาทต้าเฉียน พวกเขาได้รับคำสั่งจากองค์จักรพรรดิต้าเยียนให้มาเจรจาเรื่องความร่วมมือทางการค้ากับต้าเฉียนขอรับ”“อ้อ? เรื
หากพวกเขายอมก้มหัวต่อหน้าฉินอวิ๋นฟาน ไม่เพียงแต่เสียศักดิ์ศรีของบ้านเมือง ยิ่งเป็นการตบหน้าต้าเยียนของพวกเขาเพียะ ๆ ๆ ด้วย แต่ถ้าแข็งกร้าวเกินไป จะได้ผลในทางกลับกัน ถูกคนขับไล่ไสส่งออกจากตำหนัก“อ้อ? สมแล้วที่เป็นผู้อาวุโสเซี่ย เสาเอกของต้าเยียน!”เห็นเซี่ยมู่ไป๋วางตัวเหมาะสม ระหว่างพูดไม่เสียมารยาท ทั้งยังชี้เหตุของเรื่องชัดเจน สมกับที่เป็นบุคคลระดับสูงสุดด้านบุ๋นของต้าเยียน ไม่เพียงมีปฏิภาณล้ำเลิศ ยิ่งแสดงท่วงทำนองของแคว้นใหญ่!“ในเมื่อผู้อาวุโสเซี่ยพูดถึงขั้นนี้แล้ว ข้าก็จะไม่ปกปิดอีก”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “คาดว่าผู้อาวุโสเซี่ยคงรู้เรื่องสัญญาเดิมพันในงานเทศกาลโคมไฟดีกระมัง?”เซี่ยมู่ไป๋อึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะคืนสติกลับมาทันที เขาเอ่ยเสียงหนัก “คืนวันเทศกาลโคมไฟ ข้าก็อยู่ด้วย เรื่องที่เกิดขึ้นข้าย่อมต้องรู้ชัดที่สุด”“ในเมื่อท่านรู้ชัดเจนก็ดี!”ฉินอวิ๋นฟานเหยียดยิ้มพูด “สัญญาเดิมพันของเราในตอนนั้น คล้ายจะไม่ค่อยเหมือนข่าวที่ต้าเยียนประกาศสักเท่าไรนะ? นี่มันยังไงกัน?”“อ้อ? ท่านหมายถึงเรื่องนี้!”เซี่ยมู่ไป๋คาดการณ์ไว้ก่อนแล้ว เป็นเหมือนกับที่เขานึกภาพไว้จริง ๆ ฉิ
“ดี ดี ดีมาก!”การอธิบายของเซี่ยมู่ไป๋ทำให้ฉินอวิ๋นฟานตกตะลึงอย่างหนัก ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีสมองและแนวความคิดแจ่มชัด เกรงว่าต้องถูกตรรกะบิดเบี้ยวของเซี่ยมู่ไป๋พาให้เขวแล้ว เพราะการอธิบายที่ปราศจากช่องโหว่ให้โจมตีนั้นของเขาทำให้คนจับผิดไม่ได้พูดจากศักยภาพของบ้านเมือง ต้าเยียนแข็งแกร่งจนน่าใจหายจริง ๆ แคว้นที่อยากผูกเครือญาติกับพวกเขามีเยอะมาก และนี่ก็คือเรื่องจริง สามารถทำให้ต้าเยียนให้ความสำคัญได้ขนาดนี้ ประกาศการแต่งงานออกไปกับใต้หล้าอย่างเป็นทางการได้เช่นนี้หาได้ยากมาก อีกทั้งพวกเขาได้ให้เกียรติต้าเฉียนกับเขาฉินอวิ๋นฟานมากแล้วสำหรับคนอื่น นี่คือเกียรติยศสูงส่งอย่างหนึ่ง ทำให้สัญญาเดิมพันธรรมดากลายเป็นมีน้ำหนักมากขึ้น แต่ในสายตาของฉินอวิ๋นฟานเป็นแค่การเล่นลิ้น กลบเกลื่อนเรื่องขายหน้าเท่านั้นหากมองจากมุมแคว้นแข็งแกร่งอ่อนแอ ต้าเยียนไร้ซึ่งความผิดจริง พวกเขามีต้นทุนนี้ แต่สำหรับฉินอวิ๋นฟานก็คือไม่รักษาคำพูด ฝืนรักษาหน้าตาตัวเองพวกเขาใช้กำลังของบ้านเมืองข่มคน ให้คนเกิดความรู้สึกว่าได้รับเกียรติจอมปลอมและถูกให้ความสำคัญ ถูกจูงจมูกไปตามธรรมชาติ แต่เขาฉินอวิ๋นฟานจะหลงกลเหรอะ?!เห็นฉ
เมื่อได้ฟังคำพูดของฉินอวิ๋นฟาน เซี่ยมู่ไป๋หน้าตึงเดี๋ยวนั้น! เขารีบถามเสียงเข้ม “รัชทายาทต้าเฉียน คำพูดนี้ของท่านหมายความว่ายังไง?!”“หมายความว่ายังไง? เจ้าน่าจะรู้ดีกว่าข้ามิใช่รึ?”ฉินอวิ๋นฟานแค่นเสียงหัวเราะ พูดด้วยใบหน้าเสียดสี “ในสัญญาเดิมพัน กระดาษขาวอักษรดำเขียนไว้ชัดเจน ต่อให้เจ้าพูดเสียเลิศเลอคารมคมคายยังไง มันก็ไม่เหมือนกับเรื่องที่พวกเจ้าประกาศต่อใต้หล้า!”“ความสวยงามและหลักการที่เจ้าพูด ก็เป็นแค่การกลบเกลื่อนเรื่องที่พวกเจ้าแพ้การประลองขายหน้า เพื่อกอบกู้เกียรติยศศักดิ์ศรี ฝืนเพิ่มบทให้ตัวเอง แต่มันใช้กับข้าไม่ได้หรอกนะ!”“สำหรับเรื่องหลังจากเยียนอวี่เฉินแต่งมาต้าเฉียน ควรจะเชื่อฟังคำพูดข้า มิใช่นางเยียนอวี่เฉิน ไม่ว่าข้าจะคว้าชัยในศึกชิงบัลลังก์นี้ได้หรือไม่ก็เป็นเรื่องของข้า ไม่ต้องให้นางเยียนอวี่เฉินมาคาดหวังอะไร!”“หลักเหตุผลที่ว่าแต่งกับไก่ตามไก่ แต่งกับสุนัขตามสุนัข เจ้าเป็นบุคคลผู้เก่งกาจด้านบุ๋นจะไม่เข้าใจรึ? นางเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง จะมีสติปัญญายังไงก็ต้องอยู่แทบเท้าของข้าอยู่ดี ข้าก็คือฟ้าของนาง เข้าใจหรือไม่?!”“หากจักรพรรดิต้าเยียนโปรดปรานทะนุถนอ