ครั้นได้ยินถ้อยคำนี้จากเฉินผิง ฉินอวิ๋นฟานซาบซึ้งใจนัก นี่สิจึงจะเป็นพฤติกรรมที่ลูกผู้ชายคนหนึ่งพึงมี ไม่เพียงแต่มีความกล้า ยิ่งมีการมองการณ์ไกล หนำซ้ำยังมีอุดมการณ์ยาวไกลและปณิธานใหญ่หลวง“ดี มีคำพูดนี้ของเจ้าข้าก็วางใจแล้ว เก็บข้าวของเถอะ พรุ่งนี้ตามข้าออกเดินทาง!”ฉินอวิ๋นฟานไม่พูดไร้สาระที่เป็นส่วนเกิน เขาตบบ่าเฉินผิงเบา ๆ “ความเชื่อมั่นของเจ้า จะทำให้ชีวิตเจ้าเฉิดฉายรัศมีพันจั้ง!”จ้องเงาแผ่นหลังของฉินอวิ๋นฟาน เฉินผิงยืนอยู่กับที่ มุมปากยกยิ้มเล็กน้อย ผ่านไปนานแล้วแต่ในใจยังมิอาจสงบ หลายปีเช่นนี้ นานแล้วที่เขาไม่เคยเลือดร้อนพลุ่งพล่าน เลือดร้อนถูกจุดขึ้นมาอีกครั้งในฐานะที่เป็นรัชทายาทของต้าเฉียน ยังสามารถจริงใจต่อเด็กแปลกหน้ากลุ่มหนึ่ง ติดตามผู้มีใจเมตตาเช่นนี้ ต่อให้ล้มเหลวแล้วจะมีอะไรน่าเสียดาย?หลังจากเดินออกจากบ้านของเฉินผิง ฉินอวิ๋นฟานแช่มชื่นสุขอุราสุดขีด สำหรับเขาแล้ว การได้ตัวเฉินผิงคือเรื่องพิเศษ แผนการทั้งหมดของเขากำลังดำเนินไป รอแต่รับมอบเมืองอู่โจวในอีกสามวันข้างหน้าแล้ว“เสี่ยวฟาน เห็นเจ้าอารมณ์ดีอย่างนี้ คงได้ตัวเฉินผิงแล้วสิ?”อู่จ้านเอ่ยปากถาม“เรียบร้อย!
ฉินอวิ๋นฟานเพิ่งมาถึงนอกตำหนักรับแขกก็ได้ยินขุนนางทูตต้าเยียนกำลังบ่น ฉินอวิ๋นฟานไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที เขาสองมือไพล่หลัง เดินเข้าตำหนักใหญ่ด้วยใบหน้าขมึงตึง“พวกเรา...”เห็นฉินอวิ๋นฟานมาถึง ท่าทีของซือหม่าเจาเลี้ยวโค้งร้อยแปดสิบองศาเดี๋ยวนั้น เมื่อครู่ยังมีท่าทางโมโหโกรธา ยามนี้กลับปั้นหน้าประจบประแจง เขารีบเดินซอยเท้ามาหาและพูด “รัชทายาทต้าเฉียน เฝ้ารอคอยดวงดาว รอคอยดวงจันทร์ ในที่สุดก็รอจนท่านมาได้สักที”ฉินอวิ๋นฟานปราดมองซือหม่าเจาแวบหนึ่งด้วยความเย็นชา ดูแคลนมาก จากนั้นจึงเดินตรงไปยังตำแหน่งหลัก“พวกเจ้าทูตต้าเยียนมากะทันหันในช่วงส่งมอบเมืองอู่โจวที่สำคัญนี้ มีธุระอะไร?”ฉินอวิ๋นฟานมองจากเบื้องบน กวาดสายตากับทุกคน กลิ่นอายผู้มีอำนาจปะทะใบหน้ามา ทำให้คณะขุนนางทูตของต้าเยียนเกิดใจครั่นคร้ามขึ้นมาทันที ท่าทีเปลี่ยนเป็นอีหลักอีเหลื่อพวกเรา...ก็ขณะที่ซือหม่าเจาเตรียมจะเปิดปากก็ถูกเซี่ยมู่ไป๋ขัดจังหวะ เห็นเพียงเซี่ยมู่ไป๋ใบหน้าอ่อนโยน เอ่ยปากขึ้นก่อน “เรียนรัชทายาทต้าเฉียน พวกเขาได้รับคำสั่งจากองค์จักรพรรดิต้าเยียนให้มาเจรจาเรื่องความร่วมมือทางการค้ากับต้าเฉียนขอรับ”“อ้อ? เรื
หากพวกเขายอมก้มหัวต่อหน้าฉินอวิ๋นฟาน ไม่เพียงแต่เสียศักดิ์ศรีของบ้านเมือง ยิ่งเป็นการตบหน้าต้าเยียนของพวกเขาเพียะ ๆ ๆ ด้วย แต่ถ้าแข็งกร้าวเกินไป จะได้ผลในทางกลับกัน ถูกคนขับไล่ไสส่งออกจากตำหนัก“อ้อ? สมแล้วที่เป็นผู้อาวุโสเซี่ย เสาเอกของต้าเยียน!”เห็นเซี่ยมู่ไป๋วางตัวเหมาะสม ระหว่างพูดไม่เสียมารยาท ทั้งยังชี้เหตุของเรื่องชัดเจน สมกับที่เป็นบุคคลระดับสูงสุดด้านบุ๋นของต้าเยียน ไม่เพียงมีปฏิภาณล้ำเลิศ ยิ่งแสดงท่วงทำนองของแคว้นใหญ่!“ในเมื่อผู้อาวุโสเซี่ยพูดถึงขั้นนี้แล้ว ข้าก็จะไม่ปกปิดอีก”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “คาดว่าผู้อาวุโสเซี่ยคงรู้เรื่องสัญญาเดิมพันในงานเทศกาลโคมไฟดีกระมัง?”เซี่ยมู่ไป๋อึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะคืนสติกลับมาทันที เขาเอ่ยเสียงหนัก “คืนวันเทศกาลโคมไฟ ข้าก็อยู่ด้วย เรื่องที่เกิดขึ้นข้าย่อมต้องรู้ชัดที่สุด”“ในเมื่อท่านรู้ชัดเจนก็ดี!”ฉินอวิ๋นฟานเหยียดยิ้มพูด “สัญญาเดิมพันของเราในตอนนั้น คล้ายจะไม่ค่อยเหมือนข่าวที่ต้าเยียนประกาศสักเท่าไรนะ? นี่มันยังไงกัน?”“อ้อ? ท่านหมายถึงเรื่องนี้!”เซี่ยมู่ไป๋คาดการณ์ไว้ก่อนแล้ว เป็นเหมือนกับที่เขานึกภาพไว้จริง ๆ ฉิ
“ดี ดี ดีมาก!”การอธิบายของเซี่ยมู่ไป๋ทำให้ฉินอวิ๋นฟานตกตะลึงอย่างหนัก ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีสมองและแนวความคิดแจ่มชัด เกรงว่าต้องถูกตรรกะบิดเบี้ยวของเซี่ยมู่ไป๋พาให้เขวแล้ว เพราะการอธิบายที่ปราศจากช่องโหว่ให้โจมตีนั้นของเขาทำให้คนจับผิดไม่ได้พูดจากศักยภาพของบ้านเมือง ต้าเยียนแข็งแกร่งจนน่าใจหายจริง ๆ แคว้นที่อยากผูกเครือญาติกับพวกเขามีเยอะมาก และนี่ก็คือเรื่องจริง สามารถทำให้ต้าเยียนให้ความสำคัญได้ขนาดนี้ ประกาศการแต่งงานออกไปกับใต้หล้าอย่างเป็นทางการได้เช่นนี้หาได้ยากมาก อีกทั้งพวกเขาได้ให้เกียรติต้าเฉียนกับเขาฉินอวิ๋นฟานมากแล้วสำหรับคนอื่น นี่คือเกียรติยศสูงส่งอย่างหนึ่ง ทำให้สัญญาเดิมพันธรรมดากลายเป็นมีน้ำหนักมากขึ้น แต่ในสายตาของฉินอวิ๋นฟานเป็นแค่การเล่นลิ้น กลบเกลื่อนเรื่องขายหน้าเท่านั้นหากมองจากมุมแคว้นแข็งแกร่งอ่อนแอ ต้าเยียนไร้ซึ่งความผิดจริง พวกเขามีต้นทุนนี้ แต่สำหรับฉินอวิ๋นฟานก็คือไม่รักษาคำพูด ฝืนรักษาหน้าตาตัวเองพวกเขาใช้กำลังของบ้านเมืองข่มคน ให้คนเกิดความรู้สึกว่าได้รับเกียรติจอมปลอมและถูกให้ความสำคัญ ถูกจูงจมูกไปตามธรรมชาติ แต่เขาฉินอวิ๋นฟานจะหลงกลเหรอะ?!เห็นฉ
เมื่อได้ฟังคำพูดของฉินอวิ๋นฟาน เซี่ยมู่ไป๋หน้าตึงเดี๋ยวนั้น! เขารีบถามเสียงเข้ม “รัชทายาทต้าเฉียน คำพูดนี้ของท่านหมายความว่ายังไง?!”“หมายความว่ายังไง? เจ้าน่าจะรู้ดีกว่าข้ามิใช่รึ?”ฉินอวิ๋นฟานแค่นเสียงหัวเราะ พูดด้วยใบหน้าเสียดสี “ในสัญญาเดิมพัน กระดาษขาวอักษรดำเขียนไว้ชัดเจน ต่อให้เจ้าพูดเสียเลิศเลอคารมคมคายยังไง มันก็ไม่เหมือนกับเรื่องที่พวกเจ้าประกาศต่อใต้หล้า!”“ความสวยงามและหลักการที่เจ้าพูด ก็เป็นแค่การกลบเกลื่อนเรื่องที่พวกเจ้าแพ้การประลองขายหน้า เพื่อกอบกู้เกียรติยศศักดิ์ศรี ฝืนเพิ่มบทให้ตัวเอง แต่มันใช้กับข้าไม่ได้หรอกนะ!”“สำหรับเรื่องหลังจากเยียนอวี่เฉินแต่งมาต้าเฉียน ควรจะเชื่อฟังคำพูดข้า มิใช่นางเยียนอวี่เฉิน ไม่ว่าข้าจะคว้าชัยในศึกชิงบัลลังก์นี้ได้หรือไม่ก็เป็นเรื่องของข้า ไม่ต้องให้นางเยียนอวี่เฉินมาคาดหวังอะไร!”“หลักเหตุผลที่ว่าแต่งกับไก่ตามไก่ แต่งกับสุนัขตามสุนัข เจ้าเป็นบุคคลผู้เก่งกาจด้านบุ๋นจะไม่เข้าใจรึ? นางเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง จะมีสติปัญญายังไงก็ต้องอยู่แทบเท้าของข้าอยู่ดี ข้าก็คือฟ้าของนาง เข้าใจหรือไม่?!”“หากจักรพรรดิต้าเยียนโปรดปรานทะนุถนอ
จ้องเงาหลังของเซี่ยมู่ไป๋ที่จากไป ฉินอวิ๋นฟานหรี่ดวงตาทั้งคู่เล็กน้อย แม้ผ่านไปนานแล้วแต่หัวใจก็ยังไม่อาจสงบ สมกับที่เป็นผู้เยี่ยมยอดด้านบุ๋นของต้าเยียน ถึงก่อนจะไปก็ยังต้องทำให้เขาไม่สบายใจสักหน่อย“เสี่ยวฟาน...”เห็นฉินอวิ๋นฟานสีหน้าอึมครึม อู่จ้านวิตกมาก อย่างไรเสีย ตัวตนของฉินอวิ๋นฟานต่างจากองค์ชายองค์อื่น ๆ และนี่ยังเกี่ยวพันถึงศึกชิงบัลลังก์อันโหดร้ายเมื่อสองทศวรรษก่อนเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องต้องห้ามเรื่องหนึ่งของราชวงศ์ต้าเฉียน เพราะในตัวของฉินอวิ๋นฟานยังมีเลือดของราชวงศ์ต้าเหลียงไหลเวียนอยู่กึ่งหนึ่งราชวงศ์ต้าเหลียงอยู่ทางเหนือ จัดว่าเป็นดินแดนแห่งความหนาวเหน็บ ส่วนมากแล้วลำบากข้นแค้น อยู่ลำดับที่แปดของเก้าราชวงศ์ และเพราะความช่วยเหลือของต้าเหลียง อดีตฮ่องเต้จึงนั่งบัลลังก์มังกรได้อย่างมั่นคง พร้อมสะกดข่มตระกูลใหญ่ของต้าเฉียนพวกนั้นได้ระดับหนึ่งสถานการณ์ที่ฉินอวิ๋นฟานประสบในวันนี้ซ้ำรอยเดียวกับเมื่อยี่สิบปีก่อน หากเลือกความช่วยเหลือจากต้าเยียน การขึ้นแท่นคงขึ้นอยู่กับเวลา ทว่าจำเป็นต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนปฏิเสธต้าเยียน เช่นนั้นได้แต่พึ่งตัวเองแล้ว คำพูดของเซี่ยมู่ไป๋คือปร
“นับจากสามเดือนก่อน หากดูจากข้อมูลที่ต้าเยียนประกาศต่อใต้หล้า เห็นชัดว่าต้องการสั่นคลอนสถานการณ์ในราชสำนักของต้าเฉียนเรา มิหนำซ้ำยังมีประสงค์ร้าย ตอนนี้กลับหลอกล่อพวกเราด้วยเงื่อนไขสุดพิเศษ หม่อมฉันมักรู้สึกว่าต้าเฉียนหวังงานใหญ่ ไม่ธรรมดาอย่างที่เห็นแน่พ่ะย่ะค่ะ”“ดี ดีมาก ฟานเอ๋อร์มีความคิดแจ่มชัด ทัดทานต่อความยั่วยวนได้จริง ๆ!”ไท่ซั่งหวงพอใจกับการแสดงออกของฉินอวิ๋นฟานมาก สามารถวิเคราะห์คุณโทษในนั้นได้จากเรื่องหนึ่ง นี่คือปฏิภาณที่จักรพรรดิคนหนึ่งสมควรมี“ปฏิเสธต้าเยียน เกรงว่าหนทางข้างหน้าของเจ้าจะยิ่งลำบาก เจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้วหรือยัง?”ไท่ซั่งหวงจ้องฉินอวิ๋นฟานและถาม“เสด็จปู่ วางพระทัยเถอะพ่ะย่ะค่ะ นับจากวินาทีที่หม่อมฉันย่างขึ้นสู่เส้นทางการชิงบัลลังก์ก็ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว”ฉินอวิ๋นฟานพูดอย่างจริงจัง “ไม่ว่าเส้นทางนี้จะลำบากแค่ไหน หม่อมฉันจะไม่ย่อท้อเด็ดขาด แม้เวลานี้หม่อมฉันจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากขั้วอำนาจใด ๆ ปีกยังไม่สมบูรณ์พอ แต่หม่อมฉันมีความมุ่งมั่นที่จะฝ่าฟันไปข้างหน้า”“โบราณกล่าว ไม่อยากเป็นทหารของแม่ทัพ ไม่ใช่ทหารดี ต่อให้หม่อมฉันตกอยู่ในสถานการณ์จนมุม เล็กก
“อ๊ะ นี่...”หากเป็นแต่ก่อน ฉินอวิ๋นฟานคงเลือดร้อนพลุ่งพล่านนานแล้ว กว่าจิ่นเอ๋อร์จะออกตัวก่อนได้ เขาจะผิดต่อความปรารถนาดีนี้ของจิ่นเอ๋อร์ได้อย่างไร? ไม่ต้องรีบกอดสองนางถกเคล็ดวิชาบำเพ็ญเพียรหรือ?ทว่าเขาในตอนนี้ดีใจไม่ออก เพราะหลู่เซียงหลิงที่อยู่ห้องข้าง ๆ ยังคงเฝ้าห้องอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย นี่ทำให้ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกหดหู่และรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก หรือว่านี่ก็คือความรู้สึกของสามภรรยาสี่อนุภรรยา?“เป็นอะไรไปหรือ? พี่อวิ๋นฟาน?”เห็นฉินอวิ๋นฟานไม่ค่อยมีอารมณ์สักเท่าไร มู่หรงจิ่นจึงหยุดมือที่กำลังเคลื่อนไหว เวลานี้นางอ่อนไหวนัก แม้นางจะรู้ดีทั้งหมด และเข้าใจฉินอวิ๋นฟาน แต่การปรากฏตัวของหลู่เซียงหลิงยังทำให้ก้นบึ้งหัวใจของนางเกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัยในคืนแรก นางสนใจกับท่าทีของฉินอวิ๋นฟานมากกว่า นางหวังว่าตัวเองจะเป็นตัวเลือกแรกของอีกฝ่าย แต่ก็กลัวว่าหลู่เซียงหลิงที่สาวกว่า ร่าเริงมากกว่า สดใหม่มากกว่าจะน่าดึงดูดมากกว่าและท่าทีของฉินอวิ๋นฟานอธิบายทุกอย่างแล้ว แต่ในส่วนลึกของจิตใจนางยังคงหวังว่าจะได้รับคำชมจากอีกฝ่าย“ความจริง... ข้าก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี มักรู้สึกผิดแบบแปลก ๆ รู้ส