“อ๊ะ นี่...”หากเป็นแต่ก่อน ฉินอวิ๋นฟานคงเลือดร้อนพลุ่งพล่านนานแล้ว กว่าจิ่นเอ๋อร์จะออกตัวก่อนได้ เขาจะผิดต่อความปรารถนาดีนี้ของจิ่นเอ๋อร์ได้อย่างไร? ไม่ต้องรีบกอดสองนางถกเคล็ดวิชาบำเพ็ญเพียรหรือ?ทว่าเขาในตอนนี้ดีใจไม่ออก เพราะหลู่เซียงหลิงที่อยู่ห้องข้าง ๆ ยังคงเฝ้าห้องอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย นี่ทำให้ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกหดหู่และรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก หรือว่านี่ก็คือความรู้สึกของสามภรรยาสี่อนุภรรยา?“เป็นอะไรไปหรือ? พี่อวิ๋นฟาน?”เห็นฉินอวิ๋นฟานไม่ค่อยมีอารมณ์สักเท่าไร มู่หรงจิ่นจึงหยุดมือที่กำลังเคลื่อนไหว เวลานี้นางอ่อนไหวนัก แม้นางจะรู้ดีทั้งหมด และเข้าใจฉินอวิ๋นฟาน แต่การปรากฏตัวของหลู่เซียงหลิงยังทำให้ก้นบึ้งหัวใจของนางเกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัยในคืนแรก นางสนใจกับท่าทีของฉินอวิ๋นฟานมากกว่า นางหวังว่าตัวเองจะเป็นตัวเลือกแรกของอีกฝ่าย แต่ก็กลัวว่าหลู่เซียงหลิงที่สาวกว่า ร่าเริงมากกว่า สดใหม่มากกว่าจะน่าดึงดูดมากกว่าและท่าทีของฉินอวิ๋นฟานอธิบายทุกอย่างแล้ว แต่ในส่วนลึกของจิตใจนางยังคงหวังว่าจะได้รับคำชมจากอีกฝ่าย“ความจริง... ข้าก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี มักรู้สึกผิดแบบแปลก ๆ รู้ส
“เอาน่า ต่อให้เจ้าคิดไปถึงวันพรุ่งนี้ เจ้าก็ยังคิดไม่ตกอยู่ดี เรื่องพรรค์นี้มันต้องลงมือทำ การลงมือทำคือมาตรฐานหนึ่งเดียวของการค้นหาสัจธรรม มีแต่ลงมือทำมากเจ้าจึงจะคุ้นเคย นี่สิจึงจะเป็นความบันเทิงในชีวิตของคนโดยแท้”ฉินอวิ๋นฟานยังสนใจอะไรมากได้ที่ไหน โอบมู่หรงจิ่นเดินไปทางห้องปีกที่อยู่ด้านข้าง ตอนนี้เสี่ยวจวี๋กระอักกระอ่วนใจนัก อย่างไรก็มีฐานะที่ไม่เหมือนกัน พี่จิ่นเอ๋อร์กับเซียงหลิงจัดว่าเป็นภรรยา ส่วนนางมีฐานะเป็นแค่สาวใช้ข้างห้องฉินอวิ๋นฟานเพิ่งเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็พบว่าเสี่ยวจวี๋ยังหยุดอยู่ที่เดิม จึงหันมายิ้มร้ายและพูดว่า “เสี่ยวจวี๋ เจ้ายังจะยืนเฉยอยู่ทำไม? ความครึกครื้นแบบนี้จะขาดเจ้าได้หรือ?”“หา? มาแล้วเจ้าค่ะ!”การที่ฉินอวิ๋นฟานให้นางเข้าร่วมทำให้เสี่ยวจวี๋ดีใจที่สุด รัชทายาทยอมรับตัวนาง และหมายถึงนางมีความสำคัญต่อฉินอวิ๋นฟานมากด้วย จึงรีบตามไปติด ๆ!......“ไอ้หยา นี่ นี่...”หลู่เซียงหลิงที่มีความหวังเต็มเปี่ยมเป็นทุนเดิม กำลังคิดอยู่ว่าฉินอวิ๋นฟานจะปรากฏตัวหรือไม่ ผลลัพธ์คือฉินอวิ๋นฟานมาแล้วจริง ๆ เพียงแต่รูปแบบการมาทำให้นางสะดุ้ง ฉินอวิ๋นฟานยังกอดอีกคนหนึ่ง? ข้า
“จิ่นเอ๋อร์ มา ข้าจะสาธิตให้เจ้าดูนะ!”พูดจบ ฉินอวิ๋นฟานเริ่มบริหารมือ จากนั้นจึงยิ้มเจ้าเล่ห์โยนตัวมาทางมู่หรงจิ่น มู่หรงจิ่นพลันคิดได้ ก็ขณะที่นางกำลังจะหลบก็สายไปแล้ว สองมือชั่วร้ายของฉินอวิ๋นฟานคว้าชายเสื้อของนางเอาไว้“ไอ้หยา...”มู่หรงจิ่นที่อายสุดขีดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตื่นตระหนกลนลานฉับพลัน ก็ตอนที่กำลังจะหลบ เสื้อผ้าดัง ‘แคว้ก’ ผิวของมู่หรงจิ่นปรากฏอยู่กลางอากาศนางยังคำนึงถึงอะไรได้มากที่ไหน รีบคว้าผ้าห่มที่อยู่ด้านข้างแล้วมุดเข้าไปในนั้นหลู่เซียงหลิงอยู่ในผ้าห่ม ร่างกายไม่คุ้นเคยของสองนางบดเบียดอยู่ด้วยกัน สบตากันทีหนึ่ง ทั้งอาย ทั้งเขิน แต่ยังไม่ทันเตรียมตัวใด ๆ ก็เข้าทางของฉินอวิ๋นฟานแล้วคราวนี้ดีเลย อยากจะหนีก็หนีไม่รอด สองนางมองฉินอวิ๋นฟานตาปริบ ๆ เห็นเพียงฉินอวิ๋นฟานขย้ำมาทางพวกนางพี่นางปานหมาป่าหิวโหย“คนเลว!”“หัวงู!”ในผ้าห่ม สองนางส่งเสียงเคียดแค้น ตามด้วยเสียงตื่นตระหนก จู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็โผล่หัวออกมาและพูดว่า “เสี่ยวจวี๋ น้องเซียงหลิงต้องการให้เจ้าชี้แนะทักษะ เจ้ารีบมาสิ!”“หา? มาแล้ว มาแล้วเจ้าค่ะ...!”ครู่เดียว ในห้องกลิ่นหอมรัญจวนคละคลุ้ง เสียงร้อง
เห็นสภาพนี้ ฉินอวิ๋นฟานกลัวได้ใจ ฟ้าสางเขาต้องไปเมืองจัวทำงานใหญ่แล้ว ฉินอวิ๋นฟานกอดพวกนางสามคนอยู่ในอ้อมอก พูดด้วยความรักลึกซึ้ง “จิ่นเอ๋อร์ ไปครั้งนี้คงเดือนกว่า ทุกอย่างในตำหนักรัชทายาทต้องมอบให้กับเจ้าแล้วนะ”“อื้ม พี่อวิ๋นฟานวางใจเถอะ ข้าจะดูแลตำหนักรัชทายาทให้เป็นระเบียบเรียบร้อยเอง และจะทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อพัฒนาเครือต้าเฉียนเหิงไท่ด้วย”มู่หรงจิ่นพยักหน้าพูด“งั้น งั้นข้าล่ะ?”หลู่เซียงหลิงเพิ่งเข้าตำหนักรัชทายาทได้ไม่ถึงสองวัน รู้เรื่องของฉินอวิ๋นฟานแค่นิดเดียว ถ้าให้นางอยู่เฉยๆในตำหนักหนึ่งเดือนนางไม่เป็นบ้าหรือ?“น้องเซียงหลิง ถึงยังไงเจ้าก็ไม่มีอะไรทำ ไม่สู้ตามข้าไปทำงานที่เครือต้าเฉียนเหิงไท่ทุกวันเถอะ พี่อวิ๋นฟานมีองครักษ์ให้เรา รับรองความปลอดภัยได้”มู่หรงจิ่นเอ่ย “ขอเพียงพวกเราข้างหลังไม่เกิดเรื่อง พี่อวิ๋นฟานจึงจะวางใจฝ่าไปข้างหน้า ติดตามข้า เจ้าจะได้ทำความคุ้นเคยกับงานในเหิงไท่สะดวก ต่อไปจะได้ช่วยพี่อวิ๋นฟานแบ่งเบาภาระ”“พี่จิ่นเอ๋อร์ ข้า ข้าได้หรือ?”หลู่เซียงหลิงมองไปทางมู่หรงจิ่นด้วยความซาบซึ้งใจอย่างหาที่เปรียบมิได้ ตอนกลางวันนางกำลังวิตกกังวลทั้งวันว่าต่
“ลุกขึ้นได้!”ไท่ซั่งหวงกวาดตามองทั่วลาน ก่อนจะยกมือแล้วพูด“ขอบพระทัยไท่ซั่งหวง!”เล่าขุนนางคำนับแล้วลุกขึ้นยืน ยืนอยู่ในลานฝึกยุทธ์ แบ่งออกเป็นสองแถว“เสด็จปู่ เมื่อสี่เดือนก่อนน้องเจ็ดให้คำมั่นในการประลองบุ๋นบู๊ อีกหนึ่งปีให้หลังจะชิงเมืองอู่โจวของเรากลับมาจากต้าเยียน บัดนี้แค่สี่เดือน น้องเจ็ดก็ทำตามคำมั่นได้แล้ว ช่างน่ายินดียิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ”ครั้นทุกคนกล่าวจบ องค์ชายใหญ่ฉินอวิ๋นคังก็ก้าวออกมาทันที กล่าวยินดีกับฉินอวิ๋นฟาน จากนั้นองค์ชายรองก็ก้าวออกมาติด ๆ“เสด็จปู่ น้องเจ็ดกล้าหาญเหนือคน สติปัญญาหลักแหลม ได้เมืองอู่โจวของเรากลับคืนมาแบบไม่เสียทหารสักคนเดียว น้องเจ็ดคือวีรบุรุษของต้าเฉียนเรา ยิ่งเป็นคนสำคัญในวันนี้ เขาสร้างผลงานใหญ่ให้กับต้าเฉียนเรา น้องเจ็ดทำดีมากพ่ะย่ะค่ะ!”องค์ชายรองฉินอวิ๋นฮุยก็กล่าวแสดงความยินดีด้วย“ยินดีด้วยรัชทายาท ยินดีด้วยรัชทายาท!”......จากนั้น เสียงยินดีดังกึกก้องทั่วลานฝึกยุทธ์ปานเสียงอสนีบาต บรรดาขุนนางแสดงความยินดีในแบบที่ไม่ได้มองไปทางฉินอวิ๋นฟาน เป็นภาพที่กษัตริย์ขุนนางปรองดองรวมใจเป็นหนึ่ง แต่ความจริงทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจ นี่เป็นแค่ปรา
“เสด็จปู่ หม่อมฉันรู้สึกว่าน้องเจ็ดไปเมืองอู่โจวคนเดียวจะไม่เหมาะ...”ตอนนี้เอง องค์ชายใหญ่ฉินอวิ๋นคังก้าวออกมากะทันหัน เอ่ยเสียงหนัก“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ เสด็จปู่ น้องเจ็ดไม่มีประสบการณ์การทำศึกและการเจรจา หนำซ้ำเรื่องนี้ยังเกี่ยวพันถึงสัมพันธ์ของสองแคว้น หม่อมฉันคิดว่าต้องระวังให้มากพ่ะย่ะค่ะ”พอองค์ชายใหญ่พูดจบ องค์ชายรองฉินอวิ๋นฮุยก็รีบก้าวออกมาด้วยเหมือนกันสภาพการณ์ทั้งลานฝึกยุทธ์เปลี่ยนเป็นล่อแหลม บรรดาขุนนางกระซุบกระซิบ วิจารณ์การเปลี่ยนแปลงกะทันหันนี้!“หือ? พวกท่านความหมายว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานหน้าตึง หรี่ดวงตาทั้งสองพลางพูดเรื่องที่ไม่มีการคัดค้าน จู่ ๆ พี่ใหญ่กับพี่รองกลับมาขัดขวางเอาตอนนี้? นี่หมายความว่าอย่างไร?องค์ชายใหญ่กับองค์ชายรองเปลี่ยนสีหน้าโดยสิ้นเชิง สายตาที่มองฉินอวิ๋นฟานเต็มไปด้วยความดูถูกและเหยียดหยาม ทำให้ฉินอวิ๋นฟานเกิดลางสังหรณ์ร้ายขึ้นมาทันที“คังเอ๋อร์ ฮุยเอ๋อร์ เรื่องนี้ใหญ่นัก พวกเขาอยากพูดอะไร?”ไท่ซั่งหวงสีหน้าขรึมลงทันที มองไปทางฉินอวิ๋นคังและฉินอวิ๋นฮุย พวกเขาสองพี่น้องเก็บตัวสามเดือนเต็ม ๆ หรือจะอดรนทนไม่ไหวในนาทีสำคัญนี้แล้ว?“ทูลเสด็จปู่
ถ้อยคำขององค์ชายรองทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนสีฉับพลัน นี่คือการหาเรื่องแบบเห็น ๆ เห็ดชัดว่าองค์ชายรองติดใจกับข่าวที่ต้าเยียนประกาศออกมา แม้จะผ่านไปสามเดือนแล้วแต่เขาก็ยังคับแค้นใจเหมือนเดิมถ้าบอกว่าคำพูดขององค์ชายใหญ่แสดงออกว่าสงสัยในคำพูดของฉินอวิ๋นฟานแบบอ้อม ๆ เช่นนั้นการชี้ประเด็นนี้ในยามนี้ขององค์ชายรองแทบจะเป็นการแสดงท่าทีชัดเจน ไม่ว่าจะด้วยจุดประสงค์อะไร พวกเราก็จะไม่เชื่อฉินอวิ๋นฟาน...“น้องเจ็ด ผลงานคือผลงาน ความผิดคือความผิด ที่จู่ ๆ ข้าก็ยกประเด็นเรื่องนี้ไม่ได้มีความหมายอื่น แค่สงสัยเจ้าเหมือนกับทุกคนในที่นี้เท่านั้น ต้าเยียนซึ่งเป็นแคว้นมหาอำนาจเช่นนี้ เหตุใดจึงว่าง่ายกว่าปกติ?”ฉินอวิ๋นฮุยยกมุมปากเล็กน้อยและพูดเสียดสี “แค่เพราะเจ้าหล่อ? แค่เพราะเจ้าลวนลามองค์หญิงสามต้าเยียนต่อหน้าทุกคน? แค่เพราะสัญญาเดิมพันธรรมดาฉบับหนึ่ง? ดังนั้นพวกเขาจึงสมัครใจประเคนสองเมืองให้เจ้า? นี่คงทำให้ทุกคนเชื่อไม่ได้กระมัง?”“ต่อหน้าอิทธิพลเหนือระดับ กำปั้นก็คือเหตุผล ต้าเยียนที่เป็นแคว้นมหาอำนาจเช่นนี้ เขาจำเป็นต้องกลัวสัญญาเดิมพันของเจ้าด้วย? ยังจำเป็นต้องประกาศต่อใต้หล้า แสดงท่าทีชัดเจน
“ว่ามาเถอะ ท่านต้องการอะไรกันแน่? อยากได้คำอธิบาย หรือว่าอยากตามข้าไปออกศึกเหมือนพี่ใหญ่ แล้วแบ่งผลงาน?”ฉินอวิ๋นฟานเข้าใจสักที ถ้าเขาแข็งข้อกับพี่ใหญ่พี่รองในเวลานี้ หรือว่าโกรธ เขาจะติดกับจริง ๆ กระทั่งผิดต่อความตั้งใจเดิม เทียบกับการถือสาเอาความกับพวกคนถ่อย มิสู้สงบสติเจรจาเงื่อนไขกับพวกเขาพี่ใหญ่อยากจะร่วมด้วยไม่ใช่หรือ? เจ้าฉินอวิ๋นฮุยก็คงจะคิดเหมือนกันกระมัง? ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ได้! ข้าเอาพวกเจ้าไปด้วยก็ได้! จะจับตามองก็ดี แบ่งผลประโยชน์ก็ช่าง เอาเมืองอู่โจวกลับมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน!“น้องเจ็ด ไยเจ้าต้องโมโหเช่นนี้... พวกเจ้าเห็นพวกเราสองคนใจคอคับแคบเกินไปแล้ว...”ฉินอวิ๋นฮุยเห็นฉินอวิ๋นฟานไม่มีอารมณ์แล้ว เดิมคิดจะหาเรื่องอีก แต่ตอนนี้เอง จู่ ๆ ไท่ซั่งหวงก็เปิดปาก เขาเอ่ยเสียงเข้ม “ฮุยเอ๋อร์ เรื่องนี้ใหญ่หลวงนัก ไม่จำเป็นต้องเปลืองน้ำลายอีก”“ไม่ว่าจะด้วยคำนึงถึงส่วนรวม จับตาดูฟานเอ๋อร์ก็ดี แบ่งเบาภาระก็ช่าง มันไม่มีอะไรสำคัญ สำคัญคือการกลับมาของเมืองอู่โจว ถ้าเจ้าวางใจไม่ลงจริงก็ส่งกองกำลังหนึ่งไปเหมือนกับคังเอ๋อร์ก็สิ้นเรื่อง!”ไท่ซั่งหวงรับว่ามองออกแล้ว สองคนนี้ความจริงก