ยามในใจจางอวี่ม่อว้าวุ่นนัก ถ้าฉินอวิ๋นฟานจำนางได้เช่นนั้นจะยุ่งแล้ว บิดาเฒ่ากำชับหลายครั้งหลายหนว่าห้ามเปิดเผยตัวตนและความสามารถเพื่อลบล้างข้อสงสัยของฉินอวิ๋นฟาน จางอวี่ม่อได้แต่ปฏิเสธออกไป แต่การแสดงเงอะ ๆ งะ ๆ นั้นได้เปิดโปงตัวเองไปหมดแล้ว ต่อหน้าจิ้งจอกหนึ่งหนุ่มหนึ่งแก่อย่างฉินอวิ๋นฟานและจางเต้าหลิน พวกเขาต่างได้รับคำตอบเป็นที่เรียบร้อย“เป็นเช่นนี้ แม่นางอวี่ม่อ ถึงตอนนั้นข้าจะบาดเจ็บหนัก แต่ข้าไวต่อเสียงคนมาก โดยเฉพาะเสียงของหญิงสาว และเสียงของท่านกับเสียงของแม่นางที่ช่วยชีวิตข้าเหมือนกันมาก ดังนั้นข้าจึงถามเจ้าไปเช่นนี้”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มเล็กน้อยเวลานี้ฉินอวิ๋นฟานดีใจลิงโลด การแสดงออกของจางอวี่ม่อเปิดโปงนางหมดแล้ว ตอนนี้เขามั่นใจเต็มร้อยว่าจางอวี่ม่อก็คือผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของเขา และยังเป็นความสุดยอดในอีกประเภทหนึ่งด้วยจากมุมของความชอบ นี่คือความรู้สึกของใจเต้น จากมุมของความเซ็กซี่ เขาต้องตอบแทนผู้มีพระคุณช่วยชีวิตแน่ รูปแบบของการตอบแทนพระคุณของหญิงทั่วไปก็คือการมอบใจอุทิศกาย ดูท่าฉินอวิ๋นฟานต้องเลียนแบบผู้หญิงบ้างแล้ว“นานขนาดนี้แล้ว รัชทายาทต้องจำผิดแน่ ปกติข้าออกบ้าน
“ได้ ๆ ๆ... กินข้าว กินข้าว!”ฉินอวิ๋นฟานในยามนี้พึงพอใจแล้ว กินข้าวไปพลาง แอบชำเลืองมองจางอวี่ม่อไปพลาง ในใจลิงโลดที่สุด ส่วนจางเต้าหลินที่อยู่อีกด้านหนึ่งกลับทำหน้าบูดบึ้ง กินข้าวไปแค่ไม่กี่คำ เอาแต่จ้องดวงตาที่ซุกซนของฉินอวิ๋นฟาน......หลังจากฉินอวิ๋นฟานกลับไป จางเต้าหลินถามหน้าขมึงทึง “อวี่ม่อ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?!”“เอ่อ ท่านพ่อ ตอนนั้นข้าก็ไม่รู้เหมือนกันนี่ว่าคนที่ช่วยก็คือฉินอวิ๋นฟาน”จางอวี่ม่อพูดด้วยใบหน้าเศร้าหมอง “อีกอย่าง มืดตึ๊ดตื๋อออกอย่างนั้น และเขาก็บาดเจ็บหนักด้วย น่าจะปกปิดตัวตนได้จึงจะถูก ทำไมเขาถึงเอาแต่พูดว่าเป็นข้านะ? ใช้แค่เสียง? มันไม่พอมั้ง?”“เฮ้อ!”จางเต้าหลินถอนหายใจแรง ๆ ทีหนึ่ง บุตรสาวเติบใหญ่รั้งไว้ไม่อยู่แท้ ๆ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ นางกลับปกปิดเขาถึงสามเดือน? ตอนนี้ดีเลย ถูกเจ้าฉินอวิ๋นฟานรู้เข้าแล้ว นี่ไม่เปิดเผยหมดแล้วหรือ?!เขาส่ายหน้าพูด “ด้วยความเข้าใจและการสังเกตฉินอวิ๋นฟาน เขารู้แล้วว่าเจ้าก็คือผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของเขา แถมด้วยนิสัยกับอารมณ์ของเขา ต้องไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่”“เชอะ เขารู้แล้วจะทำไม? ข้าเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของเขาเชียวนะ
“ข้าก็ไม่อยากส่งเจ้าไปเหมือนกัน”จางเต้าหลินพูดด้วยความจนใจ “เจ้าไปหลบก่อนสักระยะหนึ่ง เอาไว้พ้นช่วงนี้ไปแล้วค่อยกลับมาเถอะ!”......หลังจากออกจากจวนไท่เว่ย ฉินอวิ๋นฟานตื่นเต้นจนกระโดดโลดเต้นกลางถนน เขากุมมือเซี่ยงเทียนเวิ่นและพูดด้วยความดีใจว่า “สหายเทียนเวิ่น บังเอิญจริง บังเอิญมาก ๆ คนที่ช่วยเราในตอนนั้นกลับเป็นลูกสาวของจางไท่เว่ยจางอวี่ม่อ!”“ยอดไปเลย ดีสุด ๆ ข้าหาตัวนางเจอสักที!”เซี่ยงเทียนเวิ่นตกใจกับการกระทำแบบไม่มีปีมีขลุ่ยนี้ของฉินอวิ๋นฟาน อย่างไรเสียฉินอวิ๋นฟานก็คือรัชทายาท ทั้งยังเป็นนายของเขา เขาจึงตอบไปแบบสั่น ๆ “ยิน ยินดีด้วยขอรับรัชทายาท”“ไม่ได้การ ข้าต้องรับผิดชอบนาง ข้าต้องมอบใจถวายกาย ข้าต้องสู่ขอนาง!”ฉินอวิ๋นฟานพูดแบบยากจะปกปิดความตื่นเต้น“หา? นี่ นี่ก็ได้หรือขอรับ?”ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานทำเอาซีพียูของเซี่ยงเทียนเวิ่นไหม้ไปเลย ครึ่งค่อนวันยังไม่ตอบสนอง อีกฝ่ายคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของเขาไม่ใช่หรือ? แถมอีกฝ่ายยังเหมือนไม่คิดอยากได้การตอบแทนจากเขาด้วย แล้วทำไมเขาต้องรับผิดชอบอีกฝ่ายด้วย?โดยเฉพาะเรื่องที่ว่า ‘มอบใจถวายกาย’ ทำไมรู้สึกทะแม่ง ๆ นะ? แน่ใจว่าไ
ฉินอวิ๋นฟานเลิกคิ้วพูด“คืออย่างนี้ พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางไปรับช่วงเมืองอู่โจวแล้วใช่ไหม องค์ชายใหญ่คิดจะนำทัพกองหนึ่งอารักขาคุ้มครองเรา ข้าคิดว่าไม่จำเป็น ก็เลยไม่กล้ารับปาก”อู่จ้านเอ่ย“หา? เขาจะส่งกองทัพกองหนึ่งมาคุ้มครองความปลอดภัยเรา? อยากกินลมผาย? ไสหัวไปยิ่งไกลยิ่งดี!”พอฉินอวิ๋นฟานได้ยินว่าพี่ใหญ่หน้าด้านอย่างนี้แล้วก็ปรอทแตก อีกฝ่ายทำให้เสียเมืองเอง กว่าเขาจะเอากลับมาได้ก็ยังจะมาแบ่งผลประโยชน์ด้วยอีก? โลกนี้ยังมีเรื่องดีเช่นนี้ที่ไหน?“นั่นสิ เห็นชัดว่าองค์ชายใหญ่มีความคิดจะเอาเปล่า ๆ พวกเราต้องทุ่มเทอย่างหนัก ใช้เงินทองมหาศาลกว่าเมืองจัวจะเจริญเช่นทุกวันนี้ จะให้คนอื่นมาสอดมือง่าย ๆ ได้ยังไง?”อู่จ้านเอ่ยเสียงหนัก“ไม่ต้องสนใจเขา ไม่มีใครคว้าผลสำเร็จของข้าฉินอวิ๋นฟานไปได้หรอก ถ้าเขากล้ายื่นมือมา ข้าจะสับมือของเขาทิ้งซะ!”ฉินอวิ๋นฟานแค่นลมกับพฤติกรรมเช่นนี้ขององค์ชายใหญ่ เขาไม่มีทางให้อีกฝ่ายสมหวังหรอก ยิ่งไม่ให้หน้าเขา!“ได้!”อู่จ้านเอ่ย “จริงสิ เสี่ยวฟาน ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อกี้มีขันทีน้อยมารายงาน บอกว่าขุนนางทูตของต้าเยียนมาถึงตำหนักเหยียนเหนียนแล้ว ต้องการ
เด็ก ๆ ใส่ซื่อบริสุทธิ์ ทำให้ฉินอวิ๋นฟานนึกถึงชีวิตวัยเยาว์ก่อนจะทะลุมิติมา ตอนนั้นพวกเขาเล่นดีดลูกแก้ว และที่เด็ก ๆ พวกนี้เล่นอยู่คือลูกหิน ถึงจะหนัก กลับมีความสนุกในแบบเดียวกันพร้อมกันนั้นยังทำให้ฉินอวิ๋นฟานนึกถึงชีวิตสี่เดือนที่เขาทะลุมิติมาต้าเฉียนทุกย่างก้าวเสมือนน้ำแข็งแผ่นบาง ประชันความกล้าประลองปัญญากับพี่ใหญ่ พี่รอง กระทั่งเกือบถูกลอบฆ่าตายแล้วเพื่อยืนอยู่บนโลกใบนี้ เขาพยายามสุดชีวิต วางแผนไม่หยุด ไม่กล้าเผยเทคโนโลยีต่าง ๆ ในมือออกมาโดยง่าย เพราะอาวุธที่มีพลังทำลายล้างสูงจะเป็นดาบสองคม ใช้ดีจะทำให้เขาเป็นใหญ่ในหล้า ใช้ไม่ดีจะแว้งกลับมาทำลายเขา ดังนั้นเขาจึงระมัดระวังรอบคอบที่สุดการจัดวางธุรกิจ อย่างไรก็มิอาจช่วยให้เขาขึ้นตำแหน่งใหญ่ ภายใต้การปกครองของจีนโบราณที่ฝังรากหยั่งลึก ภายใต้สภาวะที่ตระกูลใหญ่เกาะกลุ่มมีผลประโยชน์ร่วมกัน เขาจำเป็นต้องทัดทานแรงกดดันทั้งปวง สร้างขุมกำลังของตัวเองมิเช่นนี้เขาจะนั่งบัลลังก์ได้ยากมาก หากไม่สามารถนั่งบัลลังก์ได้สำเร็จ เช่นนั้นเขาจะมีแต่ต้องตายเช่นเดียวกับที่จางเต้าหลินกล่าว ไท่ซั่งหวงสูงวัยแล้ว ทันทีที่เขาล้มลง ต้าเฉียนจะเกิดจลาจล แ
ฉินอวิ๋นฟานเห็นเด็ก ๆ น่ารักจึงฉายรอยยิ้มปานบิดาเมตตา!อู่จ้านว่องไวมาก เพียงสิบนาทีก็บอกกล่าวเสร็จสิ้น ทั้งยังนำลูกแก้วกลับมาห้าสิบกว่าอัน ลูกแก้วเร็วมากกว่า เรียบเนียนมากกว่า เบากว่า สัมผัสมือดีกว่า เด็กทั้งสองสนุกสนานบันเทิงใจอย่างยิ่ง ถือไม่ยอมวางมือด้วยการชี้แนะจากฉินอวิ๋นฟาน ทักษะของพวกเขารุดหน้าอย่างรวดเร็ว จากพื้นที่เล็ก ๆ ไม่นานก็ขยายเป็นครึ่งลานเรือน อย่าให้พูดเลยว่าสนุกขนาดไหนอู่จ้านและเซี่ยงเทียนเวิ่นที่อยู่อีกทางหน้าแลกสายตากัน ในดวงตาเต็มไปด้วยความทึ่ง ไม่อยากจะเชื่อเลย รัชทายาทแห่งต้าเฉียนกลับเล่นกับเด็กสองคนได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันขนาดนี้...หนึ่งชั่วยามให้หลังมีเด็กเข้าร่วมอีกสองคน คนยิ่งเยอะยิ่งครื้นเครง ความหรรษาคูณสอง ฉินอวิ๋นฟานเล่นจนเหงื่อไหลไคลย้อย“ท่านคือ?”ก็ขณะที่ฉินอวิ๋นฟานกำลังนำทีมเด็กน้อยทั้งสี่เล่นสนุกติดลมบน ชายร่างกำยำคนหนึ่งย่างเข้าลานเรือนมา เขาก็คือรองหัวหน้าหน่วยเกลือหลวงการเฉินผิง ดูจากข้างหลัง เขาจำฉินอวิ๋นฟานไม่ได้“ท่านพ่อ ท่านกลับมาได้สักที!”“นั่นสิท่านพ่อ ท่านอาท่านนี้เอาลูกแก้วใหม่มาให้ข้าด้วย สนุกกว่าลูกหินของพวกเราตั้งเยอะ เขา
“เอ่อ... พอได้ขอรับ”เพื่อไม่ทำให้ฉินอวิ๋นฟานหงุดหงิด เฉินผิงจึงได้แต่ตอบแบบกลาง ๆ คำหนึ่ง ต่อหน้าเจ้านายใหญ่ วาทศิลป์สำคัญอย่างยิ่งยวด หากพลั้งเผลอไปนิดเดียวจะถูกจ้องเล่นงาน หากเขาบอกว่าทำงานไม่มีความสุข จะถูกฉินอวิ๋นฟานคิดว่าเขาไม่ให้ความร่วมมือกับหัวหน้าหน่วยและผู้บังคับการหรือไม่? เป็นหอกข้างแคร่? ไม่พอใจสภาพปัจจุบัน? มักใหญ่ใฝ่สูง?ถ้าเขาบอกว่าทำงานมีความสุขดีมาก จะถูกฉินอวิ๋นฟานคิดว่าเขาร่วมมือทุจริตกับตระกูลเริ่นหรือเปล่า? ดึงสมัครพรรคพวก? นี่คือเรื่องต้องห้ามของราชวงศ์เชียวนะ!บัดนี้การชิงบัลลังก์ระหว่างองค์ชายดุเดือดมากขึ้นทุกที หากเข้าร่วมศึกนี้จะเผชิญหมื่นเคราะห์มิอาจหวนคืนได้ง่าย ก่อนที่เขาจะรู้แจ้งในจุดประสงค์การมาของฉินอวิ๋นฟาน เขาไม่กล้าแสดงท่าทีใด ๆ“ฮ่า ๆ ๆ เฉินผิง ข้าไม่ได้ดูเจ้าผิดไปจริง ๆ”เห็นเฉินผิงระมัดระวังรอบคอบเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะชอบใจยกใหญ่ รองหัวหน้าหน่วยเกลือหลวงซึ่งปราศจากขั้วอำนาจและคนหนุนหลังคนหนึ่ง สามารถรั้งตำแหน่งนี้ได้มั่นคงเช่นนี้ ดูท่าต้องมีฝีมืออยู่บ้าง“เจ้าไม่ต้องกลัว ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด คือคนที่อดีตฮ่องเต้ทรงส่งเสริม มีคว
“ประการสุดท้ายคือฐานการผลิตเกลือหลวงอยู่ในกำมือของตระกูลเริ่นทั้งหมด ทันทีที่หยุดผลิตเกลือตั้งต้น จะก่อให้เกิดปัญหาใหญ่หลวงเหมือนกัน ดังนั้นสามขั้นตอนนี้ล้วนเป็นสิ่งต้องห้าม ถ้าไม่ได้เตรียมตัวอย่างดีล่วงหน้า ไม่ว่าจะแตะต้องขั้นตอนไหนล้วนเป็นการรนหาที่ตาย”“ข้าพูดถูกหรือไม่?”ได้ยินการวิเคราะห์ของฉินอวิ๋นฟาน เฉินผิงนิ่งเฉยไม่ได้แล้ว สายตาที่มองฉินอวิ๋นฟานคล้ายกับการมองภูตผีปีศาจ ให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง ฉินอวิ๋นฟานกลับเข้าใจเกลือหลวงละเอียดเช่นนี้? เขาทำได้อย่างไรกัน?“ถูก ถูกต้องที่สุด!”เฉินผิงตกตะลึงอย่างหาที่เปรียบมิได้ เขาส่ายหน้าพูด “แต่ท่านรู้แล้วจะยังไง? ก็ยังเปลี่ยนอะไรไม่ได้อยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนไหนก็ล้วนแล้วแต่เป็นจุดตายทั้งนั้น”“มันก็ไม่แน่!”ฉินอวิ๋นฟานยกยิ้มมุมปาก แล้วยื่นเกลือบริโภคละเอียดห่อเล็กไปตรงหน้าเฉินผิงก่อนจะเอ่ย “ดูสิว่ามันจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบภาวะป่วยของเกลือหลวงในตอนนี้ได้หรือไม่?”เห็นดวงหน้ามั่นใจของฉินอวิ๋นฟาน ทั้งท่าทางเตรียมตัวมาก่อนอย่างชัดเจน เฉินผิงรับของประหลาดห่อเล็กจากฉินอวิ๋นฟานมาด้วยใจตุ้ม ๆ ต่อ ๆ“นะ นะ นี่คือเกลือบริโภค? เกลือละเอี
ฉินอวิ๋นฮุยจ้องฉินอวิ๋นฟาน สายตามืดสว่างไม่แน่นอน เขาเลื่องชื่อเรื่องชำนาญการวางแผนกลอุบายในต้าเฉียน มีหรือจะไม่เข้าใจความหมายโดยนัยที่อีกฝ่ายพูดเฮ่อชินอ๋องฉินอ้าวอันตรายเพียงใด วิธีการน่ากลัวเพียงใด เขารู้ดีกว่าคนส่วนใหญ่ในที่นี้อีก นั่นคือราชสีห์เฒ่าที่ซ่อนเร้นมานานหลายสิบปีตัวหนึ่ง บัดนี้ตื่นขึ้นโดยสิ้นเชิงแล้ว“องค์ชายรอง ฉินอวิ๋นฟานคารมคมคายที่สุด ท่านอย่าได้หลงกลเขานะ”ยามนี้ถังเจิ้นไห่ใจร้อนดั่งไฟเผา หากฉินอวิ๋นฮุยหันหลังทิ้งเขา นั่นจะได้เปิดหูเปิดตาจริงแล้ว ความสัมพันธ์พันธมิตรที่เพิ่งก่อตั้ง พลังทลายลงด้วยผลประโยชน์อันยั่วยวนและการพูดไม่กี่คำของฉินอวิ๋นฟาน“ข้า...”ฉินอวิ๋นฮุยอยากจะพูดแต่ก็หยุดอีก ในใจสับสนนักยามที่เขาได้ประโยชน์จากฉินอวิ๋นฟานและร่วมมือกับอีกฝ่าย ในใจก็มีคำตอบแล้ว ติดที่ร่วมมือกับเฮ่อชินอ๋องเป็นครั้งแรกก็ต้องจบด้วยรูปแบบไม่รื่นรมย์เช่นนี้ มากน้อยยังลำบากใจอยู่บ้างนาทีนี้ ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วน้อย ๆ ที่แล้วมาพี่รองเป็นคนคำนวณแม่นยำ ความคิดชัดเจน สถานการณ์ในวันนี้เรียกว่าแค่มองก็รู้ คุณโทษเขาก็วิเคราะห์ได้ชัด ไม่นึกว่าพี่รองจะคิดหนักถึงขั้นนี้ทันใดนั้น
ถังเจิ้นไห่สีหน้าแย่ที่สุด นี่คือการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรก เข้าร่วมการชิงบัลลังก์อย่างโจ่งแจ้งและเป็นทางการของพวกเขา กลับต้องพ่ายแพ้ย่อยยับ เขาแค้นใจนัก ดังนั้นก็ต้องไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้อยู่แล้ว“เหอะ...รัชทายาท ข้าจำต้องยอมรับความต้องการก้าวสู้ความยิ่งใหญ่ของท่าน ทุกคนในที่นี้ถูกหลอกกันหมด ท่านคิดว่าตัวเองอาภรณ์ไร้ตะเข็บจริงหรือ?”ถังเจิ้นไห่เห็นฉินอวิ๋นฮุยหวั่นไหวจึงก้าวออกมาอีกครั้ง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องกวนน้ำให้ขุ่น จะให้ฉินอวิ๋นฟานสมหวังไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นขั้วอิทธิพลของพวกเขาจะกลายเป็นชุดวิวาห์ของฉินอวิ๋นฟานการทุ่มเทกายใจเพื่อให้คนอื่นประสบความสำเร็จ เขาไม่มีทางทำเด็ดขาด แม้ต้องเสี่ยงล่วงเกินไท่ซั่งหวง เขายังต้องก้าวออกมา ถึงอย่างไรผู้ที่อยู่ข้างหลังเขาก็คือเฮ่อชินอ๋อง โอรสสายพระโลหิตของไท่ซั่งหวงเขาไม่เชื่อว่าไท่ซั่งหวงจะกล้าฆ่ากระทั่งโอรสที่เหลืออยู่เพียงองค์เดียว“อ้อ? แม่ทัพผู้เฒ่าถัง ท่านหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฮุยขมวดคิ้วมุ่นอีกครั้ง ยามนี้ทุกย่างก้าวสำคัญต่อเขามาก เขาต้องระมัดระวังรอบคอบ นอกเสียจากเป็นเรื่องที่มีคุณไร้โทษต่อเขา เขาจึงจะออกมาแสดงจ
“เลอะเลือน?”ฉินอวิ๋นฮุยขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางพูด “น้องเจ็ด เจ้าหมายความว่ายังไง?”ชิงอำนาจผลประโยชน์มานานเช่นนี้ พวกเขาย่อมแบ่งแยกคุณโทษได้ชัดเจน ชนชั้นเจ้าของที่ดินคือรายได้และผลประโยชน์ส่วนสำคัญและเป็นความมั่นคงของบรรดาผู้มีอำนาจ คือวิธีการสำคัญในการบีบบังคับอำนาจราชวงศ์มาถึงฉินอวิ๋นฟานก็จะลงมือกับพวกเจ้าของที่ดิน ย่อมแตะจุดอ่อนไหวของพวกเขาเป็นธรรมดา พวกเขามิใช่คนเขลา ไม่มีทางให้ฉินอวิ๋นฟานสมปรารถนาง่าย ๆ หรอก ต่อให้ไม่ได้เมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูง พวกเขาก็จะไม่เปิดโอกาสให้ฉินอวิ๋นฟานง่าย ๆ อย่างแน่นอน!“พี่ใหญ่ พี่รอง หรือพวกท่านยังไม่เห็นอีก? ฮ่องเต้ต้าเฉียนแต่ละพระองค์ปวดหัวกับพวกเจ้าของที่ดินพวกนี้มากที่สุดใช่หรือไม่?”ฉินอวิ๋นฟานกล่าววาจาโน้มน้าวทีละขั้น“หือ?”ฉินอวิ๋นฮุยเลิกคิ้ว ไม่ได้ตอบคำถามของฉินอวิ๋นฟานโดยตรง เขากำลังใคร่ครวญอยู่ในใจ ก่อนขึ้นครองราชย์เขาจะต้องเป็นพวกเดียวกับเจ้าของที่ดินเหล่านี้ หากเขารู้ดีว่าในอดีตเสด็จพ่อทรงปวดศีรษะมากเพียงไร ถ้าเขาสามารถขึ้นตำแหน่งนั้น...จะต่างกันโดยสิ้นเชิง!“ท่านดูสิ ข้าแค่ใช้ที่ดินของพวกเจ้าของที่ดินเหล่านี้ผลิตธัญพืชมากขึ้น ภายใต้
“แน่นอน”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มอย่างมั่นใจ “ในเมื่อชาวบ้านเมืองจัวต่างเพาะปลูกข้าวผลผลิตสูงจนชีวิตความเป็นอยู่เริ่มดีแล้ว แล้วหม่อมฉันยังจะทำใจเห็นชาวบ้านเมืองอื่น ๆ หิวโหยได้อย่างไร?”“อ้อ? ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง ฟานเอ๋อร์ เจ้าคิดจะทำยังไง?”สายตาที่ไท่ซั่งหวงมองฉินอวิ๋นฟานเกิดความเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ทบทวนทุกเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานทำในวันนี้ นั่นล้วนแล้วแต่ทำให้เขารู้สึกปลื้มใจและตกตะลึงยิ่งนัก เรื่องแรกที่เขาทำก็คือเรื่องสำนักศึกษาหลวง บ่มเพาะผู้มีความสามารถเพื่ออนาคตของต้าเฉียนเรื่องที่สองคือก่อตั้งเมืองการค้าขนาดใหญ่ ให้คนจากทุกแคว้นมาค้าขายกับต้าเฉียน เช่นนี้จะทำให้ต้าเฉียนกลายเป็นศูนย์กลางการค้าโลก เศรษฐกิจของต้าเฉียนจะรุดหน้าแบบที่มิอาจหยุดยั้งเรื่องที่สามคือเรื่องที่ไท่ซั่งหวงปลาบปลื้มมากที่สุด โลกในปัจจุบัน การแก้ไขปัญหาปากท้องคือปัญหาใหญ่หลวงในศตวรรษนี้ ทว่าฟานเอ๋อร์ใส่ใจกับเรื่องนี้ตามที่เขาคาดคิดเอาไว้“เสด็จปู่ เป็นเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ ปริมาณการผลิตของข้าวข้ามสายพันธุ์สูงกว่าข้าวทั่วไปถึงเจ็ดเท่า ดังนั้นการกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวผลผลิตสูงนี้จะรอช้าไม่ได้”ฉินอวิ๋นฟานพูดเป็นการเป็นง
“เอ่อ... แต่เพียงแต่ข้าที่กังวลเช่นนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมีความกังวลนี้เหมือนกันกระมัง? อย่างไรเสีย ของอย่างบัญชีก็สามารถปลอมแปลงได้”เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดตามตรง ฉินอวิ๋นฮุยจึงไม่อ้ำอึ้งอีก การยกเรื่องไม่ดีมาพูดแต่แรกมิใช่เรื่องน่าอายอันใด เพราะมันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเขา เขาไม่อยากถูกฉินอวิ๋นฟานหลอก!“ฮ่า ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานลั่นเสียงหัวเราะทันที “พี่รองทำงานรอบคอบดังคาด น้องเจ็ดเลื่อมใส แต่ท่านคิดมากไปแล้ว ถ้าต้องดูแลเมืองการค้าสามเมือง คนของข้าไม่มีทางพอ ถ้าพวกท่านไม่ส่งคนมาช่วยงาน ข้าคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”“อ้อ? น้องเจ็ดพูดจริงรึ?!”เมื่อนั้นหัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของฉินอวิ๋นฮุยจึงสงบลง หากเขาสามารถให้คนเข้าร่วมอยู่ในเมืองการค้าทั้งสามเมืองได้ เช่นนั้นเขาจะวางใจได้แล้ว เพราะจะรับประกันผลประโยชน์ของเขาได้ทั้งหมด!“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านวางใจได้เลย ระหว่างพวกเราพี่น้องแม้เป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้านเมือง พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง มีเพียงเช่นนี้ต้าเฉียนเราจึงจะเฟื่องฟูได้นิรันดร์”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในเรื่องการค้า เครือเหิงไท่จะรับผิดชอบกิจการหลักท
ฉินอวิ๋นฟานกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อให้ใครกล้ามีความคิดส่วนตัวก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกเราต้องร่วมกันทำงาน หากไม่อยากเสียเมืองไป ไม่อยากตาย ทหารทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เป็นหนึ่งเดียวสู้กับภายนอก”“ดี ดีมาก ความคิดนี้ไม่เลว!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ไท่ซั่งหวงรู้อยู่แล้วว่าฉินอวิ๋นฟานต้องทุ่มเทเพื่อแผนการนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีทางคิดแผนการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้“อื่ม ไม่เลว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ได้ดีใจกับแผนการสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของฉินอวิ๋นฟาน เพราะแม้เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองจริง หากไร้ประโยชน์อันใดต่อพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขายังจะกลายเป็นคนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้งานอีกด้วยพวกเขาส่งทหารรักษาเมือง ฉินอวิ๋นฟานกอบโกยกำไรอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วฉินอวิ๋นฮุยก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือโดยแท้!ทว่าไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?ฉินอวิ๋นฟานรู้ความคิดของพวกเขาดี อีกอย่าง ถ้าครองผลงานเองในเวลานี้จะเป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเอามาก ๆ ฉินอวิ๋นฟานไม่ทำเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้หรอก!โบราณกล่าว ตบหน้าฉาดหนึ่งต้องให้พุทราหวานหนึ่งลูก อีกฝ่ายส่งทหารม
ขณะนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ ถ้อยคำชวนให้คนมีจิตใจฮึกเหิมของฉินอวิ๋นฟานวนเวียนอยู่ในหัวของ แม้ไท่ซั่งหวงเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน!รัชทายาทวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่ง ช่างเป็นชายชาตินักรบเลือดร้อนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน หากคนเช่นนี้เป็นจักรพรรดิ ไยต้องกลัวอนาคตต้าเฉียนจะไม่ศิวิไลซ์?“เกี่ยวกับการสร้างเมืองการค้าสี่แห่งในสี่ทิศของต้าเฉียน ทุกคนคัดค้านอย่างหนัก ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนมาก แต่ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ ข้าก็ต้องยอมรับเสียงและความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนว่ามาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน มีแต่ต้องทำให้ทำคนยอมรับเรื่องนี้จากใจจริง เขาจึงจะยึดสิทธิ์ความเป็นผู้นำได้ มิเช่นนั้นต่อให้ใช้กำลังผลักดันเรื่องนี้ คนเหล่านี้ต้องเล่นตุกติกลับหลังเขาแน่ เช่นนี้มีแต่จะทำให้รำคาญดังนั้นฉินอวิ๋นฟานเตรียมตัวกับการคัดค้านและความคิดของทุกคนแต่แรกแล้ว ต้องการแค่โอกาสประจวบเหมาะหนึ่ง เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคอิจฉาตาร้อนมีมากเหลือเกิน มีแต่ต้องคิดหาทางหยดยาดวงตาให้พวกเขาสักหน่อย จึงจะขจัดต้นตอของปัญหาได้ “นี่...”ผู้คนมากมายแน่นขนัดพูดไม่ออกสักคำ เพราะต่างมีความกังวลอยู่ในใจ ฉ
นาทีนี้ถังเจิ้นไห่ถูกโจมตีทำร้ายทางจิตใจอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานปากคอเราะรายน่ากลัวจริง ๆ การโจมตีของเขารวดเร็วนัก เขาต้านทานไม่ไหวเลยเขาจนปัญญากับการโจมตีของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ได้แต่ใช้สถานะข่มขู่ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะหยุดโจมตีเขาน่าเสียดาย แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร และไม่เคยเป็นพวกยอมเสียเปรียบ หากมีคนโจมตีเขา ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!ต้องถล่มอีกฝ่ายจนแพ้ราบคาบ นี่สิจึงจะเป็นเป้าหมายความเป็นคนของเขา และถังเจิ้นไห่ก็แตะเขตต้องห้ามของเขาพอดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่ไว้หน้าเขา!ครั้นพวกฉินอวิ๋นฮุยเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พากันมอบสายตาเห็นใจให้ถังเจิ้นไห่ พวกเขาเคยได้รับการสั่งสอนด้วยหมัดหนักจากฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย หากหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!ไท่ซั่งหวงและจางเต้าหลินฉายรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานจะหยาบคายไม่รื่นหูไปบ้าง แต่สะใจยิ่งนัก! นักวางแผนร้ายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดกลับจนต้องสงสัยในชีวิต เด็ดสะระตี่แท้!“เกินไป? ตอนนี้ท่านรู้ว่าเกินไป? ตอนที่ท่านสาดน้ำคลำใส่
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน