อื้อ...ครั้นรับรู้ถึงกลิ่นอายบุรุษที่คุ้นเคย หลู่เซียงหลิงส่งเสียงอืออาแผ่วเบาทีหนึ่ง ทั้งยังให้ความร่วมมือกับการเคลื่อนไหวของฉินอวิ๋นฟานด้วยเมื่อได้รับการตอบรับ ฉินอวิ๋นฟานไม่รักษากิริยาอีก การกระทำบ้าระห่ำมากขึ้นสามชั่วยามให้หลัง ท้องฟ้าเริ่มสลัว ฉินอวิ๋นฟานลากร่างอันอ่อนล้าลงจากเตียง มองปื้นสีแดงบนผ้าปูเตียงและหลู่เซียงหลิงที่กำลังหลับปุ๋ย ฉินอวิ๋นฟานจึงเผยรอยยิ้มกระหยิ่มใจ“หิวจัง ต้องชดเชยพลังงานสักหน่อยจึงจะดี!”ฉินอวิ๋นฟานนั่งลงกับเก้าอี้ เริ่มกินผลไม้ที่มู่หรงจิ่นเอามาและเอ่ยพึมพำ “ยังเป็นจิ่นเอ๋อร์ที่รอบคอบ รู้ว่านี่คือศึกหนักยาวนาน เตรียมของกินไว้ให้ข้าตั้งเยอะแยะ รู้ใจจังเลยนะ”ทันทีที่ฉินอวิ๋นฟานกินน้ำแกงที่ตุ๋นเอาไว้ล่วงหน้า กลิ่นหอมเข้มข้นปะทะใบหน้าเข้ามา จังหวะที่เห็นเซี่ยงจี๊และตัวเดียวอันเดียวของเสือ ใบหน้าของฉินอวิ๋นฟานก็ครึ้มลงทันทีเขาหัวเราะแห้งพลางพูด “หรือว่าปกติเราจะแสดงออกได้ไม่ดีพอ? นานไม่พอ? ต้องตุ๋นน้ำแกงบำรุงชามโตให้ขนาดนี้เชียว?”“เฮ้อ! ช่างเถอะ กินให้อิ่มก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”ครึ่งชั่วยามให้หลัง ฉินอวิ๋นฟานที่กินอิ่มดื่มพอแล้วก็บิดขี้เกียจตีวงก
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ...”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะลั่นทันที “แค่เรื่องนี้? ข้ายังนึกว่าเรื่องอะไร อีกอย่าง พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเจ้านี่ ข้าจะติดใจกับเรื่องพรรค์นี้หรือ? ที่ข้าสนใจคือตัวเจ้าต่างหาก”ฉินอวิ๋นฟานแสดงความรู้สึกต่อหน้า หลู่เซียงหลิงรู้สึกซาบซึ้งใจนัก น้ำตาล้นทะลักออกมาทันทีฉินอวิ๋นฟานเห็นดังนั้นพลันตื่นตระหนก หรือว่าเขาพูดอะไรผิดไป? ทำไมอยู่ดี ๆ เสี่ยวเซียงหลิงก็ร้องไห้ล่ะ? หนนี้ทำเอาฉินอวิ๋นฟานไปไม่เป็นแล้วเขารีบถามอย่างห่วงใย “เป็นอะไรไป เซียงหลิง อย่าร้องไห้สิ ข้าพูดผิดไปหรือ? ถ้าข้าพูดอะไรผิดไป ข้าขอโทษเจ้าได้ไหม?”พู่...เห็นฉินอวิ๋นฟานกระวนกระวายอย่างนี้ หลู่เซียงหลิงขำพรืด นางตอบ “ผู้หญิงให้ความสำคัญกับความบริสุทธิ์ที่สุด ข้าถูกพวกเขาฉีกทึ้งเสื้อผ้าต่อหน้าทุกคน เผยผิวกายออกมาหมดแล้ว นี่คือเรื่องต้องห้ามใหญ่หลวงของเหล่าผู้หญิง ข้าเป็นอย่างนี้แล้ว ทำไมรัชทายาทยังใส่ใจข้าอีกล่ะ ข้า...”“เฮ้อ! ดูเจ้าพูดเข้าสิ”ฉินอวิ๋นฟานพูดอย่างไม่ใส่ใจ “เจ้าเป็นผู้เคราะห์ร้าย เจ้าเป็นอย่างนี้ยิ่งสมควรถูกรักให้มากจึงจะถูก ทำไมจะถูกรังเกียจล่ะ? ข้าไม่ใช่คนไม่มีหัวจิตหัวใจพรรค์นั
“ข้ารู้นานแล้วว่าเขากับแม่นางเซียงหลิงลักลอบส่งสายตาให้กัน ในเมื่อพบกับคนที่ถูกต้องในเวลาที่ถูกต้อง แล้วทำไมข้าไม่ให้พวกเขาสมหวังล่ะ? อีกอย่าง คนที่ชื่นชอบเขามีตั้งเยอะ พวกเราริษยาได้ไม่หมดหรอก”“ขอแค่เขาจริงใจกับพวกเราพี่น้องก็พอแล้ว ข้าอยากเป็นผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังพี่อวิ๋นฟาน ให้เขาต่อสู้กับใต้หล้าได้แบบไร้กังวล แค่นี้ข้าก็พอใจแล้ว”ได้ยินคำพูดจากก้นบึ้งหัวใจของพี่จิ่นเอ๋อร์ เสี่ยวจวี๋กอดมู่หรงจิ่นอย่างรู้ความ “พี่จิ่นเอ๋อร์ ท่านดีจริง ๆ มิน่ารัชทายาทถึงรักท่านปานนั้น”“นอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องต้องทำอีกมาก!”......“บัดซบ บัดซบสิ้นดี!!!!”ในตำหนักเหยียนเหนียน ไท่ซั่งหวงพิโรธอย่างหนัก กวาดฎีกาที่อยู่บนโต๊ะลงพื้นหมด เคราขาวสั่นกระพือด้วยความโกรธ “ไท่ซั่งหวง โปรดระงับโทสะด้วยพ่ะย่ะค่ะ โปรดระงับโทสะด้วยพ่ะย่ะค่ะ”เฉาเจิ้งฉุนเห็นไท่ซั่งหวงเดือดดาลเช่นนี้ จึงรีบเข้าไปลูบหลังไท่ซั่งหวงและพูดปลอบ “พระพลานามัยแข็งแรงคืออันดับหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องพิโรธกับเรื่องพวกนี้ในราชสำนักหรอกพ่ะย่ะค่ะ มันได้ไม่คุ้มเสีย”“ฮึ! เจ้าดูเถอะว่านี่มันคือฎีกาอะไรบ้าง!”ไท่ซั่งหวงชี้ฎีกาที่อยู่บนพื้นแ
ไท่ซั่งหวงพิจารณาครู่หนึ่ง ก่อนจะขมวดคิ้วเอ่ย “เซียวเทียนติ่งนี่มันยังไงกันแน่? ที่เรื่องเลยเถิดมาถึงขั้นนี้ หรือว่าเขาจะไม่มีปัญหา?”เฉาเจิ้งฉุนตอบ “มีปัญหาพ่ะย่ะค่ะ และยังเป็นปัญหาใหญ่เสียด้วย เกิดเรื่องเลวทรามเช่นนี้ในขอบเขตที่เขาดูแล เห็นชัดว่ามีเงาคุ้มครองอนุญาตอย่างลับ ๆ”“อ้อ? ไหนลองว่ามาสิ”ไท่ซั่งหวงปรับอารมณ์และเอ่ยหน้าเข้ม“ทูลไท่ซั่งหวง ตามข้อมูลที่หน่วยบูรพารวบรวมได้ เซียวเทียนติ่งน่าจะเป็นคนขององค์ชายรอง แต่กระหม่อมมักรู้สึกว่าเรื่องมันไม่เป็นเช่นนั้น ในสำนักศึกษาหลวง เขาค่อนข้างยอมให้ท่านอ๋องน้อยอย่างเห็นได้ชัด”เฉาเจิ้งฉุนเอ่ยเสียงหนัก “ทรงคิดดูสิพ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อเขาคือคนขององค์ชายรอง ก็ควรอยากให้ฉินอวิ๋นฟานเอาชีวิตท่านอ๋องน้อยสิ เช่นนี้จึงจะสามารถโยงใยความแค้น สามารถดึงความขัดแย้งไปถึงตัวเฮ่อชินอ๋อง แต่เขากลับไม่ทำเช่นนั้น หากส่งข่าวทันท่วงที จึงไม่ทำให้เรื่องบานปลายไปกันใหญ่”“ดูจากการแสดงออกของเฮ่อชินอ๋องในวันนี้ เขาน่าจะรู้เรื่องในราชสำนักดีมาก กระทั่งมองแวบเดียวก็รู้ว่านี่คือแผนร้ายที่องค์ชายรองชักใยอยู่เบื้องหลัง”“ดังนั้นกระหม่อมสันนิษฐานว่า เป็นไปได้มากว่
“องค์ชายใหญ่ เรื่องนี้จะโทษคนอื่นไม่ได้กระมัง? จะโทษก็ต้องโทษที่เฉาส่วงหาเรื่องเอง กระตุกหนวดใครไม่กระตุก ดันไปกระตุกหนวดฉินอวิ๋นฟาน?”หวังจื้อแค่นเสียงใส่ “ต่อหน้าธารกำนัล ในสถานที่อย่างสำนักศึกษาหลวง ย่ำยีลูกสาวช่างใหญ่หลู่ต่อหน้าประชาชี นี่ยังแล้วไปเถอะ พวกเขายังริอ่านจ้องพระชายารัชทายาท? นี่มิใช่รนหาที่ตายแล้วคืออะไร?!”“หรือว่าพวกเขาไม่รู้ว่าองค์ชายห้าตายยังไง? ไท่ซั่งหวงมีท่าทียังไงพวกเขาลืมไปแล้ว?”“นี่เป็นการฉีกหน้าราชวงศ์อย่างแรง ต่อให้ฉินอวิ๋นฟานไม่ฆ่าพวกเขา ท่านคิดว่าไท่ซั่งหวงจะปล่อยพวกเขาไปรึ?!”“เอ่อ... นี่...”ถูกหวังจื้อตวาดใส่ ฉินอวิ๋นคังมึนตึบ มองไปทางพ่อตาฮั่วเจิ้นหลงด้วยความสับสนยามนี้ฮั่วเจิ้นหลงก็จุกอกเหมือนกัน จากเนื้อแท้ของเรื่องนี้ หวังจื้อพูดไม่ผิด แต่เขามักรู้สึกว่ามีตรงไหนทะแม่ง ๆ แต่ก็บอกไม่ถูกอีกนับวันฉินอวิ๋นฟานจะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นทุกที ความเด็ดขาดดุดันโหดเหี้ยม ขั้วอิทธิพลเริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง หนำซ้ำเขายังมีกำลังประมาณหนึ่งในการชิงบัลลังก์แล้ว“เสี่ยวจื้อ ฉินอวิ๋นฟานแข็งกร้าวมากขึ้นทุกที ค่ายทานหลางขยายตัวไม่หยุด พวกเราจะรับมือยังไงดี?”
ภายใต้ม่านรัตติกาล หวงต้าหยวนยืนอยู่บนอาคารของหอวั่งเจียง กำลังมองไปทางตำหนักรัชทายาท หวงต้าหยวนที่ปลดผ้าปิดหน้าแล้วผ่องใสบริสุทธิ์ พริ้งเพราปานนางฟ้าผู้มาเยือนแดนโลกีย์นางอยู่ในชุดกระโปรงยาวผ้าโปร่งสีชมพูอ่อน พลิ้วไหวท่ามกลางสายลมยามราตรี แสดงสรีระนูนเว้าสวยงามของนางออกมาจนสิ้น ริมฝีปากจิ้มลิ้มดุจอิงเถา[1] ผิวพรรณขาวเนียนราวกับแค่แตะก็แตก มองปราดเดียวพาลให้คนตกอยู่ในภวังค์“เจ้าลูกบัดซบนี่ได้ลาภลอยสุดวิเศษอีกแล้วนะ สาวน้อยวัยสิบห้าเอ๊าะมากสินะ?”ในวาจาของหวงต้าหยวนเต็มไปด้วยความซับซ้อน นางทั้งอิจฉาและริษยา กล่าวถึงรูปโฉม นางไม่คิดว่าตัวเองแพ้ตรงไหน กล่าวถึงความสามารถ นางมั่นใจว่าใต้หล้านี้มีผู้หญิงแค่ไม่กี่คนที่สามารถหยิบยกมาเทียบกับนางยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว ทำให้หลายปีนี้นางยิ่งหยิ่งผยอง เย็นชา โดดเดี่ยว ปฏิเสธคนอยู่นอกพันลี้ แต่สุดท้ายแล้วนางก็เป็นแค่สาวน้อยวัยแรกแย้มยี่สิบต้น ๆ คนหนึ่งหลายปีขนาดนี้ ฉินอวิ๋นฟานคือผู้ชายคนเดียวที่สามารถเดินเข้าหัวใจของนางได้ และผู้ชายคนนี้กำลังหมกมุ่นอยู่กับหญิงอื่น เช่นนี้นางผู้มีจิตใจทระนงจะสบายใจได้อย่างไร?“ฉินอวิ๋นฟาน วันนี้เจ้าเกรี้ยวกราดเพ
ที่ทำให้นางเหลือเชื่อมากกว่านั้นคือ ผ่านมาหลายปีอย่างนี้ ฉินอวิ๋นฟานเป็นสามีภรรยาทางพฤตินัยกับสองพี่น้องเท่านั้น และนางกลับเป็นผู้หญิงของฉินอวิ๋นฟานอย่างเป็นทางการคนที่สอง?ในยุคสมัยนี้ สาวใช้ข้างห้องไม่มีตำแหน่งทางการ หนำซ้ำยังต้อยต่ำมาก เป็นแค่ตัวแก้ขัดความต้องการทางร่างกายของเจ้านายในช่วงเวลาพิเศษเท่านั้นดังนั้น จากเนื้อแท้แล้ว นางคือผู้หญิงซึ่งมีตำแหน่งคนที่สองของฉินอวิ๋นฟาน“จริงสิ ไม่เชื่อเจ้าก็ลองถามจิ่นเอ๋อร์ดูได้ นางรู้จักข้าดีที่สุด”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย“ไอ้หยา เรื่องพรรค์นี้จะกล้าถามได้ยังไง!”หลู่เซียงหลิงพูดอย่างกระดากใจ“มันก็จริง พวกเจ้าพี่น้องยังไม่ค่อยสนิทกันเท่าไร แถมยังเป็นเรื่องน่าอายอย่างนี้อีก”ฉินอวิ๋นฟานลูบคาง จากนั้นก็พลันคิดได้ “เสี่ยวเซียงหลิง เจ้าว่าแบบนี้เป็นยังไง เพื่อให้พวกเจ้าพี่น้องสนิทสนมกันเร็วที่สุด เข้ากันได้เร็วที่สุด มิสู้คืนนี้เราสี่คนนอนด้วยกันเถอะ?”“ทะ ท่าน ท่านพูดอะไรน่ะ? ไอ้หยา คนผีทะเล! อายจะแย่อยู่แล้ว ท่านพูดเรื่องอย่างนี้ออกมาจากปากได้ยังไงกันนะ?”การเสนออย่างกะทันหันนี้ของฉินอวิ๋นฟานทำให้หลู่เซียงหลิงตกตะลึงพรึงเพริดเดี๋ยวนั้น แท
“นี่คือความผิดของเซียวเทียนติ่งกับที่พึ่งพึงทั้งหมดของเขา?”ฉินอวิ๋นฟานอ่านข้อมูลละเอียดยิบในมือพลันงุนงง เขาขมวดคิ้วพูด “อาจ้าน ท่านว่าใครกันที่เอาข้อมูลความผิดละเอียดยิบขนาดนี้ของเซียวเทียนติ่งส่งมาให้เราด้วยรูปแบบนิรนาม?”“เมื่อวานข้าเพิ่งฆ่าล้างบางสำนักศึกษาหลวงไป วันนี้ก็มีคนส่งหลักฐานละเอียดยิบแบบนี้มาให้? เขาทำแบบนี้หมายความว่ายังไงกันนะ? กลัวใต้หล้าไม่โกลาหล หรือว่าแค้นเซียวเทียนติ่งเข้ากระดูก? คิดจะยืมมือเราฆ่าคน?”อู่จ้านก็งงเหมือนกัน เขาเอ่ยเสียงเครียด “มันก็พูดยาก ข้าเพิ่งจะตรวจสอบความจริงมา หลักฐานพวกนี้มีมูลแน่ชัด ไม่มีปัญหา แต่สืบคนที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้เบาะแสสักนิด”“มันแปลกแล้ว”แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานทำงานรอบคอบ แม้เขาจะแค้นเซียวเทียนติ่ง แทบอยากเอาชีวิตคนผู้นี้ทันที แต่เขาไม่อยากเป็นหมากให้คนอื่น เขาสันนิษฐาน “ในเมื่อเป็นคนของพี่รองชัดเจน งั้นก็ต้องไม่ใช่ฝีมือของพี่รองแน่ จะเป็นฝีมือของพี่ใหญ่หรือท่านอ๋องหรือเปล่า?”“มันก็พูดยาก ที่แล้วมาเฮ่อชินอ๋องไม่ทำตัวเด่น จะไม่เข้าร่วมและมีข้อพิพาทง่าย ๆ ส่วนองค์ชายใหญ่คุมกรมอาญา ทั้งที่ลงมือเองได้แต่ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย?”