“นี่คือความผิดของเซียวเทียนติ่งกับที่พึ่งพึงทั้งหมดของเขา?”ฉินอวิ๋นฟานอ่านข้อมูลละเอียดยิบในมือพลันงุนงง เขาขมวดคิ้วพูด “อาจ้าน ท่านว่าใครกันที่เอาข้อมูลความผิดละเอียดยิบขนาดนี้ของเซียวเทียนติ่งส่งมาให้เราด้วยรูปแบบนิรนาม?”“เมื่อวานข้าเพิ่งฆ่าล้างบางสำนักศึกษาหลวงไป วันนี้ก็มีคนส่งหลักฐานละเอียดยิบแบบนี้มาให้? เขาทำแบบนี้หมายความว่ายังไงกันนะ? กลัวใต้หล้าไม่โกลาหล หรือว่าแค้นเซียวเทียนติ่งเข้ากระดูก? คิดจะยืมมือเราฆ่าคน?”อู่จ้านก็งงเหมือนกัน เขาเอ่ยเสียงเครียด “มันก็พูดยาก ข้าเพิ่งจะตรวจสอบความจริงมา หลักฐานพวกนี้มีมูลแน่ชัด ไม่มีปัญหา แต่สืบคนที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้เบาะแสสักนิด”“มันแปลกแล้ว”แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานทำงานรอบคอบ แม้เขาจะแค้นเซียวเทียนติ่ง แทบอยากเอาชีวิตคนผู้นี้ทันที แต่เขาไม่อยากเป็นหมากให้คนอื่น เขาสันนิษฐาน “ในเมื่อเป็นคนของพี่รองชัดเจน งั้นก็ต้องไม่ใช่ฝีมือของพี่รองแน่ จะเป็นฝีมือของพี่ใหญ่หรือท่านอ๋องหรือเปล่า?”“มันก็พูดยาก ที่แล้วมาเฮ่อชินอ๋องไม่ทำตัวเด่น จะไม่เข้าร่วมและมีข้อพิพาทง่าย ๆ ส่วนองค์ชายใหญ่คุมกรมอาญา ทั้งที่ลงมือเองได้แต่ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย?”
“แผนนี้ยอดมาก ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้แหละ!”ครั้นอู่จ้านได้ฟังก็รู้ว่าเรื่องนี้แน่อย่างแช่แป้งแล้ว พร้อมกันนั้นยังสามารถหยั่งเชิงองค์ชายใหญ่ได้ด้วย ทันทีที่องค์ชายใหญ่เข้าร่วม จะสามารถขย่มขวัญขั้วอิทธิพลใหญ่ขั้วต่าง ๆ ได้ในเวลาอันสั้น เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบฉินอวิ๋นฟานไม่อยู่เฉยเหมือนกัน รีบเยี่ยมเยือนหลู่หนีที่เพิ่งเลื่อนขั้นเป็นพ่อตาและไปหอวั่งเจียง เนื่องจากเขากำลังจะไปเมืองอู่โจวแล้ว ต้องการข้อมูลที่หวงต้าหยวนรวบรวมอย่างเร่งด่วน“โอ๊ะ นี่ไม่ใช่เจ้าบ่าวคนใหม่หรือ? ไม่อยู่เป็นเพื่อนภรรยาคนใหม่ที่ตำหนักรัชทายาทให้ดี ไยจึงมีเวลามาสถานเริงรมย์เช่นนี้ได้? หรือว่าชีวิตคู่เมื่อวานไม่กลมกลืน?”ฉินอวิ๋นฟานเพิ่งถึงหอวั่งเจียงก็ถูกหวงต้าหยวนทักทายเชิงกระแนะกระแหน เห็นชัดว่ามีความหมายโดยนัย นี่ทำให้ฉินอวิ๋นฟานจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่ฉินอวิ๋นฟานกลับไม่เก็บมาใส่ใจ“เจ้าหอหวงพูดอะไรน่ะ? ข้าไม่เพียงแต่มีสุขภาพดี ไตข้าก็ดีมากด้วย แม้เมื่อวานต้องผ่านศึกหนักมาทั้งคืน วันนี้ก็ยังมีกำลังวังชาเต็มเปี่ยม ไม่กลมกลืนคือเป็นไปไม่ได้”กับการแซะของหวงต้าหยวน ฉินอวิ๋นฟานไม่ปิดบังสักนิด ในทางกลับกัน ยังจะเบ่งใ
“แค่นี้รึ?”ฉินอวิ๋นฟานแปลกใจมาก กว่าต้าเยียนจะชิงเมืองอู่โจวซึ่งเป็นเมืองเส้นทางการค้าได้ ไม่คิดว่าจะมอบให้ง่าย ๆ แบบนี้? แถมลูกไม้นี้ยังไม่ค่อยฉลาดเสียด้วย“เอ่อ... รัชทายาท ท่านคงไม่คิดว่านี่คือเรื่องหมู ๆ กระมัง?”ปฏิกิริยานี้ของฉินอวิ๋นฟานทำให้หวงต้าหยวนประหลาดใจมาก นางอธิบาย “เมืองอู่โจวคือเมืองเส้นทางการค้า เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานต่าง ๆ ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจเป็นส่วนมาก ทั้งสมาคมการค้าใหญ่น้อยในเมืองอู่โจวมีมากถึงห้าสิบกว่าสมาคม เป็นไปไม่ได้ที่ท่านจะสอดมือเข้าไปได้ง่าย ๆ”“ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ขุนนางมากมายของต้าเยียนแฝงอยู่ในทุกภาคส่วนด้วยฐานะระดับล่าง ต่อให้ข้าอยากช่วยท่านก็ตรวจสอบอย่างละเอียดทุกคนไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงท่าน”“ในช่วงเวลาสั้น ๆ ท่านกวาดล้างคนพวกนี้ให้หมดไม่ได้หรอก และถึงจะกวาดล้างคนพวกนี้ได้ในสามเดือน ท่านก็ไม่มีคนมากพอที่จะแทนที่ตำแหน่งพวกเขา”“อีกสามเดือนท่านต้องไปสู่ขอองค์หญิงสามเยียนอวี่เฉิน แถมนางยังประกาศอีกว่าต้องการเป็นพระชายารัชทายาท ช่วยให้ท่านขึ้นครองบัลลังก์ ถึงตอนนั้นนางต้องเป็นฮองเฮาแน่นอน”“ฮ่า ๆ ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานไม่เพีย
ครั้นฉินอวิ๋นฟานได้ยินคำพูดนี้ก็ตาโตขึ้นมาทันใด รู้สักว่ามีลุ้น เขารีบพูด “แน่นอน พวกเราสนิทกันขนาดนี้แล้ว แถมยังร่วมมือกันหลายครั้งอย่างนี้อีก ใช่ไหมเล่า ดูว่าเจ้าหน้าตาเป็นยังไงน่าจะไม่มีอะไรกระมัง?”เห็นท่าทางกะลิ้มกะเหลี่ยของฉินอวิ๋นฟาน หวงต้าหยวนแย้มรอยยิ้มเย็นชาทันที นางเอ่ยแบบราบเรียบว่า “ใช่ว่าจะปลดผ้าปิดหน้าให้ท่านไม่ได้ แต่... แค่ข้าปลดผ้าปิดหน้าเพื่อท่าน ท่านจะต้องแต่งกับข้า แม้จะเป็นเช่นนี้ ท่านยังกล้าให้ข้าปลดผ้าปิดหน้าอีกหรือไม่?”“หือ? ยังมีเรื่องดีเช่นนี้อยู่อีก?”ครั้นฉินอวิ๋นฟานได้ยิน โลกนี้ยังมีเรื่องดีอย่างนี้อยู่อีก? เห็นหน้าก็ตบแต่งเอากลับบ้านได้ นี่จะคุ้มเกินไปแล้วมั้ง? เขารีบทุบอกรับประกัน “แค่เจ้ากล้าปลดผ้าออก ข้าก็กล้าแต่ง ภรรยางามหยาดเยิ้มอย่างนี้ ไม่เท่ากับได้เปล่าหรือ!”“คิก ๆ ๆ...”ในตอนนี้เอง คำพูดประโยคหนึ่งของหวงต้าหยวนทำเอาฉินอวิ๋นฟานสะดุ้งถอยทันที เห็นเพียงนางหัวเราะคิก ๆ กะทันหันแล้วพูดขึ้นว่า “รัชทายาท จะพูดเสียมั่นใจขนาดนั้นไม่ได้ ทันทีที่ข้าปลดผ้าออก ท่านจะไม่มีทางให้ถอยหลังกลับแล้วนะ”“ใต้ฟ้าผืนหน้า สตรีที่ไม่ยินยอมเปิดเผยหน้าตามีอยู่สองประ
“อ้อ? เคลื่อนไหวแล้ว? มันยังไงกัน?”ฉินอวิ๋นฟานประหลาดใจมาก ถ้ามีอะไรพวกหลิวเป้ยก็น่าจะมารายงานก่อนทันทีจึงจะถูก แต่พวกเขากลับไม่มีปฏิกิริยา? นี่มันยังไงกัน? เขาจึงรีบถาม“เนื่องจากเรากักตุนก้อนเกลืออย่างต่อเนื่อง ทำให้เกลือบริโภคในแคว้นเริ่มขาดแคลน หลาย ๆ แห่งเริ่มขึ้นราคา ท่านก็รู้ ผู้บังคับการเกลือหลวงควบคุมตลาดเกลือหลวงทั่วแคว้น พวกเขาตั้งราคาและจัดสินค้าตามความต้องการของตลาด”หวงต้าหยวนกล่าว “และเมืองจัวที่ท่านดูแลมีเกลือบริโภคน้อยว่าที่อื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด สืบเนื่องมาจากความผันแปรของอุปสงค์และอุปทาน ระยะนี้เมืองจัวของพวกท่านเกรงว่าจะเกิดปรากฏการณ์เกลือขาดตลาด และนี่ก็คือความจงใจของตระกูลเริ่น”“รูปแบบการต้มกบด้วยน้ำอุ่น[1]พรรค์นี้ทำให้คนปวดเศียรเวียนเกล้าที่สุด ในสถานการณ์ที่เทพไม่รู้ผีไม่รู้ พวกเขาไม่เพียงแต่ขึ้นราคาเกลือเป็นเท่าตัว ยังระงับการส่งเกลือได้ทุกเมื่อ และทันทีที่หยุดส่งก็จะเกิดปัญหาใหญ่”“อ้อ? มิน่าข้าถึงไม่ได้การรายงานอะไรจากทางเมืองจัวเลย ที่แท้พวกเขาก็เล่นลูกไม้นี้นี่เอง?”ฉินอวิ๋นฟานแยกเขี้ยวยิ้ม “แต่ต้องยอมรับเลยนะว่ารูปแบบนี้ร้ายจริง ๆ ต่อให้มีคนระแคะระ
ฉินอวิ๋นฟานยิ้มราบเรียบ แต่แล้วก็ล้วงของที่ห่อด้วยกระดาษออกมาจากกระเป๋าก่อนจะยื่นไปตรงหน้าหวงต้าหยวน“เอ่อ นี่คือ?”หวงต้าหยวนถามด้วยใบหน้าฉงนฉินอวิ๋นฟานยิ้มพูดอย่างมั่นใจ “เปิดออกดูก็รู้แล้วนี่”หวงต้าหยวนเปิดห่อกระดาษออกด้วยความสงสัยเต็มประดา จังหวะที่เห็นของสีขาวละเอียดเหมือนเม็ดทรายในนั้นแล้วนางก็ยิ่งสับสน เอ่ยปากถาม “นี่ นี่คืออะไรหรือ?”นาทีนี้หวงต้าหยวนยังดูไม่ออกว่าทรายละเอียดขาวคืออะไร ความจริงมันก็คือเกลือละเอียดที่ฉินอวิ๋นฟานแปรรูปแล้ว ก้อนเกลือจะมีกลิ่นฉุน และนี่ก็เป็นเพราะเทคโนโลยียุคนี้ล้าสมัยนั่นเอง หลังจากฉินอวิ๋นฟานบรรจงแปรรูปก็เปลี่ยนเป็นเกลือละเอียดในยุคปัจจุบัน ไม่เพียงกำจัดสิ่งแปลกปลอมในเกลือออกทั้งหมด ยังทำให้รสชาติกลับมาเป็นปกติอีกด้วยดังนั้นเมื่อหวงต้าหยวนไม่ได้กลิ่นฉุนที่เป็นการกระตุ้นใด ๆ ย่อมไม่รู้ว่านี่คือสิ่งใด“เจ้าลองชิมดู ดูสิว่ารสชาติเป็นยังไง?”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มน้อย ๆ “วางใจเถอะ ข้าไม่วางยาหรอก และไม่ใช่เพื่อหลอกให้เจ้าเปิดผ้าปิดหน้าด้วย เจ้าไปชิมข้างหลังฉากบังลมได้เลย”พูดจบ ฉินอวิ๋นฟานหยิบขึ้นมาเล็กน้อยแล้วเอาเข้าปากเพื่อสาธิตให้หวงต้าหยวน
“แหะ ๆ เจ้าหอหวง เจ้าต้องเหยียบเรื่องนี้ให้มิดเลยนะ! นี่คือสิ่งสำคัญที่ข้าจะใช้ตอบโต้ และเป็นส่วนหนึ่งที่จะสร้างยุคยิ่งใหญ่ของเราด้วย!”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะแหะ ๆ พลางพูด“ย่อมเป็นเช่นนั้น!”หวงต้าหยวนเอ่ย “ข้าก็อยากเห็นท่านในอนาคตนัก ท่านจะสร้างโลกอย่างไรกันแน่!”“อนาคต อะไรก็เป็นไปได้!”ก่อนจะกลับ ฉินอวิ๋นฟานได้ส่งสายตาปิ้ง ๆ ให้หวงต้าหยวนทีหนึ่ง ทำเอาหวงต้าหยวนหัวใจวสันต์เต้นแรง ก็คือรัชทายาทผู้จริงจังและชั่วร้ายเช่นนี้ ทำให้นางนับวันยิ่งลุ่มหลง นับวันยิ่งคาดหวัง......“รัชทายาท จะได้เวลามื้อเที่ยงแล้วนะ พวกเราจะไปภัตตาคารต้าเฉียนหรือว่าจะกลับตำหนักรัชทายาทกันดีขอรับ?”เพิ่งออกจากหอนางคณิกาชั้นสูงวั่งเจียง เซี่ยงเทียนเวิ่นก็ถามอยู่ข้างตัวฉินอวิ๋นฟานด้วยความเคารพฉินอวิ๋นฟานหันไปมองทางเซี่ยงเทียนเวิ่นและฉายรอยยิ้มพอใจ เจ้านี่ไม่เลวเลยทีเดียว ไม่กี่เดือนมานี้ก้าวหน้าขึ้นมาก จากไม่มีมันสมองในสมัยก่อนจนใจเย็นสุขุมในตอนนี้ เปลี่ยนไปมากจริง ๆสมกับที่เกิดในตระกูลเซี่ยงตระกูลวิถียุทธ์ที่ซื่อสัตย์ พวกเขาไม่เพียงแต่มีกำลังแข็งแกร่ง ยังให้ความสำคัญกับมิตรภาพและคุณธรรม เห็นเซี่ยงเทียนเ
“เชอะ!”ฉินอวิ๋นฟานมองบนใส่จางเต้าหลินแรง ๆ ก่อนจะหันไปพูดกับเซี่ยงเทียนเวิ่นที่อยู่ข้างหลัง “มา นั่งดื่มชาด้วยกัน ไม่ต้องรักษากิริยามารยาทอะไรทั้งนั้น”เซี่ยงเทียนเวิ่นยังคงหวาดหวั่นอยู่เหมือนเดิม แต่ฉินอวิ๋นฟานออกปากแล้ว เขาจึงไม่ขัดขืนอีก นั่งลงข้างโต๊ะน้ำชาทันที ฉินอวิ๋นฟานเทน้ำชาให้เขาด้วยตัวเอง ภาพนี้ทำให้เซี่ยงเทียนเวิ่นตื้นตันใจแบบที่ไม่เคยได้รับมาก่อนเล็กน้อยเวลาที่ฉินอวิ๋นฟานแข็งข้อขึ้นมาน่ากลัวจนขนหัวลุก เนื้อตัวบนล่างแผ่กลิ่นอายสังหารออกมาเต็มเปี่ยม ประดุจเทพสังหาร แต่เวลาที่เขาทำตัวตามสบายก็สบายเสียนี่กระไร ไม่มีมาดของรัชทายาทเลยสักนิด เฉกเช่นสหายคนหนึ่ง“ว่ามาเถอะ มาหาข้ามีธุระอะไร?”จางเต้าหลินวางถ้วยน้ำชาในมือลง ก่อนจะเปิดปากถาม“จางไท่เว่ย ไม่ขอปิดบัง มีธุระสองเรื่องที่อยากขอคำชี้แนะจากท่านจริง ๆ”ท่าทีของฉินอวิ๋นฟานเป็นการเป็นงานขึ้นมาทันที เขาเอ่ยเสียงหนัก “คาดว่าท่านคงรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานแล้ว ท่าทีของเฮ่อชินอ๋องอยู่เหนือความคาดหมายของข้ามาก และข้าก็ไม่รู้เรื่องของเขาเลย ดังนั้นข้าจึงอยากขอคำชี้แนะเกี่ยวกับเรื่องของเขาหน่อย”“ท่านนี่ ถือดียังไงคิดว่า
ฉินอวิ๋นฮุยจ้องฉินอวิ๋นฟาน สายตามืดสว่างไม่แน่นอน เขาเลื่องชื่อเรื่องชำนาญการวางแผนกลอุบายในต้าเฉียน มีหรือจะไม่เข้าใจความหมายโดยนัยที่อีกฝ่ายพูดเฮ่อชินอ๋องฉินอ้าวอันตรายเพียงใด วิธีการน่ากลัวเพียงใด เขารู้ดีกว่าคนส่วนใหญ่ในที่นี้อีก นั่นคือราชสีห์เฒ่าที่ซ่อนเร้นมานานหลายสิบปีตัวหนึ่ง บัดนี้ตื่นขึ้นโดยสิ้นเชิงแล้ว“องค์ชายรอง ฉินอวิ๋นฟานคารมคมคายที่สุด ท่านอย่าได้หลงกลเขานะ”ยามนี้ถังเจิ้นไห่ใจร้อนดั่งไฟเผา หากฉินอวิ๋นฮุยหันหลังทิ้งเขา นั่นจะได้เปิดหูเปิดตาจริงแล้ว ความสัมพันธ์พันธมิตรที่เพิ่งก่อตั้ง พลังทลายลงด้วยผลประโยชน์อันยั่วยวนและการพูดไม่กี่คำของฉินอวิ๋นฟาน“ข้า...”ฉินอวิ๋นฮุยอยากจะพูดแต่ก็หยุดอีก ในใจสับสนนักยามที่เขาได้ประโยชน์จากฉินอวิ๋นฟานและร่วมมือกับอีกฝ่าย ในใจก็มีคำตอบแล้ว ติดที่ร่วมมือกับเฮ่อชินอ๋องเป็นครั้งแรกก็ต้องจบด้วยรูปแบบไม่รื่นรมย์เช่นนี้ มากน้อยยังลำบากใจอยู่บ้างนาทีนี้ ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วน้อย ๆ ที่แล้วมาพี่รองเป็นคนคำนวณแม่นยำ ความคิดชัดเจน สถานการณ์ในวันนี้เรียกว่าแค่มองก็รู้ คุณโทษเขาก็วิเคราะห์ได้ชัด ไม่นึกว่าพี่รองจะคิดหนักถึงขั้นนี้ทันใดนั้น
ถังเจิ้นไห่สีหน้าแย่ที่สุด นี่คือการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรก เข้าร่วมการชิงบัลลังก์อย่างโจ่งแจ้งและเป็นทางการของพวกเขา กลับต้องพ่ายแพ้ย่อยยับ เขาแค้นใจนัก ดังนั้นก็ต้องไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้อยู่แล้ว“เหอะ...รัชทายาท ข้าจำต้องยอมรับความต้องการก้าวสู้ความยิ่งใหญ่ของท่าน ทุกคนในที่นี้ถูกหลอกกันหมด ท่านคิดว่าตัวเองอาภรณ์ไร้ตะเข็บจริงหรือ?”ถังเจิ้นไห่เห็นฉินอวิ๋นฮุยหวั่นไหวจึงก้าวออกมาอีกครั้ง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องกวนน้ำให้ขุ่น จะให้ฉินอวิ๋นฟานสมหวังไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นขั้วอิทธิพลของพวกเขาจะกลายเป็นชุดวิวาห์ของฉินอวิ๋นฟานการทุ่มเทกายใจเพื่อให้คนอื่นประสบความสำเร็จ เขาไม่มีทางทำเด็ดขาด แม้ต้องเสี่ยงล่วงเกินไท่ซั่งหวง เขายังต้องก้าวออกมา ถึงอย่างไรผู้ที่อยู่ข้างหลังเขาก็คือเฮ่อชินอ๋อง โอรสสายพระโลหิตของไท่ซั่งหวงเขาไม่เชื่อว่าไท่ซั่งหวงจะกล้าฆ่ากระทั่งโอรสที่เหลืออยู่เพียงองค์เดียว“อ้อ? แม่ทัพผู้เฒ่าถัง ท่านหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฮุยขมวดคิ้วมุ่นอีกครั้ง ยามนี้ทุกย่างก้าวสำคัญต่อเขามาก เขาต้องระมัดระวังรอบคอบ นอกเสียจากเป็นเรื่องที่มีคุณไร้โทษต่อเขา เขาจึงจะออกมาแสดงจ
“เลอะเลือน?”ฉินอวิ๋นฮุยขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางพูด “น้องเจ็ด เจ้าหมายความว่ายังไง?”ชิงอำนาจผลประโยชน์มานานเช่นนี้ พวกเขาย่อมแบ่งแยกคุณโทษได้ชัดเจน ชนชั้นเจ้าของที่ดินคือรายได้และผลประโยชน์ส่วนสำคัญและเป็นความมั่นคงของบรรดาผู้มีอำนาจ คือวิธีการสำคัญในการบีบบังคับอำนาจราชวงศ์มาถึงฉินอวิ๋นฟานก็จะลงมือกับพวกเจ้าของที่ดิน ย่อมแตะจุดอ่อนไหวของพวกเขาเป็นธรรมดา พวกเขามิใช่คนเขลา ไม่มีทางให้ฉินอวิ๋นฟานสมปรารถนาง่าย ๆ หรอก ต่อให้ไม่ได้เมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูง พวกเขาก็จะไม่เปิดโอกาสให้ฉินอวิ๋นฟานง่าย ๆ อย่างแน่นอน!“พี่ใหญ่ พี่รอง หรือพวกท่านยังไม่เห็นอีก? ฮ่องเต้ต้าเฉียนแต่ละพระองค์ปวดหัวกับพวกเจ้าของที่ดินพวกนี้มากที่สุดใช่หรือไม่?”ฉินอวิ๋นฟานกล่าววาจาโน้มน้าวทีละขั้น“หือ?”ฉินอวิ๋นฮุยเลิกคิ้ว ไม่ได้ตอบคำถามของฉินอวิ๋นฟานโดยตรง เขากำลังใคร่ครวญอยู่ในใจ ก่อนขึ้นครองราชย์เขาจะต้องเป็นพวกเดียวกับเจ้าของที่ดินเหล่านี้ หากเขารู้ดีว่าในอดีตเสด็จพ่อทรงปวดศีรษะมากเพียงไร ถ้าเขาสามารถขึ้นตำแหน่งนั้น...จะต่างกันโดยสิ้นเชิง!“ท่านดูสิ ข้าแค่ใช้ที่ดินของพวกเจ้าของที่ดินเหล่านี้ผลิตธัญพืชมากขึ้น ภายใต้
“แน่นอน”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มอย่างมั่นใจ “ในเมื่อชาวบ้านเมืองจัวต่างเพาะปลูกข้าวผลผลิตสูงจนชีวิตความเป็นอยู่เริ่มดีแล้ว แล้วหม่อมฉันยังจะทำใจเห็นชาวบ้านเมืองอื่น ๆ หิวโหยได้อย่างไร?”“อ้อ? ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง ฟานเอ๋อร์ เจ้าคิดจะทำยังไง?”สายตาที่ไท่ซั่งหวงมองฉินอวิ๋นฟานเกิดความเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ทบทวนทุกเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานทำในวันนี้ นั่นล้วนแล้วแต่ทำให้เขารู้สึกปลื้มใจและตกตะลึงยิ่งนัก เรื่องแรกที่เขาทำก็คือเรื่องสำนักศึกษาหลวง บ่มเพาะผู้มีความสามารถเพื่ออนาคตของต้าเฉียนเรื่องที่สองคือก่อตั้งเมืองการค้าขนาดใหญ่ ให้คนจากทุกแคว้นมาค้าขายกับต้าเฉียน เช่นนี้จะทำให้ต้าเฉียนกลายเป็นศูนย์กลางการค้าโลก เศรษฐกิจของต้าเฉียนจะรุดหน้าแบบที่มิอาจหยุดยั้งเรื่องที่สามคือเรื่องที่ไท่ซั่งหวงปลาบปลื้มมากที่สุด โลกในปัจจุบัน การแก้ไขปัญหาปากท้องคือปัญหาใหญ่หลวงในศตวรรษนี้ ทว่าฟานเอ๋อร์ใส่ใจกับเรื่องนี้ตามที่เขาคาดคิดเอาไว้“เสด็จปู่ เป็นเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ ปริมาณการผลิตของข้าวข้ามสายพันธุ์สูงกว่าข้าวทั่วไปถึงเจ็ดเท่า ดังนั้นการกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวผลผลิตสูงนี้จะรอช้าไม่ได้”ฉินอวิ๋นฟานพูดเป็นการเป็นง
“เอ่อ... แต่เพียงแต่ข้าที่กังวลเช่นนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมีความกังวลนี้เหมือนกันกระมัง? อย่างไรเสีย ของอย่างบัญชีก็สามารถปลอมแปลงได้”เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดตามตรง ฉินอวิ๋นฮุยจึงไม่อ้ำอึ้งอีก การยกเรื่องไม่ดีมาพูดแต่แรกมิใช่เรื่องน่าอายอันใด เพราะมันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเขา เขาไม่อยากถูกฉินอวิ๋นฟานหลอก!“ฮ่า ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานลั่นเสียงหัวเราะทันที “พี่รองทำงานรอบคอบดังคาด น้องเจ็ดเลื่อมใส แต่ท่านคิดมากไปแล้ว ถ้าต้องดูแลเมืองการค้าสามเมือง คนของข้าไม่มีทางพอ ถ้าพวกท่านไม่ส่งคนมาช่วยงาน ข้าคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”“อ้อ? น้องเจ็ดพูดจริงรึ?!”เมื่อนั้นหัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของฉินอวิ๋นฮุยจึงสงบลง หากเขาสามารถให้คนเข้าร่วมอยู่ในเมืองการค้าทั้งสามเมืองได้ เช่นนั้นเขาจะวางใจได้แล้ว เพราะจะรับประกันผลประโยชน์ของเขาได้ทั้งหมด!“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านวางใจได้เลย ระหว่างพวกเราพี่น้องแม้เป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้านเมือง พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง มีเพียงเช่นนี้ต้าเฉียนเราจึงจะเฟื่องฟูได้นิรันดร์”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในเรื่องการค้า เครือเหิงไท่จะรับผิดชอบกิจการหลักท
ฉินอวิ๋นฟานกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อให้ใครกล้ามีความคิดส่วนตัวก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกเราต้องร่วมกันทำงาน หากไม่อยากเสียเมืองไป ไม่อยากตาย ทหารทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เป็นหนึ่งเดียวสู้กับภายนอก”“ดี ดีมาก ความคิดนี้ไม่เลว!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ไท่ซั่งหวงรู้อยู่แล้วว่าฉินอวิ๋นฟานต้องทุ่มเทเพื่อแผนการนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีทางคิดแผนการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้“อื่ม ไม่เลว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ได้ดีใจกับแผนการสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของฉินอวิ๋นฟาน เพราะแม้เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองจริง หากไร้ประโยชน์อันใดต่อพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขายังจะกลายเป็นคนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้งานอีกด้วยพวกเขาส่งทหารรักษาเมือง ฉินอวิ๋นฟานกอบโกยกำไรอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วฉินอวิ๋นฮุยก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือโดยแท้!ทว่าไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?ฉินอวิ๋นฟานรู้ความคิดของพวกเขาดี อีกอย่าง ถ้าครองผลงานเองในเวลานี้จะเป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเอามาก ๆ ฉินอวิ๋นฟานไม่ทำเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้หรอก!โบราณกล่าว ตบหน้าฉาดหนึ่งต้องให้พุทราหวานหนึ่งลูก อีกฝ่ายส่งทหารม
ขณะนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ ถ้อยคำชวนให้คนมีจิตใจฮึกเหิมของฉินอวิ๋นฟานวนเวียนอยู่ในหัวของ แม้ไท่ซั่งหวงเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน!รัชทายาทวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่ง ช่างเป็นชายชาตินักรบเลือดร้อนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน หากคนเช่นนี้เป็นจักรพรรดิ ไยต้องกลัวอนาคตต้าเฉียนจะไม่ศิวิไลซ์?“เกี่ยวกับการสร้างเมืองการค้าสี่แห่งในสี่ทิศของต้าเฉียน ทุกคนคัดค้านอย่างหนัก ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนมาก แต่ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ ข้าก็ต้องยอมรับเสียงและความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนว่ามาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน มีแต่ต้องทำให้ทำคนยอมรับเรื่องนี้จากใจจริง เขาจึงจะยึดสิทธิ์ความเป็นผู้นำได้ มิเช่นนั้นต่อให้ใช้กำลังผลักดันเรื่องนี้ คนเหล่านี้ต้องเล่นตุกติกลับหลังเขาแน่ เช่นนี้มีแต่จะทำให้รำคาญดังนั้นฉินอวิ๋นฟานเตรียมตัวกับการคัดค้านและความคิดของทุกคนแต่แรกแล้ว ต้องการแค่โอกาสประจวบเหมาะหนึ่ง เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคอิจฉาตาร้อนมีมากเหลือเกิน มีแต่ต้องคิดหาทางหยดยาดวงตาให้พวกเขาสักหน่อย จึงจะขจัดต้นตอของปัญหาได้ “นี่...”ผู้คนมากมายแน่นขนัดพูดไม่ออกสักคำ เพราะต่างมีความกังวลอยู่ในใจ ฉ
นาทีนี้ถังเจิ้นไห่ถูกโจมตีทำร้ายทางจิตใจอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานปากคอเราะรายน่ากลัวจริง ๆ การโจมตีของเขารวดเร็วนัก เขาต้านทานไม่ไหวเลยเขาจนปัญญากับการโจมตีของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ได้แต่ใช้สถานะข่มขู่ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะหยุดโจมตีเขาน่าเสียดาย แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร และไม่เคยเป็นพวกยอมเสียเปรียบ หากมีคนโจมตีเขา ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!ต้องถล่มอีกฝ่ายจนแพ้ราบคาบ นี่สิจึงจะเป็นเป้าหมายความเป็นคนของเขา และถังเจิ้นไห่ก็แตะเขตต้องห้ามของเขาพอดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่ไว้หน้าเขา!ครั้นพวกฉินอวิ๋นฮุยเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พากันมอบสายตาเห็นใจให้ถังเจิ้นไห่ พวกเขาเคยได้รับการสั่งสอนด้วยหมัดหนักจากฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย หากหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!ไท่ซั่งหวงและจางเต้าหลินฉายรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานจะหยาบคายไม่รื่นหูไปบ้าง แต่สะใจยิ่งนัก! นักวางแผนร้ายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดกลับจนต้องสงสัยในชีวิต เด็ดสะระตี่แท้!“เกินไป? ตอนนี้ท่านรู้ว่าเกินไป? ตอนที่ท่านสาดน้ำคลำใส่
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน