“ขอบคุณพระชายารัชทายาทที่ชี้แนะ เป็นข้าที่มองแคบ เป็นข้าที่คิดมากไปเอง”เมื่อนั้นหลู่หนีจึงเข้าใจความคิดของลูกสาว และรู้ว่าตัวเองคิดมากไป บางทีนี่อาจเป็นผลลัพธ์ที่ลูกสาวต้องการมากที่สุดกระมังความจนใจเมื่อก่อนหน้านี้ ยามนี้คือยอมรับอย่างเปิดอก นี่คือความเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ที่บิดาเฒ่าคนหนึ่งทำเพื่อลูกสาว“รัชทายาท ข้าขอมอบเซียงหลิงให้ท่านแล้ว หวังว่าต่อไปท่านจะดีต่อนาง!”หลู่หนีใบหน้าปลื้มใจ อย่างไรลูกสาวก็ถึงวัยออกเรือนแล้ว ในเมื่อมอบกายให้กับชายที่นางชอบที่สุด ก็ถือเป็นจุดจบที่สมบูรณ์แบบที่สุดแล้วกระมัง!“หลู่หนี เอ่อ... ท่านพ่อตา ท่านวางใจเถอะ ข้าต้องดีกับเซียงหลิงแน่นอน จะไม่ให้นางได้รับความลำบากแม้แต่น้อย”ฉินอวิ๋นฟานทุบอกรับประกันเดี๋ยวนั้น“เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี เวลาคับขัน ข้าจะออกไปก่อนแล้ว”หลู่หนีโบกมือพลางพูด “เสี่ยวเทียน รีบหามข้าออกไปเถอะ!”ครั้นสิ้นเสียง หลู่เสี่ยวเทียนลูกศิษย์ของหลู่หนีรีบพาองครักษ์สองคนเข้ามาในห้องแล้วหามเขาออกไป ในห้องจึงเหลือเพียงฉินอวิ๋นฟาน มู่หรงจิ่นและหลู่เซียงหลิง“จิ่นเอ๋อร์ วันนี้ขอบใจเจ้ามาก”ฉินอวิ๋นฟานจ้องมู่หรงจิ่น เขารู้สึกซึ้
อื้อ...ครั้นรับรู้ถึงกลิ่นอายบุรุษที่คุ้นเคย หลู่เซียงหลิงส่งเสียงอืออาแผ่วเบาทีหนึ่ง ทั้งยังให้ความร่วมมือกับการเคลื่อนไหวของฉินอวิ๋นฟานด้วยเมื่อได้รับการตอบรับ ฉินอวิ๋นฟานไม่รักษากิริยาอีก การกระทำบ้าระห่ำมากขึ้นสามชั่วยามให้หลัง ท้องฟ้าเริ่มสลัว ฉินอวิ๋นฟานลากร่างอันอ่อนล้าลงจากเตียง มองปื้นสีแดงบนผ้าปูเตียงและหลู่เซียงหลิงที่กำลังหลับปุ๋ย ฉินอวิ๋นฟานจึงเผยรอยยิ้มกระหยิ่มใจ“หิวจัง ต้องชดเชยพลังงานสักหน่อยจึงจะดี!”ฉินอวิ๋นฟานนั่งลงกับเก้าอี้ เริ่มกินผลไม้ที่มู่หรงจิ่นเอามาและเอ่ยพึมพำ “ยังเป็นจิ่นเอ๋อร์ที่รอบคอบ รู้ว่านี่คือศึกหนักยาวนาน เตรียมของกินไว้ให้ข้าตั้งเยอะแยะ รู้ใจจังเลยนะ”ทันทีที่ฉินอวิ๋นฟานกินน้ำแกงที่ตุ๋นเอาไว้ล่วงหน้า กลิ่นหอมเข้มข้นปะทะใบหน้าเข้ามา จังหวะที่เห็นเซี่ยงจี๊และตัวเดียวอันเดียวของเสือ ใบหน้าของฉินอวิ๋นฟานก็ครึ้มลงทันทีเขาหัวเราะแห้งพลางพูด “หรือว่าปกติเราจะแสดงออกได้ไม่ดีพอ? นานไม่พอ? ต้องตุ๋นน้ำแกงบำรุงชามโตให้ขนาดนี้เชียว?”“เฮ้อ! ช่างเถอะ กินให้อิ่มก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”ครึ่งชั่วยามให้หลัง ฉินอวิ๋นฟานที่กินอิ่มดื่มพอแล้วก็บิดขี้เกียจตีวงก
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ...”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะลั่นทันที “แค่เรื่องนี้? ข้ายังนึกว่าเรื่องอะไร อีกอย่าง พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเจ้านี่ ข้าจะติดใจกับเรื่องพรรค์นี้หรือ? ที่ข้าสนใจคือตัวเจ้าต่างหาก”ฉินอวิ๋นฟานแสดงความรู้สึกต่อหน้า หลู่เซียงหลิงรู้สึกซาบซึ้งใจนัก น้ำตาล้นทะลักออกมาทันทีฉินอวิ๋นฟานเห็นดังนั้นพลันตื่นตระหนก หรือว่าเขาพูดอะไรผิดไป? ทำไมอยู่ดี ๆ เสี่ยวเซียงหลิงก็ร้องไห้ล่ะ? หนนี้ทำเอาฉินอวิ๋นฟานไปไม่เป็นแล้วเขารีบถามอย่างห่วงใย “เป็นอะไรไป เซียงหลิง อย่าร้องไห้สิ ข้าพูดผิดไปหรือ? ถ้าข้าพูดอะไรผิดไป ข้าขอโทษเจ้าได้ไหม?”พู่...เห็นฉินอวิ๋นฟานกระวนกระวายอย่างนี้ หลู่เซียงหลิงขำพรืด นางตอบ “ผู้หญิงให้ความสำคัญกับความบริสุทธิ์ที่สุด ข้าถูกพวกเขาฉีกทึ้งเสื้อผ้าต่อหน้าทุกคน เผยผิวกายออกมาหมดแล้ว นี่คือเรื่องต้องห้ามใหญ่หลวงของเหล่าผู้หญิง ข้าเป็นอย่างนี้แล้ว ทำไมรัชทายาทยังใส่ใจข้าอีกล่ะ ข้า...”“เฮ้อ! ดูเจ้าพูดเข้าสิ”ฉินอวิ๋นฟานพูดอย่างไม่ใส่ใจ “เจ้าเป็นผู้เคราะห์ร้าย เจ้าเป็นอย่างนี้ยิ่งสมควรถูกรักให้มากจึงจะถูก ทำไมจะถูกรังเกียจล่ะ? ข้าไม่ใช่คนไม่มีหัวจิตหัวใจพรรค์นั
“ข้ารู้นานแล้วว่าเขากับแม่นางเซียงหลิงลักลอบส่งสายตาให้กัน ในเมื่อพบกับคนที่ถูกต้องในเวลาที่ถูกต้อง แล้วทำไมข้าไม่ให้พวกเขาสมหวังล่ะ? อีกอย่าง คนที่ชื่นชอบเขามีตั้งเยอะ พวกเราริษยาได้ไม่หมดหรอก”“ขอแค่เขาจริงใจกับพวกเราพี่น้องก็พอแล้ว ข้าอยากเป็นผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังพี่อวิ๋นฟาน ให้เขาต่อสู้กับใต้หล้าได้แบบไร้กังวล แค่นี้ข้าก็พอใจแล้ว”ได้ยินคำพูดจากก้นบึ้งหัวใจของพี่จิ่นเอ๋อร์ เสี่ยวจวี๋กอดมู่หรงจิ่นอย่างรู้ความ “พี่จิ่นเอ๋อร์ ท่านดีจริง ๆ มิน่ารัชทายาทถึงรักท่านปานนั้น”“นอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องต้องทำอีกมาก!”......“บัดซบ บัดซบสิ้นดี!!!!”ในตำหนักเหยียนเหนียน ไท่ซั่งหวงพิโรธอย่างหนัก กวาดฎีกาที่อยู่บนโต๊ะลงพื้นหมด เคราขาวสั่นกระพือด้วยความโกรธ “ไท่ซั่งหวง โปรดระงับโทสะด้วยพ่ะย่ะค่ะ โปรดระงับโทสะด้วยพ่ะย่ะค่ะ”เฉาเจิ้งฉุนเห็นไท่ซั่งหวงเดือดดาลเช่นนี้ จึงรีบเข้าไปลูบหลังไท่ซั่งหวงและพูดปลอบ “พระพลานามัยแข็งแรงคืออันดับหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องพิโรธกับเรื่องพวกนี้ในราชสำนักหรอกพ่ะย่ะค่ะ มันได้ไม่คุ้มเสีย”“ฮึ! เจ้าดูเถอะว่านี่มันคือฎีกาอะไรบ้าง!”ไท่ซั่งหวงชี้ฎีกาที่อยู่บนพื้นแ
ไท่ซั่งหวงพิจารณาครู่หนึ่ง ก่อนจะขมวดคิ้วเอ่ย “เซียวเทียนติ่งนี่มันยังไงกันแน่? ที่เรื่องเลยเถิดมาถึงขั้นนี้ หรือว่าเขาจะไม่มีปัญหา?”เฉาเจิ้งฉุนตอบ “มีปัญหาพ่ะย่ะค่ะ และยังเป็นปัญหาใหญ่เสียด้วย เกิดเรื่องเลวทรามเช่นนี้ในขอบเขตที่เขาดูแล เห็นชัดว่ามีเงาคุ้มครองอนุญาตอย่างลับ ๆ”“อ้อ? ไหนลองว่ามาสิ”ไท่ซั่งหวงปรับอารมณ์และเอ่ยหน้าเข้ม“ทูลไท่ซั่งหวง ตามข้อมูลที่หน่วยบูรพารวบรวมได้ เซียวเทียนติ่งน่าจะเป็นคนขององค์ชายรอง แต่กระหม่อมมักรู้สึกว่าเรื่องมันไม่เป็นเช่นนั้น ในสำนักศึกษาหลวง เขาค่อนข้างยอมให้ท่านอ๋องน้อยอย่างเห็นได้ชัด”เฉาเจิ้งฉุนเอ่ยเสียงหนัก “ทรงคิดดูสิพ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อเขาคือคนขององค์ชายรอง ก็ควรอยากให้ฉินอวิ๋นฟานเอาชีวิตท่านอ๋องน้อยสิ เช่นนี้จึงจะสามารถโยงใยความแค้น สามารถดึงความขัดแย้งไปถึงตัวเฮ่อชินอ๋อง แต่เขากลับไม่ทำเช่นนั้น หากส่งข่าวทันท่วงที จึงไม่ทำให้เรื่องบานปลายไปกันใหญ่”“ดูจากการแสดงออกของเฮ่อชินอ๋องในวันนี้ เขาน่าจะรู้เรื่องในราชสำนักดีมาก กระทั่งมองแวบเดียวก็รู้ว่านี่คือแผนร้ายที่องค์ชายรองชักใยอยู่เบื้องหลัง”“ดังนั้นกระหม่อมสันนิษฐานว่า เป็นไปได้มากว่
“องค์ชายใหญ่ เรื่องนี้จะโทษคนอื่นไม่ได้กระมัง? จะโทษก็ต้องโทษที่เฉาส่วงหาเรื่องเอง กระตุกหนวดใครไม่กระตุก ดันไปกระตุกหนวดฉินอวิ๋นฟาน?”หวังจื้อแค่นเสียงใส่ “ต่อหน้าธารกำนัล ในสถานที่อย่างสำนักศึกษาหลวง ย่ำยีลูกสาวช่างใหญ่หลู่ต่อหน้าประชาชี นี่ยังแล้วไปเถอะ พวกเขายังริอ่านจ้องพระชายารัชทายาท? นี่มิใช่รนหาที่ตายแล้วคืออะไร?!”“หรือว่าพวกเขาไม่รู้ว่าองค์ชายห้าตายยังไง? ไท่ซั่งหวงมีท่าทียังไงพวกเขาลืมไปแล้ว?”“นี่เป็นการฉีกหน้าราชวงศ์อย่างแรง ต่อให้ฉินอวิ๋นฟานไม่ฆ่าพวกเขา ท่านคิดว่าไท่ซั่งหวงจะปล่อยพวกเขาไปรึ?!”“เอ่อ... นี่...”ถูกหวังจื้อตวาดใส่ ฉินอวิ๋นคังมึนตึบ มองไปทางพ่อตาฮั่วเจิ้นหลงด้วยความสับสนยามนี้ฮั่วเจิ้นหลงก็จุกอกเหมือนกัน จากเนื้อแท้ของเรื่องนี้ หวังจื้อพูดไม่ผิด แต่เขามักรู้สึกว่ามีตรงไหนทะแม่ง ๆ แต่ก็บอกไม่ถูกอีกนับวันฉินอวิ๋นฟานจะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นทุกที ความเด็ดขาดดุดันโหดเหี้ยม ขั้วอิทธิพลเริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง หนำซ้ำเขายังมีกำลังประมาณหนึ่งในการชิงบัลลังก์แล้ว“เสี่ยวจื้อ ฉินอวิ๋นฟานแข็งกร้าวมากขึ้นทุกที ค่ายทานหลางขยายตัวไม่หยุด พวกเราจะรับมือยังไงดี?”
ภายใต้ม่านรัตติกาล หวงต้าหยวนยืนอยู่บนอาคารของหอวั่งเจียง กำลังมองไปทางตำหนักรัชทายาท หวงต้าหยวนที่ปลดผ้าปิดหน้าแล้วผ่องใสบริสุทธิ์ พริ้งเพราปานนางฟ้าผู้มาเยือนแดนโลกีย์นางอยู่ในชุดกระโปรงยาวผ้าโปร่งสีชมพูอ่อน พลิ้วไหวท่ามกลางสายลมยามราตรี แสดงสรีระนูนเว้าสวยงามของนางออกมาจนสิ้น ริมฝีปากจิ้มลิ้มดุจอิงเถา[1] ผิวพรรณขาวเนียนราวกับแค่แตะก็แตก มองปราดเดียวพาลให้คนตกอยู่ในภวังค์“เจ้าลูกบัดซบนี่ได้ลาภลอยสุดวิเศษอีกแล้วนะ สาวน้อยวัยสิบห้าเอ๊าะมากสินะ?”ในวาจาของหวงต้าหยวนเต็มไปด้วยความซับซ้อน นางทั้งอิจฉาและริษยา กล่าวถึงรูปโฉม นางไม่คิดว่าตัวเองแพ้ตรงไหน กล่าวถึงความสามารถ นางมั่นใจว่าใต้หล้านี้มีผู้หญิงแค่ไม่กี่คนที่สามารถหยิบยกมาเทียบกับนางยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว ทำให้หลายปีนี้นางยิ่งหยิ่งผยอง เย็นชา โดดเดี่ยว ปฏิเสธคนอยู่นอกพันลี้ แต่สุดท้ายแล้วนางก็เป็นแค่สาวน้อยวัยแรกแย้มยี่สิบต้น ๆ คนหนึ่งหลายปีขนาดนี้ ฉินอวิ๋นฟานคือผู้ชายคนเดียวที่สามารถเดินเข้าหัวใจของนางได้ และผู้ชายคนนี้กำลังหมกมุ่นอยู่กับหญิงอื่น เช่นนี้นางผู้มีจิตใจทระนงจะสบายใจได้อย่างไร?“ฉินอวิ๋นฟาน วันนี้เจ้าเกรี้ยวกราดเพ
ที่ทำให้นางเหลือเชื่อมากกว่านั้นคือ ผ่านมาหลายปีอย่างนี้ ฉินอวิ๋นฟานเป็นสามีภรรยาทางพฤตินัยกับสองพี่น้องเท่านั้น และนางกลับเป็นผู้หญิงของฉินอวิ๋นฟานอย่างเป็นทางการคนที่สอง?ในยุคสมัยนี้ สาวใช้ข้างห้องไม่มีตำแหน่งทางการ หนำซ้ำยังต้อยต่ำมาก เป็นแค่ตัวแก้ขัดความต้องการทางร่างกายของเจ้านายในช่วงเวลาพิเศษเท่านั้นดังนั้น จากเนื้อแท้แล้ว นางคือผู้หญิงซึ่งมีตำแหน่งคนที่สองของฉินอวิ๋นฟาน“จริงสิ ไม่เชื่อเจ้าก็ลองถามจิ่นเอ๋อร์ดูได้ นางรู้จักข้าดีที่สุด”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย“ไอ้หยา เรื่องพรรค์นี้จะกล้าถามได้ยังไง!”หลู่เซียงหลิงพูดอย่างกระดากใจ“มันก็จริง พวกเจ้าพี่น้องยังไม่ค่อยสนิทกันเท่าไร แถมยังเป็นเรื่องน่าอายอย่างนี้อีก”ฉินอวิ๋นฟานลูบคาง จากนั้นก็พลันคิดได้ “เสี่ยวเซียงหลิง เจ้าว่าแบบนี้เป็นยังไง เพื่อให้พวกเจ้าพี่น้องสนิทสนมกันเร็วที่สุด เข้ากันได้เร็วที่สุด มิสู้คืนนี้เราสี่คนนอนด้วยกันเถอะ?”“ทะ ท่าน ท่านพูดอะไรน่ะ? ไอ้หยา คนผีทะเล! อายจะแย่อยู่แล้ว ท่านพูดเรื่องอย่างนี้ออกมาจากปากได้ยังไงกันนะ?”การเสนออย่างกะทันหันนี้ของฉินอวิ๋นฟานทำให้หลู่เซียงหลิงตกตะลึงพรึงเพริดเดี๋ยวนั้น แท
ฉินอวิ๋นฮุยจ้องฉินอวิ๋นฟาน สายตามืดสว่างไม่แน่นอน เขาเลื่องชื่อเรื่องชำนาญการวางแผนกลอุบายในต้าเฉียน มีหรือจะไม่เข้าใจความหมายโดยนัยที่อีกฝ่ายพูดเฮ่อชินอ๋องฉินอ้าวอันตรายเพียงใด วิธีการน่ากลัวเพียงใด เขารู้ดีกว่าคนส่วนใหญ่ในที่นี้อีก นั่นคือราชสีห์เฒ่าที่ซ่อนเร้นมานานหลายสิบปีตัวหนึ่ง บัดนี้ตื่นขึ้นโดยสิ้นเชิงแล้ว“องค์ชายรอง ฉินอวิ๋นฟานคารมคมคายที่สุด ท่านอย่าได้หลงกลเขานะ”ยามนี้ถังเจิ้นไห่ใจร้อนดั่งไฟเผา หากฉินอวิ๋นฮุยหันหลังทิ้งเขา นั่นจะได้เปิดหูเปิดตาจริงแล้ว ความสัมพันธ์พันธมิตรที่เพิ่งก่อตั้ง พลังทลายลงด้วยผลประโยชน์อันยั่วยวนและการพูดไม่กี่คำของฉินอวิ๋นฟาน“ข้า...”ฉินอวิ๋นฮุยอยากจะพูดแต่ก็หยุดอีก ในใจสับสนนักยามที่เขาได้ประโยชน์จากฉินอวิ๋นฟานและร่วมมือกับอีกฝ่าย ในใจก็มีคำตอบแล้ว ติดที่ร่วมมือกับเฮ่อชินอ๋องเป็นครั้งแรกก็ต้องจบด้วยรูปแบบไม่รื่นรมย์เช่นนี้ มากน้อยยังลำบากใจอยู่บ้างนาทีนี้ ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วน้อย ๆ ที่แล้วมาพี่รองเป็นคนคำนวณแม่นยำ ความคิดชัดเจน สถานการณ์ในวันนี้เรียกว่าแค่มองก็รู้ คุณโทษเขาก็วิเคราะห์ได้ชัด ไม่นึกว่าพี่รองจะคิดหนักถึงขั้นนี้ทันใดนั้น
ถังเจิ้นไห่สีหน้าแย่ที่สุด นี่คือการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรก เข้าร่วมการชิงบัลลังก์อย่างโจ่งแจ้งและเป็นทางการของพวกเขา กลับต้องพ่ายแพ้ย่อยยับ เขาแค้นใจนัก ดังนั้นก็ต้องไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้อยู่แล้ว“เหอะ...รัชทายาท ข้าจำต้องยอมรับความต้องการก้าวสู้ความยิ่งใหญ่ของท่าน ทุกคนในที่นี้ถูกหลอกกันหมด ท่านคิดว่าตัวเองอาภรณ์ไร้ตะเข็บจริงหรือ?”ถังเจิ้นไห่เห็นฉินอวิ๋นฮุยหวั่นไหวจึงก้าวออกมาอีกครั้ง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องกวนน้ำให้ขุ่น จะให้ฉินอวิ๋นฟานสมหวังไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นขั้วอิทธิพลของพวกเขาจะกลายเป็นชุดวิวาห์ของฉินอวิ๋นฟานการทุ่มเทกายใจเพื่อให้คนอื่นประสบความสำเร็จ เขาไม่มีทางทำเด็ดขาด แม้ต้องเสี่ยงล่วงเกินไท่ซั่งหวง เขายังต้องก้าวออกมา ถึงอย่างไรผู้ที่อยู่ข้างหลังเขาก็คือเฮ่อชินอ๋อง โอรสสายพระโลหิตของไท่ซั่งหวงเขาไม่เชื่อว่าไท่ซั่งหวงจะกล้าฆ่ากระทั่งโอรสที่เหลืออยู่เพียงองค์เดียว“อ้อ? แม่ทัพผู้เฒ่าถัง ท่านหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฮุยขมวดคิ้วมุ่นอีกครั้ง ยามนี้ทุกย่างก้าวสำคัญต่อเขามาก เขาต้องระมัดระวังรอบคอบ นอกเสียจากเป็นเรื่องที่มีคุณไร้โทษต่อเขา เขาจึงจะออกมาแสดงจ
“เลอะเลือน?”ฉินอวิ๋นฮุยขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางพูด “น้องเจ็ด เจ้าหมายความว่ายังไง?”ชิงอำนาจผลประโยชน์มานานเช่นนี้ พวกเขาย่อมแบ่งแยกคุณโทษได้ชัดเจน ชนชั้นเจ้าของที่ดินคือรายได้และผลประโยชน์ส่วนสำคัญและเป็นความมั่นคงของบรรดาผู้มีอำนาจ คือวิธีการสำคัญในการบีบบังคับอำนาจราชวงศ์มาถึงฉินอวิ๋นฟานก็จะลงมือกับพวกเจ้าของที่ดิน ย่อมแตะจุดอ่อนไหวของพวกเขาเป็นธรรมดา พวกเขามิใช่คนเขลา ไม่มีทางให้ฉินอวิ๋นฟานสมปรารถนาง่าย ๆ หรอก ต่อให้ไม่ได้เมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูง พวกเขาก็จะไม่เปิดโอกาสให้ฉินอวิ๋นฟานง่าย ๆ อย่างแน่นอน!“พี่ใหญ่ พี่รอง หรือพวกท่านยังไม่เห็นอีก? ฮ่องเต้ต้าเฉียนแต่ละพระองค์ปวดหัวกับพวกเจ้าของที่ดินพวกนี้มากที่สุดใช่หรือไม่?”ฉินอวิ๋นฟานกล่าววาจาโน้มน้าวทีละขั้น“หือ?”ฉินอวิ๋นฮุยเลิกคิ้ว ไม่ได้ตอบคำถามของฉินอวิ๋นฟานโดยตรง เขากำลังใคร่ครวญอยู่ในใจ ก่อนขึ้นครองราชย์เขาจะต้องเป็นพวกเดียวกับเจ้าของที่ดินเหล่านี้ หากเขารู้ดีว่าในอดีตเสด็จพ่อทรงปวดศีรษะมากเพียงไร ถ้าเขาสามารถขึ้นตำแหน่งนั้น...จะต่างกันโดยสิ้นเชิง!“ท่านดูสิ ข้าแค่ใช้ที่ดินของพวกเจ้าของที่ดินเหล่านี้ผลิตธัญพืชมากขึ้น ภายใต้
“แน่นอน”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มอย่างมั่นใจ “ในเมื่อชาวบ้านเมืองจัวต่างเพาะปลูกข้าวผลผลิตสูงจนชีวิตความเป็นอยู่เริ่มดีแล้ว แล้วหม่อมฉันยังจะทำใจเห็นชาวบ้านเมืองอื่น ๆ หิวโหยได้อย่างไร?”“อ้อ? ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง ฟานเอ๋อร์ เจ้าคิดจะทำยังไง?”สายตาที่ไท่ซั่งหวงมองฉินอวิ๋นฟานเกิดความเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ทบทวนทุกเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานทำในวันนี้ นั่นล้วนแล้วแต่ทำให้เขารู้สึกปลื้มใจและตกตะลึงยิ่งนัก เรื่องแรกที่เขาทำก็คือเรื่องสำนักศึกษาหลวง บ่มเพาะผู้มีความสามารถเพื่ออนาคตของต้าเฉียนเรื่องที่สองคือก่อตั้งเมืองการค้าขนาดใหญ่ ให้คนจากทุกแคว้นมาค้าขายกับต้าเฉียน เช่นนี้จะทำให้ต้าเฉียนกลายเป็นศูนย์กลางการค้าโลก เศรษฐกิจของต้าเฉียนจะรุดหน้าแบบที่มิอาจหยุดยั้งเรื่องที่สามคือเรื่องที่ไท่ซั่งหวงปลาบปลื้มมากที่สุด โลกในปัจจุบัน การแก้ไขปัญหาปากท้องคือปัญหาใหญ่หลวงในศตวรรษนี้ ทว่าฟานเอ๋อร์ใส่ใจกับเรื่องนี้ตามที่เขาคาดคิดเอาไว้“เสด็จปู่ เป็นเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ ปริมาณการผลิตของข้าวข้ามสายพันธุ์สูงกว่าข้าวทั่วไปถึงเจ็ดเท่า ดังนั้นการกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวผลผลิตสูงนี้จะรอช้าไม่ได้”ฉินอวิ๋นฟานพูดเป็นการเป็นง
“เอ่อ... แต่เพียงแต่ข้าที่กังวลเช่นนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมีความกังวลนี้เหมือนกันกระมัง? อย่างไรเสีย ของอย่างบัญชีก็สามารถปลอมแปลงได้”เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดตามตรง ฉินอวิ๋นฮุยจึงไม่อ้ำอึ้งอีก การยกเรื่องไม่ดีมาพูดแต่แรกมิใช่เรื่องน่าอายอันใด เพราะมันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเขา เขาไม่อยากถูกฉินอวิ๋นฟานหลอก!“ฮ่า ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานลั่นเสียงหัวเราะทันที “พี่รองทำงานรอบคอบดังคาด น้องเจ็ดเลื่อมใส แต่ท่านคิดมากไปแล้ว ถ้าต้องดูแลเมืองการค้าสามเมือง คนของข้าไม่มีทางพอ ถ้าพวกท่านไม่ส่งคนมาช่วยงาน ข้าคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”“อ้อ? น้องเจ็ดพูดจริงรึ?!”เมื่อนั้นหัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของฉินอวิ๋นฮุยจึงสงบลง หากเขาสามารถให้คนเข้าร่วมอยู่ในเมืองการค้าทั้งสามเมืองได้ เช่นนั้นเขาจะวางใจได้แล้ว เพราะจะรับประกันผลประโยชน์ของเขาได้ทั้งหมด!“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านวางใจได้เลย ระหว่างพวกเราพี่น้องแม้เป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้านเมือง พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง มีเพียงเช่นนี้ต้าเฉียนเราจึงจะเฟื่องฟูได้นิรันดร์”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในเรื่องการค้า เครือเหิงไท่จะรับผิดชอบกิจการหลักท
ฉินอวิ๋นฟานกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อให้ใครกล้ามีความคิดส่วนตัวก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกเราต้องร่วมกันทำงาน หากไม่อยากเสียเมืองไป ไม่อยากตาย ทหารทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เป็นหนึ่งเดียวสู้กับภายนอก”“ดี ดีมาก ความคิดนี้ไม่เลว!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ไท่ซั่งหวงรู้อยู่แล้วว่าฉินอวิ๋นฟานต้องทุ่มเทเพื่อแผนการนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีทางคิดแผนการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้“อื่ม ไม่เลว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ได้ดีใจกับแผนการสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของฉินอวิ๋นฟาน เพราะแม้เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองจริง หากไร้ประโยชน์อันใดต่อพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขายังจะกลายเป็นคนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้งานอีกด้วยพวกเขาส่งทหารรักษาเมือง ฉินอวิ๋นฟานกอบโกยกำไรอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วฉินอวิ๋นฮุยก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือโดยแท้!ทว่าไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?ฉินอวิ๋นฟานรู้ความคิดของพวกเขาดี อีกอย่าง ถ้าครองผลงานเองในเวลานี้จะเป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเอามาก ๆ ฉินอวิ๋นฟานไม่ทำเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้หรอก!โบราณกล่าว ตบหน้าฉาดหนึ่งต้องให้พุทราหวานหนึ่งลูก อีกฝ่ายส่งทหารม
ขณะนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ ถ้อยคำชวนให้คนมีจิตใจฮึกเหิมของฉินอวิ๋นฟานวนเวียนอยู่ในหัวของ แม้ไท่ซั่งหวงเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน!รัชทายาทวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่ง ช่างเป็นชายชาตินักรบเลือดร้อนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน หากคนเช่นนี้เป็นจักรพรรดิ ไยต้องกลัวอนาคตต้าเฉียนจะไม่ศิวิไลซ์?“เกี่ยวกับการสร้างเมืองการค้าสี่แห่งในสี่ทิศของต้าเฉียน ทุกคนคัดค้านอย่างหนัก ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนมาก แต่ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ ข้าก็ต้องยอมรับเสียงและความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนว่ามาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน มีแต่ต้องทำให้ทำคนยอมรับเรื่องนี้จากใจจริง เขาจึงจะยึดสิทธิ์ความเป็นผู้นำได้ มิเช่นนั้นต่อให้ใช้กำลังผลักดันเรื่องนี้ คนเหล่านี้ต้องเล่นตุกติกลับหลังเขาแน่ เช่นนี้มีแต่จะทำให้รำคาญดังนั้นฉินอวิ๋นฟานเตรียมตัวกับการคัดค้านและความคิดของทุกคนแต่แรกแล้ว ต้องการแค่โอกาสประจวบเหมาะหนึ่ง เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคอิจฉาตาร้อนมีมากเหลือเกิน มีแต่ต้องคิดหาทางหยดยาดวงตาให้พวกเขาสักหน่อย จึงจะขจัดต้นตอของปัญหาได้ “นี่...”ผู้คนมากมายแน่นขนัดพูดไม่ออกสักคำ เพราะต่างมีความกังวลอยู่ในใจ ฉ
นาทีนี้ถังเจิ้นไห่ถูกโจมตีทำร้ายทางจิตใจอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานปากคอเราะรายน่ากลัวจริง ๆ การโจมตีของเขารวดเร็วนัก เขาต้านทานไม่ไหวเลยเขาจนปัญญากับการโจมตีของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ได้แต่ใช้สถานะข่มขู่ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะหยุดโจมตีเขาน่าเสียดาย แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร และไม่เคยเป็นพวกยอมเสียเปรียบ หากมีคนโจมตีเขา ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!ต้องถล่มอีกฝ่ายจนแพ้ราบคาบ นี่สิจึงจะเป็นเป้าหมายความเป็นคนของเขา และถังเจิ้นไห่ก็แตะเขตต้องห้ามของเขาพอดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่ไว้หน้าเขา!ครั้นพวกฉินอวิ๋นฮุยเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พากันมอบสายตาเห็นใจให้ถังเจิ้นไห่ พวกเขาเคยได้รับการสั่งสอนด้วยหมัดหนักจากฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย หากหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!ไท่ซั่งหวงและจางเต้าหลินฉายรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานจะหยาบคายไม่รื่นหูไปบ้าง แต่สะใจยิ่งนัก! นักวางแผนร้ายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดกลับจนต้องสงสัยในชีวิต เด็ดสะระตี่แท้!“เกินไป? ตอนนี้ท่านรู้ว่าเกินไป? ตอนที่ท่านสาดน้ำคลำใส่
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน