หลิวเป้ยเอ่ยเสียงกร้าว“หา ใต้เท้าเจ้าเมือง ใส่ความกันนะ นี่คือการใส่ร้ายของพวกคนเลวพวกนั้น พวกเขาใส่ร้ายข้า ได้โปรดเมตตาด้วย!”เมื่อหนิวสือได้ยินก็ลนลาน เรื่องที่ทำลายแผงลอยของสวี่เหลียงพวกเขาไม่ได้ทำเป็นครั้งแรก เนื่องจากน้องสาวของเขาเป็นอนุภรรยาของเริ่นเซิน ดังนั้นเมื่อครู่จึงอวดเบ่งวางก้าม ข่มเหงรังแกประชาชนทันทีที่เรื่องนี้ถูกพิสูจน์ เขายังจะรักษาชีวิตน้อย ๆ ได้อีกหรือ?“เหอะ! เมตตา?”หลิวเป้ยเอ่ยเสียงเย็น “คนที่ถูกพวกหนิวสือรังแกเมื่อก่อนหน้า จงก้าวออกมาพูดเดี๋ยวนี้! วันนี้ข้าหลิวเป้ยจะให้ความเป็นธรรมกับพวกเจ้าตรงนี้เลย!”เมื่อสิ้นเสียง เจ้าของแผงลอยสิบกว่าคนก้าวออกมาทันที หนึ่งในนั้นพูดทั้งน้ำตา “เจ้าเมืองหลิว สามวันก่อนเพราะว่าข้าน้อยมีเงินไม่พอจ่ายค่าส่วนกลาง ก็เลยถูกพวกหนิวสือรุมซ้อม ตอนนี้หน้ายังบวมอยู่เลยขอรับ”“ข้าน้อยก็ด้วยขอรับ แผงลอยของข้าน้อยจนถึงตอนนี้ยังถูกยึดอยู่ที่จวนว่าการอยู่เลย จะให้ข้าน้อยจ่ายยี่สิบตำลึงก่อนถึงจะไถ่ถอนคืนกลับมาได้ ข้าน้อยเป็นแค่ชาวบ้านตาดำ ๆ ต่อให้ไม่กินไม่ใช้หนึ่งปีก็หายี่สิบตำลึงยากนะขอรับ”“เจ้าคนสมควรตายนี่ เมียข้าน้อยถูกเขาแต๊ะอั๋
“ฮึ ข่มขู่เจ้าแล้วจะยังไง? เจ้ายังจะทำอะไรข้าได้?”เริ่นเซินยังคงกำแหงเหมือนเดิม ไม่เห็นหลิวเป้ยอยู่ในสายตาสักนิด เขาเชื่อว่าไม่มีใครในเมืองจัวกล้าแตะต้องเขาง่าย ๆ เขาไม่เพียงแต่เป็นคนขององค์ชายใหญ่ หนำซ้ำยังเป็นคนตระกูลเริ่น ลงมือกับเขา นอกเสียจากรังเกียจที่อายุยืน!ฉินอวิ๋นฟานนั่งชมอยู่ด้านข้างด้วยสายตาเย็นชา เขาก็อยากดูสิว่าเริ่นเซินผู้นี้จะโอหังสักแค่ไหน? และหลิวเป้ยจะแก้ไขปัญหานี้ด้วยวิธีการอะไร เขาอยากเห็นว่าบนตัวของหลิวเป้ยยังมีความเร่าร้อนอยู่อีกหรือไม่!“ทำอะไรได้? อีกเดี๋ยวเจ้าจะได้รู้แล้ว!”บนใบหน้าของหลิวเป้ยเต็มไปด้วยสีสันของความเย็นชา เขาตวาด “ใครก็ได้! นำตัวพวกคนบาปหนิวสือไปประหารเดี๋ยวนี้!”ซี้ด!หลิวเป้ยออกคำสั่ง ทุกคนในที่นั้นต่างสูดลมเย็นเข้าปอด ภาพจำที่ทุกคนมีต่อหลิวเป้ยคือสุภาพบุรุษอ่อนโยน ทำไมวันนี้ถึงแข็งกร้าวอย่างนี้ได้ล่ะ?ฉินอวิ๋นฟานที่อยู่ด้านข้างยิ้มบางเหมือนกัน มีเพียงเช่นนี้จึงจะสามารถข่มขวัญพวกต่ำช้าเหล่านั้นได้!“อะไรนะ? ประหาร?!”ครั้นหนิวสือได้ยินพลันแตกตื่น เขารีบเอ่ยปากขอร้อง “น้อง น้องเขย ช่วยข้า ช่วยข้าด้วย ข้ารู้ความผิดแล้ว ต่อไปต้องแก้ตั
“ดี ดี ดีมาก หลิวเป้ย วันนี้ถือว่าเจ้าแน่ ข้าจำเจ้าไว้แล้ว หวังว่าพรุ่งนี้เจ้าจะยังใจเด็ดอย่างนี้นะ!”พวกหนิวสือถูกฆ่าตายแล้ว ถึงเริ่นเซินจะยังมีไฟโทสะไม่สิ้นสุด กลับได้แต่พูดคำหนัก อย่างไรเวลานี้เขาก็ไม่มีผู้ช่วยสักคน และหลิวเป้ยก็มีกำลังคนมากกว่าก็ในตอนที่เขาเตรียมจะไป กลับถูกคนของหลิวเป้ยขวางเอาไว้ฉับพลัน“หลิวเป้ย นี่เจ้าหมายความว่ายังไง?”เริ่นเซินยังคงไม่ตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่อง เขาหรี่ดวงตาทั้งสองและถาม “คนของข้าเจ้าก็ฆ่าไปแล้ว เจ้ายังจะเอายังไงอีก? หรือว่ายังอยากเล่นงานข้า?”หลิวเป้ยกลับไม่ต่อความกับเริ่นเซิน เอ่ยปาก “สองเดือนกว่าก่อนหน้านี้ ในตอนที่อุทกภัยเพิ่งเริ่ม เพื่อเอาตัวรอด เพื่อไม่ให้จวนพักของเจ้าถูกน้ำพัดทำลาย จงใจขุดทำนบน้ำใหญ่ทางตะวันตกของเมือง ทำให้มวลน้ำทั้งหมดหลากเข้าพื้นที่คนยากไร้ มีเรื่องเช่นนี้หรือไม่?”ถูกหลิวเป้ยเอ่ยถามเสียงเย็น เริ่นเซินรูม่านตาหดเล็ก ลางร้ายผุดขึ้นมาในหัวใจฉับพลัน เรื่องนี้คือเรื่องจริง ถ้าไม่เบนน้ำไปทางพื้นที่คนยากไร้ น้ำจะต้องหลากเข้าจวนที่พักของเขาแน่ เพื่อเอาตัวรอด จึงได้แต่เสียสละชีวิตชาวบ้านให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง
ยามนี้ ในที่สุดเริ่นเซินก็ตระหนักถึงลางร้ายแล้ว แม้เขาจะมีคนให้ท้าย แต่เมืองจัวอยู่ห่างจากเมืองหลวง และหลิวเป้ยก็กุมอำนาจทหารของเมืองจัวทั้งหมด ทหารในจวนสามร้อยคนกับเจ้าหน้าที่ในที่ทำการ ไม่พอให้อยู่ต่อหน้าหลิวเป้ยถ้าหลิวเป้ยต้องการเอาชีวิตเขา เช่นนั้นวันนี้เขาคงร้ายมากกว่าดี นึกถึงภาพที่เริ่นซวี่ผู้เป็นน้องชายลูกพี่ลูกน้องถูกฆ่าเมื่อก่อนหน้านั้น เริ่นเซินขนลุกโดยที่ไม่หนาว จะอย่างไรหลิวเป้ยก็เป็นคนของรัชทายาท“เจ้าอยู่ในรายชื่อประหารของข้านานแล้ว ที่เก็บเจ้าไว้ถึงวันนี้ ก็เพราะข้าเพิ่งมาดำรงตำแหน่งที่เมืองจัว กลัวว่าฐานไม่มั่นคงจะถูกพวกเจ้ากับขั้วอำนาจที่อยู่ข้างหลังขัดขวางแผนพัฒนาของเมืองจัว”หลิวเป้ยกล่าวด้วยใบหน้าปราศจากอารมณ์ “บัดนี้รัชทายาทมาด้วยตนเอง ออกประกาศิตต่อข้า เช่นนั้นข้าก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว ดำเนินแผนการประหารก่อนกำหนด หวังว่าชาติหน้าเจ้าจะไม่ทำเรื่องผิดต่อคุณธรรมฟ้าอีก มิเช่นนั้นจะต้องไปเวียนว่ายตายเกิดก่อนกำหนดอีกแล้ว!”“อะไรนะ? เจ้าคิดจะฆ่าข้าแต่แรกแล้ว?!”เริ่นเซินหมดสิ้นความหวัง ความตกใจกลัวแสดงออกมาอยู่เต็มใบหน้า เขารีบร้องขอ “หลิวเป้ย ท่าน ท่านจะฆ่าข้าไม
ฉินอวิ๋นฟานก็อยากขจัดความเหิมเกริมและความรู้สึกเหนือกว่าของพวกเขานี่แหละ ให้พวกเขาได้ลิ้มรสสักหน่อยว่าอะไรคือความหวาดกลัวที่แท้จริง อะไรคือความรู้สึกของความตาย“ไม่ ไม่นะ รัชทายาท ขอร้องละ...”ครั้นได้ยินคำพูดของฉินอวิ๋นฟาน เริ่นเซินหมดหวังแล้ว ทีแรกเขายังคิดจะขอร้องให้ไว้ชีวิต แต่ฉินอวิ๋นฟานไม่มีความอดทนจะฟังเขาพูดไร้สาระ จึงโบกมือไปเสีย ไม่สนใจเริ่นเซินอีกหลิวเป้ยพูดหน้าขรึม “ใครก็ได้ เอาตัวเริ่นเซินไปประหารซะ!”“ฮะ...”เริ่นเซินสองขาอ่อนแรง ทรุดตัวลงไปกองกับพื้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคำสั่งของหลิวเป้ย ศีรษะของเริ่นเซินหลุดออกจากบ่า คดีวิวาทในตลาดเป็นอันยุติ“เรียนรัชทายาท คดีฝ่ายปกครองเมืองจัวก่อเรื่องในตลาด ข่มเหงรังแกประชาชนได้จัดการเรียบร้อยแล้วขอรับ!”หลิวเป้ยและคนอื่น ๆ คุกเข่าลงตรงหน้าฉินอวิ๋นฟาน สองมือกำหมัด ท่าทีเคารพอย่างหาที่เปรียบมิได้ฉินอวิ๋นฟานส่งตัวเด็กหญิงให้สวี่เหลียงเบา ๆ ก่อนจะเอามือไพล่หลังแล้วพูด “หลิวเป้ย ทุกคนที่อยู่ในที่นี้ ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะจดจำคำพูดของข้าในวันนี้นะ”“นับแต่โบราณ หาบเร่แรงงาน ลากรถค้าขายคืออาชีพปกติของประชาชนระดับล่าง นี่คือสิทธิพื้
กลับถึงจวนเจ้าเมืองจัว ฉินอวิ๋นฟานนั่งสง่าอยู่บนตำแหน่ง โดยมีหลิวเป้ย หานซิ่นและคนอื่น ๆ ยืนอย่างนอบน้อมอยู่สองฝั่งไม่เจอเกือบหนึ่งเดือน ฉินอวิ๋นฟานเห็นทุกคนหน้าอิดโรยยังรู้สึกปวดใจนัก เพราะพี่น้องเหล่านี้คือคนที่ติดตามเขามาแต่แรก และเมืองจัวคือพื้นที่ซึ่งประสบอุทกภัยร้ายแรง สามารถก่อสร้างจนเป็นเช่นนี้ได้ในเวลาหนึ่งเดือน ไม่ง่ายเลยจริง ๆ ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปาก “ที่ข้ามาครั้งนี้เพราะมีเรื่องสำคัญมากเรื่องหนึ่งต้องการจะพูดกับพวกเจ้า นั่นก็คืออีกสามเดือนพวกเราจะรับมอบเมืองอู่โจว ถึงจะดูเหมือนง่าย แต่ความจริงมันไม่ง่ายเลย ถึงเวลาเมืองอู่โจวจะเป็นการฝึกและบททดสอบสุดท้ายของพวกเจ้า”“ไม่ง่าย? มิใช่ว่าองค์หญิงสามต้าเยียนประกาศต่อทั่วหล้าว่าอีกสามเดือนจะคืนเมืองอู่โจวให้เราหรือ? ถ้ากลับคำพูดที่ต้องขายก็คือหน้าของต้าเยียน พวกเรารับมอบตามปกติก็ได้แล้วนี่?”หลิวเป้ยถามด้วยความฉงน“ครั้งนี้ที่ต้าเยียนประกาศต่อใต้หล้า เพราะพวกเขาซ่อนแผนร้ายเอาไว้ ผิวเผินพูดเสียดิบดี แต่ความจริงกลับวางอุบายกับเรา ข้าไม่คิดว่าพวกเขาจะยอมคืนเมืองอู่โจวให้เราด้วยความสมัครใจ สำหรับเขาวางแผนอะไรอยู่นั้น ข้ายังไม่รู้ ยั
“เนื่องจากพวกเราให้สวัสดิการค่อนข้างดี จึงมีคนมาสมัครเข้าค่ายทัพหน้าค่อนข้างมาก หลังจากคัดเลือกหลายรอบ คนที่สามารถผ่านเกณฑ์มีอยู่เจ็ดหมื่นกว่าคน ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการคัดเลือก ตามแผนการจะได้หนึ่งแสนคนในครึ่งเดือน”“แต่ตามการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเรา ห้าสิบล้านตำลึงเงินเหลือเพียงน้อยนิดแล้ว...”พอพูดถึงเงิน เห็นได้ชัดว่าหานซิ่นละอายใจอยู่บ้าง เพราะในเวลาหนึ่งเดือนสั้น ๆ เขาถลุงเงินไปเกือบห้าสิบล้านตำลึงเงิน นี่คือจำนวนเงินมหาศาล พื้นที่ภัยพิบัติมีจุดที่ต้องใช้เงินมากนัก ซึ่งมันอยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขาโดยสิ้นเชิง“ฮ่า ๆ ๆ...”เห็นหานซิ่นระวังเรื่องเงินอย่างนี้แล้ว ฉินอวิ๋นฟานพลันขำพรืด “ห้าสิบล้านตำลึงใกล้จะหมด? นี่คือข่าวดีนะ! แสดงว่าเจ้าทำงานจริง ๆ ถ้าห้าสิบล้านยังเหลืออีกเยอะ ข้าจะผิดหวังกับพวกเจ้ามาก”“นี่คือตั๋วเงินหนึ่งร้อยล้าน ถลุงมันให้เต็มที่ ใช้มันไปเลย ยิ่งใช้เยอะก็ยิ่งดี ขอเพียงพวกเจ้ากล้าใช้เงิน และใช้เงินกับเรื่องที่สมควร เงินเหล่านี้จึงจะมีคุณค่า ข้าไม่กลัวพวกเจ้าใช้เงินหรอก กลัวแต่พวกเจ้าจะไม่มีความสามารถใช้เงินพวกนี้ต่างหาก!”“หานซิ่น ค่ายทัพหน้าเราจำเป็นต้อง
“เรียนรัชทายาท ตระกูลผังจะเป็นขั้วอิทธิพลยุทธภพ หลังจากคนของพวกเราสืบหลายครั้งกลับไม่ได้ข้อมูลใด ๆ อีกทั้งตระกูลผังเก็บตัวอย่างยิ่ง ไม่รู้ความตื้นลึกหนาบางที่แท้จริง ดังนั้นจึงไม่กล้าแหวกหญ้าให้งูตื่นขอรับ”หลิวเป้ยขมวดคิ้วพูด“อ้อ? ยิ่งน่าสนใจไปทุกทีแล้วสิ ตระกูลในยุทธภพเล็ก ๆ ตระกูลหนึ่ง ภายนอกเก็บตัว แต่ความจริงกลับซ่อนประสงค์ร้าย”ความลึกลับของตระกูลผังทำให้ฉินอวิ๋นฟานระวังมากขึ้น เขาเอ่ยจริงจัง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าก็ปล่อยไปก่อนแล้วกัน เอาไว้ข้าจะคิดหาทางอีกที”“พวกเรามีเวลาไม่มากแล้ว พวกเจ้าเร่งกันหน่อย สามเดือนให้หลังต่อให้เราได้รับมอบเมืองอู่โจวจริง แต่นั่นจะเป็นแค่การเริ่มต้นของเราเท่านั้น ครึ่งปีข้างหน้าน่ากลัวว่าจะเปิดศึกจริง ๆ แล้ว”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ข้าหวังว่าถึงตอนนั้นทหารของเราจะไม่เพียงแต่ฝึกซ้อมมีระเบียบ ยิ่งต้องขึ้นชื่อการรบ ทำให้ศัตรูได้ยินแล้วต้องขวัญผวา!”“รับทราบ!”ทุกคนเลือดร้อนพลุ่งพล่าน ขานเป็นเสียงเดียว......วันต่อมา สำรวจเมืองจัวอย่างละเอียด เมืองจัวที่สร้างขึ้นใหม่หลังภัยพิบัติทำให้ฉินอวิ๋นฟานพอใจมากเขาได้ประจักษ์การชะล้างเมืองจัวร