ฉินอวิ๋นฟานก็อยากขจัดความเหิมเกริมและความรู้สึกเหนือกว่าของพวกเขานี่แหละ ให้พวกเขาได้ลิ้มรสสักหน่อยว่าอะไรคือความหวาดกลัวที่แท้จริง อะไรคือความรู้สึกของความตาย“ไม่ ไม่นะ รัชทายาท ขอร้องละ...”ครั้นได้ยินคำพูดของฉินอวิ๋นฟาน เริ่นเซินหมดหวังแล้ว ทีแรกเขายังคิดจะขอร้องให้ไว้ชีวิต แต่ฉินอวิ๋นฟานไม่มีความอดทนจะฟังเขาพูดไร้สาระ จึงโบกมือไปเสีย ไม่สนใจเริ่นเซินอีกหลิวเป้ยพูดหน้าขรึม “ใครก็ได้ เอาตัวเริ่นเซินไปประหารซะ!”“ฮะ...”เริ่นเซินสองขาอ่อนแรง ทรุดตัวลงไปกองกับพื้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคำสั่งของหลิวเป้ย ศีรษะของเริ่นเซินหลุดออกจากบ่า คดีวิวาทในตลาดเป็นอันยุติ“เรียนรัชทายาท คดีฝ่ายปกครองเมืองจัวก่อเรื่องในตลาด ข่มเหงรังแกประชาชนได้จัดการเรียบร้อยแล้วขอรับ!”หลิวเป้ยและคนอื่น ๆ คุกเข่าลงตรงหน้าฉินอวิ๋นฟาน สองมือกำหมัด ท่าทีเคารพอย่างหาที่เปรียบมิได้ฉินอวิ๋นฟานส่งตัวเด็กหญิงให้สวี่เหลียงเบา ๆ ก่อนจะเอามือไพล่หลังแล้วพูด “หลิวเป้ย ทุกคนที่อยู่ในที่นี้ ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะจดจำคำพูดของข้าในวันนี้นะ”“นับแต่โบราณ หาบเร่แรงงาน ลากรถค้าขายคืออาชีพปกติของประชาชนระดับล่าง นี่คือสิทธิพื้
กลับถึงจวนเจ้าเมืองจัว ฉินอวิ๋นฟานนั่งสง่าอยู่บนตำแหน่ง โดยมีหลิวเป้ย หานซิ่นและคนอื่น ๆ ยืนอย่างนอบน้อมอยู่สองฝั่งไม่เจอเกือบหนึ่งเดือน ฉินอวิ๋นฟานเห็นทุกคนหน้าอิดโรยยังรู้สึกปวดใจนัก เพราะพี่น้องเหล่านี้คือคนที่ติดตามเขามาแต่แรก และเมืองจัวคือพื้นที่ซึ่งประสบอุทกภัยร้ายแรง สามารถก่อสร้างจนเป็นเช่นนี้ได้ในเวลาหนึ่งเดือน ไม่ง่ายเลยจริง ๆ ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปาก “ที่ข้ามาครั้งนี้เพราะมีเรื่องสำคัญมากเรื่องหนึ่งต้องการจะพูดกับพวกเจ้า นั่นก็คืออีกสามเดือนพวกเราจะรับมอบเมืองอู่โจว ถึงจะดูเหมือนง่าย แต่ความจริงมันไม่ง่ายเลย ถึงเวลาเมืองอู่โจวจะเป็นการฝึกและบททดสอบสุดท้ายของพวกเจ้า”“ไม่ง่าย? มิใช่ว่าองค์หญิงสามต้าเยียนประกาศต่อทั่วหล้าว่าอีกสามเดือนจะคืนเมืองอู่โจวให้เราหรือ? ถ้ากลับคำพูดที่ต้องขายก็คือหน้าของต้าเยียน พวกเรารับมอบตามปกติก็ได้แล้วนี่?”หลิวเป้ยถามด้วยความฉงน“ครั้งนี้ที่ต้าเยียนประกาศต่อใต้หล้า เพราะพวกเขาซ่อนแผนร้ายเอาไว้ ผิวเผินพูดเสียดิบดี แต่ความจริงกลับวางอุบายกับเรา ข้าไม่คิดว่าพวกเขาจะยอมคืนเมืองอู่โจวให้เราด้วยความสมัครใจ สำหรับเขาวางแผนอะไรอยู่นั้น ข้ายังไม่รู้ ยั
“เนื่องจากพวกเราให้สวัสดิการค่อนข้างดี จึงมีคนมาสมัครเข้าค่ายทัพหน้าค่อนข้างมาก หลังจากคัดเลือกหลายรอบ คนที่สามารถผ่านเกณฑ์มีอยู่เจ็ดหมื่นกว่าคน ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการคัดเลือก ตามแผนการจะได้หนึ่งแสนคนในครึ่งเดือน”“แต่ตามการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเรา ห้าสิบล้านตำลึงเงินเหลือเพียงน้อยนิดแล้ว...”พอพูดถึงเงิน เห็นได้ชัดว่าหานซิ่นละอายใจอยู่บ้าง เพราะในเวลาหนึ่งเดือนสั้น ๆ เขาถลุงเงินไปเกือบห้าสิบล้านตำลึงเงิน นี่คือจำนวนเงินมหาศาล พื้นที่ภัยพิบัติมีจุดที่ต้องใช้เงินมากนัก ซึ่งมันอยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขาโดยสิ้นเชิง“ฮ่า ๆ ๆ...”เห็นหานซิ่นระวังเรื่องเงินอย่างนี้แล้ว ฉินอวิ๋นฟานพลันขำพรืด “ห้าสิบล้านตำลึงใกล้จะหมด? นี่คือข่าวดีนะ! แสดงว่าเจ้าทำงานจริง ๆ ถ้าห้าสิบล้านยังเหลืออีกเยอะ ข้าจะผิดหวังกับพวกเจ้ามาก”“นี่คือตั๋วเงินหนึ่งร้อยล้าน ถลุงมันให้เต็มที่ ใช้มันไปเลย ยิ่งใช้เยอะก็ยิ่งดี ขอเพียงพวกเจ้ากล้าใช้เงิน และใช้เงินกับเรื่องที่สมควร เงินเหล่านี้จึงจะมีคุณค่า ข้าไม่กลัวพวกเจ้าใช้เงินหรอก กลัวแต่พวกเจ้าจะไม่มีความสามารถใช้เงินพวกนี้ต่างหาก!”“หานซิ่น ค่ายทัพหน้าเราจำเป็นต้อง
“เรียนรัชทายาท ตระกูลผังจะเป็นขั้วอิทธิพลยุทธภพ หลังจากคนของพวกเราสืบหลายครั้งกลับไม่ได้ข้อมูลใด ๆ อีกทั้งตระกูลผังเก็บตัวอย่างยิ่ง ไม่รู้ความตื้นลึกหนาบางที่แท้จริง ดังนั้นจึงไม่กล้าแหวกหญ้าให้งูตื่นขอรับ”หลิวเป้ยขมวดคิ้วพูด“อ้อ? ยิ่งน่าสนใจไปทุกทีแล้วสิ ตระกูลในยุทธภพเล็ก ๆ ตระกูลหนึ่ง ภายนอกเก็บตัว แต่ความจริงกลับซ่อนประสงค์ร้าย”ความลึกลับของตระกูลผังทำให้ฉินอวิ๋นฟานระวังมากขึ้น เขาเอ่ยจริงจัง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าก็ปล่อยไปก่อนแล้วกัน เอาไว้ข้าจะคิดหาทางอีกที”“พวกเรามีเวลาไม่มากแล้ว พวกเจ้าเร่งกันหน่อย สามเดือนให้หลังต่อให้เราได้รับมอบเมืองอู่โจวจริง แต่นั่นจะเป็นแค่การเริ่มต้นของเราเท่านั้น ครึ่งปีข้างหน้าน่ากลัวว่าจะเปิดศึกจริง ๆ แล้ว”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ข้าหวังว่าถึงตอนนั้นทหารของเราจะไม่เพียงแต่ฝึกซ้อมมีระเบียบ ยิ่งต้องขึ้นชื่อการรบ ทำให้ศัตรูได้ยินแล้วต้องขวัญผวา!”“รับทราบ!”ทุกคนเลือดร้อนพลุ่งพล่าน ขานเป็นเสียงเดียว......วันต่อมา สำรวจเมืองจัวอย่างละเอียด เมืองจัวที่สร้างขึ้นใหม่หลังภัยพิบัติทำให้ฉินอวิ๋นฟานพอใจมากเขาได้ประจักษ์การชะล้างเมืองจัวร
ฉินอวิ๋นฟานยิ้มชั่วร้าย มองมู่หรงจิ่นพี่น้องที่บนตัวสวมชุดบางเบาแทบจะโปร่งแสงและมีกลิ่นหอมเย้ายวนคนฟุ้งออกมาจากเรือนกาย ฉินอวิ๋นฟานกระปรี้กระเปร่าฉับพลัน ปลาหลีฮื้อพลิกตัว ยึดสิทธิ์จู่โจมโดยสิ้นเชิง“นังปีศาจสองตัวนี่ริอ่านกระตุ้นข้าตอนที่ข้าหลับหรือ? ดูท่าคงคันแล้วสิ ดูสิข้าไม่สั่งสอนพวกเจ้าให้หนักสิแปลก!”ครั้นสิ้นเสียง ฉินอวิ๋นฟานครอบครองสิทธิ์จู่โจมทันที พักผ่อนนานอย่างนี้แล้ว เขาอดรนทนไม่ไหวนานแล้ว ขอเพียงเขาต้องการ จะมียอดหญิงงามหลายสิบคนกระโจนใส่ทุกวัน แต่นี่มิใช่สิ่งที่เขาปรารถนา ด้านผู้หญิง เขามีหลักการและวางเส้นต่ำสุดเอาไว้ชัดเจนในส่วนลึกของจิตใจฉินอวิ๋นฟาน เขาหวังว่าเขาจะมีสายใยกับผู้หญิงทุกคน ทุกคนหลอมรวมเข้าด้วยกันเพราะดึงดูดซึ่งกันและกันและความรัก มิใช่เพื่อเรื่องชายหญิงเพียงอย่างเดียวและนี่ก็คือสาเหตุหลักที่ทำไมเขาถึงไม่มาระบายที่หอวั่งเจียง แม้ต้องหักห้ามใจจนทุกข์ทรมานมาก แต่ฉินอวิ๋นฟานก็ยังครองตัวดังหยก ยอมรอให้มู่หรงจิ่นและเสี่ยวจวี๋ผ่านพ้นช่วงเวลาพิเศษไปก่อน“ไอ้หยา พี่อวิ๋นฟาน ท่านรุนแรงจังเลย!”สัมผัสถึงกลิ่นอายบุรุษเพศที่เต็มไปด้วยฮอร์โมนนั้น รวมถึงเส้นกล้
“องค์หญิงสาม นี่ไม่ใช่เรื่องที่ว่าต้องขนาดนั้นหรือไม่ แต่ฉินอวิ๋นฟานกำลังท้าทายต้าเยียนเราอย่างเห็นได้ชัด ยามนี้ใต้ฟ้าใครไม่รู้บ้างว่าต้าเยียนเราคือแคว้นใหญ่อันดับหนึ่งของโลก? ใครกล้าไม่ไว้หน้าต้าเยียนเราบ้าง?”“ก็นั่นนะสิ! ฉินอวิ๋นฟานจงใจแกล้งต้าเยียนเราชัด ๆ พวกเราต้าเยียนเคยต้องรับกับเรื่องพรรค์นี้ตั้งแต่เมื่อไร? ต้าเฉียนระดับไหนก็กล้าขี่อยู่บนหัวรังแกเรา? ช่างกล้าโดยแท้!”“หากพูดถึงธุรกิจ โรงแรมห้าดาวเป็นธุรกิจที่ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ น่าเสียดายที่ถูกเจ้าฉินอวิ๋นฟานบัดซบนั่นผูกขาด พวกเราต้าเยียนก็ต้องพัฒนา ต้องเกาะกระแสเหมือนกัน แคว้นอื่น ๆ เปิดกันเสียให้ทั่ว ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ พวกเรากลับได้แต่มองตาปริบ ๆ มิใช่ให้คนอื่นหัวเราะเยาะหรือ?”......หลังจากได้สัมผัสการรับรองประหนึ่งราชาจากโรงแรมห้าดาวต้าเฉียน พวกขุนนางระดับสูงก็ติดงอมแงม หนึ่งวันไม่ไปเปิดประสบการณ์จะทรมานกายหนึ่งครั้ง ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้โรงแรมห้าดาวต้าเฉียนในต้าเยียนมีผู้คนคลาคล่ำ หนึ่งห้องยากจะขอเพื่อให้ได้สักห้องหนึ่ง พวกขุนนางคนใหญ่คนโตแทบต้องเบียดเสียดกันจนหัวร้างข้างแตก กระทั่งว่ามีคนยอมประมูลในราคาสูงกว่าสิ
หนึ่งครู่ให้หลัง เยียนจ้านเทียนจู่ ๆ ก็เอ่ยปาก “ส่งขุนนางทูตไปเจรจาดูท่าทีของฉินอวิ๋นฟานสักหน่อยก็ได้ พวกเจ้าไปจัดการกันเองเถอะ”นับจากต้าเยียนประกาศต่อใต้หล้า เยียนจ้านเทียนพบว่าภายในต้าเฉียนกลับไม่มีคลื่นลมอะไรนัก เงียบกริบอย่างผิดปกติ กลับเป็นโรงแรมห้าดาวรูปแบบโฉมใหม่ดำเนินไปอย่างร้อนแรงฉินอวิ๋นฟานไม่แสดงท่าทีใด ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ ทุ่มเทกับธุรกิจเพียงอย่างเดียว และเห็นชัดว่าเขากำลังเล่นงานต้าเยียน เพื่อให้แผนการราบรื่นยิ่งขึ้น การจะส่งขุนนางทูตไปเจรจาต่อหน้าจึงเป็นทางเลือกที่ไม่เลวอย่างหนึ่ง“พ่ะย่ะค่ะ!”ต้าเยียนปฏิบัติการเร็วยิ่ง ส่งขุนนางทูตจำนวนหนึ่งเดินทางไปเจรจาอย่างเป็นทางการที่ต้าเฉียนทันทีขณะเดียวกัน ในจวนขององค์ชายรอง ฉินอวิ๋นฮุย เหอเหวินเย่าและคนอื่น ๆ ต่างมีสีหน้าแตกต่างกันออกไป“องค์ชายรอง พวกเราเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับโรงแรมห้าดาวต้าเฉียนได้ทั้งหมดสามสิบแห่ง กิจการดังพลุแตก เรียกได้ว่าเทน้ำเทท่า ไม่ถึงหนึ่งปีพวกเราต้องมีทรัพย์สินเพิ่มเป็นเท่าตัวแน่ขอรับ”ในห้องโถงใหญ่ ชายอายุอานามประมาณสี่สิบชื่อเรียกว่าเหออวิ๋นเหว่ย ดวงหน้ายอแสงแห่งวสันตฤดู สามเดือนมานี้เขายุ่งงว
“ไม่รู้ว่าทำไม ช่วงนี้องค์ชายใหญ่ทำงานลึกลับมาก เห็นชัดว่ามีคนเก่งชี้แนะอยู่”เหอเหวินเย่าพูดอย่างกังวลใจเล็กน้อย “ถ้าเบื้องหลังเป็นคนขององค์ชายใหญ่จริง จะรับมือยากมาก และกลยุทธ์นี้ก็ล้ำลึกมากกว่าเราจริง”“เหอะ ยังไงพี่ใหญ่ก็เป็นคู่ต่อสู้ตัวฉกาจของเรา แถมยังมีตระกูลเริ่นสนับสนุนอีก ช่วงนี้เขานอกจากรู้จักเก็บอารมณ์ ยังจะลึกลับมากขึ้นทุกทีด้วย”ฉินอวิ๋นฮุยดูด้วยใบหน้าเหี้ยมเกรียม “น้องเจ็ดใกล้จะได้ดินแดนกลับคืนมาแล้ว ชื่อเสียงโด่งดัง ยิ่งเห็นพวกเขาได้ดี ใจข้าก็ยิ่งทรมาน ข้าต้องหาทางเติมไฟสักหน่อย ไม่อย่างนั้นชีวิตที่ราบเรียบจะจืดชืดเกินไป”พอเหอเหวินเย่าได้ยินก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที แววตาลุ่มลึก “เจ้าคิดจะทำอย่างนี้จริงหรือ? เรื่องนี้ถ้าเริ่มจะส่งผลพวงกับส่วนรวมได้นะ”“น้าสาม พวกเราแค่กระพือไฟ ไม่ได้เข้าร่วม ให้พวกเขาสู้กันเองเฉย ๆ”ฉินอวิ๋นฮุยพูดด้วยใบหน้าย่ามใจเห็นดังนั้นเหอเหวินเย่าจึงไม่ได้พูดอะไรอีก เพราะนี่คือแผนร้าย และยังส่งผลกับส่วนรวม แต่ยังดีที่ถึงสถานการณ์จะหลุดจากการควบคุม พวกเขาก็ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมาก......“พ่อลูกเขยคนดีของข้า สี่เดือนมานี้พวกเราได้เงินกองเท่าภูเ
“เอ่อ... แต่เพียงแต่ข้าที่กังวลเช่นนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมีความกังวลนี้เหมือนกันกระมัง? อย่างไรเสีย ของอย่างบัญชีก็สามารถปลอมแปลงได้”เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดตามตรง ฉินอวิ๋นฮุยจึงไม่อ้ำอึ้งอีก การยกเรื่องไม่ดีมาพูดแต่แรกมิใช่เรื่องน่าอายอันใด เพราะมันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเขา เขาไม่อยากถูกฉินอวิ๋นฟานหลอก!“ฮ่า ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานลั่นเสียงหัวเราะทันที “พี่รองทำงานรอบคอบดังคาด น้องเจ็ดเลื่อมใส แต่ท่านคิดมากไปแล้ว ถ้าต้องดูแลเมืองการค้าสามเมือง คนของข้าไม่มีทางพอ ถ้าพวกท่านไม่ส่งคนมาช่วยงาน ข้าคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”“อ้อ? น้องเจ็ดพูดจริงรึ?!”เมื่อนั้นหัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของฉินอวิ๋นฮุยจึงสงบลง หากเขาสามารถให้คนเข้าร่วมอยู่ในเมืองการค้าทั้งสามเมืองได้ เช่นนั้นเขาจะวางใจได้แล้ว เพราะจะรับประกันผลประโยชน์ของเขาได้ทั้งหมด!“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านวางใจได้เลย ระหว่างพวกเราพี่น้องแม้เป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้านเมือง พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง มีเพียงเช่นนี้ต้าเฉียนเราจึงจะเฟื่องฟูได้นิรันดร์”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในเรื่องการค้า เครือเหิงไท่จะรับผิดชอบกิจการหลักท
ฉินอวิ๋นฟานกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อให้ใครกล้ามีความคิดส่วนตัวก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกเราต้องร่วมกันทำงาน หากไม่อยากเสียเมืองไป ไม่อยากตาย ทหารทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เป็นหนึ่งเดียวสู้กับภายนอก”“ดี ดีมาก ความคิดนี้ไม่เลว!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ไท่ซั่งหวงรู้อยู่แล้วว่าฉินอวิ๋นฟานต้องทุ่มเทเพื่อแผนการนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีทางคิดแผนการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้“อื่ม ไม่เลว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ได้ดีใจกับแผนการสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของฉินอวิ๋นฟาน เพราะแม้เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองจริง หากไร้ประโยชน์อันใดต่อพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขายังจะกลายเป็นคนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้งานอีกด้วยพวกเขาส่งทหารรักษาเมือง ฉินอวิ๋นฟานกอบโกยกำไรอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วฉินอวิ๋นฮุยก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือโดยแท้!ทว่าไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?ฉินอวิ๋นฟานรู้ความคิดของพวกเขาดี อีกอย่าง ถ้าครองผลงานเองในเวลานี้จะเป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเอามาก ๆ ฉินอวิ๋นฟานไม่ทำเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้หรอก!โบราณกล่าว ตบหน้าฉาดหนึ่งต้องให้พุทราหวานหนึ่งลูก อีกฝ่ายส่งทหารม
ขณะนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ ถ้อยคำชวนให้คนมีจิตใจฮึกเหิมของฉินอวิ๋นฟานวนเวียนอยู่ในหัวของ แม้ไท่ซั่งหวงเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน!รัชทายาทวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่ง ช่างเป็นชายชาตินักรบเลือดร้อนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน หากคนเช่นนี้เป็นจักรพรรดิ ไยต้องกลัวอนาคตต้าเฉียนจะไม่ศิวิไลซ์?“เกี่ยวกับการสร้างเมืองการค้าสี่แห่งในสี่ทิศของต้าเฉียน ทุกคนคัดค้านอย่างหนัก ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนมาก แต่ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ ข้าก็ต้องยอมรับเสียงและความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนว่ามาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน มีแต่ต้องทำให้ทำคนยอมรับเรื่องนี้จากใจจริง เขาจึงจะยึดสิทธิ์ความเป็นผู้นำได้ มิเช่นนั้นต่อให้ใช้กำลังผลักดันเรื่องนี้ คนเหล่านี้ต้องเล่นตุกติกลับหลังเขาแน่ เช่นนี้มีแต่จะทำให้รำคาญดังนั้นฉินอวิ๋นฟานเตรียมตัวกับการคัดค้านและความคิดของทุกคนแต่แรกแล้ว ต้องการแค่โอกาสประจวบเหมาะหนึ่ง เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคอิจฉาตาร้อนมีมากเหลือเกิน มีแต่ต้องคิดหาทางหยดยาดวงตาให้พวกเขาสักหน่อย จึงจะขจัดต้นตอของปัญหาได้ “นี่...”ผู้คนมากมายแน่นขนัดพูดไม่ออกสักคำ เพราะต่างมีความกังวลอยู่ในใจ ฉ
นาทีนี้ถังเจิ้นไห่ถูกโจมตีทำร้ายทางจิตใจอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานปากคอเราะรายน่ากลัวจริง ๆ การโจมตีของเขารวดเร็วนัก เขาต้านทานไม่ไหวเลยเขาจนปัญญากับการโจมตีของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ได้แต่ใช้สถานะข่มขู่ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะหยุดโจมตีเขาน่าเสียดาย แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร และไม่เคยเป็นพวกยอมเสียเปรียบ หากมีคนโจมตีเขา ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!ต้องถล่มอีกฝ่ายจนแพ้ราบคาบ นี่สิจึงจะเป็นเป้าหมายความเป็นคนของเขา และถังเจิ้นไห่ก็แตะเขตต้องห้ามของเขาพอดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่ไว้หน้าเขา!ครั้นพวกฉินอวิ๋นฮุยเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พากันมอบสายตาเห็นใจให้ถังเจิ้นไห่ พวกเขาเคยได้รับการสั่งสอนด้วยหมัดหนักจากฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย หากหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!ไท่ซั่งหวงและจางเต้าหลินฉายรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานจะหยาบคายไม่รื่นหูไปบ้าง แต่สะใจยิ่งนัก! นักวางแผนร้ายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดกลับจนต้องสงสัยในชีวิต เด็ดสะระตี่แท้!“เกินไป? ตอนนี้ท่านรู้ว่าเกินไป? ตอนที่ท่านสาดน้ำคลำใส่
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน
“ได้!”ถังเจิ้นไห่พูดหน้าขรึม “ประการที่สองของความผิดร้ายแรงสามประการ รัชทายาทร่วมกันสร้างถนนกับแคว้นต่าง ๆ เรื่องนี้อึกทึกครึกโครมไปทั่ว ทันทีที่สร้างถนนที่กว้างยิ่งขึ้น การคมนาคมจะสะดวก คืออยากให้แคว้นรอบข้างรุกรานต้าเฉียนเราสะดวกยิ่งขึ้นหรือ? การกระทำเช่นนี้มิใช่แผนการล่มชาติแล้วมันคืออะไร?!”ซี้ด...เมื่อทุกคนได้ฟังต่างสูดลมเย็นเข้าปาก เกิดความสงสัยอย่างหนักกับจุดประสงค์ของฉินอวิ๋นฟาน ด้านหนึ่งมอบธัญพืช ด้านหนึ่งสร้างถนนกับทุกแคว้น จุดประสงค์จะชัดเจนเกินไปแล้วกระมัง?“ต่อ ประการที่สามเล่า!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มเรียบ เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะไปไกลขนาดไหน ช่างเป็นคนที่มีขอบเขตความรู้ความเข้าใจและวิสัยทัศน์โดยแท้ การกำหนดอนาคตของบ้านเมือง เป็นเช่นนี้ดังคาดหากให้พวกเฮ่อชินอ๋องเรืองอำนาจจริง ต้าเฉียนมิต้องจบเห่หรือ? ให้สวะพวกนี้ดูแลบ้านเมือง บ้านเมืองนั้นยังจะมีความหวังอะไร?พวกเขานอกจากจะมีความชั่วร้ายอยู่เต็มอก มีความคิดดำมืดอยู่เต็มสมอง ยังจะทำอันใดได้อีก?“หึ!”ถังเจิ้นไห่แค่นเสียงแล้วจึงเอ่ย “ประการที่สาม รัชทายาทร่วมมือกับแคว้นต่าง ๆ กีดกันต้าเยียน สังหารบุตรชายคนที่สี่ข
“อ้อ? ความผิดร้ายแรงสามประการของฟานเอ๋อร์? ไหนลองว่ามาดูสิ!”ไท่ซั่งหวงตั้งสมาธิ นึกสนใจขึ้นมาทันที อย่างลับ ๆ เขาให้ความสนใจกับพฤติกรรมของฟานเอ๋อร์มาก ไม่เคยได้ยินความผิดร้ายแรงสามประการอันใด เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะพูดอะไรความผิดร้ายแรงสามประการเสมือนระเบิดลูกใหญ่ ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมา ยามนี้สายตาของทุกคนในที่นั้นต่างรวมศูนย์อยู่ที่ตัวของถังเจิ้นไห่“ประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการ ได้ยินว่ารัชทายาททำเมล็ดพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ขึ้นมา สามารถให้ผลผลิตสูงมาก เดิมนี่คือโอกาสดีที่สุดที่ต้าเฉียนเราจะแจ้งเกิด คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทกลับมอบเมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูงให้กับแคว้นต่าง ๆ รอบข้าง ช่วยให้พวกเขามั่งคั่งมากขึ้น”ถังเจิ้นไห่กล่าวเสียงหนัก “ขอถามทุกท่านในที่นี้ พฤติกรรมเช่นนี้ของรัชทายาทคือกำลังช่วยเหลือศัตรูน่ากลัวของเราหรือไม่? พฤติกรรมเช่นนี้ของเขา คือการขายชาติหรือไม่?!”ตูม...ครั้นถังเจิ้นไห่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา บรรดาขุนนางต่างอึกทึกครึกโครม คนทั้งโลกต่างรู้เรื่องที่เมืองจัวเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์แทบทุกคน และเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานลงนามสัญญากับแคว้นต่าง ๆ ก็รู
“อื่ม! ดี!”ไท่ซั่งหวงเอ่ยเสียงหนัก “เช่นนั้นข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการ แต่งตั้งหวังอันสือเป็นหัวหน้าสำนักศึกษาหลวง เจี่ยงฝานฝานเป็นรองหัวหน้า การรับตำแหน่งนี้มีผลอย่างเป็นทางการ หัวหน้าขันทีเฉา ร่างราชโองการเดี๋ยวนี้ ประกาศต่อใต้หล้า!”เมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลง ใจที่กระวนกระวายของฉินอวิ๋นฟานก็สงบ เขามองจางเต้าหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง!ทว่าคนอื่น ๆ กลับมีความรู้สึกที่แปลกออกไป หลังจากหวังอันสือได้ขึ้นตำแหน่ง ทำให้พวกเขาตระหนักว่าสถานการณ์ในราชสำนักกำลังหลุดจากการควบคุมอย่างช้า ๆ ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะครองราชสำนัก“เอาละ เรื่องสำนักศึกษาหลวงก็สิ้นสุดแล้ว แต่จะละเลยผลงานการไปเมืองอู่โจวของฟานเอ๋อร์ครั้งนี้ไม่ได้”ไท่ซั่งหวงกล่าวเสียงเข้ม “ฟานเอ๋อร์ไม่เพียงแต่ทำคำสัญญาเมื่อครึ่งปีก่อนสำเร็จ ยิ่งทำให้เศรษฐกิจต้าเฉียนเราพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ท้องพระคลังเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ พสกนิกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกคนต่างเห็นความยอดเยี่ยมของฟานเอ๋อร์”“ฟานเอ๋อร์ ว่ามาเถอะ เจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัล? ขอเพียงสมเหตุสมผล ข้าจะให้เจ้าดังปรารถนา!”ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกดีใจมากที่
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว