ฉินอวิ๋นฟานก็อยากขจัดความเหิมเกริมและความรู้สึกเหนือกว่าของพวกเขานี่แหละ ให้พวกเขาได้ลิ้มรสสักหน่อยว่าอะไรคือความหวาดกลัวที่แท้จริง อะไรคือความรู้สึกของความตาย“ไม่ ไม่นะ รัชทายาท ขอร้องละ...”ครั้นได้ยินคำพูดของฉินอวิ๋นฟาน เริ่นเซินหมดหวังแล้ว ทีแรกเขายังคิดจะขอร้องให้ไว้ชีวิต แต่ฉินอวิ๋นฟานไม่มีความอดทนจะฟังเขาพูดไร้สาระ จึงโบกมือไปเสีย ไม่สนใจเริ่นเซินอีกหลิวเป้ยพูดหน้าขรึม “ใครก็ได้ เอาตัวเริ่นเซินไปประหารซะ!”“ฮะ...”เริ่นเซินสองขาอ่อนแรง ทรุดตัวลงไปกองกับพื้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคำสั่งของหลิวเป้ย ศีรษะของเริ่นเซินหลุดออกจากบ่า คดีวิวาทในตลาดเป็นอันยุติ“เรียนรัชทายาท คดีฝ่ายปกครองเมืองจัวก่อเรื่องในตลาด ข่มเหงรังแกประชาชนได้จัดการเรียบร้อยแล้วขอรับ!”หลิวเป้ยและคนอื่น ๆ คุกเข่าลงตรงหน้าฉินอวิ๋นฟาน สองมือกำหมัด ท่าทีเคารพอย่างหาที่เปรียบมิได้ฉินอวิ๋นฟานส่งตัวเด็กหญิงให้สวี่เหลียงเบา ๆ ก่อนจะเอามือไพล่หลังแล้วพูด “หลิวเป้ย ทุกคนที่อยู่ในที่นี้ ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะจดจำคำพูดของข้าในวันนี้นะ”“นับแต่โบราณ หาบเร่แรงงาน ลากรถค้าขายคืออาชีพปกติของประชาชนระดับล่าง นี่คือสิทธิพื้
กลับถึงจวนเจ้าเมืองจัว ฉินอวิ๋นฟานนั่งสง่าอยู่บนตำแหน่ง โดยมีหลิวเป้ย หานซิ่นและคนอื่น ๆ ยืนอย่างนอบน้อมอยู่สองฝั่งไม่เจอเกือบหนึ่งเดือน ฉินอวิ๋นฟานเห็นทุกคนหน้าอิดโรยยังรู้สึกปวดใจนัก เพราะพี่น้องเหล่านี้คือคนที่ติดตามเขามาแต่แรก และเมืองจัวคือพื้นที่ซึ่งประสบอุทกภัยร้ายแรง สามารถก่อสร้างจนเป็นเช่นนี้ได้ในเวลาหนึ่งเดือน ไม่ง่ายเลยจริง ๆ ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปาก “ที่ข้ามาครั้งนี้เพราะมีเรื่องสำคัญมากเรื่องหนึ่งต้องการจะพูดกับพวกเจ้า นั่นก็คืออีกสามเดือนพวกเราจะรับมอบเมืองอู่โจว ถึงจะดูเหมือนง่าย แต่ความจริงมันไม่ง่ายเลย ถึงเวลาเมืองอู่โจวจะเป็นการฝึกและบททดสอบสุดท้ายของพวกเจ้า”“ไม่ง่าย? มิใช่ว่าองค์หญิงสามต้าเยียนประกาศต่อทั่วหล้าว่าอีกสามเดือนจะคืนเมืองอู่โจวให้เราหรือ? ถ้ากลับคำพูดที่ต้องขายก็คือหน้าของต้าเยียน พวกเรารับมอบตามปกติก็ได้แล้วนี่?”หลิวเป้ยถามด้วยความฉงน“ครั้งนี้ที่ต้าเยียนประกาศต่อใต้หล้า เพราะพวกเขาซ่อนแผนร้ายเอาไว้ ผิวเผินพูดเสียดิบดี แต่ความจริงกลับวางอุบายกับเรา ข้าไม่คิดว่าพวกเขาจะยอมคืนเมืองอู่โจวให้เราด้วยความสมัครใจ สำหรับเขาวางแผนอะไรอยู่นั้น ข้ายังไม่รู้ ยั
“เนื่องจากพวกเราให้สวัสดิการค่อนข้างดี จึงมีคนมาสมัครเข้าค่ายทัพหน้าค่อนข้างมาก หลังจากคัดเลือกหลายรอบ คนที่สามารถผ่านเกณฑ์มีอยู่เจ็ดหมื่นกว่าคน ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการคัดเลือก ตามแผนการจะได้หนึ่งแสนคนในครึ่งเดือน”“แต่ตามการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเรา ห้าสิบล้านตำลึงเงินเหลือเพียงน้อยนิดแล้ว...”พอพูดถึงเงิน เห็นได้ชัดว่าหานซิ่นละอายใจอยู่บ้าง เพราะในเวลาหนึ่งเดือนสั้น ๆ เขาถลุงเงินไปเกือบห้าสิบล้านตำลึงเงิน นี่คือจำนวนเงินมหาศาล พื้นที่ภัยพิบัติมีจุดที่ต้องใช้เงินมากนัก ซึ่งมันอยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขาโดยสิ้นเชิง“ฮ่า ๆ ๆ...”เห็นหานซิ่นระวังเรื่องเงินอย่างนี้แล้ว ฉินอวิ๋นฟานพลันขำพรืด “ห้าสิบล้านตำลึงใกล้จะหมด? นี่คือข่าวดีนะ! แสดงว่าเจ้าทำงานจริง ๆ ถ้าห้าสิบล้านยังเหลืออีกเยอะ ข้าจะผิดหวังกับพวกเจ้ามาก”“นี่คือตั๋วเงินหนึ่งร้อยล้าน ถลุงมันให้เต็มที่ ใช้มันไปเลย ยิ่งใช้เยอะก็ยิ่งดี ขอเพียงพวกเจ้ากล้าใช้เงิน และใช้เงินกับเรื่องที่สมควร เงินเหล่านี้จึงจะมีคุณค่า ข้าไม่กลัวพวกเจ้าใช้เงินหรอก กลัวแต่พวกเจ้าจะไม่มีความสามารถใช้เงินพวกนี้ต่างหาก!”“หานซิ่น ค่ายทัพหน้าเราจำเป็นต้อง
“เรียนรัชทายาท ตระกูลผังจะเป็นขั้วอิทธิพลยุทธภพ หลังจากคนของพวกเราสืบหลายครั้งกลับไม่ได้ข้อมูลใด ๆ อีกทั้งตระกูลผังเก็บตัวอย่างยิ่ง ไม่รู้ความตื้นลึกหนาบางที่แท้จริง ดังนั้นจึงไม่กล้าแหวกหญ้าให้งูตื่นขอรับ”หลิวเป้ยขมวดคิ้วพูด“อ้อ? ยิ่งน่าสนใจไปทุกทีแล้วสิ ตระกูลในยุทธภพเล็ก ๆ ตระกูลหนึ่ง ภายนอกเก็บตัว แต่ความจริงกลับซ่อนประสงค์ร้าย”ความลึกลับของตระกูลผังทำให้ฉินอวิ๋นฟานระวังมากขึ้น เขาเอ่ยจริงจัง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าก็ปล่อยไปก่อนแล้วกัน เอาไว้ข้าจะคิดหาทางอีกที”“พวกเรามีเวลาไม่มากแล้ว พวกเจ้าเร่งกันหน่อย สามเดือนให้หลังต่อให้เราได้รับมอบเมืองอู่โจวจริง แต่นั่นจะเป็นแค่การเริ่มต้นของเราเท่านั้น ครึ่งปีข้างหน้าน่ากลัวว่าจะเปิดศึกจริง ๆ แล้ว”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ข้าหวังว่าถึงตอนนั้นทหารของเราจะไม่เพียงแต่ฝึกซ้อมมีระเบียบ ยิ่งต้องขึ้นชื่อการรบ ทำให้ศัตรูได้ยินแล้วต้องขวัญผวา!”“รับทราบ!”ทุกคนเลือดร้อนพลุ่งพล่าน ขานเป็นเสียงเดียว......วันต่อมา สำรวจเมืองจัวอย่างละเอียด เมืองจัวที่สร้างขึ้นใหม่หลังภัยพิบัติทำให้ฉินอวิ๋นฟานพอใจมากเขาได้ประจักษ์การชะล้างเมืองจัวร
ฉินอวิ๋นฟานยิ้มชั่วร้าย มองมู่หรงจิ่นพี่น้องที่บนตัวสวมชุดบางเบาแทบจะโปร่งแสงและมีกลิ่นหอมเย้ายวนคนฟุ้งออกมาจากเรือนกาย ฉินอวิ๋นฟานกระปรี้กระเปร่าฉับพลัน ปลาหลีฮื้อพลิกตัว ยึดสิทธิ์จู่โจมโดยสิ้นเชิง“นังปีศาจสองตัวนี่ริอ่านกระตุ้นข้าตอนที่ข้าหลับหรือ? ดูท่าคงคันแล้วสิ ดูสิข้าไม่สั่งสอนพวกเจ้าให้หนักสิแปลก!”ครั้นสิ้นเสียง ฉินอวิ๋นฟานครอบครองสิทธิ์จู่โจมทันที พักผ่อนนานอย่างนี้แล้ว เขาอดรนทนไม่ไหวนานแล้ว ขอเพียงเขาต้องการ จะมียอดหญิงงามหลายสิบคนกระโจนใส่ทุกวัน แต่นี่มิใช่สิ่งที่เขาปรารถนา ด้านผู้หญิง เขามีหลักการและวางเส้นต่ำสุดเอาไว้ชัดเจนในส่วนลึกของจิตใจฉินอวิ๋นฟาน เขาหวังว่าเขาจะมีสายใยกับผู้หญิงทุกคน ทุกคนหลอมรวมเข้าด้วยกันเพราะดึงดูดซึ่งกันและกันและความรัก มิใช่เพื่อเรื่องชายหญิงเพียงอย่างเดียวและนี่ก็คือสาเหตุหลักที่ทำไมเขาถึงไม่มาระบายที่หอวั่งเจียง แม้ต้องหักห้ามใจจนทุกข์ทรมานมาก แต่ฉินอวิ๋นฟานก็ยังครองตัวดังหยก ยอมรอให้มู่หรงจิ่นและเสี่ยวจวี๋ผ่านพ้นช่วงเวลาพิเศษไปก่อน“ไอ้หยา พี่อวิ๋นฟาน ท่านรุนแรงจังเลย!”สัมผัสถึงกลิ่นอายบุรุษเพศที่เต็มไปด้วยฮอร์โมนนั้น รวมถึงเส้นกล้
“องค์หญิงสาม นี่ไม่ใช่เรื่องที่ว่าต้องขนาดนั้นหรือไม่ แต่ฉินอวิ๋นฟานกำลังท้าทายต้าเยียนเราอย่างเห็นได้ชัด ยามนี้ใต้ฟ้าใครไม่รู้บ้างว่าต้าเยียนเราคือแคว้นใหญ่อันดับหนึ่งของโลก? ใครกล้าไม่ไว้หน้าต้าเยียนเราบ้าง?”“ก็นั่นนะสิ! ฉินอวิ๋นฟานจงใจแกล้งต้าเยียนเราชัด ๆ พวกเราต้าเยียนเคยต้องรับกับเรื่องพรรค์นี้ตั้งแต่เมื่อไร? ต้าเฉียนระดับไหนก็กล้าขี่อยู่บนหัวรังแกเรา? ช่างกล้าโดยแท้!”“หากพูดถึงธุรกิจ โรงแรมห้าดาวเป็นธุรกิจที่ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ น่าเสียดายที่ถูกเจ้าฉินอวิ๋นฟานบัดซบนั่นผูกขาด พวกเราต้าเยียนก็ต้องพัฒนา ต้องเกาะกระแสเหมือนกัน แคว้นอื่น ๆ เปิดกันเสียให้ทั่ว ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ พวกเรากลับได้แต่มองตาปริบ ๆ มิใช่ให้คนอื่นหัวเราะเยาะหรือ?”......หลังจากได้สัมผัสการรับรองประหนึ่งราชาจากโรงแรมห้าดาวต้าเฉียน พวกขุนนางระดับสูงก็ติดงอมแงม หนึ่งวันไม่ไปเปิดประสบการณ์จะทรมานกายหนึ่งครั้ง ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้โรงแรมห้าดาวต้าเฉียนในต้าเยียนมีผู้คนคลาคล่ำ หนึ่งห้องยากจะขอเพื่อให้ได้สักห้องหนึ่ง พวกขุนนางคนใหญ่คนโตแทบต้องเบียดเสียดกันจนหัวร้างข้างแตก กระทั่งว่ามีคนยอมประมูลในราคาสูงกว่าสิ
หนึ่งครู่ให้หลัง เยียนจ้านเทียนจู่ ๆ ก็เอ่ยปาก “ส่งขุนนางทูตไปเจรจาดูท่าทีของฉินอวิ๋นฟานสักหน่อยก็ได้ พวกเจ้าไปจัดการกันเองเถอะ”นับจากต้าเยียนประกาศต่อใต้หล้า เยียนจ้านเทียนพบว่าภายในต้าเฉียนกลับไม่มีคลื่นลมอะไรนัก เงียบกริบอย่างผิดปกติ กลับเป็นโรงแรมห้าดาวรูปแบบโฉมใหม่ดำเนินไปอย่างร้อนแรงฉินอวิ๋นฟานไม่แสดงท่าทีใด ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ ทุ่มเทกับธุรกิจเพียงอย่างเดียว และเห็นชัดว่าเขากำลังเล่นงานต้าเยียน เพื่อให้แผนการราบรื่นยิ่งขึ้น การจะส่งขุนนางทูตไปเจรจาต่อหน้าจึงเป็นทางเลือกที่ไม่เลวอย่างหนึ่ง“พ่ะย่ะค่ะ!”ต้าเยียนปฏิบัติการเร็วยิ่ง ส่งขุนนางทูตจำนวนหนึ่งเดินทางไปเจรจาอย่างเป็นทางการที่ต้าเฉียนทันทีขณะเดียวกัน ในจวนขององค์ชายรอง ฉินอวิ๋นฮุย เหอเหวินเย่าและคนอื่น ๆ ต่างมีสีหน้าแตกต่างกันออกไป“องค์ชายรอง พวกเราเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับโรงแรมห้าดาวต้าเฉียนได้ทั้งหมดสามสิบแห่ง กิจการดังพลุแตก เรียกได้ว่าเทน้ำเทท่า ไม่ถึงหนึ่งปีพวกเราต้องมีทรัพย์สินเพิ่มเป็นเท่าตัวแน่ขอรับ”ในห้องโถงใหญ่ ชายอายุอานามประมาณสี่สิบชื่อเรียกว่าเหออวิ๋นเหว่ย ดวงหน้ายอแสงแห่งวสันตฤดู สามเดือนมานี้เขายุ่งงว
“ไม่รู้ว่าทำไม ช่วงนี้องค์ชายใหญ่ทำงานลึกลับมาก เห็นชัดว่ามีคนเก่งชี้แนะอยู่”เหอเหวินเย่าพูดอย่างกังวลใจเล็กน้อย “ถ้าเบื้องหลังเป็นคนขององค์ชายใหญ่จริง จะรับมือยากมาก และกลยุทธ์นี้ก็ล้ำลึกมากกว่าเราจริง”“เหอะ ยังไงพี่ใหญ่ก็เป็นคู่ต่อสู้ตัวฉกาจของเรา แถมยังมีตระกูลเริ่นสนับสนุนอีก ช่วงนี้เขานอกจากรู้จักเก็บอารมณ์ ยังจะลึกลับมากขึ้นทุกทีด้วย”ฉินอวิ๋นฮุยดูด้วยใบหน้าเหี้ยมเกรียม “น้องเจ็ดใกล้จะได้ดินแดนกลับคืนมาแล้ว ชื่อเสียงโด่งดัง ยิ่งเห็นพวกเขาได้ดี ใจข้าก็ยิ่งทรมาน ข้าต้องหาทางเติมไฟสักหน่อย ไม่อย่างนั้นชีวิตที่ราบเรียบจะจืดชืดเกินไป”พอเหอเหวินเย่าได้ยินก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที แววตาลุ่มลึก “เจ้าคิดจะทำอย่างนี้จริงหรือ? เรื่องนี้ถ้าเริ่มจะส่งผลพวงกับส่วนรวมได้นะ”“น้าสาม พวกเราแค่กระพือไฟ ไม่ได้เข้าร่วม ให้พวกเขาสู้กันเองเฉย ๆ”ฉินอวิ๋นฮุยพูดด้วยใบหน้าย่ามใจเห็นดังนั้นเหอเหวินเย่าจึงไม่ได้พูดอะไรอีก เพราะนี่คือแผนร้าย และยังส่งผลกับส่วนรวม แต่ยังดีที่ถึงสถานการณ์จะหลุดจากการควบคุม พวกเขาก็ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมาก......“พ่อลูกเขยคนดีของข้า สี่เดือนมานี้พวกเราได้เงินกองเท่าภูเ