“เนื่องจากพวกเราให้สวัสดิการค่อนข้างดี จึงมีคนมาสมัครเข้าค่ายทัพหน้าค่อนข้างมาก หลังจากคัดเลือกหลายรอบ คนที่สามารถผ่านเกณฑ์มีอยู่เจ็ดหมื่นกว่าคน ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการคัดเลือก ตามแผนการจะได้หนึ่งแสนคนในครึ่งเดือน”“แต่ตามการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเรา ห้าสิบล้านตำลึงเงินเหลือเพียงน้อยนิดแล้ว...”พอพูดถึงเงิน เห็นได้ชัดว่าหานซิ่นละอายใจอยู่บ้าง เพราะในเวลาหนึ่งเดือนสั้น ๆ เขาถลุงเงินไปเกือบห้าสิบล้านตำลึงเงิน นี่คือจำนวนเงินมหาศาล พื้นที่ภัยพิบัติมีจุดที่ต้องใช้เงินมากนัก ซึ่งมันอยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขาโดยสิ้นเชิง“ฮ่า ๆ ๆ...”เห็นหานซิ่นระวังเรื่องเงินอย่างนี้แล้ว ฉินอวิ๋นฟานพลันขำพรืด “ห้าสิบล้านตำลึงใกล้จะหมด? นี่คือข่าวดีนะ! แสดงว่าเจ้าทำงานจริง ๆ ถ้าห้าสิบล้านยังเหลืออีกเยอะ ข้าจะผิดหวังกับพวกเจ้ามาก”“นี่คือตั๋วเงินหนึ่งร้อยล้าน ถลุงมันให้เต็มที่ ใช้มันไปเลย ยิ่งใช้เยอะก็ยิ่งดี ขอเพียงพวกเจ้ากล้าใช้เงิน และใช้เงินกับเรื่องที่สมควร เงินเหล่านี้จึงจะมีคุณค่า ข้าไม่กลัวพวกเจ้าใช้เงินหรอก กลัวแต่พวกเจ้าจะไม่มีความสามารถใช้เงินพวกนี้ต่างหาก!”“หานซิ่น ค่ายทัพหน้าเราจำเป็นต้อง
“เรียนรัชทายาท ตระกูลผังจะเป็นขั้วอิทธิพลยุทธภพ หลังจากคนของพวกเราสืบหลายครั้งกลับไม่ได้ข้อมูลใด ๆ อีกทั้งตระกูลผังเก็บตัวอย่างยิ่ง ไม่รู้ความตื้นลึกหนาบางที่แท้จริง ดังนั้นจึงไม่กล้าแหวกหญ้าให้งูตื่นขอรับ”หลิวเป้ยขมวดคิ้วพูด“อ้อ? ยิ่งน่าสนใจไปทุกทีแล้วสิ ตระกูลในยุทธภพเล็ก ๆ ตระกูลหนึ่ง ภายนอกเก็บตัว แต่ความจริงกลับซ่อนประสงค์ร้าย”ความลึกลับของตระกูลผังทำให้ฉินอวิ๋นฟานระวังมากขึ้น เขาเอ่ยจริงจัง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าก็ปล่อยไปก่อนแล้วกัน เอาไว้ข้าจะคิดหาทางอีกที”“พวกเรามีเวลาไม่มากแล้ว พวกเจ้าเร่งกันหน่อย สามเดือนให้หลังต่อให้เราได้รับมอบเมืองอู่โจวจริง แต่นั่นจะเป็นแค่การเริ่มต้นของเราเท่านั้น ครึ่งปีข้างหน้าน่ากลัวว่าจะเปิดศึกจริง ๆ แล้ว”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ข้าหวังว่าถึงตอนนั้นทหารของเราจะไม่เพียงแต่ฝึกซ้อมมีระเบียบ ยิ่งต้องขึ้นชื่อการรบ ทำให้ศัตรูได้ยินแล้วต้องขวัญผวา!”“รับทราบ!”ทุกคนเลือดร้อนพลุ่งพล่าน ขานเป็นเสียงเดียว......วันต่อมา สำรวจเมืองจัวอย่างละเอียด เมืองจัวที่สร้างขึ้นใหม่หลังภัยพิบัติทำให้ฉินอวิ๋นฟานพอใจมากเขาได้ประจักษ์การชะล้างเมืองจัวร
ฉินอวิ๋นฟานยิ้มชั่วร้าย มองมู่หรงจิ่นพี่น้องที่บนตัวสวมชุดบางเบาแทบจะโปร่งแสงและมีกลิ่นหอมเย้ายวนคนฟุ้งออกมาจากเรือนกาย ฉินอวิ๋นฟานกระปรี้กระเปร่าฉับพลัน ปลาหลีฮื้อพลิกตัว ยึดสิทธิ์จู่โจมโดยสิ้นเชิง“นังปีศาจสองตัวนี่ริอ่านกระตุ้นข้าตอนที่ข้าหลับหรือ? ดูท่าคงคันแล้วสิ ดูสิข้าไม่สั่งสอนพวกเจ้าให้หนักสิแปลก!”ครั้นสิ้นเสียง ฉินอวิ๋นฟานครอบครองสิทธิ์จู่โจมทันที พักผ่อนนานอย่างนี้แล้ว เขาอดรนทนไม่ไหวนานแล้ว ขอเพียงเขาต้องการ จะมียอดหญิงงามหลายสิบคนกระโจนใส่ทุกวัน แต่นี่มิใช่สิ่งที่เขาปรารถนา ด้านผู้หญิง เขามีหลักการและวางเส้นต่ำสุดเอาไว้ชัดเจนในส่วนลึกของจิตใจฉินอวิ๋นฟาน เขาหวังว่าเขาจะมีสายใยกับผู้หญิงทุกคน ทุกคนหลอมรวมเข้าด้วยกันเพราะดึงดูดซึ่งกันและกันและความรัก มิใช่เพื่อเรื่องชายหญิงเพียงอย่างเดียวและนี่ก็คือสาเหตุหลักที่ทำไมเขาถึงไม่มาระบายที่หอวั่งเจียง แม้ต้องหักห้ามใจจนทุกข์ทรมานมาก แต่ฉินอวิ๋นฟานก็ยังครองตัวดังหยก ยอมรอให้มู่หรงจิ่นและเสี่ยวจวี๋ผ่านพ้นช่วงเวลาพิเศษไปก่อน“ไอ้หยา พี่อวิ๋นฟาน ท่านรุนแรงจังเลย!”สัมผัสถึงกลิ่นอายบุรุษเพศที่เต็มไปด้วยฮอร์โมนนั้น รวมถึงเส้นกล้
“องค์หญิงสาม นี่ไม่ใช่เรื่องที่ว่าต้องขนาดนั้นหรือไม่ แต่ฉินอวิ๋นฟานกำลังท้าทายต้าเยียนเราอย่างเห็นได้ชัด ยามนี้ใต้ฟ้าใครไม่รู้บ้างว่าต้าเยียนเราคือแคว้นใหญ่อันดับหนึ่งของโลก? ใครกล้าไม่ไว้หน้าต้าเยียนเราบ้าง?”“ก็นั่นนะสิ! ฉินอวิ๋นฟานจงใจแกล้งต้าเยียนเราชัด ๆ พวกเราต้าเยียนเคยต้องรับกับเรื่องพรรค์นี้ตั้งแต่เมื่อไร? ต้าเฉียนระดับไหนก็กล้าขี่อยู่บนหัวรังแกเรา? ช่างกล้าโดยแท้!”“หากพูดถึงธุรกิจ โรงแรมห้าดาวเป็นธุรกิจที่ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ น่าเสียดายที่ถูกเจ้าฉินอวิ๋นฟานบัดซบนั่นผูกขาด พวกเราต้าเยียนก็ต้องพัฒนา ต้องเกาะกระแสเหมือนกัน แคว้นอื่น ๆ เปิดกันเสียให้ทั่ว ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ พวกเรากลับได้แต่มองตาปริบ ๆ มิใช่ให้คนอื่นหัวเราะเยาะหรือ?”......หลังจากได้สัมผัสการรับรองประหนึ่งราชาจากโรงแรมห้าดาวต้าเฉียน พวกขุนนางระดับสูงก็ติดงอมแงม หนึ่งวันไม่ไปเปิดประสบการณ์จะทรมานกายหนึ่งครั้ง ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้โรงแรมห้าดาวต้าเฉียนในต้าเยียนมีผู้คนคลาคล่ำ หนึ่งห้องยากจะขอเพื่อให้ได้สักห้องหนึ่ง พวกขุนนางคนใหญ่คนโตแทบต้องเบียดเสียดกันจนหัวร้างข้างแตก กระทั่งว่ามีคนยอมประมูลในราคาสูงกว่าสิ
หนึ่งครู่ให้หลัง เยียนจ้านเทียนจู่ ๆ ก็เอ่ยปาก “ส่งขุนนางทูตไปเจรจาดูท่าทีของฉินอวิ๋นฟานสักหน่อยก็ได้ พวกเจ้าไปจัดการกันเองเถอะ”นับจากต้าเยียนประกาศต่อใต้หล้า เยียนจ้านเทียนพบว่าภายในต้าเฉียนกลับไม่มีคลื่นลมอะไรนัก เงียบกริบอย่างผิดปกติ กลับเป็นโรงแรมห้าดาวรูปแบบโฉมใหม่ดำเนินไปอย่างร้อนแรงฉินอวิ๋นฟานไม่แสดงท่าทีใด ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ ทุ่มเทกับธุรกิจเพียงอย่างเดียว และเห็นชัดว่าเขากำลังเล่นงานต้าเยียน เพื่อให้แผนการราบรื่นยิ่งขึ้น การจะส่งขุนนางทูตไปเจรจาต่อหน้าจึงเป็นทางเลือกที่ไม่เลวอย่างหนึ่ง“พ่ะย่ะค่ะ!”ต้าเยียนปฏิบัติการเร็วยิ่ง ส่งขุนนางทูตจำนวนหนึ่งเดินทางไปเจรจาอย่างเป็นทางการที่ต้าเฉียนทันทีขณะเดียวกัน ในจวนขององค์ชายรอง ฉินอวิ๋นฮุย เหอเหวินเย่าและคนอื่น ๆ ต่างมีสีหน้าแตกต่างกันออกไป“องค์ชายรอง พวกเราเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับโรงแรมห้าดาวต้าเฉียนได้ทั้งหมดสามสิบแห่ง กิจการดังพลุแตก เรียกได้ว่าเทน้ำเทท่า ไม่ถึงหนึ่งปีพวกเราต้องมีทรัพย์สินเพิ่มเป็นเท่าตัวแน่ขอรับ”ในห้องโถงใหญ่ ชายอายุอานามประมาณสี่สิบชื่อเรียกว่าเหออวิ๋นเหว่ย ดวงหน้ายอแสงแห่งวสันตฤดู สามเดือนมานี้เขายุ่งงว
“ไม่รู้ว่าทำไม ช่วงนี้องค์ชายใหญ่ทำงานลึกลับมาก เห็นชัดว่ามีคนเก่งชี้แนะอยู่”เหอเหวินเย่าพูดอย่างกังวลใจเล็กน้อย “ถ้าเบื้องหลังเป็นคนขององค์ชายใหญ่จริง จะรับมือยากมาก และกลยุทธ์นี้ก็ล้ำลึกมากกว่าเราจริง”“เหอะ ยังไงพี่ใหญ่ก็เป็นคู่ต่อสู้ตัวฉกาจของเรา แถมยังมีตระกูลเริ่นสนับสนุนอีก ช่วงนี้เขานอกจากรู้จักเก็บอารมณ์ ยังจะลึกลับมากขึ้นทุกทีด้วย”ฉินอวิ๋นฮุยดูด้วยใบหน้าเหี้ยมเกรียม “น้องเจ็ดใกล้จะได้ดินแดนกลับคืนมาแล้ว ชื่อเสียงโด่งดัง ยิ่งเห็นพวกเขาได้ดี ใจข้าก็ยิ่งทรมาน ข้าต้องหาทางเติมไฟสักหน่อย ไม่อย่างนั้นชีวิตที่ราบเรียบจะจืดชืดเกินไป”พอเหอเหวินเย่าได้ยินก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที แววตาลุ่มลึก “เจ้าคิดจะทำอย่างนี้จริงหรือ? เรื่องนี้ถ้าเริ่มจะส่งผลพวงกับส่วนรวมได้นะ”“น้าสาม พวกเราแค่กระพือไฟ ไม่ได้เข้าร่วม ให้พวกเขาสู้กันเองเฉย ๆ”ฉินอวิ๋นฮุยพูดด้วยใบหน้าย่ามใจเห็นดังนั้นเหอเหวินเย่าจึงไม่ได้พูดอะไรอีก เพราะนี่คือแผนร้าย และยังส่งผลกับส่วนรวม แต่ยังดีที่ถึงสถานการณ์จะหลุดจากการควบคุม พวกเขาก็ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมาก......“พ่อลูกเขยคนดีของข้า สี่เดือนมานี้พวกเราได้เงินกองเท่าภูเ
ยามนี้ฉินอวิ๋นฟานใบหน้างงงัน เขาไม่มีภาพจำอะไรกับชายหนุ่มตรงหน้า สำหรับ ‘คุณหนูใหญ่เกิดเรื่อง’ ที่เขาพูดยิ่งทำให้ฉินอวิ๋นฟานมึนหนักกว่าเดิม คิดในใจไปว่าคุณหนูบ้านเจ้าคือใคร? เหมือนว่าข้าไม่รู้จักนี่?เห็นฉินอวิ๋นฟานทำอะไรไม่ถูก แต่สถานการณ์วิกฤตมาก เสี่ยวจวี๋รีบอธิบาย “เขาเป็นศิษย์ของช่างใหญ่หลู่เจ้าค่ะ ดูเหมือนว่าหลู่เซียงหลิงจะเกิดเรื่องที่สำนักศึกษาหลวงแล้ว รัชทายาท ท่านรีบไปช่วยคนเถอะ!”“อะไรนะ?!”ฉินอวิ๋นฟานรู้ม่านตาหดเล็ก สมองดังวิ้ง ตอนนี้เขารู้แจ้งแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น มิน่าเสี่ยวจวี๋ถึงได้มากับคนผู้นี้ฉินอวิ๋นฟานสืบเท้าออกไปและถามขึ้นทันที “แล้วนายช่างหลู่หนีเล่า? เขารู้หรือเปล่า?”ชายหนุ่มพลันตอบ “ช่างใหญ่หลู่ไปที่สำนักศึกษาหลวงแล้วขอรับ แต่ดูเหมือนว่าเรื่องราวจะร้ายแรงมาก เพื่อช่วยคน ข้าน้อยจนหนทางจึงได้แต่มาขอร้องรัชทายาทนี่แหละขอรับ!”“บ้าเอ๊ย ใครกล้าแตะต้องหลู่เซียงหลิงแม้เพียงปลายก้อย ข้าจะเอาชีวิตมัน!”ครั้นได้ยินข่าวนี้ ฉินอวิ๋นฟานบันดาลโทสะเดี๋ยวนั้น ไฟโกรธลุกโชน หลู่หนีคือช่างประดิษฐ์ที่สำคัญมากของฉินอวิ๋นฟาน หากไม่มีความช่วยเหลือจากหลู่หนี เทคโนโลยีทั้งหลายของ
“อะไรนะ?! พวกเจ้า พวกเจ้ามันพวกคนเลว ถึงกับทำเรื่องต่ำทรามเช่นนี้ออกมาได้?!”ครั้นได้ยินว่าเป็นยาปลุกกำหนัดฉีอิน หลู่เซียงหลิงลนลานโดยสิ้นเชิงแล้ว นางรู้ฤทธิ์ยานี้ดี มันไม่มียาถอน อีกทั้งยังมีฤทธิ์มาก ตามเวลาที่ผ่านไป ฤทธิ์ยาจะรุนแรงมากขึ้นทุกที จนทำให้คนสูญเสียสติสัมปชัญญะในที่สุดหากมิได้ร่วมรักกับผู้ชายในสองชั่วยาม จะต้องตายเพราะเลือดลมพลุ่งพล่าน ให้หลู่เซียงหลิงคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง เจ้าพวกบ้ากามพวกนี้ถึงกับไม่มีขอบเขต วางยานางในห้องเรียน?“หึ ๆ น้องเซียงหลิง เจ้าจะโทษพวกเราไม่ได้นะ จะโทษก็ต้องโทษที่เจ้างามนัก ชวนให้หลงใหลนัก พวกเราพี่น้องปรารถนาร่างกายเจ้านานแล้ว เสียดายที่เจ้าไม่รู้จักดีชอบโดยแท้”ตอนนี้เอง ชายอัปลักษณ์คนหนึ่ง ในดวงตาเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์พูดอย่างชั่วร้าย“พวกเจ้า พวกเจ้ามันคนสารเลว! ต่อให้ข้าหลู่เซียงหลิงต้องตายก็จะไม่ให้พวกเจ้ามาแปดเปื้อนมลทิน”หลู่เซียงหลิงยันร่างร้อนรุ่มและสติที่พร่าเลือนของตัวเอง ก่อนจะตะคอกออกไป “ต่อให้กลายเป็นผี ข้าก็จะไม่ปล่อยเดรัจฉานอย่างพวกเจ้า!”นับจากมาสำนักศึกษาหลวง หลู่เซียงหลิงขยันหมั่นเพียร ตรากตรำศึกษา ด้วยชื่อเสียงที่โด่
ในที่สุดเหมิงฉาก็รับไม่ไหว ร้องตะโกนคำที่แทบจะเป็นความอัปยศนั้นการแข่งขันทางบู๊นี้ก็ปิดฉากลงท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของทุกคน...เรื่องหักเหจากการคาดหมายของทุกคนเหลียงจ้านอิงและเหลียงเทียนจื้อต่างคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้จะล้วงปืนสั้นออกมาพลิกสถานการณ์ในการแข่งขันด้านบู๊นี้กระทั่งว่าเหลียงเทียนจื้อไม่มีโอกาสจะได้ออกโรงเลย...เช่นละครอย่างไรอย่างนั้น เนื่องจากเหมิงฉากลัวสุดขีดจึงยกมือยอมแพ้ดังนั้นเหลียงเทียนอี้จึงคว้าชัยชนะการแข่งขันรอบนี้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่เปลืองแรงภาพมหัศจรรย์เกิดให้แบบไม่มีการเปลี่ยนแปลงลุ้นระทึกและไม่มีเลือดร้อนพลุ่งพล่านที่ใครคาดหวัง!ถึงขั้นว่าลวงตามากแต่ผลลัพธ์เป็นของจริงแท้แน่นอน เหลียงเทียนอี้ชนะแล้ว......“ดูท่าครั้งนี้ฟานเอ๋อร์จะช่วยข้าได้มากอีกแล้ว”เหลียงเทียนอี้กลับมาถึงด้านในก็คืนปืนสั้นให้ฉินอวิ๋นฟานและพรูลมหนัก ๆ“เหอะ ๆ เสด็จน้าชมเกินไปแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของท่านทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ มิได้กล่าวอะไรอีกถ้าจะบอกว่าเขาทำอะไรเพื่อเหลียงเทียนอี้ นั่นก็แค่บอกเขาว่าความจริงการแข่งขันนี้สามาร
การกระทำของเหลียงเทียนอี้ทำให้ทุกคนในนั้นตกตะลึงแม้แต่เหลียงจ้านอิงที่อยู่บนปะรำก็ยังหยุดการดื่มน้ำชาไม่ได้ มองไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ“เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”เหลียงเทียนจื้อมองเหลียงเทียนอี้ที่ปราศจากเครื่องป้องกันใด ๆ ด้านข้าง ใบหน้าแปลกใจนี่คือการแข่งขันบู๊นะ คือสถานที่ตีรันฟันแทง ถ้าไม่ระวังอาจต้องคมศาสตราได้จริง ๆ ศีรษะย้ายที่อยู่ หากไม่ใช่เพราะมั่นใจกับฝีมือของตัวเองมาก กอปรกับวางแผนร่วมกับทางซยงหนูดีแล้วเขาคงต้องสวมชุดเกราะหนักมารับมือกับการแข่งขันด้านบู๊วันนี้เหมือนกันทว่าการกระทำเช่นนี้ของเหลียงเทียนอี้ต่างจากการรนหาที่ตายอย่างไร?ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลก เหลียงเทียนจื้อหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย...ทั้งที่เขาควรดีใจกับเวลานี้ ถ้าเหลียงเทียนอี้เกิดอุบัติเหตุในการแข่งขันรอบนี้ เช่นนั้นบัลลังก์ต้องเป็นของเขาแน่แล้วแต่ใจกับกระวนกระวาย อย่างไรก็ไม่เป็นสุข“หรือว่าเขาแอบวางแผนอะไร?”ทันใดนั้นเหมิงฉาเริ่มบุกโจมตีก่อนแล้วร่างสูงใหญ่นั้นหวดขวานใหญ่หนักร้อยชั่งพลางเข้าใกล้เหลียงเทียนอี้อย่างต่อเนื่องภายใต้แสงสุริยา คมมีดนั้นน่ากลัวเช่นนี้ ราวกับแค่ถากเถือเบา ๆ ก็เฉือนศีรษ
“ข้าเอง!”ทันใดนั้นเหลียงเทียนอี้ก็ก้าวออกมาช้า ๆโง่อย่างที่คิด...เหลียงเทียนจื้อยืนยิ้มเยาะอยู่ในใจข้างหลังเขารู้นิสัยของพี่ชายดี และรู้ว่าเหลียงเทียนอี้เป็นคนดื้อรั้นมากเมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็มักจะดาหน้าออกไปทันทีแม้เผชิญหน้ากับพันขุนศึกหมื่นอาชาก็ยังปราศจากความกลัวเกรง พลีตนจนตัวตาย...แต่พฤติกรรมวู่วามเช่นนี้ กลัวแต่ต้องจบอย่างอนาถในท้ายที่สุด“ฮ่า ๆ ๆ รัชทายาทกล้าหาญดังคาด!” เหมิงฉาหัวเราะเสียงดัง “ปกติยังนึกว่าท่านเป็นแต่สะบัดพู่กันขีดเขียน วันนี้ข้าอยากลองดูสิว่าฝีมือดาบกระบี่ของท่านจะล้ำลึกหรือไม่?”เพิ่งกล่าวจบ เหมิงฉาก็กวัดแกว่งขวานใหญ่พลางเดินประชิดไปทางเหลียงเทียนอี้ทีละก้าวรูปร่างใหญ่นั้น ร่างกายแข็งแรงนั้น แค่ยืนอยู่ก็สร้างแรงกดดันที่มองไม่เห็นแล้วทำให้หลาย ๆ คนเห็นแล้วอดเกิดใจกลัวอย่างหนึ่งขึ้นมาไม่ได้“อุ๊ย ท่านพี่จะเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังไง?”เหลียงจื่อฝูที่อยู่บนปะรำหน้าทุกข์ร้อน สองมือบีบผ้าเช็ดหน้าแน่น สีหน้าซีดไปเล็กน้อยนางจ้องเหลียงเทียนอี้กลางลานฝึกซ้อม“ท่านพี่ไม่มีความสามารถด้านนี้เท่าไร ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหมิงฉา!”ผู้เป็นน้องสาว
เหลียงเทียนอี้ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าราบเรียบ มองอารมณ์ไม่ออกแต่ในใจเขารู้ดี การต่อสู้ครั้งนี้ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการตั้งแต่เหมิงฉาเริ่มพูดแล้วนี่คือการหยามหน้า คือการหยามเหยียดอย่างชัดเจนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย“เป็นยังไง? องค์ชายสาม?”เหมิงฉาเมินเหลียงเทียนอี้ที่อยู่อีกทางหนึ่ง แล้วใช้สายตาท้าทายมองไปทางเหลียงเทียนจื้อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “ได้ยินว่าฝีมือการใช้ดาบกระบี่ขององค์ชายสามค่อนข้างร้ายกาจ วันนี้ข้าขอท้าทายสักหน่อยเถิด”“มิเป็นไร” เหลียงเทียนจื้อฉีกยิ้ม ใบหน้าเปื้อนไปด้วยความกระหยิ่มใจจากนั้นก็ชักกระบี่ล้ำค่าคู่กายออกมาจากตรงเอวช้า ๆการต่อสู้ครั้งนี้ คือของเขาเท่านั้น!และเป็นเขาได้เท่านั้น!เขาต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเขาเหลียงเทียนจื้อต่างหากที่เป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดคนนั้น คือคนที่สามารถเอาชนะซยงหนูได้อย่างแท้จริง!......“ดูท่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามแผนนะ”เหลียงจ้านอิงดื่มน้ำชาสบายใจเฉิบอยู่บนปะรำมองผลสะท้อนกลับอย่างอบอุ่นของเหล่าผู้ชม จิตใจยิ่งฮึกเหิมตื่นเต้นไม่พูดไม่ได้เลย ถ้อยคำนั้นของเหมิงฉาทำให้เกิดผลดีเยี่ยม สามารถชักจูงอารมณ์ของทุกคนได้ในพริบตาเขาเช
ตกลงไว้แต่แรกว่าเป็นการแข่งขันรูปแบบปิด และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร นอกจากราชวงศ์จะมิมีผู้ใดล่วงรู้ทว่าตอนนี้กลับแข่งขันในลานกว้างต่อหน้าธารกำนัล?หากท่านพี่แพ้มิต้องเป็นที่หัวเราะไปทั่วหรือ?“นี่ก็คือผลลัพธ์ที่ทางเหลียงชินอ๋องต้องการกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานนั่งลงด้านข้าง ยิ้มพูดอย่างเฉยชา “ในฐานะที่เป็นละครฉายซ้ำของวันนี้ พวกเขาแค่ต้องการให้ทุกคนได้เห็นความประดักประเดิดของเสด็จน้าเท่านั้น”แต่แพ้จากการต่อสู้เช่นนั้นผลลัพธ์ต้องเทข้างแน่โอรสสวรรค์ของต้าเหลียงที่กล่าวขานกลับแพ้ให้กับคนป่าเถื่อน ทั้งความสามารถยังมิสู้องค์ชายสามเหลียงเทียนจื้อขอเพียงมีการพูดประเภทนี้ต่อไป ไม่นานอัตราการสนับสนุนเหลียงเทียนจื้อก็จะพุ่งสูงลูกไม้พรรค์นี้ช่างโหดเหี้ยมนัก“น่ารังเกียจจริง ๆ...” คิ้วงามเหลียงจื่อฝูย่นยู่เล็กน้อย อดกระตุกมุมปากไม่ได้ “ไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้”“เมื่อวานท่านพี่ชนะการแข่งขันด้านบุ๋นกับซยงหนูในท้องพระโรง พวกเขาไม่เห็นจะพูดกันเลย เลวทรามจริง ๆ!”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะอย่างไม่ออกความเห็นเขากลับไม่ใส่ใจว่าเมื่อวานจะชนะหรือแพ้ วันนี้ต่างหากที่เป็นส่วนสำค
สำหรับเหลียงเทียนอี้ การแข่งขันในวันนี้ค่อนข้างน่าตกใจแต่ยังดีที่สุดท้ายเขาสามารถคลี่คลายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้พวกซยงหนูหน้าบึ้งตึง โจมตีจนพวกเขารับมือไม่ทันดูท่าปกติว่างเว้นจากการงานอ่านหนังสือให้มากจะมีประโยชน์...หลังประชุมเช้า เหลียงเทียนอี้ก็อดรนทนไม่ไหวบอกข่าวดีกับฉินอวิ๋นฟาน อยากแบ่งปันความสุขและความเปรมปรีดิ์ของตนแต่พอได้ยินฉินอวิ๋นฟานตอบกลับ เขาจึงตระหนักว่าเรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายธรรมดาอย่างที่เขาคิดอย่างนั้น“การแข่งขันทางบู๊ในวันพรุ่งนี้จึงจะเป็นส่วนสำคัญอย่างแท้จริง”คำพูดราบเรียบประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานทำให้ความยินดีปรีดาของเหลียงเทียนอี้ในแต่เดิมสูญสิ้น สีหน้าอึมครึมมากขึ้นเรื่อย ๆ“ข้าย่อมรู้ดี...แต่ปกติ คนที่จะชนะในการแข่งขันทางบู๊คงจะเป็นน้องสาม”เกี่ยวกับจุดนี้แทบไม่มีอะไรให้ลุ้นเพราะเหลียงเทียนจื้อร่ำเรียนกับเหลียงจ้านอิงแต่เล็ก อีกทั้งยังเคยเข้าสนามรบฟาดฟันกับศัตรู ด้านประสบการณ์การรบ จึงมีความคล่องมากกว่าเป็นธรรมดาเช่นนี้ หากคิดจะชิงคะแนนหนึ่งมาจากมือของเหลียงเทียนจื้อ คาดว่าต้องยากเป็นพิเศษเมื่อเห็นเหลียงเทียนอี้มีท่าทางปราศจากใจฮึดสู้ ฉินอวิ
“พันทุบหมื่นเจาะจึงได้แผ่นดิน ไฟโหมเผาไหม้เป็นอาจิณ ร่างแหลกกายเหลวมิหวั่น คงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ในโลกา”ฝุ่นหินหนึ่งบททำให้หลิ่วเหวินเซี่ยมั่นใจมากขึ้นไม่น้อยครั้งนี้เขาไม่ออมมืออีก ทั้งยังท่องออกมาจนจบ ไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้กับเหลียงเทียนอี้เช่นเดียวกัน เขาทำนอกเหนือแผนเดิม ไม่คิดสนใจความรู้สึกของเหลียงเทียนจื้ออีก“นี่ นี่มันกลอนอะไร?”เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ด้านหลังเหงื่อตก ในหัวถึงขั้นว่าไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับกลอนบทนี้แน่นอน ด้วยความทึ่มทื่อของเขาจะต่อกลอนได้อย่างไร ได้แต่เกาหลังศีรษะยิก ๆทว่าเหลียงเทียนอี้ยังใจเย็นเหมือนเดิม เพียงครู่เดียวก็ตอบ“หวงคะนึงความทุกข์เข็ญในการสอบ บัดนี้ไฟสงครามสงบผ่านพ้นสี่ปี”“บ้างเมืองไหวเอนดังกิ่งหลิว ใครเล่ามิใช่ผิวน้ำฝนซัดสาด”“หวงข่งทานปราชัยพรั่นพรึงถึงวันนี้ หลิงติงหยางอ้างว้างถอนหายใจ”“นับแต่โบราณใครบ้างมิดับสูญ เหลือใจรักชาติในพงศาวดาร”ครั้นกล่าวออกมาก็ได้รีบเสียงปรบมือดังสนั่นขุนนางบุ๋นบู๊ที่ชมละครฉากเด็ดในแต่เดิม ยามนี้ยอมสยบกับความสามารถทางวรรณกรรมของเหลียงเทียนอี้แล้วไม่ว่าจะเป็นกลอนในสมัยใด เหลียงเทียนอี้ก็เหมือน
ชั่วขณะ ท้องพระโรงเงียบกริบ สายตาของทุกคนรวมศูนย์อยู่กับตัวของเหลียงเทียนอี้แทบทั้งหมดในดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความยินดีหลังจากหลิ่วเหวินเซี่ยร่ายกลอนท่อนแรกออกมา เหลียงเทียนอี้กลับสามารถตอบสนองทันควันพร้อมต่อท่อนหลังความเร็วเช่นนี้เรียกว่าเร็วยิ่ง!“อวิ๋นเฉ่าสาทรฤดูมีเขียวแห่งวสันต์ของกวีราชวงศ์ซ่ง คือยอดบทกวีโดยแท้!”เหลียงเทียนอี้พยักหน้าอย่างสง่างาม ใบหน้าประดับรอยยิ้มมั่นใจงานนี้ทำให้เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ข้างล่างหน้าตึงฉับพลันเหลียงจ้านอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งหนักกว่า สายตาที่มองมาราวกับมีไฟพุ่งออกมาได้“บ้าเอ๊ย...ถูกชิงตัดหน้าไปก่อน!”เหลียงเทียนจื้อกัดฟันกรอด ในใจกรุ่นโกรธไม่หยุดทั้งที่เขาทำการบ้านมาล่วงหน้า ไม่ว่าหลิ่วเหวินเซี่ยจะท่องกลอนบทใดเขาก็เตรียมเอาไว้หมดแล้วแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับเร็วสู้เหลียงเทียนอี้ไม่ได้!และไม่รู้ว่าตัวเองโง่เขลาหรือเหลียงเทียนอี้เก่งจริงกันแน่!“รัชทายาททรงภูมิแท้ ข้าน้อยเลื่อมใส!”หลิ่วเหวินเซี่ยพยักหน้าด้วยสีหน้าคงเดิมทว่าในใจกลับไม่พอใจเล็กน้อยแล้วคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้ผู้นี้จะมีฝีมือ เขาจงใจเลือกบทกวี
การกระทำเช่นนี้คือการแสดงความยโสหยิ่งผยองของซยงหนูอย่างมิต้องสงสัย“เหมิงฉา คารวะรัชทายาท”“หลิ่วเหวินเซี่ย คารวะรัชทายาท”คนอื่น ๆ ก็ทักทายตามด้วยเหมือนกัน เมื่อนั้นเหลียงเทียนอี้จึงรู้ฐานะของพวกเขาดูแล้วหนึ่งคนในนั้นก็คือบุตรชายของเหมิงเก๋อเอ่อร์ หรือก็คือคนที่มาท้าทายเขาในครั้งนี้อย่างที่เหลียงจ้านอิงบอก การมาครั้งนี้ของเหมิงเก๋อเอ่อร์ก็เพื่อหยั่งเชิงเขาโดยอ้างเหตุผลเยี่ยมเยือนฮ่องเต้ต้าเหลียง ดังนั้นเรื่องที่เริ่มสนทนาในท้องพระโรงจึงเกี่ยวกับสุขภาพของฮ่องเต้ต้าเหลียงแทบจะทั้งหมดทว่าทุกคนในที่นั้นต่างรู้ดี จุดประสงค์ของผู้นิยมสุรามิได้อยู่ที่สุรานี่อย่างไร ครั้นเปลี่ยนเรื่อง เหมิงเก๋อเอ่อร์ก็กล่าวถึงการแข่งขันเลย“ได้ยินว่ารัชทายาทและองค์ชายสามเก่งทั้งบุ๋นแล้วบู๊มานาน คืออัจฉริยะของต้าเหลียง การมาเยือนต้าเหลียงครั้งนี้ นอกจากจะเยี่ยมฮ่องเต้ต้าเหลียงสหายเก่าท่านนี้ ก็อยากให้บุตรชายได้ประมือกับรัชทายาทและองค์ชายสักหน่อย”เหมิงเก๋อเอ่อร์สีหน้าขึงขัง ในที่สุดก็เข้าประเด็นชั่วขณะ ทุกคนในท้องพระโรงหัวใจจะหลุดออกมาอยู่แล้ว ต่างสังเกตสีหน้าเหลียงเทียนอี้อย่างแนบเนียนทว่าเ