ฉินอวิ๋นคังเปิดโหมดต่อสู้อีกครั้ง เขากัดไม่ปล่อย “อย่ามาบอกกับข้านะว่านี่คือความเข้าใจผิด ข้าไม่เชื่อ! ข้าไม่เชื่อหรอกว่าโลกนี้ยังมีเรื่องบังเอิญอย่างนี้ได้!”“ดังนั้นผลลัพธ์มีเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือฉินอวิ๋นฟานรู้แต่แรกแล้วว่าเหล้ามีปัญหา ก็เลยจงใจสับเปลี่ยน และเจ้าก็คือคนที่บอกข่าว!”“นี่ต้องเป็นแผนที่พวกเจ้าร่วมมือกันแน่ จงใจแกล้งข้าใช่ไหม?! พวกเจ้าอยากเหยียบข้าให้จมดิน ตัดข้าออกจากผู้มีสิทธิ์ชิงบัลลังก์ แล้วพวกเจ้าค่อยสู้กันเอง?”“ข้าว่าอยู่แล้วเชียว มิน่าเมื่อวานตอนประชุมขุนนางเจ้าถึงได้กลับลำกะทันหัน ที่แท้เจ้าก็จับมือกับฉินอวิ๋นฟานอยู่ลับ ๆ?”พอฉินอวิ๋นคังวิเคราะห์อย่างนี้ คิ้วของฮั่วเจิ้นหลงมัดเป็นปมแน่นมากขึ้น กระทั่งสงสัยว่าฉินอวิ๋นคังจะวิเคราะห์ถูก สิ่งต่าง ๆ ที่เผยให้เห็นแสดงชัดว่าฉินอวิ๋นคังพูดมีเหตุผลมากเพราะระหว่างพวกเขาคือคู่ต่อสู้ เมื่ออยู่ต่อหน้าผลประโยชน์ อะไร ๆ ก็เป็นไปได้ทั้งนั้นและฉินอวิ๋นฮุยก็กลายเป็นบุคคลสำคัญที่อาศัยช่องตรงกลางของเรื่องนี้ฉกฉวยผลประโยชน์!“ให้ตายเถอะ! ข้าตาบอดจริง ๆ ทำไมถึงมาร่วมมือกับท่านได้นะ?!”ฉินอวิ๋นฮุยเลือดขึ้นหน้าแล้ว พอฉินอว
“ช้าก่อน!”ก็ขณะที่องค์ชายรองฉินอวิ๋นฮุยกำลังจะไปด้วยความกรุ่นโกรธ จู่ ๆ ก็ถูกฮั่วเจิ้นหลงเรียกให้หยุดอีก แววตาของเขาดังเปลวไฟ เงามืดปกคลุมอยู่ทั่วในนั้น จ้องมู่หรงฟู่สุ่ยอย่างเย็นชาและเอ่ย “จะเป็นไปได้ไหมว่าปัญหาอยู่ที่ตัวมู่หรงฟู่สุ่ย?”“หือ?”ครั้นองค์ชายใหญ่และองค์ชายรองได้ยินคำพูดของฮั่วเจิ้นหลงก็พลันสะดุ้ง สายตาจับไปที่ตัวมู่หรงฟู่สุ่ยนั่นสิ ทำไมพวกเขาละเลยมู่หรงฟู่สุ่ยไปนะ?พอมู่หรงฟู่สุ่ยได้ยินก็ตกใจสั่นเทิ้ม รีบอธิบาย “ไม่เกี่ยวกับข้าน้อยนะขอรับ องค์ชายใหญ่ องค์ชายรอง ไม่เกี่ยวกับข้าน้อยจริง ๆ ข้าน้อยทำตามที่พวกท่านต้องการทั้งหมดนะขอรับ”“ไม่เกี่ยวกับเจ้า?”ฮั่วเจิ้นหลงน่าเกรงขามโดยที่ไม่โกรธ เนื้อตัวบนล่างแผ่กลิ่นอายของผู้มีอำนาจ พลังแข็งแกร่งนั้น กดจนมู่หรงฟู่สุ่ยแทบจะหายใจไม่ออก นี่ก็คือพลังข่มขวัญ สามารถทำให้คนรู้สึกกดดันอย่างหนัก“ประเดี๋ยวเจ้าก็จะรู้เอง!”ฮั่วเจิ้นหลงเอ่ย “ใครก็ได้ จับตัวคนในบ้านมู่หรงฟู่สุ่ยมาให้หมด ข้าก็อยากดูสิว่าเขาจะปากแข็งได้สักแค่ไหน”“หา?! จับคนในบ้านข้า?”พอได้ยินว่าทำคนที่บ้านเดือดร้อนไปด้วย มู่หรงฟู่สุ่ยขวัญผวาถึงขีดสุด ยามนี้เขาเส
มู่หรงฟู่สุ่ยนั่งลงไปกับพื้น สิ้นหมดทั้งคน ตอนนี้เองเขาถึงตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่อง ตั้งแต่นาทีที่เขาย่างเข้าจวนนี้ก็คงเดินกลับออกไปไม่ได้แล้ว“มู่หรงฟู่สุ่ย เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกไหม?!”ฮั่วเจิ้นหลงตวาดถาม“แม่ทัพฮั่ว จะให้เวลาข้าน้อยหน่อยได้ไหมขอรับ? ให้ข้าน้อยได้กลับไปทำความเข้าใจ รายละเอียดเป็นยังไงข้าน้อยก็ไม่รู้เหมือนกัน”มู่หรงฟู่สุ่ยรีบอธิบาย“กลับไป? กลับไปเตรียมตัวหนีรึ! เจ้าคิดว่าเจ้ายังมีโอกาสกลับไป?! ถ้าไม่สารภาพมาเสียดี ๆ วันนี้เจ้าอย่าคิดจะออกจากจวนนี้ไปได้เลย!”ฮั่วเจิ้นหลงเอ่ยเสียงหนาวมู่หรงฟู่สุ่ยความหวังสูญสิ้น เขากวาดสายตามององค์ชายใหญ่และคนอื่น ๆ รอบหนึ่งแล้วยิ้มแห้ง เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าควรอธิบายอย่างไรดี ทั้งที่เขาพูดความจริง กลับไม่มีใครเชื่อสักคนต่อให้เขาแต่งเรื่องไปเรื่อย เขาก็ไม่รู้จะเล่าจากตรงไหน ถึงเขาจะเสียใจกับการกระทำโง่ ๆ ของตัวเอง แต่อย่างน้อยก็ไม่ทำให้ลูกเมียพลอยเดือดร้อนไปด้วย ไม่ว่าอย่างไรวันนี้เขาก็ต้องตายแน่แล้ว ข่าวดีสุดท้ายนี้นับว่าทำให้เขาโล่งอกถ้าเทียบกับการดิ้นรนเพื่อหวังเอาตัวรอด มิสู้มุ่งหน้าสู่ความตาย!“เหอะ นี่ยังมีอะไรต้อง
เรื่องที่อุจจาระราดครานี้ ฉินอวิ๋นคังคือผู้รับเคราะห์หนักที่สุด สะเทือนใจเป็นอย่างมาก และฉินอวิ๋นคังก็คือผู้วางแผนเรื่องนี้ทั้งหมด ฉินอวิ๋นคังไม่เชื่อเด็ดขาดว่าฉินอวิ๋นฮุยคือผู้บริสุทธิ์ครั้นเขายืนยันความคิดของตัวเองแล้วก็ตัดสินใจที่จะแตกหักกับฉินอวิ๋นฮุย ขีดเส้นแบ่งชัดเจน ไม่อยากข้องแวะใด ๆ กับสุภาพบุรุษจอมปลอมที่มากเล่ห์เพทุบายเช่นนี้อีกแล้วฮั่วเจิ้นหลงที่อยู่ด้านข้างมองฉินอวิ๋นคังผู้เป็นลูกเขยด้วยความประหลาดใจอย่างหนัก ยังไม่ต้องพูดถึงว่าจัดการเรื่องนี้ถูกหรือไม่ แต่ดูเหมือนว่าฉินอวิ๋นคังจะรู้จักใช้สมองแล้ว รู้จักพิจารณาปัญหาเชิงลึกแล้ว?นี่มันเกิดอะไรขึ้น? หรือเพราะเกิดปัญญาท่ามกลางวิกฤต? ฮั่วเจิ้นหลงเริ่มแอบดีใจ“ฉินอวิ๋นคัง พูดมาครึ่งค่อนวัน ไม่ว่ายังไงเจ้าก็ไม่มีทางเชื่อข้าใช่ไหม? ต้องคิดว่าข้าคือตัวการเบื้องหลังที่ก่อเรื่องนี้ให้ได้ใช่ไหม?”ฉินอวิ๋นฮุยหรี่ดวงตาทั้งสอง ในนั้นเต็มไปด้วยความมืดมน เดิมนี่คือเรื่องที่ง่ายจนไม่รู้จะง่ายอย่างไรได้อีก แค่หยั่งเชิงฉินอวิ๋นฟานครั้งเดียว แต่ผลลัพธ์กลับดีเลย พวกเขาจบงานอย่างยับเยินไม่ว่าเขาจะงัดหลักฐานอะไร ฉินอวิ๋นคังก็สามารถวิเคร
“อื่ม ดีมาก เจ้าคิดได้เช่นนี้ ข้าปลื้มใจจริง ๆ” ฮั่วเจิ้นหลงเห็นลูกเขยก้าวหน้าขึ้นมากกะทันหัน พลันเผยรอยยิ้มปานบิดาเมตตา จากนั้นจึงถามต่อ “เช่นนั้นต่อจากนี้เจ้าคิดจะทำยังไง?”ฉินอวิ๋นคังไตร่ตรองเล็กน้อยครู่หนึ่ง “ตอนนี้น้องเจ็ดไม่มีอิทธิพลอะไร และไม่มีจุดอ่อนอะไรด้วย พวกเราไม่มีช่องลงมือกับเขา ยิ่งหาข้ออ้างที่สมเหตุสมผลไม่ได้ น้องเจ็ดมากเล่ห์เพทุบาย จะเสียเปรียบได้ง่าย ๆ เอา”“ถ้าเรายังทำตามแผนของเจ้ารองต่อ ลงมือกับธุรกิจของเจ้าเจ็ด ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก เมื่อเทียบกับใช้แผนร้ายทางลับ ไม่สู้แข่งการค้ากับเขาไปเลย ถึงยังไงเราก็มีเงินถุงเงินถัง เบียดการค้าของเขาอย่างเปิดเผยยุติธรรมไม่ดีหรือ?”ฉินอวิ๋นคังเอ่ย “เช่นนี้ไม่เพียงแต่โจมตีการค้าของน้องเจ็ดได้ ยังสามารถพัฒนาให้ตัวเองแข็งแกร่งยิ่งใหญ่ เทียบกับเจ้ารองที่เล่นลูกไม้สกปรกอยู่ข้างหลัง พวกเราทำแบบนี้จึงจะถูก”ได้ฟังการวิเคราะห์จากฉินอวิ๋นคัง บนหน้าของฮั่วเจิ้นหลงเขียนคำว่า ‘เหลือเชื่อ’ ตัวโต ๆ นี่ลูกเขยเป็นอะไรไป ทำไมหัวใสอย่างนี้ได้นะ!เมื่อวานพวกเขายังหารือกันว่าจะโค่นระบบธุรกิจของฉินอวิ๋นฟานอย่างไร ผลคือพอลูกเขย
ความร่วมมือระยะสั้นและเปราะบางขององค์ชายใหญ่กับองค์ชายรอง แค่ช่วงเวลาหนึ่งวันก็พังทลายย่อยยับเพราะเรื่องเล็ก ๆ เพียงเรื่องเดียวฉินอวิ๋นฟานกลับไม่รู้เรื่องทั้งหมดนี้เลย เขายังป้องกันองค์ชายใหญ่กับองค์ชายรองจะเล่นงานเขาอย่างลับ ๆ เหมือนเดิม จึงรีบคัดกรองพนักงานทั้งหมดในเครือเหิงไท่ทุกภาคส่วน กลัวจะมีคนทรยศอย่างมู่หรงฟู่สุ่ยอีกเช้าวันต่อมา ฉินอวิ๋นฟานมาถึงชั้นสองของภัตตาคารต้าเฉียนแต่เช้าเพื่อเตรียมการและแบ่งหน้าที่เรื่องการดึงพันธมิตรร่วมลงทุนกับเครือเหิงไท่กระทั่งกลางวันเขาจึงสะสางงานเสร็จ บิดขี้เกียจเป็นวงกว้าง ยืดเส้นยืดสายสักหน่อย และตอนนี้เอง จู่ ๆ เสิ่นวั่นซานก็มาถึงห้องโถงรับแขกอย่างอนาทรร้อนใจ“แย่ แย่แล้ว รัชทายาท เกิดเรื่องแล้วขอรับ!”เสิ่นวั่นซานเหงื่อไหลไคลย้อย เปิดปากพูดด้วยความร้อนรน“มีอะไรหรือ? มีอะไรก็ค่อย ๆ พูดมาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้ว เมื่อคืนเพิ่งคัดกรองพนักงานทั้งหมดเสร็จ นี่เพิ่งจะผ่านไปครึ่งวันก็เกิดปัญหาใหม่อีกแล้ว?เสิ่นวั่นซานปาดเหงื่อที่หน้าผาก “เรื่องมันเป็นเช่นนี้ขอรับ เมื่อกี้นี้หยางกั๋วฝูเถ้าแก่โรงงานไม้แปรรูปที่ใหญ่ที่สุดของเมืองหลวงเรียกเถ้าแ
ฉินอวิ๋นฟานโบกมือออกคำสั่งไล่แขกโดยตรงในประวัติศาสตร์อันยาวนาน เสิ่นวั่นซานคืออัจฉริยะทางการค้าคนหนึ่ง มั่งคั่งเทียบเท่าบ้านเมือง ที่ฉินอวิ๋นฟานให้ความสำคัญกับเขา ประการแรกคือเล็งเห็นอุปนิสัยและความสามารถในการคว้าโอกาสของเขา ประการต่อมาคือเห็นหัวการค้าเหนือคนของเขา“ขอบคุณรัชทายาทที่ชี้แนะ ข้ารู้แล้วว่าควรทำยังไง ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังกับข้าเสิ่นวั่นซานแน่นอน!”เสิ่นวั่นซานกรอบตาแดง ถอยออกจากห้องไปแบบรู้ตัว รู้ว่านี่คือโอกาสที่ฉินอวิ๋นฟานมอบให้เขา กำลังฝึกเขา ถ้าไม่ไขว่คว้าเอาไว้ให้ดี ต่อไปเกรงว่าจะหมดโอกาสแล้วจริง ๆพริบตาเดียวผ่านไปแล้วห้าวัน เครือเหิงไท่ของฉินอวิ๋นฟานดำเนินการอย่างคึกคักร้อนแรง โครงการแรกก็คือการร่วมพันธมิตรของโรงแรมห้าดาวต้าเฉียน คนที่เคยมีประสบการณ์กับโรงแรมห้าดาวต้าเฉียนต่างชื่นชมโรงแรมรูปแบบใหม่นี้ไม่หยุดปาก คนที่มาร่วมเป็นพันธมิตรยิ่งมีมาไม่ขาดสายเพิ่งจะเริ่มได้สามวัน คนที่มาเป็นพันธมิตรต่อแถวยาวเป็นมังกรอยู่หน้าปากประตูศูนย์เครือข่ายเหิงไท่นานแล้ว เพื่อให้ได้รับสิทธิ์ในการเข้าร่วม หลาย ๆ คนถึงกับเฝ้าอยู่หน้าประตูสามวันสามคืนภาพนี้องค์ชายใหญ่ องค์ชาย
“สวรรค์ กะอีแค่โรงแรมเล็ก ๆ ทำเงินขนาดนี้เลยหรือ?!”ไม่คำนวณไม่รู้ พอคำนวณเป็นอันต้องสะดุ้ง ฉินอวิ๋นคังทำตาโตเท่าลูกกระพรวนทองแดง เขาเห็นนานแล้วว่ากิจการโรงแรมห้าดาวต้าเฉียนของฉินอวิ๋นฟานดังพลุแตกมาก แต่ด้วยเกียรติที่ค้ำคอจึงไม่ได้ไปสัมผัสสักครั้งพอกุนซือคำนวณอย่างนี้ ทำเอาเขาตกตะลึงพรึงเพริด ไม่นึกว่าโรงแรมเล็ก ๆ และกำไรแค่สามส่วนจะทำเงินได้ขนาดนี้ เช่นนี้ฉินอวิ๋นฟานเจ็ดส่วนมิต้องได้เป็นกระบุงหรือ?“ถูกต้อง ข้าศึกษาอย่างละเอียดมาแล้ว ทั้งยังไปเปิดประสบการณ์ที่โรงแรมห้าดาวต้าเฉียนด้วยตัวเองหนหนึ่ง หลังจากได้สัมผัสแล้วก็ไม่อยากออก สิ่งของแปลกใหม่ต่าง ๆ นานาทำให้คนรู้สึกตื่นตาตื่นใจ ความรู้สึกที่ได้สัมผัสช่างวิเศษนัก”กุนซือยิ่งพูดก็ยิ่งตื่นเต้น สีหน้าแดงระเรื่อ “พวกเขายังมีเอกลักษณ์สุดพิเศษอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือห้องเร้าอารมณ์ อุปกรณ์ทันสมัยต่าง ๆ รวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือเสริมอะไรล้วนครบครัน ตระการตาอย่างยิ่ง หากพาสาวสวยไปด้วยสักคน... มันจะเหนือความรู้ความเข้าใจของท่านทั้งปวง เยี่ยมยอดสุด ๆ ไปเลย!”หลังจากกุนซือสาธยายอย่างออกรสออกชาติ ใบหน้าของฉินอวิ๋นคังและฮั่วเจิ้นหลงมีแต่สีสั