เช่นเดียวกับที่กุนซือหวังจื้อกล่าว หากองค์ชายรองเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับโรงแรมห้าดาวของฉินอวิ๋นฟาน เช่นนั้นพวกเขาก็ต้องเร่งมือด้วยเหมือนกันฮั่วเจิ้นหลงตรึกตรองครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยขึ้นว่า “เสี่ยวจื้อ ถึงเราจะเข้าร่วมด้วยแต่ก็ไม่แน่ว่าฉินอวิ๋นฟานจะตกลง แล้วเราควรทำยังไงถึงจะเข้าร่วมได้เล่า?”“เรื่องนี้ง่ายมาก พวกเราแค่ซื้อตัวคนที่มีสิทธิ์ร่วมเป็นพันธมิตรพวกนั้นก็พอ พวกเราจะออกเงินทั้งหมด และจะแบ่งผลกำไรให้พวกเราส่วนหนึ่งทุกเดือนก็เรียบร้อยแล้ว!”หวังจื้อยิ้มย่ามใจ “ข้อดีในการทำอย่างนี้ก็คือกันการปกปิดตัวตน ทั่วไปแล้วจะไม่มีใครรู้ว่าผู้ที่ควบคุมเบื้องหลังที่แท้จริงคือพวกเราต่างหาก”“แล้วถ้าพวกเขาไม่ยอมล่ะ จะทำยังไง? มันโกยเงินได้มากขนาดนั้น ใครจะได้อยากประเคนให้พวกเรากันล่ะ?”ฉินอวิ๋นคังขมวดคิ้วถามหวังจื้อยิ้มพูดอย่างประหลาดใจ “องค์ชายใหญ่ เรื่องนี้คงไม่ต้องให้ข้าบอกท่านว่าต้องทำอย่างไรกระมัง?”“หือ?”ครั้นหวังจื้อชี้ทาง ฉินอวิ๋นคังก็เหมือนกับนึกอะไรขึ้นได้กะทันหัน พลันมุมปากยกยิ้ม “อำนาจ บีบคั้น ผลประโยชน์ หลอกล่อ? แล้วลวดดึงคนเข้าร่วมกับพวกเรา?”“ฮ่า ๆ ๆ...”ครั้นกล่าวออกมาทั
“อาจ้าน ช่วงนี้ท่านรู้สึกแปลก ๆ ไหม!”ในห้องหนังสือจวนรัชทายาท ฉินอวิ๋นฟานนั่งสง่าอยู่หน้าโต๊ะ ใบหน้าล้วนเป็นความฉงน“แปลก? แปลกตรงไหน? ข้าไม่ยักรู้สึกมีอะไรผิดปกตินี่ ช่วงนี้เครือธุรกิจก็ดังระเบิดดี ทุกอย่างราบรื่น ไม่เห็นว่าจะเกิดเรื่องอะไรเลย”อยู่ดี ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็ถามมาอย่างนี้ ทำเอาอู่จ้านหน้ามึนไปเลย“ก็เพราะว่ามันไม่เกิดเรื่องอะไรนะสิ ข้าถึงรู้สึกแปลกสุด ๆ”ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วพูด “ท่านคิดดูนะ จากวันที่พี่ใหญ่ข้าถูกข้าหยามหน้าผ่านไปห้าวันแล้ว เขากลับนิ่งเฉย? ด้วยนิสัยฉุนเฉียวหัวร้อนของเขา มันไม่ควรนี่นา!”“เอ๋ มันก็เหมือนที่เจ้าว่านะ องค์ชายใหญ่ถูกเจ้าแกล้งเสียหมดท่าอย่างนั้น แต่ช่วงนี้เหมือนเขาจะไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย ไม่เหมือนลักษณะของเขาจริง ๆ นั่นแหละ”เมื่อฉินอวิ๋นฟานเตือนสติเช่นนี้ อู่จ้านจึงนึกถึงเรื่องน่าอนาถที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อนแม้เรื่องนี้จะผ่านไปหลายวันแล้ว แต่ก็ยังเป็นเรื่องร้อนแรงทุกตรอกซอกซอยต้าเฉียน ยังคงเป็นเรื่องที่ทุกคนคุยกันในวงน้ำชาหลังอาหารองค์ชายใหญ่มีนิสัยมุทะลุเสมอมา เรื่องอุจจาระราดในครั้งนี้เรียกได้ว่าขายหน้าจนสิ้น ตามหลักแล้วเขาน่าจ
ครุ่นคิดอยู่ครึ่งค่อนวัน ย้อนความคิดในเกือบทุกรายละเอียดรอบหนึ่ง แต่ฉินอวิ๋นฟานก็ยังไม่พบจุดสงสัยใด ๆ สุดท้ายจึงเลือกเลิกคิดไปเสียกลับไม่รู้เลยว่าองค์ชายใหญ่และองค์ชายรองเข้าร่วมเครือโรงแรมห้าดาวที่กำลังร้อนแรงนานแล้ว ล้มเลิกการใช้อุบายเล่ห์กล เข้าสู่วิถีการค้า แสวงหาช่องทางขณะเดียวกัน องค์หญิงสามต้าเยียนเยียนอวี่เฉินกลับถึงต้าเยียนได้สองวันแล้ว นางหลบอยู่แต่ในหอนอน ไม่พบปะผู้คนภายนอก ไม่เห็นนางในประชุมเช้าสองวันติด เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งราชสำนัก“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าการเดิมพันที่องค์หญิงสามรับปากรัชทายาทต้าเฉียนฉินอวิ๋นฟานนั้นไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง นี่คือความอัปยศของต้าเยียนเห็น ๆ จะยอมยกดินแดนของต้าเยียนไม่ได้แม้แต่นิดเดียวพ่ะย่ะค่ะ”“กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ การกระทำครั้งนี้ขององค์หญิงสามบุ่มบ่ามเกินไป ทำสัญญาเดิมพันซึ่งไม่เป็นธรรมกับรัชทายาทต้าเฉียนในสถานการณ์ที่ไม่เข้าใจภาพรวม เสื่อมเสียต่อความน่าเกรงขามของแคว้น สมควรรับผิดชอบเรื่องนี้ทั้งหมดพ่ะย่ะค่ะ”“กระหม่อมคิดว่าองค์หญิงสามถูกรัชทายาทต้าเฉียนฉินอวิ๋นฟานหลอกแล้ว มิหนำซ้ำเจ้าคนลามกนั่นยังกล้าล่วงเกินองค์หญิงสามแห่
ครั้นเหล่าขุนนางหันไปมอง เห็นเพียงองค์หญิงสามต้าเยียนเยียนอวี่เฉินในชุดกระโปรงสีม่วงปลอด แผ่กลิ่นอายองอาจกล้าหาญทั้งตัว สาวเท้าเดินเข้าข้างใน!“นี่ นี่ องค์หญิงสามหมายความว่าอย่างไรหรือ?”การปรากฏตัวอย่างกะทันหันขององค์หญิงสามทำให้เหล่าขุนนางต่างมองหน้ากันกระซุบกระซิบ ท่าทีอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุนี้ทำให้เหล่าขุนนางจับต้นชนปลายไม่ถูกเล็กน้อย ฉินอวิ๋นฟานลบหลู่องค์หญิงสามก่อน องค์หญิงสามไม่ควรเสนออย่างแข็งขันให้ตอบโต้ฉินอวิ๋นฟานหรือ?เยียนอวี่เฉินมิได้สนใจการวิพากษ์วิจารณ์ของเหล่าขุนนาง แต่มาถึงด้านหน้าสุดของท้องพระโรงก่อนจะคุกเข่าลงและเอ่ยอย่างจริงจัง “ทูลเสด็จพ่อ หม่อมฉันมาขอรับอาญาเพคะ!”เยียนจ้านเทียนนั่งสง่าอยู่บนบัลลังก์ ร่างสูงตรง แผ่พลังไร้ลักษณ์สายหนึ่งออกมาจากทั่วตัว เขามีความน่าเกรงขามโดยที่ไม่ต้องมีโทสะ มองเหล่าขุนนางอย่างทระนง เบนสายตาไปถึงตัวธิดาสามเยียนอวี่เฉินช้า ๆ“เฉินเอ๋อร์ ลุกขึ้นเถอะ!”เยียนจ้านเทียนยกมือขึ้นพูด “แพ้ชนะคือเรื่องธรรมดาของการต่อสู้ เจ้าเป็นสตรี สามารถทำได้เทียบเท่าบุรุษ เป็นทูตเดินทางไปต้าเฉียนด้วยตัวเองก็ดีมากแล้ว”อย่างไรเยียนอวี่เฉินก็เป็นธิด
“องค์หญิงสาม อย่าวู่วามเด็ดขาดนะ ถ้ากำลังของต้าเยียนเรา สามารถไม่เห็นเดิมพันนี้อยู่ในสายตาได้เลย หากท่านทำตามเดิมพันนี้จริง เช่นนั้นจะเป็นความอัปยศอดสูอย่างใหญ่หลวงของต้าเยียนทันที”“ก็นั่นนะสิ! อย่างมากพวกเราก็ยกทัพไปต้าเฉียนก็ได้ ไยท่านต้องถือเป็นจริงเป็นจังเช่นนี้ด้วย? ขอเพียงพวกเราไม่ให้ พวกมันต้าเฉียนจะทำอะไรเราได้? เชื่อถือหรือจะมีเมือง ศักดิ์ศรีสำคัญยิ่งกว่า!”......เหล่าขุนนางต้าเยียนต่างก้าวออกมายับยั้งการตัดสินใจอย่างวู่วามของเยียนอวี่เฉินกันใหญ่ เมื่อทำตามเดิมพันก็จะเท่ากับฉีกหน้าต้าเยียนพวกเขาแคว้ก ๆ นี่ทำให้พวกเขารับไม่ได้ตอนนี้เอง รัชทายาทต้าเยียนเยียนอวี้หลงที่อยู่ด้านข้างก็ก้าวเท้าออกมา ขมวดคิ้วพูดว่า “น้องสาม นี่มิใช่เรื่องที่ตระบัดสัตย์กับใต้หล้าหรือไม่ แต่นี่คือจุดยืนทางการเมืองระหว่างสองแคว้น คือเรื่องกรรมสิทธิ์ดินแดน จะเฉือนให้ง่าย ๆ เพราะการพนันได้อย่างไร?”“อีกอย่าง น้องสามเจ้างามปานเซียนสวรรค์ ยิ่งเป็นไข่มุกบนมือของต้าเยียนเรา จะเป็นอนุของเจ้าโง่ฉินอวิ๋นฟานได้หรือ? คิดยังไม่ต้องคิด! ข้าซึ่งเป็นพี่ใหญ่คัดค้านคนแรกเลย! ขอแค่มันกล้ามา ข้าก็กล้าฆ่ามันซะ อย่าง
หลังจากได้ฟังการวิเคราะห์อย่างละเอียดของเยียนอวี้หลง ยามนี้เหล่าขุนนางจึงรู้แจ้ง เช่นเดียวกับแผนการขององค์หญิงสาม ทันทีที่ประสบความสำเร็จ จะสามารถควบคุมต้าเฉียนได้แบบไม่ต้องเสียทหารแม้แต่คนเดียว“องค์หญิงสามอายุอานามน้อย ๆ ก็มีสติปัญญาและการวางแผนล้ำลึกเช่นนี้แล้ว พวกเราเลื่อมใสนัก!”เหล่าขุนนางเปลี่ยนสีหน้าบูดเบี้ยวเมื่อครู่ทันที เปลี่ยนท่าทีเป็นเคารพเยียนอวี่เฉิน ยิ่งรู้สึกเลื่อมใสต่อแผนการของนาง ยิ่งหมอบราบคาบแก้วแต่ความมั่นใจและสติปัญญาเหนือบุรุษของนาง“เลิกประชุม!”หลังจากเสียงแหลมของขันทีดังขึ้น บรรดาขุนนางทั้งหลายแยกย้าย เยียนอวี่เฉิน เยียนอวี้หลง แม่ทัพใหญ่พิทักษ์แดนหลัวอิงสง หลัวเทียนเป้าและคนอื่น ๆ ก็มาถึงห้องทรงพระอักษรของจักรพรรดิต้าเยียน“เฉินเอ๋อร์ ในการประชุมเช้าข้ารู้ว่าเจ้าไม่สะดวกจะพูดบางเรื่อง ตอนนี้พูดได้แล้ว”เยียนจ้านเทียนจ้องธิดาเยียนอวี่เฉินและเอ่ยเรียบ“น้องสาม? แผนการเมื่อกี้ของเจ้าก็ยอดเยี่ยมมากแล้ว หรือว่าเจ้ายังมีแผนอื่นที่ยังไม่ได้พูดอีกหรือ?”เยียนอวี้หลงเบิกตาโพลง ในดวงตามีความตะลึงดาษดื่น น้องสามจะเก่งกาจไปแล้วกระมัง แผนการเล็ก ๆ ของนางสามารถทำใ
“พวกเราแค่เปลี่ยนคนในตำแหน่งสำคัญของอู่โจวให้เป็นคนของเรา แล้วกำจัดคนของฉินอวิ๋นฟานให้หมดก็พอ อู่โจวเป็นของต้าเฉียนแล้วจะยังไง? ก็ยังอยู่ในกำมือเราอยู่ดีมิใช่หรือ?”“สำหรับเมืองหานกู่ นั่นต้องดูว่าฉินอวิ๋นฟานมาต้าเยียนแล้วแสดงออกยังไง ถ้าเขาไม่รับปากเงื่อนไขของข้า เช่นนั้นก็คือเขาไม่รู้จักดีชั่ว พวกเราจะมอบเมืองสำคัญเช่นนี้ให้เขาได้หรือ?” “ที่สำคัญที่สุดคือ พวกเราสามารถรับปากช่วยเขาขึ้นนั่งบัลลังก์ได้ แต่ข้อแลกเปลี่ยนคือเมื่อเขาได้นั่งตำแหน่งนั้นแล้ว ต้าเฉียนต้องรวมกับต้าเยียน แต่งตั้งเขาเป็นเจ้าเมืองประเทศราช ตำแหน่งกับผลประโยชน์ของเขาก็ยังจะเหมือนเดิม”“ถ้าฉินอวิ๋นฟานปฏิเสธ นั่นเท่ากับเขาฉีกสัญญาก่อน ทั้งยังดูหมิ่นต้าเยียน พวกเราจะมีข้ออ้างสมบูรณ์แบบที่จะรี้พล ไม่ว่าผลจะเป็นยังไงก็เป็นผลดีกับเราทั้งนั้น”“ถึงตอนนั้น ต้าเยียนครองโลกก็จะราบรื่นแล้วมิใช่หรือ?”......ถ้อยคำของเยียนอวี่เฉินทำให้ทุกคนต่างเลือดร้อนพลุ่งพล่าน ต่างตบโต๊ะเรียกว่าดี ให้พวกเขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง แผลชนการสมบูรณ์แบบเช่นนั้นกลับออกมาจากปากขององค์หญิงสาม?ปัญญาและการคิดแผนการระดับนี้ช่างน่าทึ่งปานมีเพียงช
ข่าวที่ราชวงศ์ต้าเยียนประกาศออกมาราวกับติดปีก แพร่สะพัดไปทั่วทุกแคว้นบนโลกใบนี้ ก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนอย่างหนัก จู่ ๆ สองราชวงศ์ใหญ่ก็จะเกี่ยวดองกันด้วยรูปแบบนี้ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ บัดนี้ต้าเฉียนอยู่ในภาวะระส่ำระสาย การที่ต้าเยียนสอดมือเข้ามาจะเป็นไปได้มากว่าจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ภายในของต้าเฉียน ครั้นทั้งสองแคว้นเกี่ยวดองกัน มันจะเป็นฝันร้ายของแคว้นอื่น ๆ!ในเมืองหลวงแคว้นเหมียว เหมียวชิงอีกำลังนั่งอยู่ในห้องนอนซึ่งตกแต่งด้วยสีชมพูอ่อน ครั้นได้ยินเติ้งซูหมิงองครักษ์หญิงคนสนิทรายงานรายละเอียด สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นขมึงทึงฉับพลัน“ฮือ ๆ เจ้าว่า ก่อนหน้านี้ข้าผิดไปจริงหรือไม่?”ด้วยหน้าพิไลลักษณ์ของเหมียวชิงอีถามอย่างตึงเครียด“ฝ่าบาท แม้ฉินอวิ๋นฟานจะแสดงออกได้ยอดเยี่ยมมาก และเป็นผู้ที่เด่นล้ำในบรรดาองค์ชาย แต่อย่างไรเขาก็หัวเดียวกระเทียมลีบ หากนั้นพระองค์ตัดสินพระทัยทันที จะเป็นการไม่รับผิดชอบต่อประชาชนแคว้นเหมียว และไม่รับผิดชอบต่อขุนนางผู้เฒ่าที่ติดตามพระองค์ด้วยเพคะ” เติ้งซูหมิงกล่าวอย่างจริงจัง “ทรงประทับอยู่ในจุดยืนของบ้านเมือง มิได้ทำผิดประการใด ทั้งหมดอย่างขึ้นอยู่กับวาส