เช่นเดียวกับที่กุนซือหวังจื้อกล่าว หากองค์ชายรองเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับโรงแรมห้าดาวของฉินอวิ๋นฟาน เช่นนั้นพวกเขาก็ต้องเร่งมือด้วยเหมือนกันฮั่วเจิ้นหลงตรึกตรองครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยขึ้นว่า “เสี่ยวจื้อ ถึงเราจะเข้าร่วมด้วยแต่ก็ไม่แน่ว่าฉินอวิ๋นฟานจะตกลง แล้วเราควรทำยังไงถึงจะเข้าร่วมได้เล่า?”“เรื่องนี้ง่ายมาก พวกเราแค่ซื้อตัวคนที่มีสิทธิ์ร่วมเป็นพันธมิตรพวกนั้นก็พอ พวกเราจะออกเงินทั้งหมด และจะแบ่งผลกำไรให้พวกเราส่วนหนึ่งทุกเดือนก็เรียบร้อยแล้ว!”หวังจื้อยิ้มย่ามใจ “ข้อดีในการทำอย่างนี้ก็คือกันการปกปิดตัวตน ทั่วไปแล้วจะไม่มีใครรู้ว่าผู้ที่ควบคุมเบื้องหลังที่แท้จริงคือพวกเราต่างหาก”“แล้วถ้าพวกเขาไม่ยอมล่ะ จะทำยังไง? มันโกยเงินได้มากขนาดนั้น ใครจะได้อยากประเคนให้พวกเรากันล่ะ?”ฉินอวิ๋นคังขมวดคิ้วถามหวังจื้อยิ้มพูดอย่างประหลาดใจ “องค์ชายใหญ่ เรื่องนี้คงไม่ต้องให้ข้าบอกท่านว่าต้องทำอย่างไรกระมัง?”“หือ?”ครั้นหวังจื้อชี้ทาง ฉินอวิ๋นคังก็เหมือนกับนึกอะไรขึ้นได้กะทันหัน พลันมุมปากยกยิ้ม “อำนาจ บีบคั้น ผลประโยชน์ หลอกล่อ? แล้วลวดดึงคนเข้าร่วมกับพวกเรา?”“ฮ่า ๆ ๆ...”ครั้นกล่าวออกมาทั
“อาจ้าน ช่วงนี้ท่านรู้สึกแปลก ๆ ไหม!”ในห้องหนังสือจวนรัชทายาท ฉินอวิ๋นฟานนั่งสง่าอยู่หน้าโต๊ะ ใบหน้าล้วนเป็นความฉงน“แปลก? แปลกตรงไหน? ข้าไม่ยักรู้สึกมีอะไรผิดปกตินี่ ช่วงนี้เครือธุรกิจก็ดังระเบิดดี ทุกอย่างราบรื่น ไม่เห็นว่าจะเกิดเรื่องอะไรเลย”อยู่ดี ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็ถามมาอย่างนี้ ทำเอาอู่จ้านหน้ามึนไปเลย“ก็เพราะว่ามันไม่เกิดเรื่องอะไรนะสิ ข้าถึงรู้สึกแปลกสุด ๆ”ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วพูด “ท่านคิดดูนะ จากวันที่พี่ใหญ่ข้าถูกข้าหยามหน้าผ่านไปห้าวันแล้ว เขากลับนิ่งเฉย? ด้วยนิสัยฉุนเฉียวหัวร้อนของเขา มันไม่ควรนี่นา!”“เอ๋ มันก็เหมือนที่เจ้าว่านะ องค์ชายใหญ่ถูกเจ้าแกล้งเสียหมดท่าอย่างนั้น แต่ช่วงนี้เหมือนเขาจะไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย ไม่เหมือนลักษณะของเขาจริง ๆ นั่นแหละ”เมื่อฉินอวิ๋นฟานเตือนสติเช่นนี้ อู่จ้านจึงนึกถึงเรื่องน่าอนาถที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อนแม้เรื่องนี้จะผ่านไปหลายวันแล้ว แต่ก็ยังเป็นเรื่องร้อนแรงทุกตรอกซอกซอยต้าเฉียน ยังคงเป็นเรื่องที่ทุกคนคุยกันในวงน้ำชาหลังอาหารองค์ชายใหญ่มีนิสัยมุทะลุเสมอมา เรื่องอุจจาระราดในครั้งนี้เรียกได้ว่าขายหน้าจนสิ้น ตามหลักแล้วเขาน่าจ
ครุ่นคิดอยู่ครึ่งค่อนวัน ย้อนความคิดในเกือบทุกรายละเอียดรอบหนึ่ง แต่ฉินอวิ๋นฟานก็ยังไม่พบจุดสงสัยใด ๆ สุดท้ายจึงเลือกเลิกคิดไปเสียกลับไม่รู้เลยว่าองค์ชายใหญ่และองค์ชายรองเข้าร่วมเครือโรงแรมห้าดาวที่กำลังร้อนแรงนานแล้ว ล้มเลิกการใช้อุบายเล่ห์กล เข้าสู่วิถีการค้า แสวงหาช่องทางขณะเดียวกัน องค์หญิงสามต้าเยียนเยียนอวี่เฉินกลับถึงต้าเยียนได้สองวันแล้ว นางหลบอยู่แต่ในหอนอน ไม่พบปะผู้คนภายนอก ไม่เห็นนางในประชุมเช้าสองวันติด เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งราชสำนัก“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าการเดิมพันที่องค์หญิงสามรับปากรัชทายาทต้าเฉียนฉินอวิ๋นฟานนั้นไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง นี่คือความอัปยศของต้าเยียนเห็น ๆ จะยอมยกดินแดนของต้าเยียนไม่ได้แม้แต่นิดเดียวพ่ะย่ะค่ะ”“กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ การกระทำครั้งนี้ขององค์หญิงสามบุ่มบ่ามเกินไป ทำสัญญาเดิมพันซึ่งไม่เป็นธรรมกับรัชทายาทต้าเฉียนในสถานการณ์ที่ไม่เข้าใจภาพรวม เสื่อมเสียต่อความน่าเกรงขามของแคว้น สมควรรับผิดชอบเรื่องนี้ทั้งหมดพ่ะย่ะค่ะ”“กระหม่อมคิดว่าองค์หญิงสามถูกรัชทายาทต้าเฉียนฉินอวิ๋นฟานหลอกแล้ว มิหนำซ้ำเจ้าคนลามกนั่นยังกล้าล่วงเกินองค์หญิงสามแห่
ครั้นเหล่าขุนนางหันไปมอง เห็นเพียงองค์หญิงสามต้าเยียนเยียนอวี่เฉินในชุดกระโปรงสีม่วงปลอด แผ่กลิ่นอายองอาจกล้าหาญทั้งตัว สาวเท้าเดินเข้าข้างใน!“นี่ นี่ องค์หญิงสามหมายความว่าอย่างไรหรือ?”การปรากฏตัวอย่างกะทันหันขององค์หญิงสามทำให้เหล่าขุนนางต่างมองหน้ากันกระซุบกระซิบ ท่าทีอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุนี้ทำให้เหล่าขุนนางจับต้นชนปลายไม่ถูกเล็กน้อย ฉินอวิ๋นฟานลบหลู่องค์หญิงสามก่อน องค์หญิงสามไม่ควรเสนออย่างแข็งขันให้ตอบโต้ฉินอวิ๋นฟานหรือ?เยียนอวี่เฉินมิได้สนใจการวิพากษ์วิจารณ์ของเหล่าขุนนาง แต่มาถึงด้านหน้าสุดของท้องพระโรงก่อนจะคุกเข่าลงและเอ่ยอย่างจริงจัง “ทูลเสด็จพ่อ หม่อมฉันมาขอรับอาญาเพคะ!”เยียนจ้านเทียนนั่งสง่าอยู่บนบัลลังก์ ร่างสูงตรง แผ่พลังไร้ลักษณ์สายหนึ่งออกมาจากทั่วตัว เขามีความน่าเกรงขามโดยที่ไม่ต้องมีโทสะ มองเหล่าขุนนางอย่างทระนง เบนสายตาไปถึงตัวธิดาสามเยียนอวี่เฉินช้า ๆ“เฉินเอ๋อร์ ลุกขึ้นเถอะ!”เยียนจ้านเทียนยกมือขึ้นพูด “แพ้ชนะคือเรื่องธรรมดาของการต่อสู้ เจ้าเป็นสตรี สามารถทำได้เทียบเท่าบุรุษ เป็นทูตเดินทางไปต้าเฉียนด้วยตัวเองก็ดีมากแล้ว”อย่างไรเยียนอวี่เฉินก็เป็นธิด
“องค์หญิงสาม อย่าวู่วามเด็ดขาดนะ ถ้ากำลังของต้าเยียนเรา สามารถไม่เห็นเดิมพันนี้อยู่ในสายตาได้เลย หากท่านทำตามเดิมพันนี้จริง เช่นนั้นจะเป็นความอัปยศอดสูอย่างใหญ่หลวงของต้าเยียนทันที”“ก็นั่นนะสิ! อย่างมากพวกเราก็ยกทัพไปต้าเฉียนก็ได้ ไยท่านต้องถือเป็นจริงเป็นจังเช่นนี้ด้วย? ขอเพียงพวกเราไม่ให้ พวกมันต้าเฉียนจะทำอะไรเราได้? เชื่อถือหรือจะมีเมือง ศักดิ์ศรีสำคัญยิ่งกว่า!”......เหล่าขุนนางต้าเยียนต่างก้าวออกมายับยั้งการตัดสินใจอย่างวู่วามของเยียนอวี่เฉินกันใหญ่ เมื่อทำตามเดิมพันก็จะเท่ากับฉีกหน้าต้าเยียนพวกเขาแคว้ก ๆ นี่ทำให้พวกเขารับไม่ได้ตอนนี้เอง รัชทายาทต้าเยียนเยียนอวี้หลงที่อยู่ด้านข้างก็ก้าวเท้าออกมา ขมวดคิ้วพูดว่า “น้องสาม นี่มิใช่เรื่องที่ตระบัดสัตย์กับใต้หล้าหรือไม่ แต่นี่คือจุดยืนทางการเมืองระหว่างสองแคว้น คือเรื่องกรรมสิทธิ์ดินแดน จะเฉือนให้ง่าย ๆ เพราะการพนันได้อย่างไร?”“อีกอย่าง น้องสามเจ้างามปานเซียนสวรรค์ ยิ่งเป็นไข่มุกบนมือของต้าเยียนเรา จะเป็นอนุของเจ้าโง่ฉินอวิ๋นฟานได้หรือ? คิดยังไม่ต้องคิด! ข้าซึ่งเป็นพี่ใหญ่คัดค้านคนแรกเลย! ขอแค่มันกล้ามา ข้าก็กล้าฆ่ามันซะ อย่าง
หลังจากได้ฟังการวิเคราะห์อย่างละเอียดของเยียนอวี้หลง ยามนี้เหล่าขุนนางจึงรู้แจ้ง เช่นเดียวกับแผนการขององค์หญิงสาม ทันทีที่ประสบความสำเร็จ จะสามารถควบคุมต้าเฉียนได้แบบไม่ต้องเสียทหารแม้แต่คนเดียว“องค์หญิงสามอายุอานามน้อย ๆ ก็มีสติปัญญาและการวางแผนล้ำลึกเช่นนี้แล้ว พวกเราเลื่อมใสนัก!”เหล่าขุนนางเปลี่ยนสีหน้าบูดเบี้ยวเมื่อครู่ทันที เปลี่ยนท่าทีเป็นเคารพเยียนอวี่เฉิน ยิ่งรู้สึกเลื่อมใสต่อแผนการของนาง ยิ่งหมอบราบคาบแก้วแต่ความมั่นใจและสติปัญญาเหนือบุรุษของนาง“เลิกประชุม!”หลังจากเสียงแหลมของขันทีดังขึ้น บรรดาขุนนางทั้งหลายแยกย้าย เยียนอวี่เฉิน เยียนอวี้หลง แม่ทัพใหญ่พิทักษ์แดนหลัวอิงสง หลัวเทียนเป้าและคนอื่น ๆ ก็มาถึงห้องทรงพระอักษรของจักรพรรดิต้าเยียน“เฉินเอ๋อร์ ในการประชุมเช้าข้ารู้ว่าเจ้าไม่สะดวกจะพูดบางเรื่อง ตอนนี้พูดได้แล้ว”เยียนจ้านเทียนจ้องธิดาเยียนอวี่เฉินและเอ่ยเรียบ“น้องสาม? แผนการเมื่อกี้ของเจ้าก็ยอดเยี่ยมมากแล้ว หรือว่าเจ้ายังมีแผนอื่นที่ยังไม่ได้พูดอีกหรือ?”เยียนอวี้หลงเบิกตาโพลง ในดวงตามีความตะลึงดาษดื่น น้องสามจะเก่งกาจไปแล้วกระมัง แผนการเล็ก ๆ ของนางสามารถทำใ
“พวกเราแค่เปลี่ยนคนในตำแหน่งสำคัญของอู่โจวให้เป็นคนของเรา แล้วกำจัดคนของฉินอวิ๋นฟานให้หมดก็พอ อู่โจวเป็นของต้าเฉียนแล้วจะยังไง? ก็ยังอยู่ในกำมือเราอยู่ดีมิใช่หรือ?”“สำหรับเมืองหานกู่ นั่นต้องดูว่าฉินอวิ๋นฟานมาต้าเยียนแล้วแสดงออกยังไง ถ้าเขาไม่รับปากเงื่อนไขของข้า เช่นนั้นก็คือเขาไม่รู้จักดีชั่ว พวกเราจะมอบเมืองสำคัญเช่นนี้ให้เขาได้หรือ?” “ที่สำคัญที่สุดคือ พวกเราสามารถรับปากช่วยเขาขึ้นนั่งบัลลังก์ได้ แต่ข้อแลกเปลี่ยนคือเมื่อเขาได้นั่งตำแหน่งนั้นแล้ว ต้าเฉียนต้องรวมกับต้าเยียน แต่งตั้งเขาเป็นเจ้าเมืองประเทศราช ตำแหน่งกับผลประโยชน์ของเขาก็ยังจะเหมือนเดิม”“ถ้าฉินอวิ๋นฟานปฏิเสธ นั่นเท่ากับเขาฉีกสัญญาก่อน ทั้งยังดูหมิ่นต้าเยียน พวกเราจะมีข้ออ้างสมบูรณ์แบบที่จะรี้พล ไม่ว่าผลจะเป็นยังไงก็เป็นผลดีกับเราทั้งนั้น”“ถึงตอนนั้น ต้าเยียนครองโลกก็จะราบรื่นแล้วมิใช่หรือ?”......ถ้อยคำของเยียนอวี่เฉินทำให้ทุกคนต่างเลือดร้อนพลุ่งพล่าน ต่างตบโต๊ะเรียกว่าดี ให้พวกเขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง แผลชนการสมบูรณ์แบบเช่นนั้นกลับออกมาจากปากขององค์หญิงสาม?ปัญญาและการคิดแผนการระดับนี้ช่างน่าทึ่งปานมีเพียงช
ข่าวที่ราชวงศ์ต้าเยียนประกาศออกมาราวกับติดปีก แพร่สะพัดไปทั่วทุกแคว้นบนโลกใบนี้ ก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนอย่างหนัก จู่ ๆ สองราชวงศ์ใหญ่ก็จะเกี่ยวดองกันด้วยรูปแบบนี้ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ บัดนี้ต้าเฉียนอยู่ในภาวะระส่ำระสาย การที่ต้าเยียนสอดมือเข้ามาจะเป็นไปได้มากว่าจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ภายในของต้าเฉียน ครั้นทั้งสองแคว้นเกี่ยวดองกัน มันจะเป็นฝันร้ายของแคว้นอื่น ๆ!ในเมืองหลวงแคว้นเหมียว เหมียวชิงอีกำลังนั่งอยู่ในห้องนอนซึ่งตกแต่งด้วยสีชมพูอ่อน ครั้นได้ยินเติ้งซูหมิงองครักษ์หญิงคนสนิทรายงานรายละเอียด สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นขมึงทึงฉับพลัน“ฮือ ๆ เจ้าว่า ก่อนหน้านี้ข้าผิดไปจริงหรือไม่?”ด้วยหน้าพิไลลักษณ์ของเหมียวชิงอีถามอย่างตึงเครียด“ฝ่าบาท แม้ฉินอวิ๋นฟานจะแสดงออกได้ยอดเยี่ยมมาก และเป็นผู้ที่เด่นล้ำในบรรดาองค์ชาย แต่อย่างไรเขาก็หัวเดียวกระเทียมลีบ หากนั้นพระองค์ตัดสินพระทัยทันที จะเป็นการไม่รับผิดชอบต่อประชาชนแคว้นเหมียว และไม่รับผิดชอบต่อขุนนางผู้เฒ่าที่ติดตามพระองค์ด้วยเพคะ” เติ้งซูหมิงกล่าวอย่างจริงจัง “ทรงประทับอยู่ในจุดยืนของบ้านเมือง มิได้ทำผิดประการใด ทั้งหมดอย่างขึ้นอยู่กับวาส
“เอ่อ... แต่เพียงแต่ข้าที่กังวลเช่นนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมีความกังวลนี้เหมือนกันกระมัง? อย่างไรเสีย ของอย่างบัญชีก็สามารถปลอมแปลงได้”เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดตามตรง ฉินอวิ๋นฮุยจึงไม่อ้ำอึ้งอีก การยกเรื่องไม่ดีมาพูดแต่แรกมิใช่เรื่องน่าอายอันใด เพราะมันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเขา เขาไม่อยากถูกฉินอวิ๋นฟานหลอก!“ฮ่า ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานลั่นเสียงหัวเราะทันที “พี่รองทำงานรอบคอบดังคาด น้องเจ็ดเลื่อมใส แต่ท่านคิดมากไปแล้ว ถ้าต้องดูแลเมืองการค้าสามเมือง คนของข้าไม่มีทางพอ ถ้าพวกท่านไม่ส่งคนมาช่วยงาน ข้าคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”“อ้อ? น้องเจ็ดพูดจริงรึ?!”เมื่อนั้นหัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของฉินอวิ๋นฮุยจึงสงบลง หากเขาสามารถให้คนเข้าร่วมอยู่ในเมืองการค้าทั้งสามเมืองได้ เช่นนั้นเขาจะวางใจได้แล้ว เพราะจะรับประกันผลประโยชน์ของเขาได้ทั้งหมด!“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านวางใจได้เลย ระหว่างพวกเราพี่น้องแม้เป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้านเมือง พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง มีเพียงเช่นนี้ต้าเฉียนเราจึงจะเฟื่องฟูได้นิรันดร์”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในเรื่องการค้า เครือเหิงไท่จะรับผิดชอบกิจการหลักท
ฉินอวิ๋นฟานกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อให้ใครกล้ามีความคิดส่วนตัวก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกเราต้องร่วมกันทำงาน หากไม่อยากเสียเมืองไป ไม่อยากตาย ทหารทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เป็นหนึ่งเดียวสู้กับภายนอก”“ดี ดีมาก ความคิดนี้ไม่เลว!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ไท่ซั่งหวงรู้อยู่แล้วว่าฉินอวิ๋นฟานต้องทุ่มเทเพื่อแผนการนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีทางคิดแผนการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้“อื่ม ไม่เลว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ได้ดีใจกับแผนการสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของฉินอวิ๋นฟาน เพราะแม้เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองจริง หากไร้ประโยชน์อันใดต่อพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขายังจะกลายเป็นคนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้งานอีกด้วยพวกเขาส่งทหารรักษาเมือง ฉินอวิ๋นฟานกอบโกยกำไรอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วฉินอวิ๋นฮุยก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือโดยแท้!ทว่าไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?ฉินอวิ๋นฟานรู้ความคิดของพวกเขาดี อีกอย่าง ถ้าครองผลงานเองในเวลานี้จะเป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเอามาก ๆ ฉินอวิ๋นฟานไม่ทำเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้หรอก!โบราณกล่าว ตบหน้าฉาดหนึ่งต้องให้พุทราหวานหนึ่งลูก อีกฝ่ายส่งทหารม
ขณะนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ ถ้อยคำชวนให้คนมีจิตใจฮึกเหิมของฉินอวิ๋นฟานวนเวียนอยู่ในหัวของ แม้ไท่ซั่งหวงเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน!รัชทายาทวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่ง ช่างเป็นชายชาตินักรบเลือดร้อนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน หากคนเช่นนี้เป็นจักรพรรดิ ไยต้องกลัวอนาคตต้าเฉียนจะไม่ศิวิไลซ์?“เกี่ยวกับการสร้างเมืองการค้าสี่แห่งในสี่ทิศของต้าเฉียน ทุกคนคัดค้านอย่างหนัก ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนมาก แต่ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ ข้าก็ต้องยอมรับเสียงและความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนว่ามาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน มีแต่ต้องทำให้ทำคนยอมรับเรื่องนี้จากใจจริง เขาจึงจะยึดสิทธิ์ความเป็นผู้นำได้ มิเช่นนั้นต่อให้ใช้กำลังผลักดันเรื่องนี้ คนเหล่านี้ต้องเล่นตุกติกลับหลังเขาแน่ เช่นนี้มีแต่จะทำให้รำคาญดังนั้นฉินอวิ๋นฟานเตรียมตัวกับการคัดค้านและความคิดของทุกคนแต่แรกแล้ว ต้องการแค่โอกาสประจวบเหมาะหนึ่ง เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคอิจฉาตาร้อนมีมากเหลือเกิน มีแต่ต้องคิดหาทางหยดยาดวงตาให้พวกเขาสักหน่อย จึงจะขจัดต้นตอของปัญหาได้ “นี่...”ผู้คนมากมายแน่นขนัดพูดไม่ออกสักคำ เพราะต่างมีความกังวลอยู่ในใจ ฉ
นาทีนี้ถังเจิ้นไห่ถูกโจมตีทำร้ายทางจิตใจอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานปากคอเราะรายน่ากลัวจริง ๆ การโจมตีของเขารวดเร็วนัก เขาต้านทานไม่ไหวเลยเขาจนปัญญากับการโจมตีของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ได้แต่ใช้สถานะข่มขู่ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะหยุดโจมตีเขาน่าเสียดาย แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร และไม่เคยเป็นพวกยอมเสียเปรียบ หากมีคนโจมตีเขา ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!ต้องถล่มอีกฝ่ายจนแพ้ราบคาบ นี่สิจึงจะเป็นเป้าหมายความเป็นคนของเขา และถังเจิ้นไห่ก็แตะเขตต้องห้ามของเขาพอดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่ไว้หน้าเขา!ครั้นพวกฉินอวิ๋นฮุยเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พากันมอบสายตาเห็นใจให้ถังเจิ้นไห่ พวกเขาเคยได้รับการสั่งสอนด้วยหมัดหนักจากฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย หากหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!ไท่ซั่งหวงและจางเต้าหลินฉายรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานจะหยาบคายไม่รื่นหูไปบ้าง แต่สะใจยิ่งนัก! นักวางแผนร้ายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดกลับจนต้องสงสัยในชีวิต เด็ดสะระตี่แท้!“เกินไป? ตอนนี้ท่านรู้ว่าเกินไป? ตอนที่ท่านสาดน้ำคลำใส่
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน
“ได้!”ถังเจิ้นไห่พูดหน้าขรึม “ประการที่สองของความผิดร้ายแรงสามประการ รัชทายาทร่วมกันสร้างถนนกับแคว้นต่าง ๆ เรื่องนี้อึกทึกครึกโครมไปทั่ว ทันทีที่สร้างถนนที่กว้างยิ่งขึ้น การคมนาคมจะสะดวก คืออยากให้แคว้นรอบข้างรุกรานต้าเฉียนเราสะดวกยิ่งขึ้นหรือ? การกระทำเช่นนี้มิใช่แผนการล่มชาติแล้วมันคืออะไร?!”ซี้ด...เมื่อทุกคนได้ฟังต่างสูดลมเย็นเข้าปาก เกิดความสงสัยอย่างหนักกับจุดประสงค์ของฉินอวิ๋นฟาน ด้านหนึ่งมอบธัญพืช ด้านหนึ่งสร้างถนนกับทุกแคว้น จุดประสงค์จะชัดเจนเกินไปแล้วกระมัง?“ต่อ ประการที่สามเล่า!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มเรียบ เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะไปไกลขนาดไหน ช่างเป็นคนที่มีขอบเขตความรู้ความเข้าใจและวิสัยทัศน์โดยแท้ การกำหนดอนาคตของบ้านเมือง เป็นเช่นนี้ดังคาดหากให้พวกเฮ่อชินอ๋องเรืองอำนาจจริง ต้าเฉียนมิต้องจบเห่หรือ? ให้สวะพวกนี้ดูแลบ้านเมือง บ้านเมืองนั้นยังจะมีความหวังอะไร?พวกเขานอกจากจะมีความชั่วร้ายอยู่เต็มอก มีความคิดดำมืดอยู่เต็มสมอง ยังจะทำอันใดได้อีก?“หึ!”ถังเจิ้นไห่แค่นเสียงแล้วจึงเอ่ย “ประการที่สาม รัชทายาทร่วมมือกับแคว้นต่าง ๆ กีดกันต้าเยียน สังหารบุตรชายคนที่สี่ข
“อ้อ? ความผิดร้ายแรงสามประการของฟานเอ๋อร์? ไหนลองว่ามาดูสิ!”ไท่ซั่งหวงตั้งสมาธิ นึกสนใจขึ้นมาทันที อย่างลับ ๆ เขาให้ความสนใจกับพฤติกรรมของฟานเอ๋อร์มาก ไม่เคยได้ยินความผิดร้ายแรงสามประการอันใด เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะพูดอะไรความผิดร้ายแรงสามประการเสมือนระเบิดลูกใหญ่ ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมา ยามนี้สายตาของทุกคนในที่นั้นต่างรวมศูนย์อยู่ที่ตัวของถังเจิ้นไห่“ประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการ ได้ยินว่ารัชทายาททำเมล็ดพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ขึ้นมา สามารถให้ผลผลิตสูงมาก เดิมนี่คือโอกาสดีที่สุดที่ต้าเฉียนเราจะแจ้งเกิด คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทกลับมอบเมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูงให้กับแคว้นต่าง ๆ รอบข้าง ช่วยให้พวกเขามั่งคั่งมากขึ้น”ถังเจิ้นไห่กล่าวเสียงหนัก “ขอถามทุกท่านในที่นี้ พฤติกรรมเช่นนี้ของรัชทายาทคือกำลังช่วยเหลือศัตรูน่ากลัวของเราหรือไม่? พฤติกรรมเช่นนี้ของเขา คือการขายชาติหรือไม่?!”ตูม...ครั้นถังเจิ้นไห่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา บรรดาขุนนางต่างอึกทึกครึกโครม คนทั้งโลกต่างรู้เรื่องที่เมืองจัวเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์แทบทุกคน และเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานลงนามสัญญากับแคว้นต่าง ๆ ก็รู
“อื่ม! ดี!”ไท่ซั่งหวงเอ่ยเสียงหนัก “เช่นนั้นข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการ แต่งตั้งหวังอันสือเป็นหัวหน้าสำนักศึกษาหลวง เจี่ยงฝานฝานเป็นรองหัวหน้า การรับตำแหน่งนี้มีผลอย่างเป็นทางการ หัวหน้าขันทีเฉา ร่างราชโองการเดี๋ยวนี้ ประกาศต่อใต้หล้า!”เมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลง ใจที่กระวนกระวายของฉินอวิ๋นฟานก็สงบ เขามองจางเต้าหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง!ทว่าคนอื่น ๆ กลับมีความรู้สึกที่แปลกออกไป หลังจากหวังอันสือได้ขึ้นตำแหน่ง ทำให้พวกเขาตระหนักว่าสถานการณ์ในราชสำนักกำลังหลุดจากการควบคุมอย่างช้า ๆ ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะครองราชสำนัก“เอาละ เรื่องสำนักศึกษาหลวงก็สิ้นสุดแล้ว แต่จะละเลยผลงานการไปเมืองอู่โจวของฟานเอ๋อร์ครั้งนี้ไม่ได้”ไท่ซั่งหวงกล่าวเสียงเข้ม “ฟานเอ๋อร์ไม่เพียงแต่ทำคำสัญญาเมื่อครึ่งปีก่อนสำเร็จ ยิ่งทำให้เศรษฐกิจต้าเฉียนเราพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ท้องพระคลังเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ พสกนิกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกคนต่างเห็นความยอดเยี่ยมของฟานเอ๋อร์”“ฟานเอ๋อร์ ว่ามาเถอะ เจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัล? ขอเพียงสมเหตุสมผล ข้าจะให้เจ้าดังปรารถนา!”ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกดีใจมากที่
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว