“อื่ม ดีมาก เจ้าคิดได้เช่นนี้ ข้าปลื้มใจจริง ๆ” ฮั่วเจิ้นหลงเห็นลูกเขยก้าวหน้าขึ้นมากกะทันหัน พลันเผยรอยยิ้มปานบิดาเมตตา จากนั้นจึงถามต่อ “เช่นนั้นต่อจากนี้เจ้าคิดจะทำยังไง?”ฉินอวิ๋นคังไตร่ตรองเล็กน้อยครู่หนึ่ง “ตอนนี้น้องเจ็ดไม่มีอิทธิพลอะไร และไม่มีจุดอ่อนอะไรด้วย พวกเราไม่มีช่องลงมือกับเขา ยิ่งหาข้ออ้างที่สมเหตุสมผลไม่ได้ น้องเจ็ดมากเล่ห์เพทุบาย จะเสียเปรียบได้ง่าย ๆ เอา”“ถ้าเรายังทำตามแผนของเจ้ารองต่อ ลงมือกับธุรกิจของเจ้าเจ็ด ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก เมื่อเทียบกับใช้แผนร้ายทางลับ ไม่สู้แข่งการค้ากับเขาไปเลย ถึงยังไงเราก็มีเงินถุงเงินถัง เบียดการค้าของเขาอย่างเปิดเผยยุติธรรมไม่ดีหรือ?”ฉินอวิ๋นคังเอ่ย “เช่นนี้ไม่เพียงแต่โจมตีการค้าของน้องเจ็ดได้ ยังสามารถพัฒนาให้ตัวเองแข็งแกร่งยิ่งใหญ่ เทียบกับเจ้ารองที่เล่นลูกไม้สกปรกอยู่ข้างหลัง พวกเราทำแบบนี้จึงจะถูก”ได้ฟังการวิเคราะห์จากฉินอวิ๋นคัง บนหน้าของฮั่วเจิ้นหลงเขียนคำว่า ‘เหลือเชื่อ’ ตัวโต ๆ นี่ลูกเขยเป็นอะไรไป ทำไมหัวใสอย่างนี้ได้นะ!เมื่อวานพวกเขายังหารือกันว่าจะโค่นระบบธุรกิจของฉินอวิ๋นฟานอย่างไร ผลคือพอลูกเขย
ความร่วมมือระยะสั้นและเปราะบางขององค์ชายใหญ่กับองค์ชายรอง แค่ช่วงเวลาหนึ่งวันก็พังทลายย่อยยับเพราะเรื่องเล็ก ๆ เพียงเรื่องเดียวฉินอวิ๋นฟานกลับไม่รู้เรื่องทั้งหมดนี้เลย เขายังป้องกันองค์ชายใหญ่กับองค์ชายรองจะเล่นงานเขาอย่างลับ ๆ เหมือนเดิม จึงรีบคัดกรองพนักงานทั้งหมดในเครือเหิงไท่ทุกภาคส่วน กลัวจะมีคนทรยศอย่างมู่หรงฟู่สุ่ยอีกเช้าวันต่อมา ฉินอวิ๋นฟานมาถึงชั้นสองของภัตตาคารต้าเฉียนแต่เช้าเพื่อเตรียมการและแบ่งหน้าที่เรื่องการดึงพันธมิตรร่วมลงทุนกับเครือเหิงไท่กระทั่งกลางวันเขาจึงสะสางงานเสร็จ บิดขี้เกียจเป็นวงกว้าง ยืดเส้นยืดสายสักหน่อย และตอนนี้เอง จู่ ๆ เสิ่นวั่นซานก็มาถึงห้องโถงรับแขกอย่างอนาทรร้อนใจ“แย่ แย่แล้ว รัชทายาท เกิดเรื่องแล้วขอรับ!”เสิ่นวั่นซานเหงื่อไหลไคลย้อย เปิดปากพูดด้วยความร้อนรน“มีอะไรหรือ? มีอะไรก็ค่อย ๆ พูดมาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้ว เมื่อคืนเพิ่งคัดกรองพนักงานทั้งหมดเสร็จ นี่เพิ่งจะผ่านไปครึ่งวันก็เกิดปัญหาใหม่อีกแล้ว?เสิ่นวั่นซานปาดเหงื่อที่หน้าผาก “เรื่องมันเป็นเช่นนี้ขอรับ เมื่อกี้นี้หยางกั๋วฝูเถ้าแก่โรงงานไม้แปรรูปที่ใหญ่ที่สุดของเมืองหลวงเรียกเถ้าแ
ฉินอวิ๋นฟานโบกมือออกคำสั่งไล่แขกโดยตรงในประวัติศาสตร์อันยาวนาน เสิ่นวั่นซานคืออัจฉริยะทางการค้าคนหนึ่ง มั่งคั่งเทียบเท่าบ้านเมือง ที่ฉินอวิ๋นฟานให้ความสำคัญกับเขา ประการแรกคือเล็งเห็นอุปนิสัยและความสามารถในการคว้าโอกาสของเขา ประการต่อมาคือเห็นหัวการค้าเหนือคนของเขา“ขอบคุณรัชทายาทที่ชี้แนะ ข้ารู้แล้วว่าควรทำยังไง ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังกับข้าเสิ่นวั่นซานแน่นอน!”เสิ่นวั่นซานกรอบตาแดง ถอยออกจากห้องไปแบบรู้ตัว รู้ว่านี่คือโอกาสที่ฉินอวิ๋นฟานมอบให้เขา กำลังฝึกเขา ถ้าไม่ไขว่คว้าเอาไว้ให้ดี ต่อไปเกรงว่าจะหมดโอกาสแล้วจริง ๆพริบตาเดียวผ่านไปแล้วห้าวัน เครือเหิงไท่ของฉินอวิ๋นฟานดำเนินการอย่างคึกคักร้อนแรง โครงการแรกก็คือการร่วมพันธมิตรของโรงแรมห้าดาวต้าเฉียน คนที่เคยมีประสบการณ์กับโรงแรมห้าดาวต้าเฉียนต่างชื่นชมโรงแรมรูปแบบใหม่นี้ไม่หยุดปาก คนที่มาร่วมเป็นพันธมิตรยิ่งมีมาไม่ขาดสายเพิ่งจะเริ่มได้สามวัน คนที่มาเป็นพันธมิตรต่อแถวยาวเป็นมังกรอยู่หน้าปากประตูศูนย์เครือข่ายเหิงไท่นานแล้ว เพื่อให้ได้รับสิทธิ์ในการเข้าร่วม หลาย ๆ คนถึงกับเฝ้าอยู่หน้าประตูสามวันสามคืนภาพนี้องค์ชายใหญ่ องค์ชาย
“สวรรค์ กะอีแค่โรงแรมเล็ก ๆ ทำเงินขนาดนี้เลยหรือ?!”ไม่คำนวณไม่รู้ พอคำนวณเป็นอันต้องสะดุ้ง ฉินอวิ๋นคังทำตาโตเท่าลูกกระพรวนทองแดง เขาเห็นนานแล้วว่ากิจการโรงแรมห้าดาวต้าเฉียนของฉินอวิ๋นฟานดังพลุแตกมาก แต่ด้วยเกียรติที่ค้ำคอจึงไม่ได้ไปสัมผัสสักครั้งพอกุนซือคำนวณอย่างนี้ ทำเอาเขาตกตะลึงพรึงเพริด ไม่นึกว่าโรงแรมเล็ก ๆ และกำไรแค่สามส่วนจะทำเงินได้ขนาดนี้ เช่นนี้ฉินอวิ๋นฟานเจ็ดส่วนมิต้องได้เป็นกระบุงหรือ?“ถูกต้อง ข้าศึกษาอย่างละเอียดมาแล้ว ทั้งยังไปเปิดประสบการณ์ที่โรงแรมห้าดาวต้าเฉียนด้วยตัวเองหนหนึ่ง หลังจากได้สัมผัสแล้วก็ไม่อยากออก สิ่งของแปลกใหม่ต่าง ๆ นานาทำให้คนรู้สึกตื่นตาตื่นใจ ความรู้สึกที่ได้สัมผัสช่างวิเศษนัก”กุนซือยิ่งพูดก็ยิ่งตื่นเต้น สีหน้าแดงระเรื่อ “พวกเขายังมีเอกลักษณ์สุดพิเศษอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือห้องเร้าอารมณ์ อุปกรณ์ทันสมัยต่าง ๆ รวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือเสริมอะไรล้วนครบครัน ตระการตาอย่างยิ่ง หากพาสาวสวยไปด้วยสักคน... มันจะเหนือความรู้ความเข้าใจของท่านทั้งปวง เยี่ยมยอดสุด ๆ ไปเลย!”หลังจากกุนซือสาธยายอย่างออกรสออกชาติ ใบหน้าของฉินอวิ๋นคังและฮั่วเจิ้นหลงมีแต่สีสั
เช่นเดียวกับที่กุนซือหวังจื้อกล่าว หากองค์ชายรองเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับโรงแรมห้าดาวของฉินอวิ๋นฟาน เช่นนั้นพวกเขาก็ต้องเร่งมือด้วยเหมือนกันฮั่วเจิ้นหลงตรึกตรองครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยขึ้นว่า “เสี่ยวจื้อ ถึงเราจะเข้าร่วมด้วยแต่ก็ไม่แน่ว่าฉินอวิ๋นฟานจะตกลง แล้วเราควรทำยังไงถึงจะเข้าร่วมได้เล่า?”“เรื่องนี้ง่ายมาก พวกเราแค่ซื้อตัวคนที่มีสิทธิ์ร่วมเป็นพันธมิตรพวกนั้นก็พอ พวกเราจะออกเงินทั้งหมด และจะแบ่งผลกำไรให้พวกเราส่วนหนึ่งทุกเดือนก็เรียบร้อยแล้ว!”หวังจื้อยิ้มย่ามใจ “ข้อดีในการทำอย่างนี้ก็คือกันการปกปิดตัวตน ทั่วไปแล้วจะไม่มีใครรู้ว่าผู้ที่ควบคุมเบื้องหลังที่แท้จริงคือพวกเราต่างหาก”“แล้วถ้าพวกเขาไม่ยอมล่ะ จะทำยังไง? มันโกยเงินได้มากขนาดนั้น ใครจะได้อยากประเคนให้พวกเรากันล่ะ?”ฉินอวิ๋นคังขมวดคิ้วถามหวังจื้อยิ้มพูดอย่างประหลาดใจ “องค์ชายใหญ่ เรื่องนี้คงไม่ต้องให้ข้าบอกท่านว่าต้องทำอย่างไรกระมัง?”“หือ?”ครั้นหวังจื้อชี้ทาง ฉินอวิ๋นคังก็เหมือนกับนึกอะไรขึ้นได้กะทันหัน พลันมุมปากยกยิ้ม “อำนาจ บีบคั้น ผลประโยชน์ หลอกล่อ? แล้วลวดดึงคนเข้าร่วมกับพวกเรา?”“ฮ่า ๆ ๆ...”ครั้นกล่าวออกมาทั
“อาจ้าน ช่วงนี้ท่านรู้สึกแปลก ๆ ไหม!”ในห้องหนังสือจวนรัชทายาท ฉินอวิ๋นฟานนั่งสง่าอยู่หน้าโต๊ะ ใบหน้าล้วนเป็นความฉงน“แปลก? แปลกตรงไหน? ข้าไม่ยักรู้สึกมีอะไรผิดปกตินี่ ช่วงนี้เครือธุรกิจก็ดังระเบิดดี ทุกอย่างราบรื่น ไม่เห็นว่าจะเกิดเรื่องอะไรเลย”อยู่ดี ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็ถามมาอย่างนี้ ทำเอาอู่จ้านหน้ามึนไปเลย“ก็เพราะว่ามันไม่เกิดเรื่องอะไรนะสิ ข้าถึงรู้สึกแปลกสุด ๆ”ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วพูด “ท่านคิดดูนะ จากวันที่พี่ใหญ่ข้าถูกข้าหยามหน้าผ่านไปห้าวันแล้ว เขากลับนิ่งเฉย? ด้วยนิสัยฉุนเฉียวหัวร้อนของเขา มันไม่ควรนี่นา!”“เอ๋ มันก็เหมือนที่เจ้าว่านะ องค์ชายใหญ่ถูกเจ้าแกล้งเสียหมดท่าอย่างนั้น แต่ช่วงนี้เหมือนเขาจะไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย ไม่เหมือนลักษณะของเขาจริง ๆ นั่นแหละ”เมื่อฉินอวิ๋นฟานเตือนสติเช่นนี้ อู่จ้านจึงนึกถึงเรื่องน่าอนาถที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อนแม้เรื่องนี้จะผ่านไปหลายวันแล้ว แต่ก็ยังเป็นเรื่องร้อนแรงทุกตรอกซอกซอยต้าเฉียน ยังคงเป็นเรื่องที่ทุกคนคุยกันในวงน้ำชาหลังอาหารองค์ชายใหญ่มีนิสัยมุทะลุเสมอมา เรื่องอุจจาระราดในครั้งนี้เรียกได้ว่าขายหน้าจนสิ้น ตามหลักแล้วเขาน่าจ
ครุ่นคิดอยู่ครึ่งค่อนวัน ย้อนความคิดในเกือบทุกรายละเอียดรอบหนึ่ง แต่ฉินอวิ๋นฟานก็ยังไม่พบจุดสงสัยใด ๆ สุดท้ายจึงเลือกเลิกคิดไปเสียกลับไม่รู้เลยว่าองค์ชายใหญ่และองค์ชายรองเข้าร่วมเครือโรงแรมห้าดาวที่กำลังร้อนแรงนานแล้ว ล้มเลิกการใช้อุบายเล่ห์กล เข้าสู่วิถีการค้า แสวงหาช่องทางขณะเดียวกัน องค์หญิงสามต้าเยียนเยียนอวี่เฉินกลับถึงต้าเยียนได้สองวันแล้ว นางหลบอยู่แต่ในหอนอน ไม่พบปะผู้คนภายนอก ไม่เห็นนางในประชุมเช้าสองวันติด เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งราชสำนัก“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าการเดิมพันที่องค์หญิงสามรับปากรัชทายาทต้าเฉียนฉินอวิ๋นฟานนั้นไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง นี่คือความอัปยศของต้าเยียนเห็น ๆ จะยอมยกดินแดนของต้าเยียนไม่ได้แม้แต่นิดเดียวพ่ะย่ะค่ะ”“กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ การกระทำครั้งนี้ขององค์หญิงสามบุ่มบ่ามเกินไป ทำสัญญาเดิมพันซึ่งไม่เป็นธรรมกับรัชทายาทต้าเฉียนในสถานการณ์ที่ไม่เข้าใจภาพรวม เสื่อมเสียต่อความน่าเกรงขามของแคว้น สมควรรับผิดชอบเรื่องนี้ทั้งหมดพ่ะย่ะค่ะ”“กระหม่อมคิดว่าองค์หญิงสามถูกรัชทายาทต้าเฉียนฉินอวิ๋นฟานหลอกแล้ว มิหนำซ้ำเจ้าคนลามกนั่นยังกล้าล่วงเกินองค์หญิงสามแห่
ครั้นเหล่าขุนนางหันไปมอง เห็นเพียงองค์หญิงสามต้าเยียนเยียนอวี่เฉินในชุดกระโปรงสีม่วงปลอด แผ่กลิ่นอายองอาจกล้าหาญทั้งตัว สาวเท้าเดินเข้าข้างใน!“นี่ นี่ องค์หญิงสามหมายความว่าอย่างไรหรือ?”การปรากฏตัวอย่างกะทันหันขององค์หญิงสามทำให้เหล่าขุนนางต่างมองหน้ากันกระซุบกระซิบ ท่าทีอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุนี้ทำให้เหล่าขุนนางจับต้นชนปลายไม่ถูกเล็กน้อย ฉินอวิ๋นฟานลบหลู่องค์หญิงสามก่อน องค์หญิงสามไม่ควรเสนออย่างแข็งขันให้ตอบโต้ฉินอวิ๋นฟานหรือ?เยียนอวี่เฉินมิได้สนใจการวิพากษ์วิจารณ์ของเหล่าขุนนาง แต่มาถึงด้านหน้าสุดของท้องพระโรงก่อนจะคุกเข่าลงและเอ่ยอย่างจริงจัง “ทูลเสด็จพ่อ หม่อมฉันมาขอรับอาญาเพคะ!”เยียนจ้านเทียนนั่งสง่าอยู่บนบัลลังก์ ร่างสูงตรง แผ่พลังไร้ลักษณ์สายหนึ่งออกมาจากทั่วตัว เขามีความน่าเกรงขามโดยที่ไม่ต้องมีโทสะ มองเหล่าขุนนางอย่างทระนง เบนสายตาไปถึงตัวธิดาสามเยียนอวี่เฉินช้า ๆ“เฉินเอ๋อร์ ลุกขึ้นเถอะ!”เยียนจ้านเทียนยกมือขึ้นพูด “แพ้ชนะคือเรื่องธรรมดาของการต่อสู้ เจ้าเป็นสตรี สามารถทำได้เทียบเท่าบุรุษ เป็นทูตเดินทางไปต้าเฉียนด้วยตัวเองก็ดีมากแล้ว”อย่างไรเยียนอวี่เฉินก็เป็นธิด