“ท่านพ่อตา ท่านคิดดูสิ เกิดความผิดพลาดใหญ่หลวงกับเรื่องนี้แล้ว ท่านคิดว่าพวกเขายังจะเชื่อมู่หรงฟู่สุ่ยหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย“เอ่อ...”มู่หรงซื่อควานพูดไม่ออกทันที ก็เหมือนกับที่ฉินอวิ๋นฟานพูด หมากที่ไม่มีประโยชน์เก็บไว้รังแต่จะเป็นภัยร้ายนับจากนาทีที่องค์ชายใหญ่ล้มเหลวในการหยั่งเชิงเขา มู่หรงฟู่สุ่ยก็หมดคุณค่าใช้งาน แค่คิดก็รู้ผลลัพธ์“เฮ้อ ข้าละคิดไม่ตกจริง ๆ เขาเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง เสพสุขกับลาภยศสรรเสริญทั้งครอบครัวไม่ดีหรือ? ทำไมต้องทรยศนายของตัวเองด้วย ทำไมต้องไปร่วมศึกชิงบัลลังก์โหดร้ายนั้นด้วย?!”ฉินอวิ๋นฟานส่ายหน้าพูดด้วยความจนปัญญา “จากที่ข้ารู้จักพวกเขา คืนนี้ครอบครัวของมู่หรงฟู่สุ่ยต้องถูกฆ่าล้างตระกูลแน่ มู่หรงฟู่สุ่ยต้องตาย ใครก็ช่วยไม่ได้ แต่ถ้าจะช่วยครอบครัวเขา ตอนนี้น่าจะยังทัน อยู่ที่ว่าพวกท่านจะช่วยหรือไม่?”“ยังไงครอบครัวมู่หรงฟู่สุ่ยก็เป็นคนของตระกูลมู่หรง และเป็นคนทรยศของพวกท่านด้วย”“เฮ้อ!”มู่หรงซื่อควานถอนหายใจหนัก ใบหน้าคือความสลดหดหู่ สำหรับเขา นี่คือการตัดสินใจที่ยากมากเรื่องหนึ่ง ด้านหนึ่งคือวงศ์ตระกูลสายเลือด อีกด้านหนึ่งคือคนทรยศหลังจากพิจารณ
“ฮึ!”ฉินอวิ๋นคังแค่นเสียงแล้วพูด “วันนี้ข้าก็ทำตามแผนที่ฉินอวิ๋นฮุยวางไว้นั่นแหละ ผลลัพธ์ดีทีเดียว ยาระบายมันไม่ได้อยู่ในเหล้าสักหน่อย แต่อยู่ในอาหาร! เจ้าบัดซบนี่กลับไม่บอกข้า!”“ให้ตายเถอะ! วันนี้ทำเอาข้าจะอกแตกตาย ทั้งเนื้อทั้งน้ำ ราดใส่กางเกงต่อหน้าทุกคน หมดท่าอเนจอนาถ สู้หน้าใครไม่ได้แล้ว!”“ท่านว่าไอ้บัดซบนั่นมันสมควรตายหรือไม่?!”“เอ่อ...”พอฉินอวิ๋นฮุยได้ฟังก็เกือบเป็นลมคาที่ เอาไปเอามาสุดท้ายเป็นเพราะเหตุนี้? แม่เอ๊ยจะให้ข้ารับบาปนี้? ข้ามิต้องกลายเป็นคนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมที่สุดในโลกหรือ?“เอ่อ พี่ใหญ่ ท่านผิดแล้วนะ!”ฉินอวิ๋นฮุยพูดด้วยใบหน้าเหยเก“ผิด? ข้าผิดอะไรกัน! เจ้าทำจนข้าสิ้นลายขนาดนี้แล้ว ยังกล้าว่าข้าผิดอีก? ขนาดฝ่ายเดียวกันก็ยังหลอกได้ เจ้ามีความเป็นคนบ้างได้ไหม? ชาตินี้ถ้าข้าฉินอวิ๋นคังร่วมมือกับเจ้าฉินอวิ๋นฮุยอีก ข้าก็คือหลานชายเจ้า!” ฉินอวิ๋นคังเปิดโหมดฟาด ไม่สนใจภาพลักษณ์อะไรแล้ว สิ่งที่เจอมาในวันนี้แทบจะเป็นการทำลายล้างสำหรับเขา! และในสายตาของเขา ตัวการของเรื่องทั้งหมดก็คือฉินอวิ๋นฮุย!ถูกฉินอวิ๋นคังด่าทออีกหน ฉินอวิ๋นฮุยใบหน้าอึมครึมจนแทบกลั่น
แค่ชั่วครู่เดียวมู่หรงฟู่สุ่ยซึ่งเป็นบุคคลสำคัญก็ถูกจับตัวมาที่จวนองค์ชายใหญ่แล้ว ครั้นเห็นสภาพเละเทะ มู่หรงฟู่สุ่ยพลันตกใจขวัญหนีดีฝ่อตุบ...มู่หรงฟู่สุ่ยคุกเข่าลงตรงหน้าองค์ชายใหญ่ ใบหน้าคือความประหวั่นพรั่นพรึงเต็มประดา เขาได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกลางวันมาแล้ว ให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ตก เขาใส่ยาระบายลงในเหล้าตามที่บอกแล้วชัด ๆ และองค์ชายใหญ่ก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจจึงจะถูก แต่ทำไมถึงยังโดนยาได้อีก?ยามนี้ ทุกคนในที่นี้ต่างมีข้อสงสัยอยู่เต็มอก องค์ชายใหญ่ องค์ชายรองละคนอื่น ๆ ต้องการความจริง ต้องการรู้ว่าขณะนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่“มู่หรงฟู่สุ่ย ข้าขอถามเจ้า เมื่อคืนเจ้าได้ใส่ยาระบายลงในเหล้าจริงหรือไม่?”ฉินอวิ๋นคังถามเสียงกร้าวพอมู่หรงฟู่สุ่ยได้ยินหัวใจพลันหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ใบหน้าตื่นตระหนกรีบอธิบาย “องค์ องค์ชายใหญ่ ข้าน้อยเอาชีวิตตัวเองเป็นประกันเลย ข้าน้อยใส่ยาระบายลงไปในเหล้าตามที่พวกท่านสั่งแล้วนะ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดฝัน ข้ายังเฝ้าอยู่ทั้งคืนจนยืนยันว่าเหล้าถูกคนขนไปแล้วถึงได้กลับ”“เจ้าว่าอะไรนะ?!”ฉินอวิ๋นคังตาโต ไม่ค่อยเชื่อและตกตะลึงเล็กน้อยอย่างเห็นไ
ฉินอวิ๋นคังเปิดโหมดต่อสู้อีกครั้ง เขากัดไม่ปล่อย “อย่ามาบอกกับข้านะว่านี่คือความเข้าใจผิด ข้าไม่เชื่อ! ข้าไม่เชื่อหรอกว่าโลกนี้ยังมีเรื่องบังเอิญอย่างนี้ได้!”“ดังนั้นผลลัพธ์มีเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือฉินอวิ๋นฟานรู้แต่แรกแล้วว่าเหล้ามีปัญหา ก็เลยจงใจสับเปลี่ยน และเจ้าก็คือคนที่บอกข่าว!”“นี่ต้องเป็นแผนที่พวกเจ้าร่วมมือกันแน่ จงใจแกล้งข้าใช่ไหม?! พวกเจ้าอยากเหยียบข้าให้จมดิน ตัดข้าออกจากผู้มีสิทธิ์ชิงบัลลังก์ แล้วพวกเจ้าค่อยสู้กันเอง?”“ข้าว่าอยู่แล้วเชียว มิน่าเมื่อวานตอนประชุมขุนนางเจ้าถึงได้กลับลำกะทันหัน ที่แท้เจ้าก็จับมือกับฉินอวิ๋นฟานอยู่ลับ ๆ?”พอฉินอวิ๋นคังวิเคราะห์อย่างนี้ คิ้วของฮั่วเจิ้นหลงมัดเป็นปมแน่นมากขึ้น กระทั่งสงสัยว่าฉินอวิ๋นคังจะวิเคราะห์ถูก สิ่งต่าง ๆ ที่เผยให้เห็นแสดงชัดว่าฉินอวิ๋นคังพูดมีเหตุผลมากเพราะระหว่างพวกเขาคือคู่ต่อสู้ เมื่ออยู่ต่อหน้าผลประโยชน์ อะไร ๆ ก็เป็นไปได้ทั้งนั้นและฉินอวิ๋นฮุยก็กลายเป็นบุคคลสำคัญที่อาศัยช่องตรงกลางของเรื่องนี้ฉกฉวยผลประโยชน์!“ให้ตายเถอะ! ข้าตาบอดจริง ๆ ทำไมถึงมาร่วมมือกับท่านได้นะ?!”ฉินอวิ๋นฮุยเลือดขึ้นหน้าแล้ว พอฉินอว
“ช้าก่อน!”ก็ขณะที่องค์ชายรองฉินอวิ๋นฮุยกำลังจะไปด้วยความกรุ่นโกรธ จู่ ๆ ก็ถูกฮั่วเจิ้นหลงเรียกให้หยุดอีก แววตาของเขาดังเปลวไฟ เงามืดปกคลุมอยู่ทั่วในนั้น จ้องมู่หรงฟู่สุ่ยอย่างเย็นชาและเอ่ย “จะเป็นไปได้ไหมว่าปัญหาอยู่ที่ตัวมู่หรงฟู่สุ่ย?”“หือ?”ครั้นองค์ชายใหญ่และองค์ชายรองได้ยินคำพูดของฮั่วเจิ้นหลงก็พลันสะดุ้ง สายตาจับไปที่ตัวมู่หรงฟู่สุ่ยนั่นสิ ทำไมพวกเขาละเลยมู่หรงฟู่สุ่ยไปนะ?พอมู่หรงฟู่สุ่ยได้ยินก็ตกใจสั่นเทิ้ม รีบอธิบาย “ไม่เกี่ยวกับข้าน้อยนะขอรับ องค์ชายใหญ่ องค์ชายรอง ไม่เกี่ยวกับข้าน้อยจริง ๆ ข้าน้อยทำตามที่พวกท่านต้องการทั้งหมดนะขอรับ”“ไม่เกี่ยวกับเจ้า?”ฮั่วเจิ้นหลงน่าเกรงขามโดยที่ไม่โกรธ เนื้อตัวบนล่างแผ่กลิ่นอายของผู้มีอำนาจ พลังแข็งแกร่งนั้น กดจนมู่หรงฟู่สุ่ยแทบจะหายใจไม่ออก นี่ก็คือพลังข่มขวัญ สามารถทำให้คนรู้สึกกดดันอย่างหนัก“ประเดี๋ยวเจ้าก็จะรู้เอง!”ฮั่วเจิ้นหลงเอ่ย “ใครก็ได้ จับตัวคนในบ้านมู่หรงฟู่สุ่ยมาให้หมด ข้าก็อยากดูสิว่าเขาจะปากแข็งได้สักแค่ไหน”“หา?! จับคนในบ้านข้า?”พอได้ยินว่าทำคนที่บ้านเดือดร้อนไปด้วย มู่หรงฟู่สุ่ยขวัญผวาถึงขีดสุด ยามนี้เขาเส
มู่หรงฟู่สุ่ยนั่งลงไปกับพื้น สิ้นหมดทั้งคน ตอนนี้เองเขาถึงตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่อง ตั้งแต่นาทีที่เขาย่างเข้าจวนนี้ก็คงเดินกลับออกไปไม่ได้แล้ว“มู่หรงฟู่สุ่ย เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกไหม?!”ฮั่วเจิ้นหลงตวาดถาม“แม่ทัพฮั่ว จะให้เวลาข้าน้อยหน่อยได้ไหมขอรับ? ให้ข้าน้อยได้กลับไปทำความเข้าใจ รายละเอียดเป็นยังไงข้าน้อยก็ไม่รู้เหมือนกัน”มู่หรงฟู่สุ่ยรีบอธิบาย“กลับไป? กลับไปเตรียมตัวหนีรึ! เจ้าคิดว่าเจ้ายังมีโอกาสกลับไป?! ถ้าไม่สารภาพมาเสียดี ๆ วันนี้เจ้าอย่าคิดจะออกจากจวนนี้ไปได้เลย!”ฮั่วเจิ้นหลงเอ่ยเสียงหนาวมู่หรงฟู่สุ่ยความหวังสูญสิ้น เขากวาดสายตามององค์ชายใหญ่และคนอื่น ๆ รอบหนึ่งแล้วยิ้มแห้ง เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าควรอธิบายอย่างไรดี ทั้งที่เขาพูดความจริง กลับไม่มีใครเชื่อสักคนต่อให้เขาแต่งเรื่องไปเรื่อย เขาก็ไม่รู้จะเล่าจากตรงไหน ถึงเขาจะเสียใจกับการกระทำโง่ ๆ ของตัวเอง แต่อย่างน้อยก็ไม่ทำให้ลูกเมียพลอยเดือดร้อนไปด้วย ไม่ว่าอย่างไรวันนี้เขาก็ต้องตายแน่แล้ว ข่าวดีสุดท้ายนี้นับว่าทำให้เขาโล่งอกถ้าเทียบกับการดิ้นรนเพื่อหวังเอาตัวรอด มิสู้มุ่งหน้าสู่ความตาย!“เหอะ นี่ยังมีอะไรต้อง
เรื่องที่อุจจาระราดครานี้ ฉินอวิ๋นคังคือผู้รับเคราะห์หนักที่สุด สะเทือนใจเป็นอย่างมาก และฉินอวิ๋นคังก็คือผู้วางแผนเรื่องนี้ทั้งหมด ฉินอวิ๋นคังไม่เชื่อเด็ดขาดว่าฉินอวิ๋นฮุยคือผู้บริสุทธิ์ครั้นเขายืนยันความคิดของตัวเองแล้วก็ตัดสินใจที่จะแตกหักกับฉินอวิ๋นฮุย ขีดเส้นแบ่งชัดเจน ไม่อยากข้องแวะใด ๆ กับสุภาพบุรุษจอมปลอมที่มากเล่ห์เพทุบายเช่นนี้อีกแล้วฮั่วเจิ้นหลงที่อยู่ด้านข้างมองฉินอวิ๋นคังผู้เป็นลูกเขยด้วยความประหลาดใจอย่างหนัก ยังไม่ต้องพูดถึงว่าจัดการเรื่องนี้ถูกหรือไม่ แต่ดูเหมือนว่าฉินอวิ๋นคังจะรู้จักใช้สมองแล้ว รู้จักพิจารณาปัญหาเชิงลึกแล้ว?นี่มันเกิดอะไรขึ้น? หรือเพราะเกิดปัญญาท่ามกลางวิกฤต? ฮั่วเจิ้นหลงเริ่มแอบดีใจ“ฉินอวิ๋นคัง พูดมาครึ่งค่อนวัน ไม่ว่ายังไงเจ้าก็ไม่มีทางเชื่อข้าใช่ไหม? ต้องคิดว่าข้าคือตัวการเบื้องหลังที่ก่อเรื่องนี้ให้ได้ใช่ไหม?”ฉินอวิ๋นฮุยหรี่ดวงตาทั้งสอง ในนั้นเต็มไปด้วยความมืดมน เดิมนี่คือเรื่องที่ง่ายจนไม่รู้จะง่ายอย่างไรได้อีก แค่หยั่งเชิงฉินอวิ๋นฟานครั้งเดียว แต่ผลลัพธ์กลับดีเลย พวกเขาจบงานอย่างยับเยินไม่ว่าเขาจะงัดหลักฐานอะไร ฉินอวิ๋นคังก็สามารถวิเคร
“อื่ม ดีมาก เจ้าคิดได้เช่นนี้ ข้าปลื้มใจจริง ๆ” ฮั่วเจิ้นหลงเห็นลูกเขยก้าวหน้าขึ้นมากกะทันหัน พลันเผยรอยยิ้มปานบิดาเมตตา จากนั้นจึงถามต่อ “เช่นนั้นต่อจากนี้เจ้าคิดจะทำยังไง?”ฉินอวิ๋นคังไตร่ตรองเล็กน้อยครู่หนึ่ง “ตอนนี้น้องเจ็ดไม่มีอิทธิพลอะไร และไม่มีจุดอ่อนอะไรด้วย พวกเราไม่มีช่องลงมือกับเขา ยิ่งหาข้ออ้างที่สมเหตุสมผลไม่ได้ น้องเจ็ดมากเล่ห์เพทุบาย จะเสียเปรียบได้ง่าย ๆ เอา”“ถ้าเรายังทำตามแผนของเจ้ารองต่อ ลงมือกับธุรกิจของเจ้าเจ็ด ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก เมื่อเทียบกับใช้แผนร้ายทางลับ ไม่สู้แข่งการค้ากับเขาไปเลย ถึงยังไงเราก็มีเงินถุงเงินถัง เบียดการค้าของเขาอย่างเปิดเผยยุติธรรมไม่ดีหรือ?”ฉินอวิ๋นคังเอ่ย “เช่นนี้ไม่เพียงแต่โจมตีการค้าของน้องเจ็ดได้ ยังสามารถพัฒนาให้ตัวเองแข็งแกร่งยิ่งใหญ่ เทียบกับเจ้ารองที่เล่นลูกไม้สกปรกอยู่ข้างหลัง พวกเราทำแบบนี้จึงจะถูก”ได้ฟังการวิเคราะห์จากฉินอวิ๋นคัง บนหน้าของฮั่วเจิ้นหลงเขียนคำว่า ‘เหลือเชื่อ’ ตัวโต ๆ นี่ลูกเขยเป็นอะไรไป ทำไมหัวใสอย่างนี้ได้นะ!เมื่อวานพวกเขายังหารือกันว่าจะโค่นระบบธุรกิจของฉินอวิ๋นฟานอย่างไร ผลคือพอลูกเขย