ฉินอวิ๋นฟานกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ข้าได้แต่เดินหน้า ถ้าไม่ฆ่าเปิดทางเลือดขึ้นนั่งตำแหน่งสูงสุด ก็คือกลายเป็นวิญญาณใต้คมดาบพวกเขา!”ซี้ด...มู่หรงซื่อควานและมู่หรงจิ่นต่างอึ้งกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟานไปตาม ๆ กัน สูดลมเย็นเข้าปอด สีหน้าเปลี่ยนเป็นแย่!“พี่อวิ๋นฟาน จิ่นเอ๋อร์สนับสนุนท่าน ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย จิ่นเอ๋อร์จะอยู่ข้างกายท่านเสมอ”ในที่สุดมู่หรงจิ่นรับรู้ถึงความกดดันมหาศาลจากตัวของฉินอวิ๋นฟาน แม้นางจะห่วงความปลอดภัยของฉินอวิ๋นฟานมาก แต่นางแน่วแน่กับการตัดสินใจที่จะร่วมเป็นร่วมตายกับฉินอวิ๋นฟานมากกว่า!ฉินอวิ๋นฟานลูบผมสลวยของมู่หรงจิ่นเบา ๆ แล้วยิ้มพูดอย่างอ่อนโยน “เด็กโง่ ข้าก็ไม่ใช่ว่าจะแหยมได้ง่าย ๆ แต่พวกเขายังคิดจะจัดการข้าได้ง่าย ๆ หรือ? มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก! ข้ามีไพ่อยู่ในมือเยอะแยะ!”“แค่ก ๆ...”อยู่ดี ๆ มู่หรงซื่อควานก็ถูกยัดอาหารสุนัข[1]ใส่เต็มเปา เขากระแอมกระไอทีหนึ่ง “พ่อลูกเขย เรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ต่อจากนี้เราจะทำยังไงกันดี?”“ทำยังไง? ก็ยำ[2]เสียสิ!”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่พูด “ท่านคิดว่าพี่ใหญ่ข้าโดนเล่นงานหนักอย่างนี้แล้วจะเส
“ท่านพ่อตา ท่านคิดดูสิ เกิดความผิดพลาดใหญ่หลวงกับเรื่องนี้แล้ว ท่านคิดว่าพวกเขายังจะเชื่อมู่หรงฟู่สุ่ยหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย“เอ่อ...”มู่หรงซื่อควานพูดไม่ออกทันที ก็เหมือนกับที่ฉินอวิ๋นฟานพูด หมากที่ไม่มีประโยชน์เก็บไว้รังแต่จะเป็นภัยร้ายนับจากนาทีที่องค์ชายใหญ่ล้มเหลวในการหยั่งเชิงเขา มู่หรงฟู่สุ่ยก็หมดคุณค่าใช้งาน แค่คิดก็รู้ผลลัพธ์“เฮ้อ ข้าละคิดไม่ตกจริง ๆ เขาเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง เสพสุขกับลาภยศสรรเสริญทั้งครอบครัวไม่ดีหรือ? ทำไมต้องทรยศนายของตัวเองด้วย ทำไมต้องไปร่วมศึกชิงบัลลังก์โหดร้ายนั้นด้วย?!”ฉินอวิ๋นฟานส่ายหน้าพูดด้วยความจนปัญญา “จากที่ข้ารู้จักพวกเขา คืนนี้ครอบครัวของมู่หรงฟู่สุ่ยต้องถูกฆ่าล้างตระกูลแน่ มู่หรงฟู่สุ่ยต้องตาย ใครก็ช่วยไม่ได้ แต่ถ้าจะช่วยครอบครัวเขา ตอนนี้น่าจะยังทัน อยู่ที่ว่าพวกท่านจะช่วยหรือไม่?”“ยังไงครอบครัวมู่หรงฟู่สุ่ยก็เป็นคนของตระกูลมู่หรง และเป็นคนทรยศของพวกท่านด้วย”“เฮ้อ!”มู่หรงซื่อควานถอนหายใจหนัก ใบหน้าคือความสลดหดหู่ สำหรับเขา นี่คือการตัดสินใจที่ยากมากเรื่องหนึ่ง ด้านหนึ่งคือวงศ์ตระกูลสายเลือด อีกด้านหนึ่งคือคนทรยศหลังจากพิจารณ
“ฮึ!”ฉินอวิ๋นคังแค่นเสียงแล้วพูด “วันนี้ข้าก็ทำตามแผนที่ฉินอวิ๋นฮุยวางไว้นั่นแหละ ผลลัพธ์ดีทีเดียว ยาระบายมันไม่ได้อยู่ในเหล้าสักหน่อย แต่อยู่ในอาหาร! เจ้าบัดซบนี่กลับไม่บอกข้า!”“ให้ตายเถอะ! วันนี้ทำเอาข้าจะอกแตกตาย ทั้งเนื้อทั้งน้ำ ราดใส่กางเกงต่อหน้าทุกคน หมดท่าอเนจอนาถ สู้หน้าใครไม่ได้แล้ว!”“ท่านว่าไอ้บัดซบนั่นมันสมควรตายหรือไม่?!”“เอ่อ...”พอฉินอวิ๋นฮุยได้ฟังก็เกือบเป็นลมคาที่ เอาไปเอามาสุดท้ายเป็นเพราะเหตุนี้? แม่เอ๊ยจะให้ข้ารับบาปนี้? ข้ามิต้องกลายเป็นคนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมที่สุดในโลกหรือ?“เอ่อ พี่ใหญ่ ท่านผิดแล้วนะ!”ฉินอวิ๋นฮุยพูดด้วยใบหน้าเหยเก“ผิด? ข้าผิดอะไรกัน! เจ้าทำจนข้าสิ้นลายขนาดนี้แล้ว ยังกล้าว่าข้าผิดอีก? ขนาดฝ่ายเดียวกันก็ยังหลอกได้ เจ้ามีความเป็นคนบ้างได้ไหม? ชาตินี้ถ้าข้าฉินอวิ๋นคังร่วมมือกับเจ้าฉินอวิ๋นฮุยอีก ข้าก็คือหลานชายเจ้า!” ฉินอวิ๋นคังเปิดโหมดฟาด ไม่สนใจภาพลักษณ์อะไรแล้ว สิ่งที่เจอมาในวันนี้แทบจะเป็นการทำลายล้างสำหรับเขา! และในสายตาของเขา ตัวการของเรื่องทั้งหมดก็คือฉินอวิ๋นฮุย!ถูกฉินอวิ๋นคังด่าทออีกหน ฉินอวิ๋นฮุยใบหน้าอึมครึมจนแทบกลั่น
แค่ชั่วครู่เดียวมู่หรงฟู่สุ่ยซึ่งเป็นบุคคลสำคัญก็ถูกจับตัวมาที่จวนองค์ชายใหญ่แล้ว ครั้นเห็นสภาพเละเทะ มู่หรงฟู่สุ่ยพลันตกใจขวัญหนีดีฝ่อตุบ...มู่หรงฟู่สุ่ยคุกเข่าลงตรงหน้าองค์ชายใหญ่ ใบหน้าคือความประหวั่นพรั่นพรึงเต็มประดา เขาได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกลางวันมาแล้ว ให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ตก เขาใส่ยาระบายลงในเหล้าตามที่บอกแล้วชัด ๆ และองค์ชายใหญ่ก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจจึงจะถูก แต่ทำไมถึงยังโดนยาได้อีก?ยามนี้ ทุกคนในที่นี้ต่างมีข้อสงสัยอยู่เต็มอก องค์ชายใหญ่ องค์ชายรองละคนอื่น ๆ ต้องการความจริง ต้องการรู้ว่าขณะนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่“มู่หรงฟู่สุ่ย ข้าขอถามเจ้า เมื่อคืนเจ้าได้ใส่ยาระบายลงในเหล้าจริงหรือไม่?”ฉินอวิ๋นคังถามเสียงกร้าวพอมู่หรงฟู่สุ่ยได้ยินหัวใจพลันหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ใบหน้าตื่นตระหนกรีบอธิบาย “องค์ องค์ชายใหญ่ ข้าน้อยเอาชีวิตตัวเองเป็นประกันเลย ข้าน้อยใส่ยาระบายลงไปในเหล้าตามที่พวกท่านสั่งแล้วนะ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดฝัน ข้ายังเฝ้าอยู่ทั้งคืนจนยืนยันว่าเหล้าถูกคนขนไปแล้วถึงได้กลับ”“เจ้าว่าอะไรนะ?!”ฉินอวิ๋นคังตาโต ไม่ค่อยเชื่อและตกตะลึงเล็กน้อยอย่างเห็นไ
ฉินอวิ๋นคังเปิดโหมดต่อสู้อีกครั้ง เขากัดไม่ปล่อย “อย่ามาบอกกับข้านะว่านี่คือความเข้าใจผิด ข้าไม่เชื่อ! ข้าไม่เชื่อหรอกว่าโลกนี้ยังมีเรื่องบังเอิญอย่างนี้ได้!”“ดังนั้นผลลัพธ์มีเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือฉินอวิ๋นฟานรู้แต่แรกแล้วว่าเหล้ามีปัญหา ก็เลยจงใจสับเปลี่ยน และเจ้าก็คือคนที่บอกข่าว!”“นี่ต้องเป็นแผนที่พวกเจ้าร่วมมือกันแน่ จงใจแกล้งข้าใช่ไหม?! พวกเจ้าอยากเหยียบข้าให้จมดิน ตัดข้าออกจากผู้มีสิทธิ์ชิงบัลลังก์ แล้วพวกเจ้าค่อยสู้กันเอง?”“ข้าว่าอยู่แล้วเชียว มิน่าเมื่อวานตอนประชุมขุนนางเจ้าถึงได้กลับลำกะทันหัน ที่แท้เจ้าก็จับมือกับฉินอวิ๋นฟานอยู่ลับ ๆ?”พอฉินอวิ๋นคังวิเคราะห์อย่างนี้ คิ้วของฮั่วเจิ้นหลงมัดเป็นปมแน่นมากขึ้น กระทั่งสงสัยว่าฉินอวิ๋นคังจะวิเคราะห์ถูก สิ่งต่าง ๆ ที่เผยให้เห็นแสดงชัดว่าฉินอวิ๋นคังพูดมีเหตุผลมากเพราะระหว่างพวกเขาคือคู่ต่อสู้ เมื่ออยู่ต่อหน้าผลประโยชน์ อะไร ๆ ก็เป็นไปได้ทั้งนั้นและฉินอวิ๋นฮุยก็กลายเป็นบุคคลสำคัญที่อาศัยช่องตรงกลางของเรื่องนี้ฉกฉวยผลประโยชน์!“ให้ตายเถอะ! ข้าตาบอดจริง ๆ ทำไมถึงมาร่วมมือกับท่านได้นะ?!”ฉินอวิ๋นฮุยเลือดขึ้นหน้าแล้ว พอฉินอว
“ช้าก่อน!”ก็ขณะที่องค์ชายรองฉินอวิ๋นฮุยกำลังจะไปด้วยความกรุ่นโกรธ จู่ ๆ ก็ถูกฮั่วเจิ้นหลงเรียกให้หยุดอีก แววตาของเขาดังเปลวไฟ เงามืดปกคลุมอยู่ทั่วในนั้น จ้องมู่หรงฟู่สุ่ยอย่างเย็นชาและเอ่ย “จะเป็นไปได้ไหมว่าปัญหาอยู่ที่ตัวมู่หรงฟู่สุ่ย?”“หือ?”ครั้นองค์ชายใหญ่และองค์ชายรองได้ยินคำพูดของฮั่วเจิ้นหลงก็พลันสะดุ้ง สายตาจับไปที่ตัวมู่หรงฟู่สุ่ยนั่นสิ ทำไมพวกเขาละเลยมู่หรงฟู่สุ่ยไปนะ?พอมู่หรงฟู่สุ่ยได้ยินก็ตกใจสั่นเทิ้ม รีบอธิบาย “ไม่เกี่ยวกับข้าน้อยนะขอรับ องค์ชายใหญ่ องค์ชายรอง ไม่เกี่ยวกับข้าน้อยจริง ๆ ข้าน้อยทำตามที่พวกท่านต้องการทั้งหมดนะขอรับ”“ไม่เกี่ยวกับเจ้า?”ฮั่วเจิ้นหลงน่าเกรงขามโดยที่ไม่โกรธ เนื้อตัวบนล่างแผ่กลิ่นอายของผู้มีอำนาจ พลังแข็งแกร่งนั้น กดจนมู่หรงฟู่สุ่ยแทบจะหายใจไม่ออก นี่ก็คือพลังข่มขวัญ สามารถทำให้คนรู้สึกกดดันอย่างหนัก“ประเดี๋ยวเจ้าก็จะรู้เอง!”ฮั่วเจิ้นหลงเอ่ย “ใครก็ได้ จับตัวคนในบ้านมู่หรงฟู่สุ่ยมาให้หมด ข้าก็อยากดูสิว่าเขาจะปากแข็งได้สักแค่ไหน”“หา?! จับคนในบ้านข้า?”พอได้ยินว่าทำคนที่บ้านเดือดร้อนไปด้วย มู่หรงฟู่สุ่ยขวัญผวาถึงขีดสุด ยามนี้เขาเส
มู่หรงฟู่สุ่ยนั่งลงไปกับพื้น สิ้นหมดทั้งคน ตอนนี้เองเขาถึงตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่อง ตั้งแต่นาทีที่เขาย่างเข้าจวนนี้ก็คงเดินกลับออกไปไม่ได้แล้ว“มู่หรงฟู่สุ่ย เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกไหม?!”ฮั่วเจิ้นหลงตวาดถาม“แม่ทัพฮั่ว จะให้เวลาข้าน้อยหน่อยได้ไหมขอรับ? ให้ข้าน้อยได้กลับไปทำความเข้าใจ รายละเอียดเป็นยังไงข้าน้อยก็ไม่รู้เหมือนกัน”มู่หรงฟู่สุ่ยรีบอธิบาย“กลับไป? กลับไปเตรียมตัวหนีรึ! เจ้าคิดว่าเจ้ายังมีโอกาสกลับไป?! ถ้าไม่สารภาพมาเสียดี ๆ วันนี้เจ้าอย่าคิดจะออกจากจวนนี้ไปได้เลย!”ฮั่วเจิ้นหลงเอ่ยเสียงหนาวมู่หรงฟู่สุ่ยความหวังสูญสิ้น เขากวาดสายตามององค์ชายใหญ่และคนอื่น ๆ รอบหนึ่งแล้วยิ้มแห้ง เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าควรอธิบายอย่างไรดี ทั้งที่เขาพูดความจริง กลับไม่มีใครเชื่อสักคนต่อให้เขาแต่งเรื่องไปเรื่อย เขาก็ไม่รู้จะเล่าจากตรงไหน ถึงเขาจะเสียใจกับการกระทำโง่ ๆ ของตัวเอง แต่อย่างน้อยก็ไม่ทำให้ลูกเมียพลอยเดือดร้อนไปด้วย ไม่ว่าอย่างไรวันนี้เขาก็ต้องตายแน่แล้ว ข่าวดีสุดท้ายนี้นับว่าทำให้เขาโล่งอกถ้าเทียบกับการดิ้นรนเพื่อหวังเอาตัวรอด มิสู้มุ่งหน้าสู่ความตาย!“เหอะ นี่ยังมีอะไรต้อง
เรื่องที่อุจจาระราดครานี้ ฉินอวิ๋นคังคือผู้รับเคราะห์หนักที่สุด สะเทือนใจเป็นอย่างมาก และฉินอวิ๋นคังก็คือผู้วางแผนเรื่องนี้ทั้งหมด ฉินอวิ๋นคังไม่เชื่อเด็ดขาดว่าฉินอวิ๋นฮุยคือผู้บริสุทธิ์ครั้นเขายืนยันความคิดของตัวเองแล้วก็ตัดสินใจที่จะแตกหักกับฉินอวิ๋นฮุย ขีดเส้นแบ่งชัดเจน ไม่อยากข้องแวะใด ๆ กับสุภาพบุรุษจอมปลอมที่มากเล่ห์เพทุบายเช่นนี้อีกแล้วฮั่วเจิ้นหลงที่อยู่ด้านข้างมองฉินอวิ๋นคังผู้เป็นลูกเขยด้วยความประหลาดใจอย่างหนัก ยังไม่ต้องพูดถึงว่าจัดการเรื่องนี้ถูกหรือไม่ แต่ดูเหมือนว่าฉินอวิ๋นคังจะรู้จักใช้สมองแล้ว รู้จักพิจารณาปัญหาเชิงลึกแล้ว?นี่มันเกิดอะไรขึ้น? หรือเพราะเกิดปัญญาท่ามกลางวิกฤต? ฮั่วเจิ้นหลงเริ่มแอบดีใจ“ฉินอวิ๋นคัง พูดมาครึ่งค่อนวัน ไม่ว่ายังไงเจ้าก็ไม่มีทางเชื่อข้าใช่ไหม? ต้องคิดว่าข้าคือตัวการเบื้องหลังที่ก่อเรื่องนี้ให้ได้ใช่ไหม?”ฉินอวิ๋นฮุยหรี่ดวงตาทั้งสอง ในนั้นเต็มไปด้วยความมืดมน เดิมนี่คือเรื่องที่ง่ายจนไม่รู้จะง่ายอย่างไรได้อีก แค่หยั่งเชิงฉินอวิ๋นฟานครั้งเดียว แต่ผลลัพธ์กลับดีเลย พวกเขาจบงานอย่างยับเยินไม่ว่าเขาจะงัดหลักฐานอะไร ฉินอวิ๋นคังก็สามารถวิเคร
“เอ่อ... แต่เพียงแต่ข้าที่กังวลเช่นนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมีความกังวลนี้เหมือนกันกระมัง? อย่างไรเสีย ของอย่างบัญชีก็สามารถปลอมแปลงได้”เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดตามตรง ฉินอวิ๋นฮุยจึงไม่อ้ำอึ้งอีก การยกเรื่องไม่ดีมาพูดแต่แรกมิใช่เรื่องน่าอายอันใด เพราะมันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเขา เขาไม่อยากถูกฉินอวิ๋นฟานหลอก!“ฮ่า ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานลั่นเสียงหัวเราะทันที “พี่รองทำงานรอบคอบดังคาด น้องเจ็ดเลื่อมใส แต่ท่านคิดมากไปแล้ว ถ้าต้องดูแลเมืองการค้าสามเมือง คนของข้าไม่มีทางพอ ถ้าพวกท่านไม่ส่งคนมาช่วยงาน ข้าคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”“อ้อ? น้องเจ็ดพูดจริงรึ?!”เมื่อนั้นหัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของฉินอวิ๋นฮุยจึงสงบลง หากเขาสามารถให้คนเข้าร่วมอยู่ในเมืองการค้าทั้งสามเมืองได้ เช่นนั้นเขาจะวางใจได้แล้ว เพราะจะรับประกันผลประโยชน์ของเขาได้ทั้งหมด!“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านวางใจได้เลย ระหว่างพวกเราพี่น้องแม้เป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้านเมือง พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง มีเพียงเช่นนี้ต้าเฉียนเราจึงจะเฟื่องฟูได้นิรันดร์”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในเรื่องการค้า เครือเหิงไท่จะรับผิดชอบกิจการหลักท
ฉินอวิ๋นฟานกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อให้ใครกล้ามีความคิดส่วนตัวก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกเราต้องร่วมกันทำงาน หากไม่อยากเสียเมืองไป ไม่อยากตาย ทหารทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เป็นหนึ่งเดียวสู้กับภายนอก”“ดี ดีมาก ความคิดนี้ไม่เลว!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ไท่ซั่งหวงรู้อยู่แล้วว่าฉินอวิ๋นฟานต้องทุ่มเทเพื่อแผนการนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีทางคิดแผนการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้“อื่ม ไม่เลว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ได้ดีใจกับแผนการสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของฉินอวิ๋นฟาน เพราะแม้เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองจริง หากไร้ประโยชน์อันใดต่อพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขายังจะกลายเป็นคนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้งานอีกด้วยพวกเขาส่งทหารรักษาเมือง ฉินอวิ๋นฟานกอบโกยกำไรอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วฉินอวิ๋นฮุยก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือโดยแท้!ทว่าไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?ฉินอวิ๋นฟานรู้ความคิดของพวกเขาดี อีกอย่าง ถ้าครองผลงานเองในเวลานี้จะเป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเอามาก ๆ ฉินอวิ๋นฟานไม่ทำเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้หรอก!โบราณกล่าว ตบหน้าฉาดหนึ่งต้องให้พุทราหวานหนึ่งลูก อีกฝ่ายส่งทหารม
ขณะนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ ถ้อยคำชวนให้คนมีจิตใจฮึกเหิมของฉินอวิ๋นฟานวนเวียนอยู่ในหัวของ แม้ไท่ซั่งหวงเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน!รัชทายาทวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่ง ช่างเป็นชายชาตินักรบเลือดร้อนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน หากคนเช่นนี้เป็นจักรพรรดิ ไยต้องกลัวอนาคตต้าเฉียนจะไม่ศิวิไลซ์?“เกี่ยวกับการสร้างเมืองการค้าสี่แห่งในสี่ทิศของต้าเฉียน ทุกคนคัดค้านอย่างหนัก ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนมาก แต่ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ ข้าก็ต้องยอมรับเสียงและความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนว่ามาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน มีแต่ต้องทำให้ทำคนยอมรับเรื่องนี้จากใจจริง เขาจึงจะยึดสิทธิ์ความเป็นผู้นำได้ มิเช่นนั้นต่อให้ใช้กำลังผลักดันเรื่องนี้ คนเหล่านี้ต้องเล่นตุกติกลับหลังเขาแน่ เช่นนี้มีแต่จะทำให้รำคาญดังนั้นฉินอวิ๋นฟานเตรียมตัวกับการคัดค้านและความคิดของทุกคนแต่แรกแล้ว ต้องการแค่โอกาสประจวบเหมาะหนึ่ง เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคอิจฉาตาร้อนมีมากเหลือเกิน มีแต่ต้องคิดหาทางหยดยาดวงตาให้พวกเขาสักหน่อย จึงจะขจัดต้นตอของปัญหาได้ “นี่...”ผู้คนมากมายแน่นขนัดพูดไม่ออกสักคำ เพราะต่างมีความกังวลอยู่ในใจ ฉ
นาทีนี้ถังเจิ้นไห่ถูกโจมตีทำร้ายทางจิตใจอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานปากคอเราะรายน่ากลัวจริง ๆ การโจมตีของเขารวดเร็วนัก เขาต้านทานไม่ไหวเลยเขาจนปัญญากับการโจมตีของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ได้แต่ใช้สถานะข่มขู่ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะหยุดโจมตีเขาน่าเสียดาย แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร และไม่เคยเป็นพวกยอมเสียเปรียบ หากมีคนโจมตีเขา ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!ต้องถล่มอีกฝ่ายจนแพ้ราบคาบ นี่สิจึงจะเป็นเป้าหมายความเป็นคนของเขา และถังเจิ้นไห่ก็แตะเขตต้องห้ามของเขาพอดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่ไว้หน้าเขา!ครั้นพวกฉินอวิ๋นฮุยเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พากันมอบสายตาเห็นใจให้ถังเจิ้นไห่ พวกเขาเคยได้รับการสั่งสอนด้วยหมัดหนักจากฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย หากหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!ไท่ซั่งหวงและจางเต้าหลินฉายรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานจะหยาบคายไม่รื่นหูไปบ้าง แต่สะใจยิ่งนัก! นักวางแผนร้ายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดกลับจนต้องสงสัยในชีวิต เด็ดสะระตี่แท้!“เกินไป? ตอนนี้ท่านรู้ว่าเกินไป? ตอนที่ท่านสาดน้ำคลำใส่
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน
“ได้!”ถังเจิ้นไห่พูดหน้าขรึม “ประการที่สองของความผิดร้ายแรงสามประการ รัชทายาทร่วมกันสร้างถนนกับแคว้นต่าง ๆ เรื่องนี้อึกทึกครึกโครมไปทั่ว ทันทีที่สร้างถนนที่กว้างยิ่งขึ้น การคมนาคมจะสะดวก คืออยากให้แคว้นรอบข้างรุกรานต้าเฉียนเราสะดวกยิ่งขึ้นหรือ? การกระทำเช่นนี้มิใช่แผนการล่มชาติแล้วมันคืออะไร?!”ซี้ด...เมื่อทุกคนได้ฟังต่างสูดลมเย็นเข้าปาก เกิดความสงสัยอย่างหนักกับจุดประสงค์ของฉินอวิ๋นฟาน ด้านหนึ่งมอบธัญพืช ด้านหนึ่งสร้างถนนกับทุกแคว้น จุดประสงค์จะชัดเจนเกินไปแล้วกระมัง?“ต่อ ประการที่สามเล่า!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มเรียบ เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะไปไกลขนาดไหน ช่างเป็นคนที่มีขอบเขตความรู้ความเข้าใจและวิสัยทัศน์โดยแท้ การกำหนดอนาคตของบ้านเมือง เป็นเช่นนี้ดังคาดหากให้พวกเฮ่อชินอ๋องเรืองอำนาจจริง ต้าเฉียนมิต้องจบเห่หรือ? ให้สวะพวกนี้ดูแลบ้านเมือง บ้านเมืองนั้นยังจะมีความหวังอะไร?พวกเขานอกจากจะมีความชั่วร้ายอยู่เต็มอก มีความคิดดำมืดอยู่เต็มสมอง ยังจะทำอันใดได้อีก?“หึ!”ถังเจิ้นไห่แค่นเสียงแล้วจึงเอ่ย “ประการที่สาม รัชทายาทร่วมมือกับแคว้นต่าง ๆ กีดกันต้าเยียน สังหารบุตรชายคนที่สี่ข
“อ้อ? ความผิดร้ายแรงสามประการของฟานเอ๋อร์? ไหนลองว่ามาดูสิ!”ไท่ซั่งหวงตั้งสมาธิ นึกสนใจขึ้นมาทันที อย่างลับ ๆ เขาให้ความสนใจกับพฤติกรรมของฟานเอ๋อร์มาก ไม่เคยได้ยินความผิดร้ายแรงสามประการอันใด เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะพูดอะไรความผิดร้ายแรงสามประการเสมือนระเบิดลูกใหญ่ ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมา ยามนี้สายตาของทุกคนในที่นั้นต่างรวมศูนย์อยู่ที่ตัวของถังเจิ้นไห่“ประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการ ได้ยินว่ารัชทายาททำเมล็ดพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ขึ้นมา สามารถให้ผลผลิตสูงมาก เดิมนี่คือโอกาสดีที่สุดที่ต้าเฉียนเราจะแจ้งเกิด คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทกลับมอบเมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูงให้กับแคว้นต่าง ๆ รอบข้าง ช่วยให้พวกเขามั่งคั่งมากขึ้น”ถังเจิ้นไห่กล่าวเสียงหนัก “ขอถามทุกท่านในที่นี้ พฤติกรรมเช่นนี้ของรัชทายาทคือกำลังช่วยเหลือศัตรูน่ากลัวของเราหรือไม่? พฤติกรรมเช่นนี้ของเขา คือการขายชาติหรือไม่?!”ตูม...ครั้นถังเจิ้นไห่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา บรรดาขุนนางต่างอึกทึกครึกโครม คนทั้งโลกต่างรู้เรื่องที่เมืองจัวเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์แทบทุกคน และเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานลงนามสัญญากับแคว้นต่าง ๆ ก็รู
“อื่ม! ดี!”ไท่ซั่งหวงเอ่ยเสียงหนัก “เช่นนั้นข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการ แต่งตั้งหวังอันสือเป็นหัวหน้าสำนักศึกษาหลวง เจี่ยงฝานฝานเป็นรองหัวหน้า การรับตำแหน่งนี้มีผลอย่างเป็นทางการ หัวหน้าขันทีเฉา ร่างราชโองการเดี๋ยวนี้ ประกาศต่อใต้หล้า!”เมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลง ใจที่กระวนกระวายของฉินอวิ๋นฟานก็สงบ เขามองจางเต้าหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง!ทว่าคนอื่น ๆ กลับมีความรู้สึกที่แปลกออกไป หลังจากหวังอันสือได้ขึ้นตำแหน่ง ทำให้พวกเขาตระหนักว่าสถานการณ์ในราชสำนักกำลังหลุดจากการควบคุมอย่างช้า ๆ ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะครองราชสำนัก“เอาละ เรื่องสำนักศึกษาหลวงก็สิ้นสุดแล้ว แต่จะละเลยผลงานการไปเมืองอู่โจวของฟานเอ๋อร์ครั้งนี้ไม่ได้”ไท่ซั่งหวงกล่าวเสียงเข้ม “ฟานเอ๋อร์ไม่เพียงแต่ทำคำสัญญาเมื่อครึ่งปีก่อนสำเร็จ ยิ่งทำให้เศรษฐกิจต้าเฉียนเราพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ท้องพระคลังเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ พสกนิกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกคนต่างเห็นความยอดเยี่ยมของฟานเอ๋อร์”“ฟานเอ๋อร์ ว่ามาเถอะ เจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัล? ขอเพียงสมเหตุสมผล ข้าจะให้เจ้าดังปรารถนา!”ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกดีใจมากที่
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว