“เหอะ ๆ ขอบคุณรัชทายาทที่ชม ของขวัญชิ้นนี้ของข้า ท่านพอใจหรือไม่?”หวงต้าหยวนยิ้มทรงเสน่ห์ แววตาลวงวิญญาณนั้นทำให้ฉินอวิ๋นฟานอดสะท้านไม่ได้ ช่างเป็นผู้หญิงสมบูรณ์แบบไร้ที่ติจริงแท้ ไม่เพียงแต่มีท่วงทำนองเต็มวัย เรือนร่างนูนเว้างดงาม ยิ่งเฉลียวฉลาดมีไหวพริบมิน่านางถึงได้ผยองเย็นชาเช่นนี้ นางมีต้นทุนนี้จริง ๆ คนทั่วไปไม่คู่ควรกับนาง!“จุดประสงค์ที่สี่คืออยากขอให้เจ้าช่วยรวบรวมข้อมูลของอู่โจวจริง ๆ เตรียมตัวรับมอบอู่โจวในอีกสามเดือนให้หลัง”ฉินอวิ๋นฟานกล่าวจริงจัง “เจ้าก็รู้ ที่ตั้งของอู่โจวมีชัยภูมิสำคัญนัก เชื่อมต่อกับห้าแคว้น ถ้าอยากเปิดช่องทางการค้ากับทั้งโลก จะต้องเอาอู่โจวกลับคืนมาให้ได้”“ด้วยนิสัยเสียของพวกคนต้าเยียน พวกเขาไม่มีทางคืนอู่โจวให้ข้าง่าย ๆ แน่นอน ดังนั้นข้าหวังจะเอาอู่โจวกลับมาในแบบที่พยายามลดความสูญเสียให้น้อยที่สุด”ในตอนที่เมืองจัวประสบกับอุทกภัย เขาก็เตรียมแผนแก้ไขเบื้องต้นแล้ว นั่นก็คือใช้เมืองจัวเป็นศูนย์กลาง เอาอู่โจวกลับคืนมา เปิดช่องทางการค้ารอบด้าน สร้างกองทัพสมัยใหม่ลึกลับหลายกอง และใช้มันในการครองโลก!สำหรับการต่อสู้ในราชสำนัก ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน
“ผู้หญิงคนนั้น?”อู่จ้านไม่มีภาพความทรงจำใด ๆ มีแต่ฉินอวิ๋นฟานที่เห็นแวบหนึ่งในช่วงใกล้จะหมดสติสำคัญที่สุด ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงลึกลับคนนั้น พวกเขาคงต้องไปยมโลกและ!“ใช่สิ ไม่รู้ว่าชาตินี้ยังมีโอกาสได้พบนางอีกไหม?”ฉินอวิ๋นฟานเป็นคนให้ความสำคัญกับมิตรภาพและคุณธรรมเสมอมา บุญคุณช่วยชีวิตยิ่งใหญ่กว่าฟ้า แต่ขณะนั้นเขาอยู่ในภาวะหมดสติ ทั้งยังเป็นเวลากลางคืนมองเห็นไม่ชัด หนึ่งเดียวที่เป็นภาพจำตราตรึงก็คือเสียงหวานเสนาะหูลวงวิญญาณนั้นของนางไม่ว่าอย่างไรฉินอวิ๋นฟานก็ต้องพบนางสักครั้งให้ได้ ต้องขอบคุณบุญคุณช่วยชีวิตต่อหน้านาง!“ช่างเถอะ ถ้าอีกฝ่ายไม่อยากพบ ต่อให้พวกเราตามหายังไงก็ไม่มีประโยชน์ ปล่อยให้เป็นไปตามวาสนาเถอะ พวกเรากลับกัน!”ทีแรกฉินอวิ๋นฟานอยากไปขอบคุณจางเต้าหลินที่จวนไท่เว่ยสักหน่อย แต่คิดแล้วก็ช่างเถอะ จึงกลับตำหนักรัชทายาทด้วยจิตใจหดหู่เล็กน้อย เวลานี้มู่หรงจิ่นกับเสี่ยวจวี๋เข้านอนนานแล้วฉินอวิ๋นฟานลากร่างอันอ่อนล้ามาถึงหน้าเตียง ภายใต้เสียงไฟสลัวลอดผ้าม่านผืนบาง ร่างขาวสะอาดปานหิมะทั้งสองสะท้อนเข้าม่านตาของเขา เส้นโค้งสมบูรณ์แบบนั้น ยอดภูสูงชันนั้นทำให้ฉินอวิ๋นฟานลำคอแห
คืนนี้ต้องให้พวกนางสองพี่น้องรู้ความร้ายกาจของเขาซะบ้าง! คืนนี้จะไม่ปล่อยพวกนางไปแน่!“หัวเราะข้าใช่ไหม อีกเดี๋ยวจะให้พวกเจ้ารู้ว่าอะไรคือความสยองขวัญ!”ฉินอวิ๋นฟานพูดพลางประกบตัวลง มือใหญ่ทรงพลังเริ่มปฏิบัติการ แต่ให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง ดันถูกมู่หรงจิ่นสกัดอีกแล้ว!“วันนี้ไม่ได้จริง ๆ”มู่หรงจิ่นบุ้ยปากน้อย ๆ“เอ๋ ทำไมเล่า?!”ตอนนี้ ฉินอวิ๋นฟานบื้อไปทั้งคน!“เพราะ...ธุระข้ามาแล้ว[1]!” มู่หรงจิ่นส่ายหน้าพูดตอนนี้ฉินอวิ๋นฟานลูกอ๊อดกำลังพุ่งขึ้นสมอง ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น พูดออกมาแบบเอ๋อ ๆ “ธุระมา? ธุระอะไรมา?”“ไอ้หยา ก็ผู้หญิงน่ะ ท่านว่าจะมีธุระอะไรมาได้เล่า”มู่หรงจิ่นขวยเขิน เอามือปิดหน้าที่แดงเป็นปื้นตอนนี้หัวสมองของฉินอวิ๋นฟานดังวิ้ง เฮ้ย! ธุระมา?! คงไม่ใช่ประจำเดือนหรอกใช่ไหม?! แม่เอ๊ย! ทำไมมันบังเอิญอย่างนี้เนี่ย! นี่มันจะฆ่ากันให้ตายชัด ๆ!“เจ้า เจ้าหมายถึง ธุระที่จะมาเดือนละครั้งนั่นนะหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานถามแบบไม่อยากจะเชื่อ“อื้ม!”มู่หรงจิ่นผงกศีรษะด้วยความอายบัดนี้ฉินอวิ๋นฟานบังเกิดความคิดอยากไปเกิดใหม่แล้ว อยู่กับมู่หรงจิ่นมาเกือบเดือน ดูเหมือนว่า
สัมผัสได้ถึงผิวนุ่มนิ่มและกลิ่นกายหอมละมุนของมู่หรงจิ่น หัวใจฉินอวิ๋นฟานวาบหวาม เห็นอยู่หลัด ๆ กลับกินไม่ได้! ฉินอวิ๋นฟานชักจะทนไม่ไหวแล้ว!เขาหัวเราะด้วยความขมขื่น “ข้าจะไปต้มของดีให้พวกเจ้าดื่มสักหน่อยแล้วกัน”“ต้มของดีดื่ม? รัชทายาทยังจะต้มของอร่อยอื่นเป็นอีกหรือเจ้าคะ?”เสี่ยวจวี๋มองเงาหลังที่จากไปของฉินอวิ๋นฟาน ถามด้วยใบหน้าฉงนฉงาย“ใครจะรู้เล่า เขากล้าต้ม เราก็กล้าดื่ม หึ ๆ!”ความสุขล้นทะลักออกมาจากใบหน้าของมู่หรงจิ่น นี่คือโลกที่ชายสูงหญิงต่ำ ผู้หญิงไม่มีฐานะอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับฉินอวิ๋นฟานซึ่งเป็นรัชทายาทมีตำแหน่งและอำนาจสูงส่ง ผู้หญิงเป็นเพียงอาภรณ์ เรียกให้มาก็มา เรียกให้ไปก็ไปไม่นึกว่าหลังจากฉินอวิ๋นฟานคืนสติปัญญาแล้วกลับไม่ได้ทำเช่นนั้น เขาราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน อนาทรห่วงหานางนักหนา ทั้งยังให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของนาง เอาใจเก่ง อ่อนโยน ไม่วางมาดสักนิดชีวิตหวานชื่นเช่นนี้คือแบบชีวิตที่นางเฝ้าฝันมาตลอด ไม่นึกว่าจะเป็นจริงได้ ถึงฉินอวิ๋นฟานจะตัณหาจัดไปหน่อย นางก็ไม่ใส่ใจ เพราะฉินอวิ๋นฟานคือรัชทายาท การจะมีสามภรรยาสี่อนุภรรยาคือเรื่องปกติขอเพียงฉ
“เสี่ยวจวี๋ เอาถ้วยมาให้ข้าสิ วันนี้ข้าจะปรนนิบัติพวกเจ้าพี่น้องเอง!”ฉินอวิ๋นฟานรับถ้วยมาจากเสี่ยวจวี๋ จากนั้นก็วิ่งดุ๊กดิ๊กไปตักน้ำแกงที่ห้องครัวด้านข้างยามนี้ความตื้นตันใจของสองนางล้นทะลักออกมาแล้ว กรอบตาแดงระเรื่องอย่างควบคุมไม่อยู่ หยดน้ำตากลิ้งอยู่ในนั้นไม่หยุด แม้ตัวจะอยู่ในรั้ววัง หากพวกนางไม่รู้สึกถึงความกดดันเรื่องชนชั้นวรรณะ มีแต่ความหวานชื่นเมื่อนึกถึงรูปแบบที่พวกนางเคยทำต่อฉินอวิ๋นฟานแล้วก็รู้สึกผิดนัก“พี่จิ่นเอ๋อร์ รัชทายาทดีกับพวกเราจริง ๆ”เสี่ยวจวี๋พูดเสียงสะอื้นเล็กน้อย“นั่นสิ ก่อนหน้านี้พวกเราอยู่ท่ามกลางความสุขกลับไม่รู้ความสุข ตอนนั้นพวกเราทำกับเขาอย่างนั้น เขากลับไม่ถือสาสักนิด ดีกับพวกเราพี่น้องจริง ๆ”มู่หรงจิ่นพูดด้วยใบหน้าขื่นขมกลับไม่รู้ว่าฉินอวิ๋นฟานในตอนนี้ไม่ใช่ฉินอวิ๋นฟานผู้โง่งมในอดีตคนนั้นตั้งนานแล้ว แต่เป็นทหารหน่วยรบพิเศษขั้นสุดยอดที่มีดวงวิญญาณยุคปัจจุบัน และถึงจะเป็นยุคปัจจุบัน เขาก็คือตัวตนที่พิลึกกึกกือสุดขั้วเหมือนกัน!สองนางดื่มคนละถ้วนใหญ่แล้วจึงจะอิ่มเอม และตอนนี้เอง มู่หรงจิ่นยิ้มพราวเสน่ห์พูดขึ้น “พี่อวิ๋นฟาน ท่านเหนื่อยมาทั้งค
“ก็เพราะรู้ว่าใครทำ ข้าถึงไม่กล้ากระโตกกระตาก สถานการณ์พิเศษ คิดแล้วก็ว่ามาหารือกับเจ้าก่อนค่อยตัดสินใจทีหลังจะเหมาะสมกว่า”มู่หรงซื่อควานพูดเสียงหนัก“อื่ม เชิญท่านพูด!”ฉินอวิ๋นฟานพูดเสียงหนักเหมือนกัน“คือมู่หรงฟู่สุ่ย เขาเป็นตระกูลสาขาของตระกูลมู่หรงเรา ข้าเห็นเขาเป็นคนซื่อและซื่อสัตย์มาก ติดตามข้ามายี่สิบกว่าปีก็เลยเชื่อใจเขามาก นี่จึงยกโรงเก็บเหล้าที่เป็นงานสำคัญอย่างนี้ให้”มู่หรงซื่อควานโมโหโทโสจนหนวดปลิวว่อน “คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ เขากลับทรยศข้า? กล้าวางยาลงในเหล้า นี่จะให้ข้าตายหรือยังไง! คิดไม่ถึงจริง ๆ เขากลับเป็นคนชั่วช้าเจ้าเล่ห์ประเภทนี้!”ที่พวกเขาตระกูลมู่หรงยังคงยืนหยัดอยู่ได้มีสาเหตุหลักมาจากความสามัคคีและซื่อสัตย์ ไม่นึกว่าจะมีคนทรยศอยู่ใต้ตาถ้าไม่ใช่เพราะลูกเขยประมาณการล่วงหน้า จัดวางเอาไว้ก่อน บาปน้ำท่วมปากนี้คงต้องตกอยู่กับพวกเขาแน่แล้ว กระทั่งว่าอาจทำให้พวกเขาสูญสิ้นทุกอย่าง กลับไปสู่จุดเริ่มต้นในพริบตา“ท่านทำถูกแล้วที่ไม่กระโตกกระตากและมาบอกเรื่องนี้กับข้าทันที”ฉินอวิ๋นฟานพูดอย่างจริงจัง “ในเมื่อเขากล้าวางยาในเหล้า เบื้องหลังต้องมีคนบงการแน่ คนที่ข้าล่
เย่ซื่อกวานรู้ดีว่าตระกูลเริ่นคือตัวตนเช่นไร ที่เขาไม่กล้าต่อต้านก็เพราะตระกูลเริ่นมีอำนาจล้ำเหลือ เพื่อจะได้อยู่รอดในช่องว่างแคบ ๆ ตรงกลาง เขาได้แต่ทำงานอย่างระมัดระวัง กระนั้นก็ยังถูกเล่นงานอยู่ดีอัดอั้นมาสองปีเต็ม ๆ ฉินอวิ๋นฟานลงมือเด็ดขาด ขจัดหนามพิษนี้ให้เขา ยามนี้เขายกฉินอวิ๋นฟานขึ้นเป็นตัวตนเช่นวิญญาณเทพในใจนานแล้ว“ลุกขึ้นมาเถอะ เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ เริ่นซวี่ชั่วช้าสามานย์ ไม่ว่าเขาจะรังแกใคร ข้าก็จะยื่นมือโดยไม่ลังเลเหมือนกัน”ฉินอวิ๋นฟานพูดพลางสำรวจเย่ซื่อกวาน บุคคลที่สามารถทำให้เสิ่นวั่นซานชื่นชมได้ไม่หยุดปากย่อมเป็นคนที่มีคุณลักษณะดี หนำซ้ำเสิ่นวั่นซานยังเป็นคนมองการณ์ไกลสายตาเฉียบคม“รีบลุกขึ้นมาเถอะ!”เสิ่นวั่นซานรีบเตือนอยู่ด้านข้างเย่ซื่อกวานปาดน้ำตา “ถ้าไม่ใช่เพราะรัชทายาทยื่นมือมา พวกเราก็คงต้องอยู่ในห้วงแห่งความทรมานเหมือนเดิม และองค์ชายใหญ่ก็คงไม่ไปเยี่ยมเยือนด้วยตัวเอง มอบของขวัญขอโทษสารพัด แถมยังรับประกันให้คำมั่นต่าง ๆ นานาอีก”“เจ้าว่าอะไรนะ? พี่ใหญ่ข้าไปเยี่ยมเจ้าที่บ้าน?”ฉินอวิ๋นฟานใบหน้าตกตะลึง ผุดลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ เขารู้นิสัยของพี่ใหญ่ฉินอ
หลังจากพิจารณาครู่หนึ่ง ฉินอวิ๋นฟานยังคงคิดจุดสำคัญไม่ออก ตอนนี้ที่ทำได้เพียงหนึ่งเดียวก็คือสังเกตอย่างละเอียด พยายามอย่าให้เกิดช่องโหว่อย่างสุดความสามารถฉินอวิ๋นฟานสนทนากับเสิ่นวั่นซานอีกพักหนึ่ง สุดท้ายจึงตั้งสำนักงานใหญ่เหิงไท่และศูนย์เครือข่ายอยู่ที่ข้างโรงแรมห้าดาวต้าเฉียนเพื่อเตรียมรับสมัครผู้ร่วมพันธมิตรในลำดับต่อไป หลังจากปรึกษาหารือทุกเรื่องแล้วก็ใกล้เที่ยงพอดี ฉินอวิ๋นฟานบิดขี้เกียจ มองไปทางลานกว้างอีกครั้งเวลานี้องค์ชายใหญ่ยุ่งงวดอยู่ที่กลางลานกว้างตลอดเช้า การตั้งค่าตัวละครต่าง ๆ เอย การรับประกันเอย การขอโทษขอโพยสารพัดสารเพเอย ต่อต้านทุจริตสนับสนุนความโปร่งใสอะไรเอยในสายตาของฉินอวิ๋นฟาน สิ่งเหล่านี้เป็นแค่ความฉาบฉวยเท่านั้นที่ฉินอวิ๋นคังทำอย่างนี้ก็เพื่อกอบกู้ภาพลักษณ์ที่เสียไปของตัวเองกลับคืนมา ความฉ้อฉลของต้าเฉียนหยั่งรากฝังลึก ถึงขั้นที่หมดทางเยียวยานานแล้วความจริงนี่ก็เป็นแค่ลูกไม้ในการปกครองของผู้ปกครองระดับสูงสุดเท่านั้น ขอเพียงทุกคนมีมลทิน ต่างยุ่งเกี่ยวกับการทุจริต เมื่อนั้นถึงจะใช้อำนาจในมือควบคุมขุนนางพวกนี้ให้พวกเขาเชื่อฟังแต่โดยดีได้และเพราะว่ามีการป