เย่ซื่อกวานรู้ดีว่าตระกูลเริ่นคือตัวตนเช่นไร ที่เขาไม่กล้าต่อต้านก็เพราะตระกูลเริ่นมีอำนาจล้ำเหลือ เพื่อจะได้อยู่รอดในช่องว่างแคบ ๆ ตรงกลาง เขาได้แต่ทำงานอย่างระมัดระวัง กระนั้นก็ยังถูกเล่นงานอยู่ดีอัดอั้นมาสองปีเต็ม ๆ ฉินอวิ๋นฟานลงมือเด็ดขาด ขจัดหนามพิษนี้ให้เขา ยามนี้เขายกฉินอวิ๋นฟานขึ้นเป็นตัวตนเช่นวิญญาณเทพในใจนานแล้ว“ลุกขึ้นมาเถอะ เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ เริ่นซวี่ชั่วช้าสามานย์ ไม่ว่าเขาจะรังแกใคร ข้าก็จะยื่นมือโดยไม่ลังเลเหมือนกัน”ฉินอวิ๋นฟานพูดพลางสำรวจเย่ซื่อกวาน บุคคลที่สามารถทำให้เสิ่นวั่นซานชื่นชมได้ไม่หยุดปากย่อมเป็นคนที่มีคุณลักษณะดี หนำซ้ำเสิ่นวั่นซานยังเป็นคนมองการณ์ไกลสายตาเฉียบคม“รีบลุกขึ้นมาเถอะ!”เสิ่นวั่นซานรีบเตือนอยู่ด้านข้างเย่ซื่อกวานปาดน้ำตา “ถ้าไม่ใช่เพราะรัชทายาทยื่นมือมา พวกเราก็คงต้องอยู่ในห้วงแห่งความทรมานเหมือนเดิม และองค์ชายใหญ่ก็คงไม่ไปเยี่ยมเยือนด้วยตัวเอง มอบของขวัญขอโทษสารพัด แถมยังรับประกันให้คำมั่นต่าง ๆ นานาอีก”“เจ้าว่าอะไรนะ? พี่ใหญ่ข้าไปเยี่ยมเจ้าที่บ้าน?”ฉินอวิ๋นฟานใบหน้าตกตะลึง ผุดลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ เขารู้นิสัยของพี่ใหญ่ฉินอ
หลังจากพิจารณาครู่หนึ่ง ฉินอวิ๋นฟานยังคงคิดจุดสำคัญไม่ออก ตอนนี้ที่ทำได้เพียงหนึ่งเดียวก็คือสังเกตอย่างละเอียด พยายามอย่าให้เกิดช่องโหว่อย่างสุดความสามารถฉินอวิ๋นฟานสนทนากับเสิ่นวั่นซานอีกพักหนึ่ง สุดท้ายจึงตั้งสำนักงานใหญ่เหิงไท่และศูนย์เครือข่ายอยู่ที่ข้างโรงแรมห้าดาวต้าเฉียนเพื่อเตรียมรับสมัครผู้ร่วมพันธมิตรในลำดับต่อไป หลังจากปรึกษาหารือทุกเรื่องแล้วก็ใกล้เที่ยงพอดี ฉินอวิ๋นฟานบิดขี้เกียจ มองไปทางลานกว้างอีกครั้งเวลานี้องค์ชายใหญ่ยุ่งงวดอยู่ที่กลางลานกว้างตลอดเช้า การตั้งค่าตัวละครต่าง ๆ เอย การรับประกันเอย การขอโทษขอโพยสารพัดสารเพเอย ต่อต้านทุจริตสนับสนุนความโปร่งใสอะไรเอยในสายตาของฉินอวิ๋นฟาน สิ่งเหล่านี้เป็นแค่ความฉาบฉวยเท่านั้นที่ฉินอวิ๋นคังทำอย่างนี้ก็เพื่อกอบกู้ภาพลักษณ์ที่เสียไปของตัวเองกลับคืนมา ความฉ้อฉลของต้าเฉียนหยั่งรากฝังลึก ถึงขั้นที่หมดทางเยียวยานานแล้วความจริงนี่ก็เป็นแค่ลูกไม้ในการปกครองของผู้ปกครองระดับสูงสุดเท่านั้น ขอเพียงทุกคนมีมลทิน ต่างยุ่งเกี่ยวกับการทุจริต เมื่อนั้นถึงจะใช้อำนาจในมือควบคุมขุนนางพวกนี้ให้พวกเขาเชื่อฟังแต่โดยดีได้และเพราะว่ามีการป
ภายใต้การเร่งเร้าของฉินอวิ๋นคัง ชาวบ้านทั้งหลายจึงสลายตัวไป“ท่านกุนซือ แผนนี้เด็ดมาก! พูดแค่ไม่กี่คำก็หลอกไอ้ตาสีตาสาพวกนี้จนตาโตเป็นแถว อย่างกับฝูงคนโง่แน่ะ จะหลอกง่ายไปแล้วกระมัง?”ฉินอวิ๋นคังพูดด้วยความดีใจลิงโลด“องค์ชายใหญ่ ท่านรู้ก็พอ คำพูดนี้อย่าได้พูดในที่สาธารณะเชียว มิเช่นนั้นจะเป็นผลเสียต่อท่านมาก”บัณฑิตหน้าใสของตัวฉินอวิ๋นคังพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ“ได้ ๆ ๆ ข้าจะระวังกิริยาคำพูดตัวเองให้มาก”นาทีนี้อย่าให้พูดเลยว่าอารมณ์ขององค์ชายใหญ่ชื่นมื่นขนาดไหน รู้สึกว่าทุกอย่างดำเนินไปตามแผนสมบูรณ์แบบ เขาเปล่งเสียงดัง “เสี่ยวเอ้อร์ เอาเหล้ามา! ต้องเป็นเหล้าใหม่ของวันนี้นะ!”“ขอรับ!”เสี่ยวเอ้อร์ไหนเลยจะรู้ว่ามีลับลมคมในอะไรแฝงอยู่ในนั้น หอบหิ้วเหล้าใหม่มาไหหนึ่ง และทั้งหมดนี้เข้าถึงหูฉินอวิ๋นฟานที่อยู่ชั้นบน“จะต้องเอาเหล้าใหม่วันนี้ด้วย? เฮอะ ฝีมือของพี่ใหญ่จริงด้วย!”ฉินอวิ๋นฟานเหยียดยิ้มตรงมุมปาก ฉายยิ้มเจ้าเล่ห์ “พี่ใหญ่ ท่านไร้ความเมตตาก็อย่าโทษว่าข้าไร้คุณธรรม! ข้าไม่เพียงจะให้ท่านตามต้องการ ยังจะให้เป็นสองเท่าด้วย!”องค์ชายใหญ่อารมณ์ชื่นบาน สั่งอาหารสิบกว่าจานรวดเดีย
ฉินอวิ๋นฟานที่อยู่ชั้นบนเห็นภาพนี้ทั้งหมด เขาพึมพำ “พี่ใหญ่ ข้าจะดูสิว่าท่านจะทนไปได้สักกี่น้ำ? วิ่งไปส้วมตอนนี้ยังทันนะ ขืนรอต่อไป...”พอนึกถึงตรงนี้ฉินอวิ๋นฟานก็อดขนลุกซู่ไม่ได้ การที่ลูกผู้ชายทั้งแท่งคนหนึ่งจะราดใส่กางเกงต่อหน้าธารกำนัล นี่จะเป็นภาพที่อุจาดตาแค่ไหน...แค่คิดก็ขนลุกไปทั้งตัวแล้ว!“เสี่ยวเอ้อร์!!!”ตอนนี้เอง องค์ชายใหญ่ตะคอกขึ้น เสียงนี้ดังไปทั่วทั้งห้องโถงเลยทีเดียว เสี่ยวเอ้อร์ไม่กล้าชักช้าสักนิด วิ่งจู๊ดมาอยู่ตรงหน้าฉินอวิ๋นคังอย่างเร็วรี่“อะ องค์ชายใหญ่ ทะ ท่านมีอะไรจะสั่งหรือขอรับ?”เสี่ยวเอ้อร์พูดแบบกลัว ๆ“มีอะไรจะสั่ง? หละ เหล้าเจ้ามีปัญหา รีบตามเถ้าแก่พวกเจ้ามาเดี๋ยวนี้!”องค์ชายใหญ่อดทนกับท้องที่ปวดมากขึ้นทุกที ตวาดด้วยความโกรธ เขาใช้มือกุมท้องเอาไว้ตลอด หน้าซีดเผือด ส่วนอีกสามคนที่เหลือเมื่อเทียบกับฉินอวิ๋นคังแล้วก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไร“หา? เหล้ามีปัญหา? ข้า ข้าน้อยจะไปตามเถ้าแก่เรามาเดี๋ยวนี้แหละขอรับ!”เสี่ยวเอ้อร์เคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้ที่ไหน ถูกฉินอวิ๋นคังตวาดใส่ทีขวัญเตลิดเปิดเปิงไปหมดแล้ว จึงรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบน และภาพเหตุการณ์นี้ ฉินอ
“ไอ้หยา นี่จะทำยังไงดีล่ะ?!”ตอนนี้มู่หรงจิ่นก็ตกใจและกระวนกระวายเหมือนกัน ทั้งภัตตาคารต้าเฉียนมีสายตานับไม่ถ้วนกำลังจับจ้องอยู่ นางจึงรีบพูด “องค์ชายใหญ่ ท่านว่าเช่นนี้ดีหรือไม่? ข้าจะตามหมอมาให้ท่านก่อน แล้วค่อยจัดการเรื่องนี้ เป็นอย่างไร?”“ฮึ! ไม่ได้! น้องเจ็ดเจ้าเล่ห์นัก เจ้าอย่าคิดใช้แผนถ่วงเวลาข้าเลย อีกเดี๋ยวพวกเจ้าก็คงไม่รับผิดชอบแล้ว เจ้าต้องให้คำอธิบายกับข้าวันนี้! เดี๋ยวนี้!”องค์ชายใหญ่ยังคงไม่ตระหนักถึงความร้ายแรงของผลลัพธ์ นึกว่าเป็นแค่ยาระบายอ่อน ๆ ในเหล้าเท่านั้น กลับไม่รู้ว่าเหล้ามันไม่ได้มีปัญหาเลย แต่ปัญหาอยู่ที่บรรดาอาหารที่เขากินซึ่งถูกฉินอวิ๋นฟานใส่สลอดไปเป็นกระบุงต่างหาก!“คำอธิบาย เอ่อ...”ตอนนี้มู่หรงจิ่นไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีแล้ว ก็ตอนที่นางกำลังจะไปตามบิดาและฉินอวิ๋นฟานมาจัดการปัญหา จู่ ๆ ก็มีเสียงฉินอวิ๋นฟานดังขึ้นจากชั้นสอง“พี่ใหญ่ นี่ท่านเป็นอะไรไปหรือ? เมื่อวานกินผิดท้องเสียหรือยังไง?”ฉินอวิ๋นฟานเห็นฉินอวิ๋นคังกุมท้อง ปวดจนเหงื่อซก ท้องร้องโครกคราก ใบหน้าเหยเก เขาจึงรีบสาวเท้ามาหา ทำท่าทำทางเหมือนเป็นห่วงเป็นใยฉินอวิ๋นคังในตอนนี้ควันออกหูจนอย
ทุกคนได้เห็นพฤติกรรมของฉินอวิ๋นคังเมื่อวานนี้เกือบหมด ทั้งที่ฉินอวิ๋นคังปกป้องฝั่งชั่วร้าย เขาต่างหากที่เป็นผู้ยึดมั่นปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนแม้ความจริงทั้งหมดจะวางอยู่ตรงหน้า แต่ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่เลือกเชื่อฉินอวิ๋นคังแบบผิด ๆ ไม่เชื่อรัชทายาทผู้ขจัดภัยร้ายของปวงประชาอย่างเขา“เฮ้อ!”ฉินอวิ๋นฟานถอนหายใจอย่างจนปัญญาแล้วเอ่ย “ในเมื่อพี่ใหญ่บอกว่าเหล้านี้มีปัญหา เช่นนั้นข้าก็จะดื่มให้ท่านดูเป็นการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ก็แล้วกัน”ครั้นกล่าวจบ ฉินอวิ๋นฟานก็ยกไหเหล้าขึ้นดื่มเลย เหล้าไหใบใหญ่ถูกฉินอวิ๋นฟานดื่มไปหนึ่งในสามส่วน เทียบเท่ากับหนึ่งลิตรครึ่งโดยประมาณในยุคปัจจุบันฉินอวิ๋นฟานได้คอทองแดงสุดแกร่งนี้มาจากสมัยอยู่กองทัพ กระนั้นใบหน้าของเขาก็ยังเริ่มแดงมากขึ้นช้า ๆ “นี่...”จังหวะที่เห็นภาพนี้ ฉินอวิ๋นคังเริ่มลนลานขึ้นมาทันที พวกเขาสี่คนรวมกันยังดื่มไม่เท่าไรเอง ตอนนี้จะราดกันอยู่แล้ว แต่ฉินอวิ๋นฟานดื่มรวดเดียวครึ่งค่อนไหกลับไม่เป็นไร?ดูจากปริมาณยา ฉินอวิ๋นฟานไม่น่าปกติสุขจึงจะถูก“พี่ใหญ่ ท่านก็เห็นแล้วนะ เหล้านี่ไม่มีปัญหา!”ฉินอวิ๋นฟานแบมือออก “คือว่านะพี่ใหญ่ สาเหตุ
ปู๊ด...เมื่อสิ้นเสียงองค์ชายใหญ่ก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำ พร้อมกันนั้นก็มีเสียงน้ำไหล ชั่วขณะเดียว กลิ่นเหม็นหึ่งน่าขยะแขยงก็ส่งมาถึงด้วย สายตารอบด้านรวมศูนย์อยู่ที่ตัวกุนซือ เห็นเพียงเขาแบมือออก ใบหน้ามะระขมเต็มไปด้วยความสิ้นหวังพอทุกคนเห็นดังนั้น ต่างแสดงสีหน้ารังเกียจเดียดฉันท์ บีบจมูกถอยหลังเนือง ๆสุดท้ายท่านกุนซือก็ทนต่อไปไม่ไหว ปลดปล่อยออกมาต่อหน้าทุกคน องค์ชายใหญ่และคนที่เหลือก็ข่มต่อไปไม่ไหวเหมือนกัน เอ่ยปากถามด้วยสีหน้าตื่นตระหนกลนลาน “น้องเจ็ด ห้องน้ำ ห้องน้ำอยู่ที่ไหน?!”“ห้องน้ำ? ขออภัยพี่ใหญ่ ห้องน้ำของภัตตาคารต้าเฉียนมีคนเข้าเต็มหมดแล้ว ถ้าท่านรีบจริง ๆ ก็ออกประตูเลี้ยวขวาห้าร้อยเมตรเหมือนว่าจะมีอยู่ห้องหนึ่งนะ”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยใบหน้าที่รู้สึกผิด“เชี่ย!”นาทีนี้องค์ชายใหญ่ยังจะสนใจอะไรมากได้ที่ไหน สับขาวิ่งจู๊ดออกไปเหมือนลูกศร ทหารอีกสองนายอั้นจนสองตาแดงก่ำนานแล้ว หากใบหน้ากลับซีดขาวเหมือนกระดาษ พอได้ยินว่าละแวกนี้มีห้องน้ำแล้วยังจะสนอะไรได้อีก? รีบสับขาพุ่งตัวออกไปตามองค์ชายใหญ่ติด ๆกุนซือกลับมองทุกคนแบบเก้ ๆ กัง ๆ ถอดเสื้อตัวนอกออกแล้วห่อบั้นท้ายเอาไว้ กระโดดก
พอทุกคนได้ยินคำถามที่มู่หรงจิ่นพูดขึ้นก็กลายเป็นหินอยู่กับที่เดี๋ยวนั้น พวกเขาอยู่ในเมืองหลวงมานานอย่างนี้ ออกจากภัตตาคารต้าเฉียนแล้วเลี้ยวขวาไปห้าร้อยเมตร ดูเหมือนจะไม่มีห้องน้ำจริง ๆ กระมัง?ยามนี้ สายตาทุกคนเบนไปถึงตัวฉินอวิ๋นฟานอีกครั้ง สายตาที่มองเขาเฉกเช่นสายตาที่มองภูตผี พ่อคนนี้คงไม่ได้จงใจหรอกนะ?ฉินอวิ๋นฟานกลับทำหน้าเหวอพูดอย่างใสซื่อบริสุทธิ์ “พวกเจ้ามองข้าแบบนี้ทำไม? ข้าก็บอกแล้วว่า ‘เหมือนจะมี’ ไม่ได้บอกว่ามีแน่เสียเมื่อไร!” “อีกอย่าง ข้าก็ไม่ได้รู้ทางในเมืองหลวงนัก ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะเชื่อข้าอย่างนี้ วิ่งออกไปเลยคิดก็ไม่คิด? ข้าจะทำยังไงได้?”พอได้ยินการอธิบายนี้ของฉินอวิ๋นฟาน กล้ามเนื้อบนใบหน้าของทุกคนก็กระตุก พ่อคนนี้คงเป็นปีศาจกระมัง? พวกเขาอั้นจนราดใส่กางเกงแล้ว ต้องการห้องน้ำอย่างเร่งด่วน ยังจะคิดอะไรได้ที่ไหน? นี่มิใช่การชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปเรื่อยหรือ? หลอกคนชัด ๆ!ต่อจากนี้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับองค์ชายใหญ่ แม้ไม่เห็นทุกคนก็เดาได้ว่าจะเป็นภาพที่อุจาดตาขนาดไหน ทุกคนจึงมอบสายตาเห็นใจให้องค์ชายใหญ่อีกหนคำอธิบายนี้ของฉินอวิ๋นฟานทำให้มู่หรงจิ่นหน้าเหยเก ฉินอวิ๋นฟานบทจ