สัมผัสได้ถึงผิวนุ่มนิ่มและกลิ่นกายหอมละมุนของมู่หรงจิ่น หัวใจฉินอวิ๋นฟานวาบหวาม เห็นอยู่หลัด ๆ กลับกินไม่ได้! ฉินอวิ๋นฟานชักจะทนไม่ไหวแล้ว!เขาหัวเราะด้วยความขมขื่น “ข้าจะไปต้มของดีให้พวกเจ้าดื่มสักหน่อยแล้วกัน”“ต้มของดีดื่ม? รัชทายาทยังจะต้มของอร่อยอื่นเป็นอีกหรือเจ้าคะ?”เสี่ยวจวี๋มองเงาหลังที่จากไปของฉินอวิ๋นฟาน ถามด้วยใบหน้าฉงนฉงาย“ใครจะรู้เล่า เขากล้าต้ม เราก็กล้าดื่ม หึ ๆ!”ความสุขล้นทะลักออกมาจากใบหน้าของมู่หรงจิ่น นี่คือโลกที่ชายสูงหญิงต่ำ ผู้หญิงไม่มีฐานะอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับฉินอวิ๋นฟานซึ่งเป็นรัชทายาทมีตำแหน่งและอำนาจสูงส่ง ผู้หญิงเป็นเพียงอาภรณ์ เรียกให้มาก็มา เรียกให้ไปก็ไปไม่นึกว่าหลังจากฉินอวิ๋นฟานคืนสติปัญญาแล้วกลับไม่ได้ทำเช่นนั้น เขาราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน อนาทรห่วงหานางนักหนา ทั้งยังให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของนาง เอาใจเก่ง อ่อนโยน ไม่วางมาดสักนิดชีวิตหวานชื่นเช่นนี้คือแบบชีวิตที่นางเฝ้าฝันมาตลอด ไม่นึกว่าจะเป็นจริงได้ ถึงฉินอวิ๋นฟานจะตัณหาจัดไปหน่อย นางก็ไม่ใส่ใจ เพราะฉินอวิ๋นฟานคือรัชทายาท การจะมีสามภรรยาสี่อนุภรรยาคือเรื่องปกติขอเพียงฉ
“เสี่ยวจวี๋ เอาถ้วยมาให้ข้าสิ วันนี้ข้าจะปรนนิบัติพวกเจ้าพี่น้องเอง!”ฉินอวิ๋นฟานรับถ้วยมาจากเสี่ยวจวี๋ จากนั้นก็วิ่งดุ๊กดิ๊กไปตักน้ำแกงที่ห้องครัวด้านข้างยามนี้ความตื้นตันใจของสองนางล้นทะลักออกมาแล้ว กรอบตาแดงระเรื่องอย่างควบคุมไม่อยู่ หยดน้ำตากลิ้งอยู่ในนั้นไม่หยุด แม้ตัวจะอยู่ในรั้ววัง หากพวกนางไม่รู้สึกถึงความกดดันเรื่องชนชั้นวรรณะ มีแต่ความหวานชื่นเมื่อนึกถึงรูปแบบที่พวกนางเคยทำต่อฉินอวิ๋นฟานแล้วก็รู้สึกผิดนัก“พี่จิ่นเอ๋อร์ รัชทายาทดีกับพวกเราจริง ๆ”เสี่ยวจวี๋พูดเสียงสะอื้นเล็กน้อย“นั่นสิ ก่อนหน้านี้พวกเราอยู่ท่ามกลางความสุขกลับไม่รู้ความสุข ตอนนั้นพวกเราทำกับเขาอย่างนั้น เขากลับไม่ถือสาสักนิด ดีกับพวกเราพี่น้องจริง ๆ”มู่หรงจิ่นพูดด้วยใบหน้าขื่นขมกลับไม่รู้ว่าฉินอวิ๋นฟานในตอนนี้ไม่ใช่ฉินอวิ๋นฟานผู้โง่งมในอดีตคนนั้นตั้งนานแล้ว แต่เป็นทหารหน่วยรบพิเศษขั้นสุดยอดที่มีดวงวิญญาณยุคปัจจุบัน และถึงจะเป็นยุคปัจจุบัน เขาก็คือตัวตนที่พิลึกกึกกือสุดขั้วเหมือนกัน!สองนางดื่มคนละถ้วนใหญ่แล้วจึงจะอิ่มเอม และตอนนี้เอง มู่หรงจิ่นยิ้มพราวเสน่ห์พูดขึ้น “พี่อวิ๋นฟาน ท่านเหนื่อยมาทั้งค
“ก็เพราะรู้ว่าใครทำ ข้าถึงไม่กล้ากระโตกกระตาก สถานการณ์พิเศษ คิดแล้วก็ว่ามาหารือกับเจ้าก่อนค่อยตัดสินใจทีหลังจะเหมาะสมกว่า”มู่หรงซื่อควานพูดเสียงหนัก“อื่ม เชิญท่านพูด!”ฉินอวิ๋นฟานพูดเสียงหนักเหมือนกัน“คือมู่หรงฟู่สุ่ย เขาเป็นตระกูลสาขาของตระกูลมู่หรงเรา ข้าเห็นเขาเป็นคนซื่อและซื่อสัตย์มาก ติดตามข้ามายี่สิบกว่าปีก็เลยเชื่อใจเขามาก นี่จึงยกโรงเก็บเหล้าที่เป็นงานสำคัญอย่างนี้ให้”มู่หรงซื่อควานโมโหโทโสจนหนวดปลิวว่อน “คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ เขากลับทรยศข้า? กล้าวางยาลงในเหล้า นี่จะให้ข้าตายหรือยังไง! คิดไม่ถึงจริง ๆ เขากลับเป็นคนชั่วช้าเจ้าเล่ห์ประเภทนี้!”ที่พวกเขาตระกูลมู่หรงยังคงยืนหยัดอยู่ได้มีสาเหตุหลักมาจากความสามัคคีและซื่อสัตย์ ไม่นึกว่าจะมีคนทรยศอยู่ใต้ตาถ้าไม่ใช่เพราะลูกเขยประมาณการล่วงหน้า จัดวางเอาไว้ก่อน บาปน้ำท่วมปากนี้คงต้องตกอยู่กับพวกเขาแน่แล้ว กระทั่งว่าอาจทำให้พวกเขาสูญสิ้นทุกอย่าง กลับไปสู่จุดเริ่มต้นในพริบตา“ท่านทำถูกแล้วที่ไม่กระโตกกระตากและมาบอกเรื่องนี้กับข้าทันที”ฉินอวิ๋นฟานพูดอย่างจริงจัง “ในเมื่อเขากล้าวางยาในเหล้า เบื้องหลังต้องมีคนบงการแน่ คนที่ข้าล่
เย่ซื่อกวานรู้ดีว่าตระกูลเริ่นคือตัวตนเช่นไร ที่เขาไม่กล้าต่อต้านก็เพราะตระกูลเริ่นมีอำนาจล้ำเหลือ เพื่อจะได้อยู่รอดในช่องว่างแคบ ๆ ตรงกลาง เขาได้แต่ทำงานอย่างระมัดระวัง กระนั้นก็ยังถูกเล่นงานอยู่ดีอัดอั้นมาสองปีเต็ม ๆ ฉินอวิ๋นฟานลงมือเด็ดขาด ขจัดหนามพิษนี้ให้เขา ยามนี้เขายกฉินอวิ๋นฟานขึ้นเป็นตัวตนเช่นวิญญาณเทพในใจนานแล้ว“ลุกขึ้นมาเถอะ เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ เริ่นซวี่ชั่วช้าสามานย์ ไม่ว่าเขาจะรังแกใคร ข้าก็จะยื่นมือโดยไม่ลังเลเหมือนกัน”ฉินอวิ๋นฟานพูดพลางสำรวจเย่ซื่อกวาน บุคคลที่สามารถทำให้เสิ่นวั่นซานชื่นชมได้ไม่หยุดปากย่อมเป็นคนที่มีคุณลักษณะดี หนำซ้ำเสิ่นวั่นซานยังเป็นคนมองการณ์ไกลสายตาเฉียบคม“รีบลุกขึ้นมาเถอะ!”เสิ่นวั่นซานรีบเตือนอยู่ด้านข้างเย่ซื่อกวานปาดน้ำตา “ถ้าไม่ใช่เพราะรัชทายาทยื่นมือมา พวกเราก็คงต้องอยู่ในห้วงแห่งความทรมานเหมือนเดิม และองค์ชายใหญ่ก็คงไม่ไปเยี่ยมเยือนด้วยตัวเอง มอบของขวัญขอโทษสารพัด แถมยังรับประกันให้คำมั่นต่าง ๆ นานาอีก”“เจ้าว่าอะไรนะ? พี่ใหญ่ข้าไปเยี่ยมเจ้าที่บ้าน?”ฉินอวิ๋นฟานใบหน้าตกตะลึง ผุดลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ เขารู้นิสัยของพี่ใหญ่ฉินอ
หลังจากพิจารณาครู่หนึ่ง ฉินอวิ๋นฟานยังคงคิดจุดสำคัญไม่ออก ตอนนี้ที่ทำได้เพียงหนึ่งเดียวก็คือสังเกตอย่างละเอียด พยายามอย่าให้เกิดช่องโหว่อย่างสุดความสามารถฉินอวิ๋นฟานสนทนากับเสิ่นวั่นซานอีกพักหนึ่ง สุดท้ายจึงตั้งสำนักงานใหญ่เหิงไท่และศูนย์เครือข่ายอยู่ที่ข้างโรงแรมห้าดาวต้าเฉียนเพื่อเตรียมรับสมัครผู้ร่วมพันธมิตรในลำดับต่อไป หลังจากปรึกษาหารือทุกเรื่องแล้วก็ใกล้เที่ยงพอดี ฉินอวิ๋นฟานบิดขี้เกียจ มองไปทางลานกว้างอีกครั้งเวลานี้องค์ชายใหญ่ยุ่งงวดอยู่ที่กลางลานกว้างตลอดเช้า การตั้งค่าตัวละครต่าง ๆ เอย การรับประกันเอย การขอโทษขอโพยสารพัดสารเพเอย ต่อต้านทุจริตสนับสนุนความโปร่งใสอะไรเอยในสายตาของฉินอวิ๋นฟาน สิ่งเหล่านี้เป็นแค่ความฉาบฉวยเท่านั้นที่ฉินอวิ๋นคังทำอย่างนี้ก็เพื่อกอบกู้ภาพลักษณ์ที่เสียไปของตัวเองกลับคืนมา ความฉ้อฉลของต้าเฉียนหยั่งรากฝังลึก ถึงขั้นที่หมดทางเยียวยานานแล้วความจริงนี่ก็เป็นแค่ลูกไม้ในการปกครองของผู้ปกครองระดับสูงสุดเท่านั้น ขอเพียงทุกคนมีมลทิน ต่างยุ่งเกี่ยวกับการทุจริต เมื่อนั้นถึงจะใช้อำนาจในมือควบคุมขุนนางพวกนี้ให้พวกเขาเชื่อฟังแต่โดยดีได้และเพราะว่ามีการป
ภายใต้การเร่งเร้าของฉินอวิ๋นคัง ชาวบ้านทั้งหลายจึงสลายตัวไป“ท่านกุนซือ แผนนี้เด็ดมาก! พูดแค่ไม่กี่คำก็หลอกไอ้ตาสีตาสาพวกนี้จนตาโตเป็นแถว อย่างกับฝูงคนโง่แน่ะ จะหลอกง่ายไปแล้วกระมัง?”ฉินอวิ๋นคังพูดด้วยความดีใจลิงโลด“องค์ชายใหญ่ ท่านรู้ก็พอ คำพูดนี้อย่าได้พูดในที่สาธารณะเชียว มิเช่นนั้นจะเป็นผลเสียต่อท่านมาก”บัณฑิตหน้าใสของตัวฉินอวิ๋นคังพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ“ได้ ๆ ๆ ข้าจะระวังกิริยาคำพูดตัวเองให้มาก”นาทีนี้อย่าให้พูดเลยว่าอารมณ์ขององค์ชายใหญ่ชื่นมื่นขนาดไหน รู้สึกว่าทุกอย่างดำเนินไปตามแผนสมบูรณ์แบบ เขาเปล่งเสียงดัง “เสี่ยวเอ้อร์ เอาเหล้ามา! ต้องเป็นเหล้าใหม่ของวันนี้นะ!”“ขอรับ!”เสี่ยวเอ้อร์ไหนเลยจะรู้ว่ามีลับลมคมในอะไรแฝงอยู่ในนั้น หอบหิ้วเหล้าใหม่มาไหหนึ่ง และทั้งหมดนี้เข้าถึงหูฉินอวิ๋นฟานที่อยู่ชั้นบน“จะต้องเอาเหล้าใหม่วันนี้ด้วย? เฮอะ ฝีมือของพี่ใหญ่จริงด้วย!”ฉินอวิ๋นฟานเหยียดยิ้มตรงมุมปาก ฉายยิ้มเจ้าเล่ห์ “พี่ใหญ่ ท่านไร้ความเมตตาก็อย่าโทษว่าข้าไร้คุณธรรม! ข้าไม่เพียงจะให้ท่านตามต้องการ ยังจะให้เป็นสองเท่าด้วย!”องค์ชายใหญ่อารมณ์ชื่นบาน สั่งอาหารสิบกว่าจานรวดเดีย
ฉินอวิ๋นฟานที่อยู่ชั้นบนเห็นภาพนี้ทั้งหมด เขาพึมพำ “พี่ใหญ่ ข้าจะดูสิว่าท่านจะทนไปได้สักกี่น้ำ? วิ่งไปส้วมตอนนี้ยังทันนะ ขืนรอต่อไป...”พอนึกถึงตรงนี้ฉินอวิ๋นฟานก็อดขนลุกซู่ไม่ได้ การที่ลูกผู้ชายทั้งแท่งคนหนึ่งจะราดใส่กางเกงต่อหน้าธารกำนัล นี่จะเป็นภาพที่อุจาดตาแค่ไหน...แค่คิดก็ขนลุกไปทั้งตัวแล้ว!“เสี่ยวเอ้อร์!!!”ตอนนี้เอง องค์ชายใหญ่ตะคอกขึ้น เสียงนี้ดังไปทั่วทั้งห้องโถงเลยทีเดียว เสี่ยวเอ้อร์ไม่กล้าชักช้าสักนิด วิ่งจู๊ดมาอยู่ตรงหน้าฉินอวิ๋นคังอย่างเร็วรี่“อะ องค์ชายใหญ่ ทะ ท่านมีอะไรจะสั่งหรือขอรับ?”เสี่ยวเอ้อร์พูดแบบกลัว ๆ“มีอะไรจะสั่ง? หละ เหล้าเจ้ามีปัญหา รีบตามเถ้าแก่พวกเจ้ามาเดี๋ยวนี้!”องค์ชายใหญ่อดทนกับท้องที่ปวดมากขึ้นทุกที ตวาดด้วยความโกรธ เขาใช้มือกุมท้องเอาไว้ตลอด หน้าซีดเผือด ส่วนอีกสามคนที่เหลือเมื่อเทียบกับฉินอวิ๋นคังแล้วก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไร“หา? เหล้ามีปัญหา? ข้า ข้าน้อยจะไปตามเถ้าแก่เรามาเดี๋ยวนี้แหละขอรับ!”เสี่ยวเอ้อร์เคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้ที่ไหน ถูกฉินอวิ๋นคังตวาดใส่ทีขวัญเตลิดเปิดเปิงไปหมดแล้ว จึงรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบน และภาพเหตุการณ์นี้ ฉินอ
“ไอ้หยา นี่จะทำยังไงดีล่ะ?!”ตอนนี้มู่หรงจิ่นก็ตกใจและกระวนกระวายเหมือนกัน ทั้งภัตตาคารต้าเฉียนมีสายตานับไม่ถ้วนกำลังจับจ้องอยู่ นางจึงรีบพูด “องค์ชายใหญ่ ท่านว่าเช่นนี้ดีหรือไม่? ข้าจะตามหมอมาให้ท่านก่อน แล้วค่อยจัดการเรื่องนี้ เป็นอย่างไร?”“ฮึ! ไม่ได้! น้องเจ็ดเจ้าเล่ห์นัก เจ้าอย่าคิดใช้แผนถ่วงเวลาข้าเลย อีกเดี๋ยวพวกเจ้าก็คงไม่รับผิดชอบแล้ว เจ้าต้องให้คำอธิบายกับข้าวันนี้! เดี๋ยวนี้!”องค์ชายใหญ่ยังคงไม่ตระหนักถึงความร้ายแรงของผลลัพธ์ นึกว่าเป็นแค่ยาระบายอ่อน ๆ ในเหล้าเท่านั้น กลับไม่รู้ว่าเหล้ามันไม่ได้มีปัญหาเลย แต่ปัญหาอยู่ที่บรรดาอาหารที่เขากินซึ่งถูกฉินอวิ๋นฟานใส่สลอดไปเป็นกระบุงต่างหาก!“คำอธิบาย เอ่อ...”ตอนนี้มู่หรงจิ่นไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีแล้ว ก็ตอนที่นางกำลังจะไปตามบิดาและฉินอวิ๋นฟานมาจัดการปัญหา จู่ ๆ ก็มีเสียงฉินอวิ๋นฟานดังขึ้นจากชั้นสอง“พี่ใหญ่ นี่ท่านเป็นอะไรไปหรือ? เมื่อวานกินผิดท้องเสียหรือยังไง?”ฉินอวิ๋นฟานเห็นฉินอวิ๋นคังกุมท้อง ปวดจนเหงื่อซก ท้องร้องโครกคราก ใบหน้าเหยเก เขาจึงรีบสาวเท้ามาหา ทำท่าทำทางเหมือนเป็นห่วงเป็นใยฉินอวิ๋นคังในตอนนี้ควันออกหูจนอย