สัมผัสได้ถึงผิวนุ่มนิ่มและกลิ่นกายหอมละมุนของมู่หรงจิ่น หัวใจฉินอวิ๋นฟานวาบหวาม เห็นอยู่หลัด ๆ กลับกินไม่ได้! ฉินอวิ๋นฟานชักจะทนไม่ไหวแล้ว!เขาหัวเราะด้วยความขมขื่น “ข้าจะไปต้มของดีให้พวกเจ้าดื่มสักหน่อยแล้วกัน”“ต้มของดีดื่ม? รัชทายาทยังจะต้มของอร่อยอื่นเป็นอีกหรือเจ้าคะ?”เสี่ยวจวี๋มองเงาหลังที่จากไปของฉินอวิ๋นฟาน ถามด้วยใบหน้าฉงนฉงาย“ใครจะรู้เล่า เขากล้าต้ม เราก็กล้าดื่ม หึ ๆ!”ความสุขล้นทะลักออกมาจากใบหน้าของมู่หรงจิ่น นี่คือโลกที่ชายสูงหญิงต่ำ ผู้หญิงไม่มีฐานะอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับฉินอวิ๋นฟานซึ่งเป็นรัชทายาทมีตำแหน่งและอำนาจสูงส่ง ผู้หญิงเป็นเพียงอาภรณ์ เรียกให้มาก็มา เรียกให้ไปก็ไปไม่นึกว่าหลังจากฉินอวิ๋นฟานคืนสติปัญญาแล้วกลับไม่ได้ทำเช่นนั้น เขาราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน อนาทรห่วงหานางนักหนา ทั้งยังให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของนาง เอาใจเก่ง อ่อนโยน ไม่วางมาดสักนิดชีวิตหวานชื่นเช่นนี้คือแบบชีวิตที่นางเฝ้าฝันมาตลอด ไม่นึกว่าจะเป็นจริงได้ ถึงฉินอวิ๋นฟานจะตัณหาจัดไปหน่อย นางก็ไม่ใส่ใจ เพราะฉินอวิ๋นฟานคือรัชทายาท การจะมีสามภรรยาสี่อนุภรรยาคือเรื่องปกติขอเพียงฉ
“เสี่ยวจวี๋ เอาถ้วยมาให้ข้าสิ วันนี้ข้าจะปรนนิบัติพวกเจ้าพี่น้องเอง!”ฉินอวิ๋นฟานรับถ้วยมาจากเสี่ยวจวี๋ จากนั้นก็วิ่งดุ๊กดิ๊กไปตักน้ำแกงที่ห้องครัวด้านข้างยามนี้ความตื้นตันใจของสองนางล้นทะลักออกมาแล้ว กรอบตาแดงระเรื่องอย่างควบคุมไม่อยู่ หยดน้ำตากลิ้งอยู่ในนั้นไม่หยุด แม้ตัวจะอยู่ในรั้ววัง หากพวกนางไม่รู้สึกถึงความกดดันเรื่องชนชั้นวรรณะ มีแต่ความหวานชื่นเมื่อนึกถึงรูปแบบที่พวกนางเคยทำต่อฉินอวิ๋นฟานแล้วก็รู้สึกผิดนัก“พี่จิ่นเอ๋อร์ รัชทายาทดีกับพวกเราจริง ๆ”เสี่ยวจวี๋พูดเสียงสะอื้นเล็กน้อย“นั่นสิ ก่อนหน้านี้พวกเราอยู่ท่ามกลางความสุขกลับไม่รู้ความสุข ตอนนั้นพวกเราทำกับเขาอย่างนั้น เขากลับไม่ถือสาสักนิด ดีกับพวกเราพี่น้องจริง ๆ”มู่หรงจิ่นพูดด้วยใบหน้าขื่นขมกลับไม่รู้ว่าฉินอวิ๋นฟานในตอนนี้ไม่ใช่ฉินอวิ๋นฟานผู้โง่งมในอดีตคนนั้นตั้งนานแล้ว แต่เป็นทหารหน่วยรบพิเศษขั้นสุดยอดที่มีดวงวิญญาณยุคปัจจุบัน และถึงจะเป็นยุคปัจจุบัน เขาก็คือตัวตนที่พิลึกกึกกือสุดขั้วเหมือนกัน!สองนางดื่มคนละถ้วนใหญ่แล้วจึงจะอิ่มเอม และตอนนี้เอง มู่หรงจิ่นยิ้มพราวเสน่ห์พูดขึ้น “พี่อวิ๋นฟาน ท่านเหนื่อยมาทั้งค
“ก็เพราะรู้ว่าใครทำ ข้าถึงไม่กล้ากระโตกกระตาก สถานการณ์พิเศษ คิดแล้วก็ว่ามาหารือกับเจ้าก่อนค่อยตัดสินใจทีหลังจะเหมาะสมกว่า”มู่หรงซื่อควานพูดเสียงหนัก“อื่ม เชิญท่านพูด!”ฉินอวิ๋นฟานพูดเสียงหนักเหมือนกัน“คือมู่หรงฟู่สุ่ย เขาเป็นตระกูลสาขาของตระกูลมู่หรงเรา ข้าเห็นเขาเป็นคนซื่อและซื่อสัตย์มาก ติดตามข้ามายี่สิบกว่าปีก็เลยเชื่อใจเขามาก นี่จึงยกโรงเก็บเหล้าที่เป็นงานสำคัญอย่างนี้ให้”มู่หรงซื่อควานโมโหโทโสจนหนวดปลิวว่อน “คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ เขากลับทรยศข้า? กล้าวางยาลงในเหล้า นี่จะให้ข้าตายหรือยังไง! คิดไม่ถึงจริง ๆ เขากลับเป็นคนชั่วช้าเจ้าเล่ห์ประเภทนี้!”ที่พวกเขาตระกูลมู่หรงยังคงยืนหยัดอยู่ได้มีสาเหตุหลักมาจากความสามัคคีและซื่อสัตย์ ไม่นึกว่าจะมีคนทรยศอยู่ใต้ตาถ้าไม่ใช่เพราะลูกเขยประมาณการล่วงหน้า จัดวางเอาไว้ก่อน บาปน้ำท่วมปากนี้คงต้องตกอยู่กับพวกเขาแน่แล้ว กระทั่งว่าอาจทำให้พวกเขาสูญสิ้นทุกอย่าง กลับไปสู่จุดเริ่มต้นในพริบตา“ท่านทำถูกแล้วที่ไม่กระโตกกระตากและมาบอกเรื่องนี้กับข้าทันที”ฉินอวิ๋นฟานพูดอย่างจริงจัง “ในเมื่อเขากล้าวางยาในเหล้า เบื้องหลังต้องมีคนบงการแน่ คนที่ข้าล่
เย่ซื่อกวานรู้ดีว่าตระกูลเริ่นคือตัวตนเช่นไร ที่เขาไม่กล้าต่อต้านก็เพราะตระกูลเริ่นมีอำนาจล้ำเหลือ เพื่อจะได้อยู่รอดในช่องว่างแคบ ๆ ตรงกลาง เขาได้แต่ทำงานอย่างระมัดระวัง กระนั้นก็ยังถูกเล่นงานอยู่ดีอัดอั้นมาสองปีเต็ม ๆ ฉินอวิ๋นฟานลงมือเด็ดขาด ขจัดหนามพิษนี้ให้เขา ยามนี้เขายกฉินอวิ๋นฟานขึ้นเป็นตัวตนเช่นวิญญาณเทพในใจนานแล้ว“ลุกขึ้นมาเถอะ เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ เริ่นซวี่ชั่วช้าสามานย์ ไม่ว่าเขาจะรังแกใคร ข้าก็จะยื่นมือโดยไม่ลังเลเหมือนกัน”ฉินอวิ๋นฟานพูดพลางสำรวจเย่ซื่อกวาน บุคคลที่สามารถทำให้เสิ่นวั่นซานชื่นชมได้ไม่หยุดปากย่อมเป็นคนที่มีคุณลักษณะดี หนำซ้ำเสิ่นวั่นซานยังเป็นคนมองการณ์ไกลสายตาเฉียบคม“รีบลุกขึ้นมาเถอะ!”เสิ่นวั่นซานรีบเตือนอยู่ด้านข้างเย่ซื่อกวานปาดน้ำตา “ถ้าไม่ใช่เพราะรัชทายาทยื่นมือมา พวกเราก็คงต้องอยู่ในห้วงแห่งความทรมานเหมือนเดิม และองค์ชายใหญ่ก็คงไม่ไปเยี่ยมเยือนด้วยตัวเอง มอบของขวัญขอโทษสารพัด แถมยังรับประกันให้คำมั่นต่าง ๆ นานาอีก”“เจ้าว่าอะไรนะ? พี่ใหญ่ข้าไปเยี่ยมเจ้าที่บ้าน?”ฉินอวิ๋นฟานใบหน้าตกตะลึง ผุดลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ เขารู้นิสัยของพี่ใหญ่ฉินอ
หลังจากพิจารณาครู่หนึ่ง ฉินอวิ๋นฟานยังคงคิดจุดสำคัญไม่ออก ตอนนี้ที่ทำได้เพียงหนึ่งเดียวก็คือสังเกตอย่างละเอียด พยายามอย่าให้เกิดช่องโหว่อย่างสุดความสามารถฉินอวิ๋นฟานสนทนากับเสิ่นวั่นซานอีกพักหนึ่ง สุดท้ายจึงตั้งสำนักงานใหญ่เหิงไท่และศูนย์เครือข่ายอยู่ที่ข้างโรงแรมห้าดาวต้าเฉียนเพื่อเตรียมรับสมัครผู้ร่วมพันธมิตรในลำดับต่อไป หลังจากปรึกษาหารือทุกเรื่องแล้วก็ใกล้เที่ยงพอดี ฉินอวิ๋นฟานบิดขี้เกียจ มองไปทางลานกว้างอีกครั้งเวลานี้องค์ชายใหญ่ยุ่งงวดอยู่ที่กลางลานกว้างตลอดเช้า การตั้งค่าตัวละครต่าง ๆ เอย การรับประกันเอย การขอโทษขอโพยสารพัดสารเพเอย ต่อต้านทุจริตสนับสนุนความโปร่งใสอะไรเอยในสายตาของฉินอวิ๋นฟาน สิ่งเหล่านี้เป็นแค่ความฉาบฉวยเท่านั้นที่ฉินอวิ๋นคังทำอย่างนี้ก็เพื่อกอบกู้ภาพลักษณ์ที่เสียไปของตัวเองกลับคืนมา ความฉ้อฉลของต้าเฉียนหยั่งรากฝังลึก ถึงขั้นที่หมดทางเยียวยานานแล้วความจริงนี่ก็เป็นแค่ลูกไม้ในการปกครองของผู้ปกครองระดับสูงสุดเท่านั้น ขอเพียงทุกคนมีมลทิน ต่างยุ่งเกี่ยวกับการทุจริต เมื่อนั้นถึงจะใช้อำนาจในมือควบคุมขุนนางพวกนี้ให้พวกเขาเชื่อฟังแต่โดยดีได้และเพราะว่ามีการป
ภายใต้การเร่งเร้าของฉินอวิ๋นคัง ชาวบ้านทั้งหลายจึงสลายตัวไป“ท่านกุนซือ แผนนี้เด็ดมาก! พูดแค่ไม่กี่คำก็หลอกไอ้ตาสีตาสาพวกนี้จนตาโตเป็นแถว อย่างกับฝูงคนโง่แน่ะ จะหลอกง่ายไปแล้วกระมัง?”ฉินอวิ๋นคังพูดด้วยความดีใจลิงโลด“องค์ชายใหญ่ ท่านรู้ก็พอ คำพูดนี้อย่าได้พูดในที่สาธารณะเชียว มิเช่นนั้นจะเป็นผลเสียต่อท่านมาก”บัณฑิตหน้าใสของตัวฉินอวิ๋นคังพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ“ได้ ๆ ๆ ข้าจะระวังกิริยาคำพูดตัวเองให้มาก”นาทีนี้อย่าให้พูดเลยว่าอารมณ์ขององค์ชายใหญ่ชื่นมื่นขนาดไหน รู้สึกว่าทุกอย่างดำเนินไปตามแผนสมบูรณ์แบบ เขาเปล่งเสียงดัง “เสี่ยวเอ้อร์ เอาเหล้ามา! ต้องเป็นเหล้าใหม่ของวันนี้นะ!”“ขอรับ!”เสี่ยวเอ้อร์ไหนเลยจะรู้ว่ามีลับลมคมในอะไรแฝงอยู่ในนั้น หอบหิ้วเหล้าใหม่มาไหหนึ่ง และทั้งหมดนี้เข้าถึงหูฉินอวิ๋นฟานที่อยู่ชั้นบน“จะต้องเอาเหล้าใหม่วันนี้ด้วย? เฮอะ ฝีมือของพี่ใหญ่จริงด้วย!”ฉินอวิ๋นฟานเหยียดยิ้มตรงมุมปาก ฉายยิ้มเจ้าเล่ห์ “พี่ใหญ่ ท่านไร้ความเมตตาก็อย่าโทษว่าข้าไร้คุณธรรม! ข้าไม่เพียงจะให้ท่านตามต้องการ ยังจะให้เป็นสองเท่าด้วย!”องค์ชายใหญ่อารมณ์ชื่นบาน สั่งอาหารสิบกว่าจานรวดเดีย
ฉินอวิ๋นฟานที่อยู่ชั้นบนเห็นภาพนี้ทั้งหมด เขาพึมพำ “พี่ใหญ่ ข้าจะดูสิว่าท่านจะทนไปได้สักกี่น้ำ? วิ่งไปส้วมตอนนี้ยังทันนะ ขืนรอต่อไป...”พอนึกถึงตรงนี้ฉินอวิ๋นฟานก็อดขนลุกซู่ไม่ได้ การที่ลูกผู้ชายทั้งแท่งคนหนึ่งจะราดใส่กางเกงต่อหน้าธารกำนัล นี่จะเป็นภาพที่อุจาดตาแค่ไหน...แค่คิดก็ขนลุกไปทั้งตัวแล้ว!“เสี่ยวเอ้อร์!!!”ตอนนี้เอง องค์ชายใหญ่ตะคอกขึ้น เสียงนี้ดังไปทั่วทั้งห้องโถงเลยทีเดียว เสี่ยวเอ้อร์ไม่กล้าชักช้าสักนิด วิ่งจู๊ดมาอยู่ตรงหน้าฉินอวิ๋นคังอย่างเร็วรี่“อะ องค์ชายใหญ่ ทะ ท่านมีอะไรจะสั่งหรือขอรับ?”เสี่ยวเอ้อร์พูดแบบกลัว ๆ“มีอะไรจะสั่ง? หละ เหล้าเจ้ามีปัญหา รีบตามเถ้าแก่พวกเจ้ามาเดี๋ยวนี้!”องค์ชายใหญ่อดทนกับท้องที่ปวดมากขึ้นทุกที ตวาดด้วยความโกรธ เขาใช้มือกุมท้องเอาไว้ตลอด หน้าซีดเผือด ส่วนอีกสามคนที่เหลือเมื่อเทียบกับฉินอวิ๋นคังแล้วก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไร“หา? เหล้ามีปัญหา? ข้า ข้าน้อยจะไปตามเถ้าแก่เรามาเดี๋ยวนี้แหละขอรับ!”เสี่ยวเอ้อร์เคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้ที่ไหน ถูกฉินอวิ๋นคังตวาดใส่ทีขวัญเตลิดเปิดเปิงไปหมดแล้ว จึงรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบน และภาพเหตุการณ์นี้ ฉินอ
“ไอ้หยา นี่จะทำยังไงดีล่ะ?!”ตอนนี้มู่หรงจิ่นก็ตกใจและกระวนกระวายเหมือนกัน ทั้งภัตตาคารต้าเฉียนมีสายตานับไม่ถ้วนกำลังจับจ้องอยู่ นางจึงรีบพูด “องค์ชายใหญ่ ท่านว่าเช่นนี้ดีหรือไม่? ข้าจะตามหมอมาให้ท่านก่อน แล้วค่อยจัดการเรื่องนี้ เป็นอย่างไร?”“ฮึ! ไม่ได้! น้องเจ็ดเจ้าเล่ห์นัก เจ้าอย่าคิดใช้แผนถ่วงเวลาข้าเลย อีกเดี๋ยวพวกเจ้าก็คงไม่รับผิดชอบแล้ว เจ้าต้องให้คำอธิบายกับข้าวันนี้! เดี๋ยวนี้!”องค์ชายใหญ่ยังคงไม่ตระหนักถึงความร้ายแรงของผลลัพธ์ นึกว่าเป็นแค่ยาระบายอ่อน ๆ ในเหล้าเท่านั้น กลับไม่รู้ว่าเหล้ามันไม่ได้มีปัญหาเลย แต่ปัญหาอยู่ที่บรรดาอาหารที่เขากินซึ่งถูกฉินอวิ๋นฟานใส่สลอดไปเป็นกระบุงต่างหาก!“คำอธิบาย เอ่อ...”ตอนนี้มู่หรงจิ่นไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีแล้ว ก็ตอนที่นางกำลังจะไปตามบิดาและฉินอวิ๋นฟานมาจัดการปัญหา จู่ ๆ ก็มีเสียงฉินอวิ๋นฟานดังขึ้นจากชั้นสอง“พี่ใหญ่ นี่ท่านเป็นอะไรไปหรือ? เมื่อวานกินผิดท้องเสียหรือยังไง?”ฉินอวิ๋นฟานเห็นฉินอวิ๋นคังกุมท้อง ปวดจนเหงื่อซก ท้องร้องโครกคราก ใบหน้าเหยเก เขาจึงรีบสาวเท้ามาหา ทำท่าทำทางเหมือนเป็นห่วงเป็นใยฉินอวิ๋นคังในตอนนี้ควันออกหูจนอย
“เอ่อ... แต่เพียงแต่ข้าที่กังวลเช่นนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมีความกังวลนี้เหมือนกันกระมัง? อย่างไรเสีย ของอย่างบัญชีก็สามารถปลอมแปลงได้”เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดตามตรง ฉินอวิ๋นฮุยจึงไม่อ้ำอึ้งอีก การยกเรื่องไม่ดีมาพูดแต่แรกมิใช่เรื่องน่าอายอันใด เพราะมันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเขา เขาไม่อยากถูกฉินอวิ๋นฟานหลอก!“ฮ่า ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานลั่นเสียงหัวเราะทันที “พี่รองทำงานรอบคอบดังคาด น้องเจ็ดเลื่อมใส แต่ท่านคิดมากไปแล้ว ถ้าต้องดูแลเมืองการค้าสามเมือง คนของข้าไม่มีทางพอ ถ้าพวกท่านไม่ส่งคนมาช่วยงาน ข้าคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”“อ้อ? น้องเจ็ดพูดจริงรึ?!”เมื่อนั้นหัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของฉินอวิ๋นฮุยจึงสงบลง หากเขาสามารถให้คนเข้าร่วมอยู่ในเมืองการค้าทั้งสามเมืองได้ เช่นนั้นเขาจะวางใจได้แล้ว เพราะจะรับประกันผลประโยชน์ของเขาได้ทั้งหมด!“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านวางใจได้เลย ระหว่างพวกเราพี่น้องแม้เป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้านเมือง พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง มีเพียงเช่นนี้ต้าเฉียนเราจึงจะเฟื่องฟูได้นิรันดร์”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในเรื่องการค้า เครือเหิงไท่จะรับผิดชอบกิจการหลักท
ฉินอวิ๋นฟานกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อให้ใครกล้ามีความคิดส่วนตัวก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกเราต้องร่วมกันทำงาน หากไม่อยากเสียเมืองไป ไม่อยากตาย ทหารทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เป็นหนึ่งเดียวสู้กับภายนอก”“ดี ดีมาก ความคิดนี้ไม่เลว!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ไท่ซั่งหวงรู้อยู่แล้วว่าฉินอวิ๋นฟานต้องทุ่มเทเพื่อแผนการนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีทางคิดแผนการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้“อื่ม ไม่เลว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ได้ดีใจกับแผนการสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของฉินอวิ๋นฟาน เพราะแม้เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองจริง หากไร้ประโยชน์อันใดต่อพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขายังจะกลายเป็นคนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้งานอีกด้วยพวกเขาส่งทหารรักษาเมือง ฉินอวิ๋นฟานกอบโกยกำไรอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วฉินอวิ๋นฮุยก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือโดยแท้!ทว่าไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?ฉินอวิ๋นฟานรู้ความคิดของพวกเขาดี อีกอย่าง ถ้าครองผลงานเองในเวลานี้จะเป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเอามาก ๆ ฉินอวิ๋นฟานไม่ทำเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้หรอก!โบราณกล่าว ตบหน้าฉาดหนึ่งต้องให้พุทราหวานหนึ่งลูก อีกฝ่ายส่งทหารม
ขณะนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ ถ้อยคำชวนให้คนมีจิตใจฮึกเหิมของฉินอวิ๋นฟานวนเวียนอยู่ในหัวของ แม้ไท่ซั่งหวงเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน!รัชทายาทวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่ง ช่างเป็นชายชาตินักรบเลือดร้อนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน หากคนเช่นนี้เป็นจักรพรรดิ ไยต้องกลัวอนาคตต้าเฉียนจะไม่ศิวิไลซ์?“เกี่ยวกับการสร้างเมืองการค้าสี่แห่งในสี่ทิศของต้าเฉียน ทุกคนคัดค้านอย่างหนัก ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนมาก แต่ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ ข้าก็ต้องยอมรับเสียงและความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนว่ามาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน มีแต่ต้องทำให้ทำคนยอมรับเรื่องนี้จากใจจริง เขาจึงจะยึดสิทธิ์ความเป็นผู้นำได้ มิเช่นนั้นต่อให้ใช้กำลังผลักดันเรื่องนี้ คนเหล่านี้ต้องเล่นตุกติกลับหลังเขาแน่ เช่นนี้มีแต่จะทำให้รำคาญดังนั้นฉินอวิ๋นฟานเตรียมตัวกับการคัดค้านและความคิดของทุกคนแต่แรกแล้ว ต้องการแค่โอกาสประจวบเหมาะหนึ่ง เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคอิจฉาตาร้อนมีมากเหลือเกิน มีแต่ต้องคิดหาทางหยดยาดวงตาให้พวกเขาสักหน่อย จึงจะขจัดต้นตอของปัญหาได้ “นี่...”ผู้คนมากมายแน่นขนัดพูดไม่ออกสักคำ เพราะต่างมีความกังวลอยู่ในใจ ฉ
นาทีนี้ถังเจิ้นไห่ถูกโจมตีทำร้ายทางจิตใจอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานปากคอเราะรายน่ากลัวจริง ๆ การโจมตีของเขารวดเร็วนัก เขาต้านทานไม่ไหวเลยเขาจนปัญญากับการโจมตีของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ได้แต่ใช้สถานะข่มขู่ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะหยุดโจมตีเขาน่าเสียดาย แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร และไม่เคยเป็นพวกยอมเสียเปรียบ หากมีคนโจมตีเขา ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!ต้องถล่มอีกฝ่ายจนแพ้ราบคาบ นี่สิจึงจะเป็นเป้าหมายความเป็นคนของเขา และถังเจิ้นไห่ก็แตะเขตต้องห้ามของเขาพอดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่ไว้หน้าเขา!ครั้นพวกฉินอวิ๋นฮุยเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พากันมอบสายตาเห็นใจให้ถังเจิ้นไห่ พวกเขาเคยได้รับการสั่งสอนด้วยหมัดหนักจากฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย หากหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!ไท่ซั่งหวงและจางเต้าหลินฉายรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานจะหยาบคายไม่รื่นหูไปบ้าง แต่สะใจยิ่งนัก! นักวางแผนร้ายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดกลับจนต้องสงสัยในชีวิต เด็ดสะระตี่แท้!“เกินไป? ตอนนี้ท่านรู้ว่าเกินไป? ตอนที่ท่านสาดน้ำคลำใส่
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน
“ได้!”ถังเจิ้นไห่พูดหน้าขรึม “ประการที่สองของความผิดร้ายแรงสามประการ รัชทายาทร่วมกันสร้างถนนกับแคว้นต่าง ๆ เรื่องนี้อึกทึกครึกโครมไปทั่ว ทันทีที่สร้างถนนที่กว้างยิ่งขึ้น การคมนาคมจะสะดวก คืออยากให้แคว้นรอบข้างรุกรานต้าเฉียนเราสะดวกยิ่งขึ้นหรือ? การกระทำเช่นนี้มิใช่แผนการล่มชาติแล้วมันคืออะไร?!”ซี้ด...เมื่อทุกคนได้ฟังต่างสูดลมเย็นเข้าปาก เกิดความสงสัยอย่างหนักกับจุดประสงค์ของฉินอวิ๋นฟาน ด้านหนึ่งมอบธัญพืช ด้านหนึ่งสร้างถนนกับทุกแคว้น จุดประสงค์จะชัดเจนเกินไปแล้วกระมัง?“ต่อ ประการที่สามเล่า!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มเรียบ เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะไปไกลขนาดไหน ช่างเป็นคนที่มีขอบเขตความรู้ความเข้าใจและวิสัยทัศน์โดยแท้ การกำหนดอนาคตของบ้านเมือง เป็นเช่นนี้ดังคาดหากให้พวกเฮ่อชินอ๋องเรืองอำนาจจริง ต้าเฉียนมิต้องจบเห่หรือ? ให้สวะพวกนี้ดูแลบ้านเมือง บ้านเมืองนั้นยังจะมีความหวังอะไร?พวกเขานอกจากจะมีความชั่วร้ายอยู่เต็มอก มีความคิดดำมืดอยู่เต็มสมอง ยังจะทำอันใดได้อีก?“หึ!”ถังเจิ้นไห่แค่นเสียงแล้วจึงเอ่ย “ประการที่สาม รัชทายาทร่วมมือกับแคว้นต่าง ๆ กีดกันต้าเยียน สังหารบุตรชายคนที่สี่ข
“อ้อ? ความผิดร้ายแรงสามประการของฟานเอ๋อร์? ไหนลองว่ามาดูสิ!”ไท่ซั่งหวงตั้งสมาธิ นึกสนใจขึ้นมาทันที อย่างลับ ๆ เขาให้ความสนใจกับพฤติกรรมของฟานเอ๋อร์มาก ไม่เคยได้ยินความผิดร้ายแรงสามประการอันใด เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะพูดอะไรความผิดร้ายแรงสามประการเสมือนระเบิดลูกใหญ่ ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมา ยามนี้สายตาของทุกคนในที่นั้นต่างรวมศูนย์อยู่ที่ตัวของถังเจิ้นไห่“ประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการ ได้ยินว่ารัชทายาททำเมล็ดพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ขึ้นมา สามารถให้ผลผลิตสูงมาก เดิมนี่คือโอกาสดีที่สุดที่ต้าเฉียนเราจะแจ้งเกิด คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทกลับมอบเมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูงให้กับแคว้นต่าง ๆ รอบข้าง ช่วยให้พวกเขามั่งคั่งมากขึ้น”ถังเจิ้นไห่กล่าวเสียงหนัก “ขอถามทุกท่านในที่นี้ พฤติกรรมเช่นนี้ของรัชทายาทคือกำลังช่วยเหลือศัตรูน่ากลัวของเราหรือไม่? พฤติกรรมเช่นนี้ของเขา คือการขายชาติหรือไม่?!”ตูม...ครั้นถังเจิ้นไห่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา บรรดาขุนนางต่างอึกทึกครึกโครม คนทั้งโลกต่างรู้เรื่องที่เมืองจัวเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์แทบทุกคน และเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานลงนามสัญญากับแคว้นต่าง ๆ ก็รู
“อื่ม! ดี!”ไท่ซั่งหวงเอ่ยเสียงหนัก “เช่นนั้นข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการ แต่งตั้งหวังอันสือเป็นหัวหน้าสำนักศึกษาหลวง เจี่ยงฝานฝานเป็นรองหัวหน้า การรับตำแหน่งนี้มีผลอย่างเป็นทางการ หัวหน้าขันทีเฉา ร่างราชโองการเดี๋ยวนี้ ประกาศต่อใต้หล้า!”เมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลง ใจที่กระวนกระวายของฉินอวิ๋นฟานก็สงบ เขามองจางเต้าหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง!ทว่าคนอื่น ๆ กลับมีความรู้สึกที่แปลกออกไป หลังจากหวังอันสือได้ขึ้นตำแหน่ง ทำให้พวกเขาตระหนักว่าสถานการณ์ในราชสำนักกำลังหลุดจากการควบคุมอย่างช้า ๆ ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะครองราชสำนัก“เอาละ เรื่องสำนักศึกษาหลวงก็สิ้นสุดแล้ว แต่จะละเลยผลงานการไปเมืองอู่โจวของฟานเอ๋อร์ครั้งนี้ไม่ได้”ไท่ซั่งหวงกล่าวเสียงเข้ม “ฟานเอ๋อร์ไม่เพียงแต่ทำคำสัญญาเมื่อครึ่งปีก่อนสำเร็จ ยิ่งทำให้เศรษฐกิจต้าเฉียนเราพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ท้องพระคลังเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ พสกนิกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกคนต่างเห็นความยอดเยี่ยมของฟานเอ๋อร์”“ฟานเอ๋อร์ ว่ามาเถอะ เจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัล? ขอเพียงสมเหตุสมผล ข้าจะให้เจ้าดังปรารถนา!”ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกดีใจมากที่
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว