“กลัว? ถ้ากลัวก็ไม่มาหาเจ้าแล้ว!”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยใบหน้าที่มั่นใจ “แต่ไหนมาข้าใช้คนไม่สงสัย สงสัยคนไม่ใช้ หนึ่งหนไม่ซื่อสัตย์ ทั้งชาติไม่ใช้! เจ้าหอเป็นคนฉลาด ข้าเชื่อว่าเจ้าน่าจะรู้ว่าจะเลือกยังไง”“ใช้คนไม่สงสัย สงสัยคนไม่ใช้ ดี! ข้าหวงต้าหยวนชื่นชอบนิสัยของรัชทายาทนัก หวังว่าต่อไปเราจะร่วมมือกันอย่างราบรื่น!”หวงต้าหยวนเชื่อมั่นและรู้สึกดีต่อฉินอวิ๋นฟานในแบบที่อธิบายไม่ได้ประมาณหนึ่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นางนึกว่าฉินอวิ๋นฟานจะอธิบายหรือสงสัยกับคำถามของนาง ไม่นึกว่าเขาจะตอบได้เฉียบขาดเช่นนี้ ท่าทีชัดเจนไม่เยิ่นเย้อนางก็ไม่ยึกยักแล้ว เอ่ยปากโดยตรง “เพื่อตอบแทนรัชทายาทที่นำพาพวกเราหอวั่งเจียงให้มั่งคั่ง ข้าจะมอบของขวัญชิ้นโตให้ท่านด้วยแล้วกัน!”“แต่ก่อนจะมอบของขวัญชิ้นนี้ มิสู้ให้ข้าทายเรื่องที่สี่ของรัชทายาทก่อน!”โบราณกล่าว เมื่อมีสายใยลึกซึ้ง ทุกอย่างก็จะเป็นไปตามธรรมชาติ ฉินอวิ๋นฟานกับหวงต้าหยวนต่างเป็นคนฉลาด ทั้งยังให้ถนอมกัน หลังจากร่วมมือกันหลายครั้งรู้สึกเชื่อถืออีกฝ่ายอย่างบอกไม่ถูกแล้วหวงต้าหยวนไม่เกรงใจฉินอวิ๋นฟานอีก ตัดสินใจว่าจะแสดงฝีมือของตัวเองต่อหน้าฉินอวิ๋นฟาน
“เหอะ ๆ ขอบคุณรัชทายาทที่ชม ของขวัญชิ้นนี้ของข้า ท่านพอใจหรือไม่?”หวงต้าหยวนยิ้มทรงเสน่ห์ แววตาลวงวิญญาณนั้นทำให้ฉินอวิ๋นฟานอดสะท้านไม่ได้ ช่างเป็นผู้หญิงสมบูรณ์แบบไร้ที่ติจริงแท้ ไม่เพียงแต่มีท่วงทำนองเต็มวัย เรือนร่างนูนเว้างดงาม ยิ่งเฉลียวฉลาดมีไหวพริบมิน่านางถึงได้ผยองเย็นชาเช่นนี้ นางมีต้นทุนนี้จริง ๆ คนทั่วไปไม่คู่ควรกับนาง!“จุดประสงค์ที่สี่คืออยากขอให้เจ้าช่วยรวบรวมข้อมูลของอู่โจวจริง ๆ เตรียมตัวรับมอบอู่โจวในอีกสามเดือนให้หลัง”ฉินอวิ๋นฟานกล่าวจริงจัง “เจ้าก็รู้ ที่ตั้งของอู่โจวมีชัยภูมิสำคัญนัก เชื่อมต่อกับห้าแคว้น ถ้าอยากเปิดช่องทางการค้ากับทั้งโลก จะต้องเอาอู่โจวกลับคืนมาให้ได้”“ด้วยนิสัยเสียของพวกคนต้าเยียน พวกเขาไม่มีทางคืนอู่โจวให้ข้าง่าย ๆ แน่นอน ดังนั้นข้าหวังจะเอาอู่โจวกลับมาในแบบที่พยายามลดความสูญเสียให้น้อยที่สุด”ในตอนที่เมืองจัวประสบกับอุทกภัย เขาก็เตรียมแผนแก้ไขเบื้องต้นแล้ว นั่นก็คือใช้เมืองจัวเป็นศูนย์กลาง เอาอู่โจวกลับคืนมา เปิดช่องทางการค้ารอบด้าน สร้างกองทัพสมัยใหม่ลึกลับหลายกอง และใช้มันในการครองโลก!สำหรับการต่อสู้ในราชสำนัก ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน
“ผู้หญิงคนนั้น?”อู่จ้านไม่มีภาพความทรงจำใด ๆ มีแต่ฉินอวิ๋นฟานที่เห็นแวบหนึ่งในช่วงใกล้จะหมดสติสำคัญที่สุด ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงลึกลับคนนั้น พวกเขาคงต้องไปยมโลกและ!“ใช่สิ ไม่รู้ว่าชาตินี้ยังมีโอกาสได้พบนางอีกไหม?”ฉินอวิ๋นฟานเป็นคนให้ความสำคัญกับมิตรภาพและคุณธรรมเสมอมา บุญคุณช่วยชีวิตยิ่งใหญ่กว่าฟ้า แต่ขณะนั้นเขาอยู่ในภาวะหมดสติ ทั้งยังเป็นเวลากลางคืนมองเห็นไม่ชัด หนึ่งเดียวที่เป็นภาพจำตราตรึงก็คือเสียงหวานเสนาะหูลวงวิญญาณนั้นของนางไม่ว่าอย่างไรฉินอวิ๋นฟานก็ต้องพบนางสักครั้งให้ได้ ต้องขอบคุณบุญคุณช่วยชีวิตต่อหน้านาง!“ช่างเถอะ ถ้าอีกฝ่ายไม่อยากพบ ต่อให้พวกเราตามหายังไงก็ไม่มีประโยชน์ ปล่อยให้เป็นไปตามวาสนาเถอะ พวกเรากลับกัน!”ทีแรกฉินอวิ๋นฟานอยากไปขอบคุณจางเต้าหลินที่จวนไท่เว่ยสักหน่อย แต่คิดแล้วก็ช่างเถอะ จึงกลับตำหนักรัชทายาทด้วยจิตใจหดหู่เล็กน้อย เวลานี้มู่หรงจิ่นกับเสี่ยวจวี๋เข้านอนนานแล้วฉินอวิ๋นฟานลากร่างอันอ่อนล้ามาถึงหน้าเตียง ภายใต้เสียงไฟสลัวลอดผ้าม่านผืนบาง ร่างขาวสะอาดปานหิมะทั้งสองสะท้อนเข้าม่านตาของเขา เส้นโค้งสมบูรณ์แบบนั้น ยอดภูสูงชันนั้นทำให้ฉินอวิ๋นฟานลำคอแห
คืนนี้ต้องให้พวกนางสองพี่น้องรู้ความร้ายกาจของเขาซะบ้าง! คืนนี้จะไม่ปล่อยพวกนางไปแน่!“หัวเราะข้าใช่ไหม อีกเดี๋ยวจะให้พวกเจ้ารู้ว่าอะไรคือความสยองขวัญ!”ฉินอวิ๋นฟานพูดพลางประกบตัวลง มือใหญ่ทรงพลังเริ่มปฏิบัติการ แต่ให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง ดันถูกมู่หรงจิ่นสกัดอีกแล้ว!“วันนี้ไม่ได้จริง ๆ”มู่หรงจิ่นบุ้ยปากน้อย ๆ“เอ๋ ทำไมเล่า?!”ตอนนี้ ฉินอวิ๋นฟานบื้อไปทั้งคน!“เพราะ...ธุระข้ามาแล้ว[1]!” มู่หรงจิ่นส่ายหน้าพูดตอนนี้ฉินอวิ๋นฟานลูกอ๊อดกำลังพุ่งขึ้นสมอง ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น พูดออกมาแบบเอ๋อ ๆ “ธุระมา? ธุระอะไรมา?”“ไอ้หยา ก็ผู้หญิงน่ะ ท่านว่าจะมีธุระอะไรมาได้เล่า”มู่หรงจิ่นขวยเขิน เอามือปิดหน้าที่แดงเป็นปื้นตอนนี้หัวสมองของฉินอวิ๋นฟานดังวิ้ง เฮ้ย! ธุระมา?! คงไม่ใช่ประจำเดือนหรอกใช่ไหม?! แม่เอ๊ย! ทำไมมันบังเอิญอย่างนี้เนี่ย! นี่มันจะฆ่ากันให้ตายชัด ๆ!“เจ้า เจ้าหมายถึง ธุระที่จะมาเดือนละครั้งนั่นนะหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานถามแบบไม่อยากจะเชื่อ“อื้ม!”มู่หรงจิ่นผงกศีรษะด้วยความอายบัดนี้ฉินอวิ๋นฟานบังเกิดความคิดอยากไปเกิดใหม่แล้ว อยู่กับมู่หรงจิ่นมาเกือบเดือน ดูเหมือนว่า
สัมผัสได้ถึงผิวนุ่มนิ่มและกลิ่นกายหอมละมุนของมู่หรงจิ่น หัวใจฉินอวิ๋นฟานวาบหวาม เห็นอยู่หลัด ๆ กลับกินไม่ได้! ฉินอวิ๋นฟานชักจะทนไม่ไหวแล้ว!เขาหัวเราะด้วยความขมขื่น “ข้าจะไปต้มของดีให้พวกเจ้าดื่มสักหน่อยแล้วกัน”“ต้มของดีดื่ม? รัชทายาทยังจะต้มของอร่อยอื่นเป็นอีกหรือเจ้าคะ?”เสี่ยวจวี๋มองเงาหลังที่จากไปของฉินอวิ๋นฟาน ถามด้วยใบหน้าฉงนฉงาย“ใครจะรู้เล่า เขากล้าต้ม เราก็กล้าดื่ม หึ ๆ!”ความสุขล้นทะลักออกมาจากใบหน้าของมู่หรงจิ่น นี่คือโลกที่ชายสูงหญิงต่ำ ผู้หญิงไม่มีฐานะอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับฉินอวิ๋นฟานซึ่งเป็นรัชทายาทมีตำแหน่งและอำนาจสูงส่ง ผู้หญิงเป็นเพียงอาภรณ์ เรียกให้มาก็มา เรียกให้ไปก็ไปไม่นึกว่าหลังจากฉินอวิ๋นฟานคืนสติปัญญาแล้วกลับไม่ได้ทำเช่นนั้น เขาราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน อนาทรห่วงหานางนักหนา ทั้งยังให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของนาง เอาใจเก่ง อ่อนโยน ไม่วางมาดสักนิดชีวิตหวานชื่นเช่นนี้คือแบบชีวิตที่นางเฝ้าฝันมาตลอด ไม่นึกว่าจะเป็นจริงได้ ถึงฉินอวิ๋นฟานจะตัณหาจัดไปหน่อย นางก็ไม่ใส่ใจ เพราะฉินอวิ๋นฟานคือรัชทายาท การจะมีสามภรรยาสี่อนุภรรยาคือเรื่องปกติขอเพียงฉ
“เสี่ยวจวี๋ เอาถ้วยมาให้ข้าสิ วันนี้ข้าจะปรนนิบัติพวกเจ้าพี่น้องเอง!”ฉินอวิ๋นฟานรับถ้วยมาจากเสี่ยวจวี๋ จากนั้นก็วิ่งดุ๊กดิ๊กไปตักน้ำแกงที่ห้องครัวด้านข้างยามนี้ความตื้นตันใจของสองนางล้นทะลักออกมาแล้ว กรอบตาแดงระเรื่องอย่างควบคุมไม่อยู่ หยดน้ำตากลิ้งอยู่ในนั้นไม่หยุด แม้ตัวจะอยู่ในรั้ววัง หากพวกนางไม่รู้สึกถึงความกดดันเรื่องชนชั้นวรรณะ มีแต่ความหวานชื่นเมื่อนึกถึงรูปแบบที่พวกนางเคยทำต่อฉินอวิ๋นฟานแล้วก็รู้สึกผิดนัก“พี่จิ่นเอ๋อร์ รัชทายาทดีกับพวกเราจริง ๆ”เสี่ยวจวี๋พูดเสียงสะอื้นเล็กน้อย“นั่นสิ ก่อนหน้านี้พวกเราอยู่ท่ามกลางความสุขกลับไม่รู้ความสุข ตอนนั้นพวกเราทำกับเขาอย่างนั้น เขากลับไม่ถือสาสักนิด ดีกับพวกเราพี่น้องจริง ๆ”มู่หรงจิ่นพูดด้วยใบหน้าขื่นขมกลับไม่รู้ว่าฉินอวิ๋นฟานในตอนนี้ไม่ใช่ฉินอวิ๋นฟานผู้โง่งมในอดีตคนนั้นตั้งนานแล้ว แต่เป็นทหารหน่วยรบพิเศษขั้นสุดยอดที่มีดวงวิญญาณยุคปัจจุบัน และถึงจะเป็นยุคปัจจุบัน เขาก็คือตัวตนที่พิลึกกึกกือสุดขั้วเหมือนกัน!สองนางดื่มคนละถ้วนใหญ่แล้วจึงจะอิ่มเอม และตอนนี้เอง มู่หรงจิ่นยิ้มพราวเสน่ห์พูดขึ้น “พี่อวิ๋นฟาน ท่านเหนื่อยมาทั้งค
“ก็เพราะรู้ว่าใครทำ ข้าถึงไม่กล้ากระโตกกระตาก สถานการณ์พิเศษ คิดแล้วก็ว่ามาหารือกับเจ้าก่อนค่อยตัดสินใจทีหลังจะเหมาะสมกว่า”มู่หรงซื่อควานพูดเสียงหนัก“อื่ม เชิญท่านพูด!”ฉินอวิ๋นฟานพูดเสียงหนักเหมือนกัน“คือมู่หรงฟู่สุ่ย เขาเป็นตระกูลสาขาของตระกูลมู่หรงเรา ข้าเห็นเขาเป็นคนซื่อและซื่อสัตย์มาก ติดตามข้ามายี่สิบกว่าปีก็เลยเชื่อใจเขามาก นี่จึงยกโรงเก็บเหล้าที่เป็นงานสำคัญอย่างนี้ให้”มู่หรงซื่อควานโมโหโทโสจนหนวดปลิวว่อน “คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ เขากลับทรยศข้า? กล้าวางยาลงในเหล้า นี่จะให้ข้าตายหรือยังไง! คิดไม่ถึงจริง ๆ เขากลับเป็นคนชั่วช้าเจ้าเล่ห์ประเภทนี้!”ที่พวกเขาตระกูลมู่หรงยังคงยืนหยัดอยู่ได้มีสาเหตุหลักมาจากความสามัคคีและซื่อสัตย์ ไม่นึกว่าจะมีคนทรยศอยู่ใต้ตาถ้าไม่ใช่เพราะลูกเขยประมาณการล่วงหน้า จัดวางเอาไว้ก่อน บาปน้ำท่วมปากนี้คงต้องตกอยู่กับพวกเขาแน่แล้ว กระทั่งว่าอาจทำให้พวกเขาสูญสิ้นทุกอย่าง กลับไปสู่จุดเริ่มต้นในพริบตา“ท่านทำถูกแล้วที่ไม่กระโตกกระตากและมาบอกเรื่องนี้กับข้าทันที”ฉินอวิ๋นฟานพูดอย่างจริงจัง “ในเมื่อเขากล้าวางยาในเหล้า เบื้องหลังต้องมีคนบงการแน่ คนที่ข้าล่
เย่ซื่อกวานรู้ดีว่าตระกูลเริ่นคือตัวตนเช่นไร ที่เขาไม่กล้าต่อต้านก็เพราะตระกูลเริ่นมีอำนาจล้ำเหลือ เพื่อจะได้อยู่รอดในช่องว่างแคบ ๆ ตรงกลาง เขาได้แต่ทำงานอย่างระมัดระวัง กระนั้นก็ยังถูกเล่นงานอยู่ดีอัดอั้นมาสองปีเต็ม ๆ ฉินอวิ๋นฟานลงมือเด็ดขาด ขจัดหนามพิษนี้ให้เขา ยามนี้เขายกฉินอวิ๋นฟานขึ้นเป็นตัวตนเช่นวิญญาณเทพในใจนานแล้ว“ลุกขึ้นมาเถอะ เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ เริ่นซวี่ชั่วช้าสามานย์ ไม่ว่าเขาจะรังแกใคร ข้าก็จะยื่นมือโดยไม่ลังเลเหมือนกัน”ฉินอวิ๋นฟานพูดพลางสำรวจเย่ซื่อกวาน บุคคลที่สามารถทำให้เสิ่นวั่นซานชื่นชมได้ไม่หยุดปากย่อมเป็นคนที่มีคุณลักษณะดี หนำซ้ำเสิ่นวั่นซานยังเป็นคนมองการณ์ไกลสายตาเฉียบคม“รีบลุกขึ้นมาเถอะ!”เสิ่นวั่นซานรีบเตือนอยู่ด้านข้างเย่ซื่อกวานปาดน้ำตา “ถ้าไม่ใช่เพราะรัชทายาทยื่นมือมา พวกเราก็คงต้องอยู่ในห้วงแห่งความทรมานเหมือนเดิม และองค์ชายใหญ่ก็คงไม่ไปเยี่ยมเยือนด้วยตัวเอง มอบของขวัญขอโทษสารพัด แถมยังรับประกันให้คำมั่นต่าง ๆ นานาอีก”“เจ้าว่าอะไรนะ? พี่ใหญ่ข้าไปเยี่ยมเจ้าที่บ้าน?”ฉินอวิ๋นฟานใบหน้าตกตะลึง ผุดลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ เขารู้นิสัยของพี่ใหญ่ฉินอ
“เอ่อ... แต่เพียงแต่ข้าที่กังวลเช่นนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมีความกังวลนี้เหมือนกันกระมัง? อย่างไรเสีย ของอย่างบัญชีก็สามารถปลอมแปลงได้”เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดตามตรง ฉินอวิ๋นฮุยจึงไม่อ้ำอึ้งอีก การยกเรื่องไม่ดีมาพูดแต่แรกมิใช่เรื่องน่าอายอันใด เพราะมันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเขา เขาไม่อยากถูกฉินอวิ๋นฟานหลอก!“ฮ่า ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานลั่นเสียงหัวเราะทันที “พี่รองทำงานรอบคอบดังคาด น้องเจ็ดเลื่อมใส แต่ท่านคิดมากไปแล้ว ถ้าต้องดูแลเมืองการค้าสามเมือง คนของข้าไม่มีทางพอ ถ้าพวกท่านไม่ส่งคนมาช่วยงาน ข้าคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”“อ้อ? น้องเจ็ดพูดจริงรึ?!”เมื่อนั้นหัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของฉินอวิ๋นฮุยจึงสงบลง หากเขาสามารถให้คนเข้าร่วมอยู่ในเมืองการค้าทั้งสามเมืองได้ เช่นนั้นเขาจะวางใจได้แล้ว เพราะจะรับประกันผลประโยชน์ของเขาได้ทั้งหมด!“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านวางใจได้เลย ระหว่างพวกเราพี่น้องแม้เป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้านเมือง พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง มีเพียงเช่นนี้ต้าเฉียนเราจึงจะเฟื่องฟูได้นิรันดร์”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในเรื่องการค้า เครือเหิงไท่จะรับผิดชอบกิจการหลักท
ฉินอวิ๋นฟานกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อให้ใครกล้ามีความคิดส่วนตัวก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกเราต้องร่วมกันทำงาน หากไม่อยากเสียเมืองไป ไม่อยากตาย ทหารทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เป็นหนึ่งเดียวสู้กับภายนอก”“ดี ดีมาก ความคิดนี้ไม่เลว!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ไท่ซั่งหวงรู้อยู่แล้วว่าฉินอวิ๋นฟานต้องทุ่มเทเพื่อแผนการนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีทางคิดแผนการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้“อื่ม ไม่เลว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ได้ดีใจกับแผนการสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของฉินอวิ๋นฟาน เพราะแม้เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองจริง หากไร้ประโยชน์อันใดต่อพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขายังจะกลายเป็นคนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้งานอีกด้วยพวกเขาส่งทหารรักษาเมือง ฉินอวิ๋นฟานกอบโกยกำไรอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วฉินอวิ๋นฮุยก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือโดยแท้!ทว่าไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?ฉินอวิ๋นฟานรู้ความคิดของพวกเขาดี อีกอย่าง ถ้าครองผลงานเองในเวลานี้จะเป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเอามาก ๆ ฉินอวิ๋นฟานไม่ทำเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้หรอก!โบราณกล่าว ตบหน้าฉาดหนึ่งต้องให้พุทราหวานหนึ่งลูก อีกฝ่ายส่งทหารม
ขณะนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ ถ้อยคำชวนให้คนมีจิตใจฮึกเหิมของฉินอวิ๋นฟานวนเวียนอยู่ในหัวของ แม้ไท่ซั่งหวงเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน!รัชทายาทวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่ง ช่างเป็นชายชาตินักรบเลือดร้อนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน หากคนเช่นนี้เป็นจักรพรรดิ ไยต้องกลัวอนาคตต้าเฉียนจะไม่ศิวิไลซ์?“เกี่ยวกับการสร้างเมืองการค้าสี่แห่งในสี่ทิศของต้าเฉียน ทุกคนคัดค้านอย่างหนัก ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนมาก แต่ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ ข้าก็ต้องยอมรับเสียงและความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนว่ามาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน มีแต่ต้องทำให้ทำคนยอมรับเรื่องนี้จากใจจริง เขาจึงจะยึดสิทธิ์ความเป็นผู้นำได้ มิเช่นนั้นต่อให้ใช้กำลังผลักดันเรื่องนี้ คนเหล่านี้ต้องเล่นตุกติกลับหลังเขาแน่ เช่นนี้มีแต่จะทำให้รำคาญดังนั้นฉินอวิ๋นฟานเตรียมตัวกับการคัดค้านและความคิดของทุกคนแต่แรกแล้ว ต้องการแค่โอกาสประจวบเหมาะหนึ่ง เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคอิจฉาตาร้อนมีมากเหลือเกิน มีแต่ต้องคิดหาทางหยดยาดวงตาให้พวกเขาสักหน่อย จึงจะขจัดต้นตอของปัญหาได้ “นี่...”ผู้คนมากมายแน่นขนัดพูดไม่ออกสักคำ เพราะต่างมีความกังวลอยู่ในใจ ฉ
นาทีนี้ถังเจิ้นไห่ถูกโจมตีทำร้ายทางจิตใจอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานปากคอเราะรายน่ากลัวจริง ๆ การโจมตีของเขารวดเร็วนัก เขาต้านทานไม่ไหวเลยเขาจนปัญญากับการโจมตีของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ได้แต่ใช้สถานะข่มขู่ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะหยุดโจมตีเขาน่าเสียดาย แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร และไม่เคยเป็นพวกยอมเสียเปรียบ หากมีคนโจมตีเขา ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!ต้องถล่มอีกฝ่ายจนแพ้ราบคาบ นี่สิจึงจะเป็นเป้าหมายความเป็นคนของเขา และถังเจิ้นไห่ก็แตะเขตต้องห้ามของเขาพอดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่ไว้หน้าเขา!ครั้นพวกฉินอวิ๋นฮุยเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พากันมอบสายตาเห็นใจให้ถังเจิ้นไห่ พวกเขาเคยได้รับการสั่งสอนด้วยหมัดหนักจากฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย หากหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!ไท่ซั่งหวงและจางเต้าหลินฉายรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานจะหยาบคายไม่รื่นหูไปบ้าง แต่สะใจยิ่งนัก! นักวางแผนร้ายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดกลับจนต้องสงสัยในชีวิต เด็ดสะระตี่แท้!“เกินไป? ตอนนี้ท่านรู้ว่าเกินไป? ตอนที่ท่านสาดน้ำคลำใส่
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน
“ได้!”ถังเจิ้นไห่พูดหน้าขรึม “ประการที่สองของความผิดร้ายแรงสามประการ รัชทายาทร่วมกันสร้างถนนกับแคว้นต่าง ๆ เรื่องนี้อึกทึกครึกโครมไปทั่ว ทันทีที่สร้างถนนที่กว้างยิ่งขึ้น การคมนาคมจะสะดวก คืออยากให้แคว้นรอบข้างรุกรานต้าเฉียนเราสะดวกยิ่งขึ้นหรือ? การกระทำเช่นนี้มิใช่แผนการล่มชาติแล้วมันคืออะไร?!”ซี้ด...เมื่อทุกคนได้ฟังต่างสูดลมเย็นเข้าปาก เกิดความสงสัยอย่างหนักกับจุดประสงค์ของฉินอวิ๋นฟาน ด้านหนึ่งมอบธัญพืช ด้านหนึ่งสร้างถนนกับทุกแคว้น จุดประสงค์จะชัดเจนเกินไปแล้วกระมัง?“ต่อ ประการที่สามเล่า!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มเรียบ เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะไปไกลขนาดไหน ช่างเป็นคนที่มีขอบเขตความรู้ความเข้าใจและวิสัยทัศน์โดยแท้ การกำหนดอนาคตของบ้านเมือง เป็นเช่นนี้ดังคาดหากให้พวกเฮ่อชินอ๋องเรืองอำนาจจริง ต้าเฉียนมิต้องจบเห่หรือ? ให้สวะพวกนี้ดูแลบ้านเมือง บ้านเมืองนั้นยังจะมีความหวังอะไร?พวกเขานอกจากจะมีความชั่วร้ายอยู่เต็มอก มีความคิดดำมืดอยู่เต็มสมอง ยังจะทำอันใดได้อีก?“หึ!”ถังเจิ้นไห่แค่นเสียงแล้วจึงเอ่ย “ประการที่สาม รัชทายาทร่วมมือกับแคว้นต่าง ๆ กีดกันต้าเยียน สังหารบุตรชายคนที่สี่ข
“อ้อ? ความผิดร้ายแรงสามประการของฟานเอ๋อร์? ไหนลองว่ามาดูสิ!”ไท่ซั่งหวงตั้งสมาธิ นึกสนใจขึ้นมาทันที อย่างลับ ๆ เขาให้ความสนใจกับพฤติกรรมของฟานเอ๋อร์มาก ไม่เคยได้ยินความผิดร้ายแรงสามประการอันใด เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะพูดอะไรความผิดร้ายแรงสามประการเสมือนระเบิดลูกใหญ่ ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมา ยามนี้สายตาของทุกคนในที่นั้นต่างรวมศูนย์อยู่ที่ตัวของถังเจิ้นไห่“ประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการ ได้ยินว่ารัชทายาททำเมล็ดพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ขึ้นมา สามารถให้ผลผลิตสูงมาก เดิมนี่คือโอกาสดีที่สุดที่ต้าเฉียนเราจะแจ้งเกิด คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทกลับมอบเมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูงให้กับแคว้นต่าง ๆ รอบข้าง ช่วยให้พวกเขามั่งคั่งมากขึ้น”ถังเจิ้นไห่กล่าวเสียงหนัก “ขอถามทุกท่านในที่นี้ พฤติกรรมเช่นนี้ของรัชทายาทคือกำลังช่วยเหลือศัตรูน่ากลัวของเราหรือไม่? พฤติกรรมเช่นนี้ของเขา คือการขายชาติหรือไม่?!”ตูม...ครั้นถังเจิ้นไห่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา บรรดาขุนนางต่างอึกทึกครึกโครม คนทั้งโลกต่างรู้เรื่องที่เมืองจัวเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์แทบทุกคน และเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานลงนามสัญญากับแคว้นต่าง ๆ ก็รู
“อื่ม! ดี!”ไท่ซั่งหวงเอ่ยเสียงหนัก “เช่นนั้นข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการ แต่งตั้งหวังอันสือเป็นหัวหน้าสำนักศึกษาหลวง เจี่ยงฝานฝานเป็นรองหัวหน้า การรับตำแหน่งนี้มีผลอย่างเป็นทางการ หัวหน้าขันทีเฉา ร่างราชโองการเดี๋ยวนี้ ประกาศต่อใต้หล้า!”เมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลง ใจที่กระวนกระวายของฉินอวิ๋นฟานก็สงบ เขามองจางเต้าหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง!ทว่าคนอื่น ๆ กลับมีความรู้สึกที่แปลกออกไป หลังจากหวังอันสือได้ขึ้นตำแหน่ง ทำให้พวกเขาตระหนักว่าสถานการณ์ในราชสำนักกำลังหลุดจากการควบคุมอย่างช้า ๆ ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะครองราชสำนัก“เอาละ เรื่องสำนักศึกษาหลวงก็สิ้นสุดแล้ว แต่จะละเลยผลงานการไปเมืองอู่โจวของฟานเอ๋อร์ครั้งนี้ไม่ได้”ไท่ซั่งหวงกล่าวเสียงเข้ม “ฟานเอ๋อร์ไม่เพียงแต่ทำคำสัญญาเมื่อครึ่งปีก่อนสำเร็จ ยิ่งทำให้เศรษฐกิจต้าเฉียนเราพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ท้องพระคลังเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ พสกนิกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกคนต่างเห็นความยอดเยี่ยมของฟานเอ๋อร์”“ฟานเอ๋อร์ ว่ามาเถอะ เจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัล? ขอเพียงสมเหตุสมผล ข้าจะให้เจ้าดังปรารถนา!”ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกดีใจมากที่
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว