จางเต้าหลินพูดด้วยใบหน้าราบเรียบ “ในเมื่อพวกท่านพี่น้องต่างมีเป้าหมายเดียวกัน ข้าจะพูดได้หรือไม่ว่าที่ท่านทำก็เพื่อจะเอาชนะ จงใจผลักไสข่มรัชทายาท?!”ถูกจางเต้าหลินไต่ถามกะทันหัน สีหน้าองค์ชายใหญ่และองค์ชายรองดำเป็นตับหมูฉับพลัน คำพูดนี้โต้กลับมาจนพวกเขาสองพี่น้องอ้าปากไม่ออกถ้าคำพูดนี้ออกมาจากปากของฉินอวิ๋นฟาน พวกเขายังพอแก้ต่างได้ แต่ออกมาจากปากของจางเต้าหลินกลับไม่เหมือนกันตอนนี้สายตาที่ฉินอวิ๋นฟานมองจางเต้าหลินเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง ถึงเขาจะมีวิธีการแก้สถานการณ์ แต่สิ่งที่ต้องจ่ายกลับมีมูลค่าสูงมาก ถ้าพลาดพลั้งไปเพียงนิดเดียว จะต้องถูกใส่ความต่าง ๆ นานาและการปรากฏตัวของจางเต้าหลินสลายแผนร้ายนี้ไปโดยตรง“เอ่อ จางไท่เว่ย... ท่านกล่าวหนักไปแล้ว!”องค์ชายใหญ่ฉินอวิ๋นคังเห็นดังนั้นจึงรีบอธิบาย “พวกเราแค่สันนิษฐานไปตามเนื้อผ้า มิได้ผลักไสเพื่อการชิงบัลลังก์เลย ความตั้งใจเดิมของเราล้วนเพื่อต้าเฉียน เพราะต้าเยียนมีกำลังแข็งแกร่งนัก น้องเจ็ดเอาชนะได้ง่าย ๆ อย่างนี้ พวกเราจำต้องระวัง”“สันนิษฐาน? ไม่จำเป็น!”จางเต้าหลินส่ายหน้าพูด “สำหรับเรื่องที่เอาชนะต้าเยียนได้ยิ่งง่าย! พวกท่านแค
แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฮุยก็เป็นคนที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนฉลาดล้ำลึกคนหนึ่ง การลดตัวร่วมมือกับองค์ชายใหญ่ก็ทำเพื่อผลประโยชน์เช่นกัน พร้อมกันนั้นก็เพื่อข่มฉินอวิ๋นฟานด้วย แต่เขายิ่งเข้าใจน้ำหนักและความหมายในคำพูดของจางเต้าหลินระยะนี้เขาพ่ายแพ้เนือง ๆ กับเรื่องนี้ เขารอบคอบขึ้นมาเยอะ สังเกตสถานการณ์ตลอดเวลา เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน เขากลับลำอย่างเด็ดขาด อย่างไรเสีย จางเต้าหลินจะไม่ลงมือง่าย ๆ เมื่อลงมือก็คือต้องมีเบื้องหลัง!“น้องรอง นี่ นี่เจ้า...”ฉินอวิ๋นฮุยกลับลำกะทันหัน ทำเอาองค์ชายใหญ่ฉินอวิ๋นคังอึ้งไปเลย ทุกอย่างที่วางแผนไว้ดิบดีเมื่อก่อนหน้านี้กลับไปที่จุดเริ่มต้น เขาไม่รู้ว่าจะเล่นเกมหลังจากนี้อย่างไรแล้ว“พี่ใหญ่ ขอโทษด้วย”ฉินอวิ๋นฮุยทำหน้ารู้สึกผิด “ก่อนหน้านี้ข้าสงสัยว่าน้องเจ็ดจะมีความคิดไม่บริสุทธิ์จริง แต่นั่นก็เป็นเพียงการคาดเดาของเราเท่านั้น ในเมื่อทุกอย่างคือการพิจารณาเพื่ออนาคตของต้าเฉียน ข้าคิดว่าเราสมควรให้โอกาสน้องเจ็ดสักครั้ง สังเกตการณ์ระยะหนึ่ง”“อย่างไรน้องเจ็ดก็ไม่ทำงานตามครรลองเสมอ ถ้าเป็นอย่างที่จางไท่เว่ยกล่าวจริง ไม่แน่ว่าน้องเจ็ดอาจได้อู่โจวกลับคืนมา? นี
“ข้าน้อยเห็นด้วย! ถ้าปล่อยรัชทายาทไปเช่นนี้ นั่นมิใช่เป็นการประกาศต่อชาวโลกหรือว่ารัชทายาทต้าเฉียนเราก็คืออันธพาลบ้ากาม เสเพลอย่างยิ่ง ข่มเหงชายย่ำยีหญิงสาวกลางถนน? การกระทำเช่นนี้ต่ำทรามยิ่งนัก ต้องลงโทษให้หนัก!”......เมื่อทุกคนตระหนักถึงผลลัพธ์ร้ายแรงที่จะเกิดขึ้นจากพฤติกรรมของฉินอวิ๋นฟาน ก็พูดสาดเสียเทเสียต่อเขาทันที เพราะต้าเยียนแข็งแกร่งเกินไปจริง ๆ พวกเขาเจอมากับตัวแล้วเมื่อหนึ่งปีก่อนถ้าราชวงศ์ต้าเยียนจะยกทัพมาบุกเพราะมีเหตุมาจากการกระทำของฉินอวิ๋นฟาน เช่นนั้นจะต้องลำบากแล้ว!กับวาจาของเหล่าขุนนาง ฉินอวิ๋นคังใบหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง ท่ามกลางการกดดันอย่างหนักของทุกคน เขาก็อยากดูสิว่าฉินอวิ๋นฟานจะแก้ต่างให้ตัวเองยังไงปึก!!!ก็ขณะที่เหล่าขุนนางกำลังเอาเรื่องเป็นเสียงเดียว จู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็เดือดพลุ ขว้างกระบี่อาญาสิทธิ์ในมือปักลงกลางท้องพระโรงอย่างแรง การกระทำแบบกะทันหันของเขาทำให้พวกขุนนางตกใจผงะ รีบถอยหลังเนือง ๆ“โธ่เว้ย! ให้ตายเถอะ! ไอ้พวกสวะ!”ฉินอวิ๋นฟานตวาดกร้าวออกไปเสียงหนึ่ง เวลานี้เขาโมโหปรอทแตกแล้ว ไฟโทสะท่วมท้น ทำให้ดวงตาทั้งคู่ของเขาแดงก่ำ แผ่กลิ่นอายสังหารน
“การที่พวกเจ้ามีชีวิตอยู่ คือความอัปยศอย่างใหญ่หลวงของต้าเฉียน!”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวที่สุด “ทั้งวันแม่งรู้แต่พิธีกงพิธีการ วัฒนธรรมโต๊ะเหล้า วัฒนธรรมส่งของขวัญ ลูบเคราประจบประแจง รวมตัวจับกลุ่ม ขุนนางปกป้องกันเอง แต่พอทำงานจริงกลับพยายามผลักให้พ้นตัว เบ่งบารมีหาผลประโยชน์ ไม่รู้จักรักษาหน้าตาจริง ๆ!”“เรื่องดี เรื่องแน่ของจริงพวกเจ้ากลับไม่แตะ ข้าแทบอยากสับพวกเจ้าไอ้สารเลวลูกเต่าฝูงนี้ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย!”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าต่อหน้าทุกคน ทั้งยังลดค่าพวกเขาไม่มีชิ้นดี เหยียบย่ำติดดิน ราวกับโรคร้ายฝังเข้ากระดูก บรรดาขุนนางโมโหโกรธาจนหน้าแดงหูแดง อายจนยากจะอยู่เป็นคน ดีชั่วพวกเขาก็คือบุคคลมีอำนาจอยู่ยอดพีระมิดของต้าเฉียนการกระทำของฉินอวิ๋นฟานคือการเหยียดคุณลักษณะของพวกเขาอย่างร้ายแรงที่สุดแบบมิต้องสงสัยหยางเคอในฐานะที่เป็นรองเจ้ากรมกลาโหมฝ่ายขวาและเป็นคนที่องค์ชายใหญ่ให้ท้าย เขาสมควรแสดงความสามารถในเวลานี้จึงจะถูก มิเช่นนั้นกลับไปต้องถูกองค์ชายใหญ่ตำหนิแน่เขาพูดติดอ่าง ใบหน้าหวาดกลัว “ทะ ทะ ท่านกำลังใส่ความเหล่าขุนนางอย่างร้ายแรงนะ พวกเราขยันขันแข็งทำงานมาตลอด เหตุใด
ฉินอวิ๋นฟานกวาดสายตามองทุกคนด้วยความเย็นชา“นี่...”พอทุกคนเห็นดังนั้นก็กลัวจนหัวหด สายตาที่มองฉินอวิ๋นฟานมีแต่ความประหวั่นพรั่นพรึง แม้แต่ลมก็ไม่กล้าผาย พวกเขารู้ความเด็ดขาดของฉินอวิ๋นฟานดียามนี้ไท่ซั่งหวงทรงประทับอยู่ด้วย ถึงพวกเขาจะมีองค์ชายใหญ่เป็นที่พึ่ง เกรงว่ายังต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยหลังจากทุกคนถูกฉินอวิ๋นฟานหยามเหยียดลบหลู่ถ้วนหน้าแล้ว ก็ถูกเขาข่มขวัญอีก องค์ชายใหญ่แค้นใจนักเขาพูดด้วยสายตาที่มีไฟโกรธ “น้องเจ็ด ขุนนางใหญ่พวกนี้ล้วนเป็นขุนนางสร้างผลงานของต้าเฉียนเรา เป็นเสาคานของบ้างเมืองที่เสด็จพ่อทรงเลือกด้วยองค์เอง ถูกเจ้าว่าจนไม่มีชิ้นดีเยี่ยงนี้ ทำจนหัวใจผู้คนระส่ำระสาย เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?!”“ทำอะไร?”ฉินอวิ๋นฟานหรี่ดวงตาแล้วพูด “ต้าเฉียนจะล่มสลายอยู่รอมร่อ ท่านถามว่าข้าจะทำอะไร? ข้าล่วงเกินต้าเยียนก็ทำเอาท่านขี้หดตดหายขวัญหนีดีฝ่อ ท่านถามข้าว่าจะทำอะไร? หรือว่าท่านไม่รู้สึกถึงภัยเลยรึ?!”“ไอ้พวกขุนนางฉ้อฉนพวกนี้ ท่านบอกข้าว่าทั้งหมดนี้เพื่อต้าเฉียน? ต่อให้ไม่มีเรื่องที่ข้าล่วงเกินต้าเยียน พวกท่านก็ไม่กลัวต้าเยียนแล้ว? พี่ใหญ่! ท่านควักหัวใจเอามาถามดู ข้าลบห
“รัชทายาท เรื่องพวกนี้คือนโยบายบ้านเมืองที่ต้าเฉียนเรากำหนดไว้เมื่อก่อนหน้านี้ ตอนนี้อยู่ ๆ ท่านก็เอามาพูดให้เป็นเรื่อง ความหมายว่ายังไงกันแน่? หรือว่าท่านคิดว่าระบบที่อดีตฮ่องเต้ทรงวางไว้ไม่ดีหรือ?!”ตอนนี้เอง จู่ ๆ ฮั่วเจิ้นหลงก็ก้าวออกมา เขาทนดูต่อไปไม่ไหวแล้วจริง ๆ ต่อหน้าฉินอวิ๋นฟาน ฉินอวิ๋นคังมิใช่คู่ปรับเลยสักนิด แทบจะเป็นมวยคนละชั้น ถูกโจมตีแบบลดมิติขืนสู้กันแบบนี้ต่อไป น่ากลัวว่าฉินอวิ๋นคังต้องถูกฉินอวิ๋นฟานขยี้เละไม่เหลือซากแน่!การแสดงท่าทีอย่างกะทันหันของฮั่วเจิ้นหลงทำให้ฉินอวิ๋นฟานประหลาดใจนิด ๆ ไม่นานก็สงบสติลง ชัดเจน ฮั่วเจิ้นหลงวางหลุมพรางเอาไว้ให้เขา โบ้ยจุดบกพร่องของต้าเฉียนในเวลานี้ว่าเป็นนโยบายบ้านเมืองที่อดีตฮ่องเต้กำหนดเช่นนั้นข้อสงสัยที่เขาพูดมาทั้งหมด ก็คือการปฏิเสธอำนาจของอดีตฮ่องเต้ เรื่องนี้ไม่ธรรมดา พูดให้เป็นเรื่องใหญ่ก็คือการท้าทายอำนาจสูงสุดแห่งราชวงศ์ เมินความน่าเกรงขามของอดีตฮ่องเต้เขาหรือจะพลาดเรื่องง่าย ๆ เช่นนี้? เพียงแต่เขาจำต้องยอมรับลูกไม้และความฉลาดของฮั่วเจิ้นหลง“แม่ทัพผู้เฒ่าฮั่วอย่าโยนบาปให้ข้าเลย บาปนี้ข้ารับไว้ไม่ไหวหรอก!”ฉินอวิ๋
ฉินอวิ๋นฟานถามต่อ“ดูจากสถานการณ์ที่ขุนนางท้องที่รายงานมา เมืองจัวเหมือนว่าไม่เกิดเรื่องร้ายแรงขนาดนั้น ขอเพียงมีภัยพิบัติ ราชสำนักก็จะจ่ายเงินลงไป ส่วนภาษีรายหัวของประชาชน ถ้าไม่รุนแรงก็จะไม่ใช้นโยบายลดภาษี ถ้าหนักหนาสาหัส ปกติแล้วจะลดกึ่งหนึ่ง!”ไท่ซั่งหวงถามอย่างฉงนสงสัย “ฟานเอ๋อร์ ทำไมเจ้าถึงให้ความสนใจกับเรื่องนี้นัก?”ยามนี้ บรรดาขุนนางในราชสำนักต่างทำหน้าสงสัย ฉินอวิ๋นฟานรับช่วงต่อเรื่องบรรเทาภัยพิบัติแล้ว ทำไมจู่ ๆ เขาถึงสนใจเรื่องการเก็บภาษีเช่นนี้เล่า? หรือว่าเขาจะยื่นมือเข้ากรมคลังก็ขณะที่บรรดาขุนนางกำลังงุนงงและกังวลใจอยู่ จู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็โยนระเบิดใหญ่ออกมาในชนิดที่ทุกคนไม่ทันตั้งตัวเห็นเพียงฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปากกะทันหัน “ทูลเสด็จปู่ ตามที่หม่อมฉันศึกษาสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนต้าเฉียน พบว่าชาวบ้านอยู่กันอย่างแร้นแค้นมากพ่ะย่ะค่ะ ภาษีรายหัวสูงเกินไป ทำให้พวกเขาลำบากยากจะเอ่ย”“ยามนี้สถานการณ์ระส่ำระสาย หากเกิดความขัดแย้งสงครามจะปะทุทันที ประชาชนต้าเฉียนอยู่อย่างลำบากนัก นี่มิใช่เรื่องดี ทันทีที่สงครามปะทุ เกรงว่าต้าเฉียนจะปราชัยพังพินาศอย่างรวดเร็ว!”“น้องเจ็ด จะพ
“เอ่อ...”จู่ ๆ ก็ถูกไท่ซั่งหวงตวาด ฉินอวิ๋นคังอึ้งกิมกี่ อยากจะพูดแต่จำต้องหุบปากเสีย ฮั่วเจิ้นหลงที่อยู่ด้านข้างก็ประหลาดใจมาก เหมือนกัน ไท่ซั่งหวงที่ปกติจะแค่ดู ฟังและพูดน้อยกลับให้ความสำคัญกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟานเพียงนี้? นี่มันยังไงกันเนี่ย?!ยามนี้องค์ชายรองฉินอวิ๋นฮุยขมวดคิ้วแน่น ปฏิกิริยาของเสด็จปู่ผิดปกติ ทำให้หัวใจของเขารัดแน่นอย่างห้ามไม่อยู่ เพราะท่าทีของไท่ซั่งหวงตัดสินผู้จะได้เป็นฮ่องเต้คนใหม่ หรือเขาจะแอบช่วยฉินอวิ๋นฟานอยู่ลับ ๆ จริง? ไม่น่านี่!ได้รับการผงกศีรษะของไท่ซั่งหวง ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยอย่างจริงจัง “เสด็จปู่ คนของเรามาจากชั้นรากหญ้าเป็นส่วนมาก พวกเขาเข้าใจความทุกข์ยากของประชาชนที่สุด ยิ่งรู้สภาพการดำรงชีวิตของพวกเขา ที่หม่อมฉันพูดไปเมื่อครู่มิได้พูดข่มขวัญ แต่มันคือเรื่องจริง! สถานการณ์ของต้าเฉียนในยามนี้น่ากลัวว่าจะร้ายแรงกว่าที่พวกเราคิด!”ฉินอวิ๋นฟานที่มาจากยุคปัจจุบันรู้ประวัติศาสตร์ของในประเทศ นอกประเทศ โบราณ ปัจจุบัน รวมถึงสภาพการดำรงชีวิตของชาวบ้านดี กอปรกับเรื่องของเมืองจัว เขาได้ศึกษาตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้านคร่าว ๆ แล้ว ไม่ตรวจสอบยังไม่รู้ พอ