แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฮุยก็เป็นคนที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนฉลาดล้ำลึกคนหนึ่ง การลดตัวร่วมมือกับองค์ชายใหญ่ก็ทำเพื่อผลประโยชน์เช่นกัน พร้อมกันนั้นก็เพื่อข่มฉินอวิ๋นฟานด้วย แต่เขายิ่งเข้าใจน้ำหนักและความหมายในคำพูดของจางเต้าหลินระยะนี้เขาพ่ายแพ้เนือง ๆ กับเรื่องนี้ เขารอบคอบขึ้นมาเยอะ สังเกตสถานการณ์ตลอดเวลา เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน เขากลับลำอย่างเด็ดขาด อย่างไรเสีย จางเต้าหลินจะไม่ลงมือง่าย ๆ เมื่อลงมือก็คือต้องมีเบื้องหลัง!“น้องรอง นี่ นี่เจ้า...”ฉินอวิ๋นฮุยกลับลำกะทันหัน ทำเอาองค์ชายใหญ่ฉินอวิ๋นคังอึ้งไปเลย ทุกอย่างที่วางแผนไว้ดิบดีเมื่อก่อนหน้านี้กลับไปที่จุดเริ่มต้น เขาไม่รู้ว่าจะเล่นเกมหลังจากนี้อย่างไรแล้ว“พี่ใหญ่ ขอโทษด้วย”ฉินอวิ๋นฮุยทำหน้ารู้สึกผิด “ก่อนหน้านี้ข้าสงสัยว่าน้องเจ็ดจะมีความคิดไม่บริสุทธิ์จริง แต่นั่นก็เป็นเพียงการคาดเดาของเราเท่านั้น ในเมื่อทุกอย่างคือการพิจารณาเพื่ออนาคตของต้าเฉียน ข้าคิดว่าเราสมควรให้โอกาสน้องเจ็ดสักครั้ง สังเกตการณ์ระยะหนึ่ง”“อย่างไรน้องเจ็ดก็ไม่ทำงานตามครรลองเสมอ ถ้าเป็นอย่างที่จางไท่เว่ยกล่าวจริง ไม่แน่ว่าน้องเจ็ดอาจได้อู่โจวกลับคืนมา? นี
“ข้าน้อยเห็นด้วย! ถ้าปล่อยรัชทายาทไปเช่นนี้ นั่นมิใช่เป็นการประกาศต่อชาวโลกหรือว่ารัชทายาทต้าเฉียนเราก็คืออันธพาลบ้ากาม เสเพลอย่างยิ่ง ข่มเหงชายย่ำยีหญิงสาวกลางถนน? การกระทำเช่นนี้ต่ำทรามยิ่งนัก ต้องลงโทษให้หนัก!”......เมื่อทุกคนตระหนักถึงผลลัพธ์ร้ายแรงที่จะเกิดขึ้นจากพฤติกรรมของฉินอวิ๋นฟาน ก็พูดสาดเสียเทเสียต่อเขาทันที เพราะต้าเยียนแข็งแกร่งเกินไปจริง ๆ พวกเขาเจอมากับตัวแล้วเมื่อหนึ่งปีก่อนถ้าราชวงศ์ต้าเยียนจะยกทัพมาบุกเพราะมีเหตุมาจากการกระทำของฉินอวิ๋นฟาน เช่นนั้นจะต้องลำบากแล้ว!กับวาจาของเหล่าขุนนาง ฉินอวิ๋นคังใบหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง ท่ามกลางการกดดันอย่างหนักของทุกคน เขาก็อยากดูสิว่าฉินอวิ๋นฟานจะแก้ต่างให้ตัวเองยังไงปึก!!!ก็ขณะที่เหล่าขุนนางกำลังเอาเรื่องเป็นเสียงเดียว จู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็เดือดพลุ ขว้างกระบี่อาญาสิทธิ์ในมือปักลงกลางท้องพระโรงอย่างแรง การกระทำแบบกะทันหันของเขาทำให้พวกขุนนางตกใจผงะ รีบถอยหลังเนือง ๆ“โธ่เว้ย! ให้ตายเถอะ! ไอ้พวกสวะ!”ฉินอวิ๋นฟานตวาดกร้าวออกไปเสียงหนึ่ง เวลานี้เขาโมโหปรอทแตกแล้ว ไฟโทสะท่วมท้น ทำให้ดวงตาทั้งคู่ของเขาแดงก่ำ แผ่กลิ่นอายสังหารน
“การที่พวกเจ้ามีชีวิตอยู่ คือความอัปยศอย่างใหญ่หลวงของต้าเฉียน!”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวที่สุด “ทั้งวันแม่งรู้แต่พิธีกงพิธีการ วัฒนธรรมโต๊ะเหล้า วัฒนธรรมส่งของขวัญ ลูบเคราประจบประแจง รวมตัวจับกลุ่ม ขุนนางปกป้องกันเอง แต่พอทำงานจริงกลับพยายามผลักให้พ้นตัว เบ่งบารมีหาผลประโยชน์ ไม่รู้จักรักษาหน้าตาจริง ๆ!”“เรื่องดี เรื่องแน่ของจริงพวกเจ้ากลับไม่แตะ ข้าแทบอยากสับพวกเจ้าไอ้สารเลวลูกเต่าฝูงนี้ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย!”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าต่อหน้าทุกคน ทั้งยังลดค่าพวกเขาไม่มีชิ้นดี เหยียบย่ำติดดิน ราวกับโรคร้ายฝังเข้ากระดูก บรรดาขุนนางโมโหโกรธาจนหน้าแดงหูแดง อายจนยากจะอยู่เป็นคน ดีชั่วพวกเขาก็คือบุคคลมีอำนาจอยู่ยอดพีระมิดของต้าเฉียนการกระทำของฉินอวิ๋นฟานคือการเหยียดคุณลักษณะของพวกเขาอย่างร้ายแรงที่สุดแบบมิต้องสงสัยหยางเคอในฐานะที่เป็นรองเจ้ากรมกลาโหมฝ่ายขวาและเป็นคนที่องค์ชายใหญ่ให้ท้าย เขาสมควรแสดงความสามารถในเวลานี้จึงจะถูก มิเช่นนั้นกลับไปต้องถูกองค์ชายใหญ่ตำหนิแน่เขาพูดติดอ่าง ใบหน้าหวาดกลัว “ทะ ทะ ท่านกำลังใส่ความเหล่าขุนนางอย่างร้ายแรงนะ พวกเราขยันขันแข็งทำงานมาตลอด เหตุใด
ฉินอวิ๋นฟานกวาดสายตามองทุกคนด้วยความเย็นชา“นี่...”พอทุกคนเห็นดังนั้นก็กลัวจนหัวหด สายตาที่มองฉินอวิ๋นฟานมีแต่ความประหวั่นพรั่นพรึง แม้แต่ลมก็ไม่กล้าผาย พวกเขารู้ความเด็ดขาดของฉินอวิ๋นฟานดียามนี้ไท่ซั่งหวงทรงประทับอยู่ด้วย ถึงพวกเขาจะมีองค์ชายใหญ่เป็นที่พึ่ง เกรงว่ายังต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยหลังจากทุกคนถูกฉินอวิ๋นฟานหยามเหยียดลบหลู่ถ้วนหน้าแล้ว ก็ถูกเขาข่มขวัญอีก องค์ชายใหญ่แค้นใจนักเขาพูดด้วยสายตาที่มีไฟโกรธ “น้องเจ็ด ขุนนางใหญ่พวกนี้ล้วนเป็นขุนนางสร้างผลงานของต้าเฉียนเรา เป็นเสาคานของบ้างเมืองที่เสด็จพ่อทรงเลือกด้วยองค์เอง ถูกเจ้าว่าจนไม่มีชิ้นดีเยี่ยงนี้ ทำจนหัวใจผู้คนระส่ำระสาย เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?!”“ทำอะไร?”ฉินอวิ๋นฟานหรี่ดวงตาแล้วพูด “ต้าเฉียนจะล่มสลายอยู่รอมร่อ ท่านถามว่าข้าจะทำอะไร? ข้าล่วงเกินต้าเยียนก็ทำเอาท่านขี้หดตดหายขวัญหนีดีฝ่อ ท่านถามข้าว่าจะทำอะไร? หรือว่าท่านไม่รู้สึกถึงภัยเลยรึ?!”“ไอ้พวกขุนนางฉ้อฉนพวกนี้ ท่านบอกข้าว่าทั้งหมดนี้เพื่อต้าเฉียน? ต่อให้ไม่มีเรื่องที่ข้าล่วงเกินต้าเยียน พวกท่านก็ไม่กลัวต้าเยียนแล้ว? พี่ใหญ่! ท่านควักหัวใจเอามาถามดู ข้าลบห
“รัชทายาท เรื่องพวกนี้คือนโยบายบ้านเมืองที่ต้าเฉียนเรากำหนดไว้เมื่อก่อนหน้านี้ ตอนนี้อยู่ ๆ ท่านก็เอามาพูดให้เป็นเรื่อง ความหมายว่ายังไงกันแน่? หรือว่าท่านคิดว่าระบบที่อดีตฮ่องเต้ทรงวางไว้ไม่ดีหรือ?!”ตอนนี้เอง จู่ ๆ ฮั่วเจิ้นหลงก็ก้าวออกมา เขาทนดูต่อไปไม่ไหวแล้วจริง ๆ ต่อหน้าฉินอวิ๋นฟาน ฉินอวิ๋นคังมิใช่คู่ปรับเลยสักนิด แทบจะเป็นมวยคนละชั้น ถูกโจมตีแบบลดมิติขืนสู้กันแบบนี้ต่อไป น่ากลัวว่าฉินอวิ๋นคังต้องถูกฉินอวิ๋นฟานขยี้เละไม่เหลือซากแน่!การแสดงท่าทีอย่างกะทันหันของฮั่วเจิ้นหลงทำให้ฉินอวิ๋นฟานประหลาดใจนิด ๆ ไม่นานก็สงบสติลง ชัดเจน ฮั่วเจิ้นหลงวางหลุมพรางเอาไว้ให้เขา โบ้ยจุดบกพร่องของต้าเฉียนในเวลานี้ว่าเป็นนโยบายบ้านเมืองที่อดีตฮ่องเต้กำหนดเช่นนั้นข้อสงสัยที่เขาพูดมาทั้งหมด ก็คือการปฏิเสธอำนาจของอดีตฮ่องเต้ เรื่องนี้ไม่ธรรมดา พูดให้เป็นเรื่องใหญ่ก็คือการท้าทายอำนาจสูงสุดแห่งราชวงศ์ เมินความน่าเกรงขามของอดีตฮ่องเต้เขาหรือจะพลาดเรื่องง่าย ๆ เช่นนี้? เพียงแต่เขาจำต้องยอมรับลูกไม้และความฉลาดของฮั่วเจิ้นหลง“แม่ทัพผู้เฒ่าฮั่วอย่าโยนบาปให้ข้าเลย บาปนี้ข้ารับไว้ไม่ไหวหรอก!”ฉินอวิ๋
ฉินอวิ๋นฟานถามต่อ“ดูจากสถานการณ์ที่ขุนนางท้องที่รายงานมา เมืองจัวเหมือนว่าไม่เกิดเรื่องร้ายแรงขนาดนั้น ขอเพียงมีภัยพิบัติ ราชสำนักก็จะจ่ายเงินลงไป ส่วนภาษีรายหัวของประชาชน ถ้าไม่รุนแรงก็จะไม่ใช้นโยบายลดภาษี ถ้าหนักหนาสาหัส ปกติแล้วจะลดกึ่งหนึ่ง!”ไท่ซั่งหวงถามอย่างฉงนสงสัย “ฟานเอ๋อร์ ทำไมเจ้าถึงให้ความสนใจกับเรื่องนี้นัก?”ยามนี้ บรรดาขุนนางในราชสำนักต่างทำหน้าสงสัย ฉินอวิ๋นฟานรับช่วงต่อเรื่องบรรเทาภัยพิบัติแล้ว ทำไมจู่ ๆ เขาถึงสนใจเรื่องการเก็บภาษีเช่นนี้เล่า? หรือว่าเขาจะยื่นมือเข้ากรมคลังก็ขณะที่บรรดาขุนนางกำลังงุนงงและกังวลใจอยู่ จู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็โยนระเบิดใหญ่ออกมาในชนิดที่ทุกคนไม่ทันตั้งตัวเห็นเพียงฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปากกะทันหัน “ทูลเสด็จปู่ ตามที่หม่อมฉันศึกษาสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนต้าเฉียน พบว่าชาวบ้านอยู่กันอย่างแร้นแค้นมากพ่ะย่ะค่ะ ภาษีรายหัวสูงเกินไป ทำให้พวกเขาลำบากยากจะเอ่ย”“ยามนี้สถานการณ์ระส่ำระสาย หากเกิดความขัดแย้งสงครามจะปะทุทันที ประชาชนต้าเฉียนอยู่อย่างลำบากนัก นี่มิใช่เรื่องดี ทันทีที่สงครามปะทุ เกรงว่าต้าเฉียนจะปราชัยพังพินาศอย่างรวดเร็ว!”“น้องเจ็ด จะพ
“เอ่อ...”จู่ ๆ ก็ถูกไท่ซั่งหวงตวาด ฉินอวิ๋นคังอึ้งกิมกี่ อยากจะพูดแต่จำต้องหุบปากเสีย ฮั่วเจิ้นหลงที่อยู่ด้านข้างก็ประหลาดใจมาก เหมือนกัน ไท่ซั่งหวงที่ปกติจะแค่ดู ฟังและพูดน้อยกลับให้ความสำคัญกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟานเพียงนี้? นี่มันยังไงกันเนี่ย?!ยามนี้องค์ชายรองฉินอวิ๋นฮุยขมวดคิ้วแน่น ปฏิกิริยาของเสด็จปู่ผิดปกติ ทำให้หัวใจของเขารัดแน่นอย่างห้ามไม่อยู่ เพราะท่าทีของไท่ซั่งหวงตัดสินผู้จะได้เป็นฮ่องเต้คนใหม่ หรือเขาจะแอบช่วยฉินอวิ๋นฟานอยู่ลับ ๆ จริง? ไม่น่านี่!ได้รับการผงกศีรษะของไท่ซั่งหวง ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยอย่างจริงจัง “เสด็จปู่ คนของเรามาจากชั้นรากหญ้าเป็นส่วนมาก พวกเขาเข้าใจความทุกข์ยากของประชาชนที่สุด ยิ่งรู้สภาพการดำรงชีวิตของพวกเขา ที่หม่อมฉันพูดไปเมื่อครู่มิได้พูดข่มขวัญ แต่มันคือเรื่องจริง! สถานการณ์ของต้าเฉียนในยามนี้น่ากลัวว่าจะร้ายแรงกว่าที่พวกเราคิด!”ฉินอวิ๋นฟานที่มาจากยุคปัจจุบันรู้ประวัติศาสตร์ของในประเทศ นอกประเทศ โบราณ ปัจจุบัน รวมถึงสภาพการดำรงชีวิตของชาวบ้านดี กอปรกับเรื่องของเมืองจัว เขาได้ศึกษาตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้านคร่าว ๆ แล้ว ไม่ตรวจสอบยังไม่รู้ พอ
ตึง!!!ครั้นคำพูดนี้ออกมาจากปาก ทั้งราชสำนักจ้าละหวั่นในพริบตา!แม้จะเป็นไท่ซั่งหวงผู้สูงส่งก็มีสีหน้าปั้นยากเหมือนกัน ให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง ฉินอวิ๋นฟานถึงกับเสนอว่าจะงดภาษีรายหัว?นี่คือรากฐานของบ้านเมือง เงินภาษีส่วนใหญ่ของต้าเฉียนก็มาจากภาษีรายหัวนี่แหละ ทันทีที่งด น่ากลัวว่าจะไม่มีเงินจ่ายเบี้ยหวัดของขุนนาง!“ฟานเอ๋อร์ การงดเก็บภาษีรายหัวจะไม่ค่อยเหมาะสมกระมัง?”ไท่ซั่งหวงขมวดคิ้วพูดองค์ชายรองเห็นเสด็จปู่ไม่สนับสนุนฉินอวิ๋นฟานจึงก้าวออกมาทันที พูดอย่างจริงจัง “เสด็จปู่ น้องเจ็ดเรียกได้ว่าเหลวไหล! การงดเก็บภาษีรายหัวก็คือนโยบายล่มแคว้น หม่อมฉันว่าเขามีจุดประสงค์ไม่บริสุทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”โอกาสโยนหินลงบ่อดีขนาดนี้ ฉินอวิ๋นฮุยย่อมไม่พลาด! ในสถานการณ์ที่ไม่ส่งผลต่อผลประโยชน์ พยายามคว้าทุกโอกาสเล่นงานฉินอวิ๋นฟานให้ตาย!ตอนนี้องค์ชายใหญ่ก็ก้าวออกมาด้วย พูดอย่างดูแคลน “เฮอะ ข้ายังนึกว่าน้องเจ็ดจะมีแผนดีอะไร เอาไปมาเอากลับคิดจะงดภาษีรายหัว? พองด เจ้าจะกินลมหรือยังไง?”ทุกคนเห็นดังนั้นต่างเสนอหน้าสมทบ เพราะเบี้ยหวัดและสวัสดิการของพวกเขาในแต่ละปีก็มาจากการเก็บภาษีนี่แหละ ทันทีที
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน
“ได้!”ถังเจิ้นไห่พูดหน้าขรึม “ประการที่สองของความผิดร้ายแรงสามประการ รัชทายาทร่วมกันสร้างถนนกับแคว้นต่าง ๆ เรื่องนี้อึกทึกครึกโครมไปทั่ว ทันทีที่สร้างถนนที่กว้างยิ่งขึ้น การคมนาคมจะสะดวก คืออยากให้แคว้นรอบข้างรุกรานต้าเฉียนเราสะดวกยิ่งขึ้นหรือ? การกระทำเช่นนี้มิใช่แผนการล่มชาติแล้วมันคืออะไร?!”ซี้ด...เมื่อทุกคนได้ฟังต่างสูดลมเย็นเข้าปาก เกิดความสงสัยอย่างหนักกับจุดประสงค์ของฉินอวิ๋นฟาน ด้านหนึ่งมอบธัญพืช ด้านหนึ่งสร้างถนนกับทุกแคว้น จุดประสงค์จะชัดเจนเกินไปแล้วกระมัง?“ต่อ ประการที่สามเล่า!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มเรียบ เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะไปไกลขนาดไหน ช่างเป็นคนที่มีขอบเขตความรู้ความเข้าใจและวิสัยทัศน์โดยแท้ การกำหนดอนาคตของบ้านเมือง เป็นเช่นนี้ดังคาดหากให้พวกเฮ่อชินอ๋องเรืองอำนาจจริง ต้าเฉียนมิต้องจบเห่หรือ? ให้สวะพวกนี้ดูแลบ้านเมือง บ้านเมืองนั้นยังจะมีความหวังอะไร?พวกเขานอกจากจะมีความชั่วร้ายอยู่เต็มอก มีความคิดดำมืดอยู่เต็มสมอง ยังจะทำอันใดได้อีก?“หึ!”ถังเจิ้นไห่แค่นเสียงแล้วจึงเอ่ย “ประการที่สาม รัชทายาทร่วมมือกับแคว้นต่าง ๆ กีดกันต้าเยียน สังหารบุตรชายคนที่สี่ข
“อ้อ? ความผิดร้ายแรงสามประการของฟานเอ๋อร์? ไหนลองว่ามาดูสิ!”ไท่ซั่งหวงตั้งสมาธิ นึกสนใจขึ้นมาทันที อย่างลับ ๆ เขาให้ความสนใจกับพฤติกรรมของฟานเอ๋อร์มาก ไม่เคยได้ยินความผิดร้ายแรงสามประการอันใด เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะพูดอะไรความผิดร้ายแรงสามประการเสมือนระเบิดลูกใหญ่ ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมา ยามนี้สายตาของทุกคนในที่นั้นต่างรวมศูนย์อยู่ที่ตัวของถังเจิ้นไห่“ประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการ ได้ยินว่ารัชทายาททำเมล็ดพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ขึ้นมา สามารถให้ผลผลิตสูงมาก เดิมนี่คือโอกาสดีที่สุดที่ต้าเฉียนเราจะแจ้งเกิด คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทกลับมอบเมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูงให้กับแคว้นต่าง ๆ รอบข้าง ช่วยให้พวกเขามั่งคั่งมากขึ้น”ถังเจิ้นไห่กล่าวเสียงหนัก “ขอถามทุกท่านในที่นี้ พฤติกรรมเช่นนี้ของรัชทายาทคือกำลังช่วยเหลือศัตรูน่ากลัวของเราหรือไม่? พฤติกรรมเช่นนี้ของเขา คือการขายชาติหรือไม่?!”ตูม...ครั้นถังเจิ้นไห่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา บรรดาขุนนางต่างอึกทึกครึกโครม คนทั้งโลกต่างรู้เรื่องที่เมืองจัวเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์แทบทุกคน และเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานลงนามสัญญากับแคว้นต่าง ๆ ก็รู
“อื่ม! ดี!”ไท่ซั่งหวงเอ่ยเสียงหนัก “เช่นนั้นข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการ แต่งตั้งหวังอันสือเป็นหัวหน้าสำนักศึกษาหลวง เจี่ยงฝานฝานเป็นรองหัวหน้า การรับตำแหน่งนี้มีผลอย่างเป็นทางการ หัวหน้าขันทีเฉา ร่างราชโองการเดี๋ยวนี้ ประกาศต่อใต้หล้า!”เมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลง ใจที่กระวนกระวายของฉินอวิ๋นฟานก็สงบ เขามองจางเต้าหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง!ทว่าคนอื่น ๆ กลับมีความรู้สึกที่แปลกออกไป หลังจากหวังอันสือได้ขึ้นตำแหน่ง ทำให้พวกเขาตระหนักว่าสถานการณ์ในราชสำนักกำลังหลุดจากการควบคุมอย่างช้า ๆ ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะครองราชสำนัก“เอาละ เรื่องสำนักศึกษาหลวงก็สิ้นสุดแล้ว แต่จะละเลยผลงานการไปเมืองอู่โจวของฟานเอ๋อร์ครั้งนี้ไม่ได้”ไท่ซั่งหวงกล่าวเสียงเข้ม “ฟานเอ๋อร์ไม่เพียงแต่ทำคำสัญญาเมื่อครึ่งปีก่อนสำเร็จ ยิ่งทำให้เศรษฐกิจต้าเฉียนเราพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ท้องพระคลังเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ พสกนิกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกคนต่างเห็นความยอดเยี่ยมของฟานเอ๋อร์”“ฟานเอ๋อร์ ว่ามาเถอะ เจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัล? ขอเพียงสมเหตุสมผล ข้าจะให้เจ้าดังปรารถนา!”ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกดีใจมากที่
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว
ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปากเดี๋ยวนั้น “ข้าแค่บอกว่า ‘สัจธรรมมักอยู่ในมือของคนส่วนน้อย ของไร้ประโยชน์กองหนึ่งสนับสนุนมีประโยชน์อันใด?’ ข้าระบุหรือยังว่าหมายถึงใคร?”“หือ? รัชทายาท นี่ท่านหมายความว่ายังไง?”เห็นท่าทางฉินอวิ๋นฟานกำลังจะแก้ต่างให้ตัวเอง ถังเจิ้นไห่หน้าดำทะมึน เขาพูดขึ้นมาทันทีว่า“แน่นอนว่าหมายความตามนั้น ยังจะมีความหมายอะไรอีก?”ฉินอวิ๋นฟานแบมือออก “ข้ารำคาญของไร้ประโยชน์จำนวนหนึ่งมากจริง ๆ นี่คือการแสดงออกและการระบายของข้าตามปกติ มีปัญหาอะไรหรือ? ที่ข้าพูดมาได้ชี้ไปที่ใครแล้วหรือยัง?”คำอธิบายที่มาอย่างกะทันหันของฉินอวิ๋นฟานทำให้ทุกคนในที่นั้นงงงวยไปเลย จริงอยู่ที่เมื่อครู่ฉินอวิ๋นฟานพูดว่าของไร้ประโยชน์จำนวนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นใครนี่“ไม่ถูก รัชทายาท เมื่อครู่ท่านไม่ได้หมายความว่าอย่างนี้นี่!”ยามนี้สมองน้อย ๆ ของถังเจิ้นไห่ถูกฉินอวิ๋นฟานทำให้ฝ่อแล้ว ฉินอวิ๋นฟานมิใช่ทำเรื่องจริงให้บิดเบี้ยว เถียงข้าง ๆ คู่ ๆ หรือ? เล่นเกมเลี่ยงบาลีต่อหน้าทุกคนเลย?“เช่นนั้นขอถามแม่ทัพผู้เฒ่าถัง ข้าหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานย้อนถาม ทำให้ถังเจิ้นไห่อึ้งอยู่กับที่ หมายความว่าอย
“รัชทายาท ท่านก็เห็นแล้ว”ถังเจิ้นไห่มองไปทางฉินอวิ๋นฟานด้วยความกระหยิ่มแล้วเอ่ยต่อ “เวลานี้ทุกคนต่างสนับสนุนพ่อลูกตระกูลเจี่ยง ไม่มีใครสนับสนุนหวังอันสือสักคน ท่านยังจะโต้แย้งอีกหรือไม่?”กับความโอหังของถังเจิ้นไห่ ฉินอวิ๋นฟานหน้าดำทะมึนจนแทบหยดเป็นน้ำ ทว่าฉินอวิ๋นฟานมิใช่คนที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ“เหอะ แล้วจะยังไง? สัจธรรมมักอยู่ในมือของคนส่วนน้อย ของไร้ประโยชน์กองหนึ่งสนับสนุนมีประโยชน์อันใด? ได้แต่พิสูจน์ให้เห็นถึงความคับแคบและเบาปัญญาของพวกเขาเท่านั้น!”ฉินอวิ๋นฟานเยาะเย้ยด้วยใบหน้าดูถูก ยิ่งพวกเขาทำเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งรำคาญ และยิ่งตอกย้ำการตัดสินใจที่จะสลายพวกเขาด้วยที่ต้าเฉียนอยู่อันดับรั้งท้ายเช่นนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะการเพิกเฉยและความฉ้อฉลของหนอนเจาะพวกนี้ จึงทำให้เกิดสถานการณ์ในปัจจุบัน พวกเขาเห็นดีเห็นงามไม่ได้หมายถึงฉินอวิ๋นฟานจะยอมแพ้“บังอาจ!!!”“น่ารังเกียจ!!!”“รัชทายาทจะทำเกินไปแล้วกระมัง พวกเราแค่แสดงความเห็นของพวกเราเท่านั้น กลับถูกรัชทายาทลบหลู่ด่าทอว่าเป็นของไร้ประโยชน์? ไม่เคารพผู้อื่นเอาเสียเลย!”“ไท่ซั่งหวงโปรดให้ความเป็นธรรมแก่พวกเราด้วยพ่ะย่ะค่ะ ในฐ
ดังนั้นหลังจากได้เมืองอู่โจวกลับคืนมา ชื่อเสียงและเสียงเรียกร้องที่มีต่อฉินอวิ๋นฟานในต้าเฉียนก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ หากพวกเขายังกบดานต่อไป เช่นนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็จะกลายเป็นไร้ความหมาย“อ้อ? แม่ทัพผู้เฒ่าถัง ท่านหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานประหลาดใจมากกับการที่จู่ ๆ ถังเจิ้นไห่ก็ก้าวออกมา หากฉินอวิ๋นฮุยกับฉินอวิ๋นคังออกมาแย้งเขา เขาจะไม่แปลกใจสักนิด แต่การออกหน้าของถังเจิ้นไห่ทำให้เขาจำต้องระวัง“รัชทายาทก็บอกมิใช่หรือ ในฐานะที่ข้าคือขุนนางของต้าเฉียน พวกเราสมควรทำงานเพื่อบ้านเมือง”ถังเจิ้นไห่กล่าวสีหน้าเคร่งขรึม “ดังนั้นกระหม่อมคิดว่าหวังอันสือไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหัวหน้านี้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเห็นว่าหัวหน้าสำนักศึกษาหลวงต้องเลือกผู้ที่มีความสามารถเหนือคน มีชาติตระกูลดีสืบทอดมาดำรงตำแหน่งจะเหมาะสมกว่า”“อื่ม ที่ใต้เท้าถังว่ามาก็ใช่จะไม่มีเหตุผล”ไท่ซั่งหวงพยักหน้า เอ่ยปากด้วยสีหน้าสงบ “ไม่ทราบว่าใต้เท้าถังมีคนที่เหมาะสมกว่าหรือไม่?”ถังเจิ้นไห่ตอบหนักแน่น “ทูลไท่ซั่งหวง กระหม่อมคิดว่าบุตรชายเจี่ยงหย่งกังจากสำนักราชเลขา เจี่ยงฝานฝานเหมาะสมกว่าพ่ะย่ะค่ะ ตระกูลเจี่ยงไม่เพียงแ
“เด็กบางคนคือเด็ก เด็กบางคนเกิดมาก็คือปีศาจ ข้าฆ่าปีศาจมีอะไรผิด?”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ถ้าพี่รองไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ก็ตรวจสอบให้ละเอียดได้ หากข้าไม่มีจุดไหนที่ทำไม่ถูก ท่านก็ต้องทนเอาไว้ อย่างไรนี่ก็คือลักษณะการทำงานของข้าฉินอวิ๋นฟาน”“สำหรับทำไมถึงฆ่าคนเยอะอย่างนั้น ข้าได้แต่บอกท่านว่าพวกเขาล้วนสมควรตาย พร้อมกันนั้น ข้ากำลังเตือนทุกคน มีบางเรื่องทำได้ มีบ้างเรื่องทำไม่ได้ ถ้าใครกล้าล้ำเส้น ข้าฉินอวิ๋นฟานก็จะเอาชีวิตมันผู้นั้นเหมือนกัน!”“และถ้าจะให้ข้ามอบเหตุผลให้ได้ละก็ เช่นนั้นข้าได้แต่พูดว่าเพราะข้าคือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินของต้าเฉียน มีกระบี่อาญาสิทธิ์อยู่ในมือ คือผู้ดำรงกฎหมายต้าเฉียน ข้ามีอำนาจและมีหน้าที่พิทักษ์บ้านเมืองของต้าเฉียน ชาวบ้านคือรากฐานของเรา มิใช่คนที่พวกท่านจะข่มเหงรังแกได้ตามอำเภอใจ!”ซี้ด...ฉินอวิ๋นฟานกล่าววาจาเผด็จการ ทำเอาทุกคนในที่นั้นต่างสูดลมเย็นเข้าปาก แม้ในใจพวกเขาจะมีความแค้นมากมายเพียงใด หากเวลานี้ได้แต่สะกดกลั้นเอาไว้เพราะฉินอวิ๋นฟานไม่เพียงแต่มีอำนาจประหารอันเป็นอำนาจสูงสุด ยังยืนอยู่บนจุดสูงสุดของอำนาจราชวงศ์ต้าเฉียน ผู้ใดกล้าคั