“พี่อวิ๋นฟาน ดื่มน้ำแกงไก่บำรุงสักหน่อยเถอะ!”มู่หรงจิ่นยกน้ำแกงไก่มาถ้วยหนึ่ง น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นนุ่มนวลมากขึ้น นางนั่งอยู่ข้างเตียงฉินอวิ๋นฟานเบา ๆ ก่อนจะตักน้ำแกงไก่ส่งถึงริมฝีปากฉินอวิ๋นฟานด้วยมือของตัวเองเห็นดวงหน้ามู่หรงจิ่นซีดเซียวเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย เห็นชัดว่าอยู่กับเขาทั้งคืน หนำซ้ำยังตุ๋นน้ำแกงไก่ให้เขาเองอีก ฉินอวิ๋นฟานเกิดความรู้สึกประทับใจอย่างไม่มีสาเหตุ ภาพแห่งความสุขผ่อนคลายเช่นนี้คือสิ่งที่เขาคาดหวังมาตลอด ไม่นึกว่าจะเป็นความจริงแล้วฉินอวิ๋นฟานแสบจมูกพลางพูด “จิ่นเอ๋อร์ เจ้าดีจริง ๆ!”“พี่อวิ๋นฟานบาดเจ็บหนักยังพยายามขนาดนั้น ข้าละอายใจนักที่ทำให้ท่านได้เพียงเท่านี้ ถึงข้าจะปวดใจกับท่านมาก แต่ข้าก็รู้ถึงความโหดเหี้ยมในศึกระหว่างองค์ชาย นับจากท่านย่างเท้าขึ้นสู่เส้นทางนี้ก็หันหลังกลับไม่ได้แล้ว”มู่หรงจิ่นพูดด้วยใบหน้าอ่อนโยน “เป็นคนรักของท่าน ที่ข้าทำได้เพียงอย่างเดียวก็คือสนับสนุนท่านอย่างไม่มีเงื่อนไข อยู่เป็นเพื่อนท่าน ไม่เป็นตัวถ่วงของท่าน ทำให้ท่านชิงใต้หล้ามาอย่างสบายใจ นี่คือปณิธานของท่าน และเป็นเป้าหมายในความอุตสาหะของท่านด้วย ข้ารู้สึกโช
“อื้ม!”เพื่อปลอบประโลมจิตวิญญาณที่ได้รับบาดเจ็บของฉินอวิ๋นฟาน มู่หรงจิ่นจึงจุมพิตลงบนหน้าผากของเขาทีหนึ่ง จากนั้นก็กอดแขนของฉินอวิ๋นฟานแล้วพูดขึ้นว่า “พี่อวิ๋นฟาน ข้าอยากกอดท่านไว้อย่างนี้ตลอดไปจังเลย อบอุ่นใจนัก”“อื่ม ข้าก็เหมือนกัน!”ฉินอวิ๋นฟานลูบเส้นผมของมู่หรงจิ่นด้วยใบหน้าละมุน รู้สึกปลื้มใจนัก จากนั้นทั้งสองก็พูดถ้อยคำหวานชื่นและเข้าสู่ห้วงแห่งความฝันช้า ๆ ทั้งอย่างนี้......“องค์ชายใหญ่ นี่ท่านจะทำอะไรน่ะ? ข้าน้อยเป็นหัวหน้าพิทักษ์เมืองหลวงและกำลังลาดตระเวนพิทักษ์เมืองอยู่นะ ทำไมจู่ ๆ ท่านก็ลงไม้ลงมือกับข้าเล่า?”ก็ขณะที่เยียนเป่ยกำลังลาดตระเวนไปตามประตูเมืองทั้งหลาย จู่ ๆ ก็ถูกองครักษ์ขององค์ชายใหญ่กลุ่มหนึ่งขวางเอาไว้ จังหวะที่เยียนเป่ยเห็นคนที่มา นัยน์ตาพลันหดเล็ก สีหน้าเปลี่ยนเป็นปั้นยากฉับพลัน“เหอะ ข้าจะจับเยียนเป่ยหัวหน้าหน่วยพิทักษ์เมืองหลวงเจ้านั่นแหละ! สำหรับทำไมต้องลงไม้ลงมือ? ถึงคุกหลวงเจ้าก็จะรู้เอง!”องค์ชายใหญ่โจมตีด้วยความเร็วปานสายฟ้าแลบ เขาพูดด้วยท่าทีแข็งกร้าวที่สุด “นี่คือพระบัญชาจากไท่ซั่งหวง ข้าขอเตือนให้เจ้าทำตามพระบัญชาแต่โดยดี ไม่อย่างนั้น ใ
ทันทีที่ซุนหั่ววั่งเห็นชัดว่าคนที่มาคือใคร รูม่านตาหดเล็กฉับพลัน ตกใจจนปัสสาวะราดเดี๋ยวนั้น ตะลีตะลานสวมใส่เสื้อผ้าแล้วคุกเข่าตรงหน้าฉินอวิ๋นคังด้วยใบหน้าตื่นตระหนก“หึ! เจ้าสุนัข! พวกเจ้าพ่อลูกช่างรู้จักสนุกกันจริง ๆ นะ!”ฉินอวิ๋นคังแค่นฮึเสียงเย็น ถีบเท้าไปบนตัวของซุนหั่ววั่ง ไม่นึกว่าวิธีการสนุกของพ่อลูกคู่นี้จะประหลาดพันลึกเช่นนี้ ลบล้างทัศนคติทั้งสามของเขาโดยสิ้นเชิง“เอ่อ หาความแปลกใหม่เป็นครั้งคราวขอรับ ทำให้องค์ชายใหญ่เห็นเรื่องขายหน้าแล้ว”ซุนหั่ววั่งกระดากใจถึงที่สุด แทบอยากแทรกแผ่นดินหนี ให้เขาคิดจนหัวร้างข้างแตกก็คิดไม่ถึงว่าองค์ชายใหญ่จะปรากฏตัวที่นี่ เขาจึงถามเสียงอ้อมแอ้ม “ไม่ทราบองค์ชายใหญ่มาเยือนกะทันหันด้วยเรื่องอันใดหรือขอรับ? หากท่านอยากเข้าร่วมด้วย อันที่จริงก็ได้นะขอรับ”ซุนหั่ววั่งคิดจนหัวแตกแล้ว แต่ก็ยังคิดไม่ตกว่าฉินอวิ๋นคังมาปรากฏตัวที่นี่ทำไม ดังนั้นการอธิบายเพียงหนึ่งเดียวคือ หรือว่าเขาก็มีรสนิยมนี้เหมือนกัน?“ไสหัวไป!”ใบหน้าฉินอวิ๋นคังแข็งทื่อไปในบัดดล ถีบบนตัวของซุนหั่ววั่งอีกครั้ง แล้วพูดด้วยสีหน้าดำทะมึน “ใครก็ได้ จับตัวพ่อลูกคู่นี้เอาไว้!”“หา?
“ท่านพ่อ ท่านก็อย่าว่าฮุยเอ๋อร์อีกเลย เขาก็แค่อยากกำจัดไอ้ตัวซวยฉินอวิ๋นฟานนี่ให้เร็วไม่ใช่หรือ? นี่มีอะไรผิด? จะโทษก็ต้องโทษที่ตาแก่หนังเหนียวนั่นมีตาหามีแววไม่ ฮุยเอ๋อร์ยอดเยี่ยมอย่างนี้ เขากลับไปยืนอยู่ฝั่งของฉินอวิ๋นฟานเสียได้”เหอกุ้ยเฟยสูญเสียบุตรชายไปแล้วคนหนึ่ง ดังนั้นนางจึงรัก ถนอมและให้ความสำคัญกับบุตรชายคนนี้มากกว่าเดิม ในตอนที่บิดาตำหนิฉินอวิ๋นฮุย มันทำให้นางเจ็บปวดนัก“หุบปาก!”ท่านผู้เฒ่าเหอตะคอกกลับ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าโทษลอบสังหารองค์ชายคืออะไร? ประหารเก้าชั่วโคตร! นี่คือโทษหนักประหารชีวิตเชียวนะ! การกระทำของฮุยเอ๋อร์แตะต้องเส้นต่ำสุดของไท่ซั่งหวงแล้ว นั่นคือเส้นต่ำสุดของทุกคนในต้าเฉียน!”“ในสถานการณ์ชิงบัลลังก์ดุเดือดเช่นนี้ จะพลั้งพลาดไม่ได้สักนิด ไม่อย่างนั้นทุกคนจะทำทุกทางเพื่อให้เจ้าตาย!”“วันนี้เช้ามาองค์ชายใหญ่กับองค์ชายองค์อื่น ๆ พากันไปแสดงจุดยืนที่ตำหนักเหยียนเหนียนกันหมด นี่หมายถึงอะไร หรือว่าเจ้ายังไม่เข้าใจอีก?!”“ต่อให้ตระกูลเหอเรามีรากฐานล้ำลึก แต่ก็เป็นศัตรูกับทุกขั้วอำนาจในต้าเฉียนไม่ได้กระมัง?!”ท่านผู้เฒ่าเหอจนปัญญาอย่างหนัก บุตรสาวคนนี้ถูกตามใจแ
เมื่อได้ยินการวิเคราะห์ของบุตรชาย ท่านผู้เฒ่าเหอพยักหน้าพึงพอใจ เรื่องอย่างการลอบสังหารองค์ชายนี้ หากไม่สำเร็จในคราวเดียว ใช้กำลังสะกดคน ก็คือลดตัวเฉือนเนื้อแลกสันติ ชัดเจน วิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็คือหยุดความสูญเสียให้ทัน มิใช่การแข็งข้อ หน่วยบูรพาน่ากลัวอย่างยิ่งยวด จะแข็งปะทะสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ มิเช่นนั้นจะทำให้ตระกูลเหอต้องประสบกับหมื่นเคราะห์มิอาจหวนคืน “ท่านตา น้าสาม ข้าจะไปขอร้องเสด็จปู่”ฉินอวิ๋นฮุยกำหมัดแน่น แม้จะคับแค้นใจมาก แต่สถานการณ์ในเวลานี้น่ากลัวว่านี่จะเป็นทางเลือกเพียงหนึ่งเดียว เขาจึงได้แต่เลือกก้มหัวยอมรับผิด“อวิ๋นฮุย เจ้าไปคนเดียวเกรงว่าจะไม่ได้!”เหอเหวินเย่าส่ายหน้าพูดด้วยความจนใจ “ถ้าอยากจะยุติเรื่องนี้จริง ๆ จะต้องให้ท่านพ่อออกหน้าด้วยตัวเองจึงจะสำเร็จ แล้วยังต้องเอาของสำคัญมากอย่างหนึ่งไปด้วย ไม่อย่างนั้นต่อให้ท่านพ่อออกหน้า เกรงว่าจะไม่ช่วยอันใด”“ของสำคัญมากอย่างหนึ่ง? คืออะไร?” ฉินอวิ๋นฮุยขมวดคิ้วมุ่นในห้องโถงใหญ่ไม่มีใครตอบคำถามฉินอวิ๋นฮุยสักคน นี่ทำให้ฉินอวิ๋นฮุยจับต้นชนปลายไม่ถูก ผ่านไปครู่หนึ่ง ลิ่งหูชงจึงเอ่ยปากขึ้นมากะทันหัน “ข้ารู้ว่าต้อ
ตุบ...เบื้องหน้าฉินอวิ๋นฮุยพลันมืดมิด ทรุดตัวลงอยู่กับพื้นด้วยความสิ้นหวังถึงที่สุด ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยปราชัยเหมือนดั่งวันนี้มาก่อนองค์ชายรองผู้มีท่วงทำนองห้าวหาญยิ้มทระนงกับหมู่มวลวีรบุรุษในอดีต บัดนี้ย่อยยับเฉกเช่นสุนัขตกน้ำที่ใครก็รุมตี นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?ระยะครึ่งเดือนกว่ามานี้ การประชันระหว่างเขากับฉินอวิ๋นฟานล้วนต้องจบด้วยความพ่ายแพ้ หากจะกล่าวให้ถูกต้องคือจบแบบแพ้ยับเยิน เริ่มจากการแพ้ขาดลอยในการประลองด้านบุ๋นและบู๊ก่อน ถัดมาคือน้องชายร่วมอุทรตายด้วยน้ำมือฉินอวิ๋นฟาน เสียหูหมิงชิงและกรมอาญาบัดนี้ เพื่อนร่วมงานที่เขาเชื่อถือที่สุด ไพ่ตายที่ซุกซ่อนอยู่ในความมืดมิดมาตลอดก็จะถูกสังหารแล้ว และเขาผู้สูงส่งถึงองค์ชายรองกลับมิอาจทำอะไรได้ความอึดอัดหายใจไม่ออกไร้กำลังเช่นนี้ทำให้เขาแทบจะพังทลาย“ฮุยเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรไป?”เหอปี้อวี้เห็นสภาพดังนี้พลันตื่นตระหนกรีบไปประคอง กลับถูกฉินอวิ๋นฮุยตวาดห้ามเสียงแข็ง “อย่าเข้ามานะ!!!”ทุกคนเพ่งพิศการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์บนใบหน้าของฉินอวิ๋นฮุย ไม่มีใครส่งเสียงสักแอะ มองฉินอวิ๋นฮุยที่จิตวิญญาณหลุดลอยอย่างอนาทรสงสารหลังจา
“เอ่อ...”เมื่อถูกองค์หญิงสามสอบถาม ถงจินเฉิงก็หัวเราะอย่างขวยเขิน เขาคือจอหงวนบุ๋นรุ่นเยาว์ของต้าเยียนเชียวนะ เป็นแม่พิมพ์ของวงการวรรณกรรม ชาวบุ๋นทุกผู้ทุกคนต่างยึดถือเขาเป็นแบบอย่าง แทบจะยกเขาขึ้นเป็นปราชญ์บุ๋นแล้ว ถ้าให้องค์หญิงสามรู้ว่าเขาไปกอดสาวที่หอวั่งเจียง ทั้งยังลวนลามหญิงสาวจึงถูกฉินอวิ๋นฟานซ้อมหนักโจษจันไปทั่ว จะมิขายหน้าแย่หรือ?เขาจึงรีบอธิบาย “ตอนที่ข้าน้อยนอนไม่ทันระวังตกเตียง ไม่เป็นไรมากขอรับ สำหรับต้าเฉียน เห็นว่าเมื่อคืนรัชทายาทของต้าเฉียนถูกลอบสังหาร ตอนนี้เป็นตายไม่แน่ชัด”“อะไรนะ?! รัชทายาทของต้าเฉียนฉินอวิ๋นฟานถูกคนลอบสังหารรึ?!”องค์หญิงสามต้าเยียนเยียนอวี่เฉินตกตะลึงสุดขีด นางพูดอย่างเหลือเชื่อ “เป็นถึงรัชทายาทแห่งแว่นแคว้น ใต้หนึ่งคนเหนือหมื่นคน กลับถูกคนลอบสังหารในเมืองหลวง? นี่มันอะไรกัน? แคว้นนี้กำลังเล่นลูกไม้อะไรอยู่?”ถงจินเฉิงกลับแอบดีใจ สมน้ำหน้าฉินอวิ๋นฟานที่ถูกลอบสังหาร ใครใช้ให้เมื่อคืนอีกฝ่ายทำเขาขายหน้าเล่า แถมยังซ้อมเขาเสียน่วม คิดแล้วช่างน่าโมโหนัก“เหอะ น่าขันสิ้นดี รัชทายาทยังถูกลอบสังหารได้ ดูท่าต้าเฉียนหมดหวังแล้ว”เบื้องหลังองค์หญ
“ไอ้หยา องค์หญิงสามไม่ทราบ ที่นั่นเรียกได้ว่าสวรรค์บนแดนดิน พักหนหนึ่งท่านจะรักมัน ตัดใจไปไม่ลง แถมยังความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยยังจะสูงกว่าเรือนรับรองอีก จริง ๆ นะขอรับ !”ถงจินเฉิงตื่นเต้นจนตบหน้าขาฉาด พอพูดถึงโรงแรมห้าดาวต้าเฉียน เขาก็ตื่นเต้นเสียไม่มี โตจนป่านนี้เพิ่งได้พักโรงแรมมหัศจรรย์เช่นนี้ โรงเตี๊ยมทั่วไปอยู่ตรงหน้าก็คือสิ่งของเช่นขยะ“อ้อ สวรรค์แดนดิน? อัศจรรย์เช่นนั้นจริงหรือ? เช่นนั้นข้าก็อยากจะไปเห็นสักหน่อยว่าเป็นยังไง นำทาง!”เยียนอวี่เฉินเลิกคิ้วสวย ตัดสินใจไปดูสิว่าเป็นอย่างไรทันที!“ขอรับ!”ถงจินเฉิงตื่นเต้นเต้นแร้งเต้นกานำทางไปอย่างเร็วรี่ ไม่นานถงจินเฉิงก็พาเยียนอวี่เฉินและคนอื่น ๆ มาถึงโรงแรมห้าดาวต้าเฉียนทันทีที่เห็นตึกสูงแปดชั้น ทุกคนก็พลันตะลึงงัน โดยเฉพาะป้ายโรงแรมห้าดาวตรงหน้ายิ่งโดดเด่นสะดุดตา พาลให้ทุกคนเห็นแล้วต่างปากอ้าตาค้าง“เอ่อ คือว่า ท่านถง โรงแรมห้าดาวต้าเฉียนนี้หมายความว่าอะไรหรือ?”เยียนอวี่เฉินในตอนนี้เหมือนตัวตุ่นที่มาจากบ้านนอก ถูกโรงแรมใหญ่โตโอฬารตรงหน้าทำให้ตะลึงงันไปโดยสิ้นเชิง ต้าเฉียนสองคำนี้นางเข้าใจได้ แต่ห้าดาวนี่มันอะไร? โร
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว
ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปากเดี๋ยวนั้น “ข้าแค่บอกว่า ‘สัจธรรมมักอยู่ในมือของคนส่วนน้อย ของไร้ประโยชน์กองหนึ่งสนับสนุนมีประโยชน์อันใด?’ ข้าระบุหรือยังว่าหมายถึงใคร?”“หือ? รัชทายาท นี่ท่านหมายความว่ายังไง?”เห็นท่าทางฉินอวิ๋นฟานกำลังจะแก้ต่างให้ตัวเอง ถังเจิ้นไห่หน้าดำทะมึน เขาพูดขึ้นมาทันทีว่า“แน่นอนว่าหมายความตามนั้น ยังจะมีความหมายอะไรอีก?”ฉินอวิ๋นฟานแบมือออก “ข้ารำคาญของไร้ประโยชน์จำนวนหนึ่งมากจริง ๆ นี่คือการแสดงออกและการระบายของข้าตามปกติ มีปัญหาอะไรหรือ? ที่ข้าพูดมาได้ชี้ไปที่ใครแล้วหรือยัง?”คำอธิบายที่มาอย่างกะทันหันของฉินอวิ๋นฟานทำให้ทุกคนในที่นั้นงงงวยไปเลย จริงอยู่ที่เมื่อครู่ฉินอวิ๋นฟานพูดว่าของไร้ประโยชน์จำนวนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นใครนี่“ไม่ถูก รัชทายาท เมื่อครู่ท่านไม่ได้หมายความว่าอย่างนี้นี่!”ยามนี้สมองน้อย ๆ ของถังเจิ้นไห่ถูกฉินอวิ๋นฟานทำให้ฝ่อแล้ว ฉินอวิ๋นฟานมิใช่ทำเรื่องจริงให้บิดเบี้ยว เถียงข้าง ๆ คู่ ๆ หรือ? เล่นเกมเลี่ยงบาลีต่อหน้าทุกคนเลย?“เช่นนั้นขอถามแม่ทัพผู้เฒ่าถัง ข้าหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานย้อนถาม ทำให้ถังเจิ้นไห่อึ้งอยู่กับที่ หมายความว่าอย
“รัชทายาท ท่านก็เห็นแล้ว”ถังเจิ้นไห่มองไปทางฉินอวิ๋นฟานด้วยความกระหยิ่มแล้วเอ่ยต่อ “เวลานี้ทุกคนต่างสนับสนุนพ่อลูกตระกูลเจี่ยง ไม่มีใครสนับสนุนหวังอันสือสักคน ท่านยังจะโต้แย้งอีกหรือไม่?”กับความโอหังของถังเจิ้นไห่ ฉินอวิ๋นฟานหน้าดำทะมึนจนแทบหยดเป็นน้ำ ทว่าฉินอวิ๋นฟานมิใช่คนที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ“เหอะ แล้วจะยังไง? สัจธรรมมักอยู่ในมือของคนส่วนน้อย ของไร้ประโยชน์กองหนึ่งสนับสนุนมีประโยชน์อันใด? ได้แต่พิสูจน์ให้เห็นถึงความคับแคบและเบาปัญญาของพวกเขาเท่านั้น!”ฉินอวิ๋นฟานเยาะเย้ยด้วยใบหน้าดูถูก ยิ่งพวกเขาทำเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งรำคาญ และยิ่งตอกย้ำการตัดสินใจที่จะสลายพวกเขาด้วยที่ต้าเฉียนอยู่อันดับรั้งท้ายเช่นนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะการเพิกเฉยและความฉ้อฉลของหนอนเจาะพวกนี้ จึงทำให้เกิดสถานการณ์ในปัจจุบัน พวกเขาเห็นดีเห็นงามไม่ได้หมายถึงฉินอวิ๋นฟานจะยอมแพ้“บังอาจ!!!”“น่ารังเกียจ!!!”“รัชทายาทจะทำเกินไปแล้วกระมัง พวกเราแค่แสดงความเห็นของพวกเราเท่านั้น กลับถูกรัชทายาทลบหลู่ด่าทอว่าเป็นของไร้ประโยชน์? ไม่เคารพผู้อื่นเอาเสียเลย!”“ไท่ซั่งหวงโปรดให้ความเป็นธรรมแก่พวกเราด้วยพ่ะย่ะค่ะ ในฐ
ดังนั้นหลังจากได้เมืองอู่โจวกลับคืนมา ชื่อเสียงและเสียงเรียกร้องที่มีต่อฉินอวิ๋นฟานในต้าเฉียนก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ หากพวกเขายังกบดานต่อไป เช่นนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็จะกลายเป็นไร้ความหมาย“อ้อ? แม่ทัพผู้เฒ่าถัง ท่านหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานประหลาดใจมากกับการที่จู่ ๆ ถังเจิ้นไห่ก็ก้าวออกมา หากฉินอวิ๋นฮุยกับฉินอวิ๋นคังออกมาแย้งเขา เขาจะไม่แปลกใจสักนิด แต่การออกหน้าของถังเจิ้นไห่ทำให้เขาจำต้องระวัง“รัชทายาทก็บอกมิใช่หรือ ในฐานะที่ข้าคือขุนนางของต้าเฉียน พวกเราสมควรทำงานเพื่อบ้านเมือง”ถังเจิ้นไห่กล่าวสีหน้าเคร่งขรึม “ดังนั้นกระหม่อมคิดว่าหวังอันสือไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหัวหน้านี้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเห็นว่าหัวหน้าสำนักศึกษาหลวงต้องเลือกผู้ที่มีความสามารถเหนือคน มีชาติตระกูลดีสืบทอดมาดำรงตำแหน่งจะเหมาะสมกว่า”“อื่ม ที่ใต้เท้าถังว่ามาก็ใช่จะไม่มีเหตุผล”ไท่ซั่งหวงพยักหน้า เอ่ยปากด้วยสีหน้าสงบ “ไม่ทราบว่าใต้เท้าถังมีคนที่เหมาะสมกว่าหรือไม่?”ถังเจิ้นไห่ตอบหนักแน่น “ทูลไท่ซั่งหวง กระหม่อมคิดว่าบุตรชายเจี่ยงหย่งกังจากสำนักราชเลขา เจี่ยงฝานฝานเหมาะสมกว่าพ่ะย่ะค่ะ ตระกูลเจี่ยงไม่เพียงแ
“เด็กบางคนคือเด็ก เด็กบางคนเกิดมาก็คือปีศาจ ข้าฆ่าปีศาจมีอะไรผิด?”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ถ้าพี่รองไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ก็ตรวจสอบให้ละเอียดได้ หากข้าไม่มีจุดไหนที่ทำไม่ถูก ท่านก็ต้องทนเอาไว้ อย่างไรนี่ก็คือลักษณะการทำงานของข้าฉินอวิ๋นฟาน”“สำหรับทำไมถึงฆ่าคนเยอะอย่างนั้น ข้าได้แต่บอกท่านว่าพวกเขาล้วนสมควรตาย พร้อมกันนั้น ข้ากำลังเตือนทุกคน มีบางเรื่องทำได้ มีบ้างเรื่องทำไม่ได้ ถ้าใครกล้าล้ำเส้น ข้าฉินอวิ๋นฟานก็จะเอาชีวิตมันผู้นั้นเหมือนกัน!”“และถ้าจะให้ข้ามอบเหตุผลให้ได้ละก็ เช่นนั้นข้าได้แต่พูดว่าเพราะข้าคือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินของต้าเฉียน มีกระบี่อาญาสิทธิ์อยู่ในมือ คือผู้ดำรงกฎหมายต้าเฉียน ข้ามีอำนาจและมีหน้าที่พิทักษ์บ้านเมืองของต้าเฉียน ชาวบ้านคือรากฐานของเรา มิใช่คนที่พวกท่านจะข่มเหงรังแกได้ตามอำเภอใจ!”ซี้ด...ฉินอวิ๋นฟานกล่าววาจาเผด็จการ ทำเอาทุกคนในที่นั้นต่างสูดลมเย็นเข้าปาก แม้ในใจพวกเขาจะมีความแค้นมากมายเพียงใด หากเวลานี้ได้แต่สะกดกลั้นเอาไว้เพราะฉินอวิ๋นฟานไม่เพียงแต่มีอำนาจประหารอันเป็นอำนาจสูงสุด ยังยืนอยู่บนจุดสูงสุดของอำนาจราชวงศ์ต้าเฉียน ผู้ใดกล้าคั
“เจ้า...!”ฉินอวิ๋นฮุยมาถึงก็พูดแทงใจดำของเขา ทำให้ฉินอวิ๋นฮุยเลือดขึ้นหน้า กลับไร้กำลังโต้ตอบ นาทีนี้เขาแทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น“นี่คือท้องพระโรง คือสถานที่หารือเรื่องสำคัญของบ้านเมือง มิใช่สถานที่ให้พวกท่านมาอวดเก่ง แต่ละคนกัดข้าไม่ปล่อยกับแค่เรื่องที่ข้ามาสายครึ่งชั่วยาม? พวกท่านหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานกวาดสายตามอง ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทีแข็งกระด้าง “มีความสามารถก็ทำการทำงานให้มากหน่อย มิใช่ใช้เล่ห์กลอุบาย อวดเก่งแต่ขี้เกียจ ถ้าไม่มีความสามารถก็ลาออกไปเสีย ปลดเกษียณกลับบ้านเกิด อย่าครองส้วมแล้วไม่ขี้ คนที่อยากแทนที่ตำแหน่งพวกเจ้ามีถมเถไป!”เมื่อทุกคนเห็นดังนั้นก็พากันเบิกตาโต ทีแรกนึกว่าจะหาเรื่องฉินอวิ๋นฟาน ไม่นึกว่าเพิ่งเริ่มก็แพ้ย่อยยับแล้ว ในทางกลับกัน ยังถูกฉินอวิ๋นฟานเหยียดหยามอย่างหนักอีก ทำเอาทุกคนตัวชาไปทั้งคนหลังจากองค์ชายใหญ่ฉินอวิ๋นคังรู้เรื่องตระกูลเริ่น จนถึงตอนนี้ก็ยังผวาไม่หาย อกสั่นขวัญแขวนอย่างหนัก จากนั้นจึงเลือกเก็บตัวเงียบ ๆ ทันที ดังนั้นขณะฉินอวิ๋นฟานถูกทุกคนเปิดฉากสงครามน้ำลาย เขาจึงเลือกเงียบงัน“ดี ในเมื่อน้องเจ็ดพูดถึงขั้นนี้แล้ว เช่น
ฉินอวิ๋นฟานไม่เพียงหลีกเลี่ยงการหาเรื่องของอู๋ต้าไห่ มิหนำซ้ำยังเลือกเผชิญหน้าอย่างแข็งกร้าว คราวนี้ทำเอาทุกคนไปต่อไม่เป็นแล้วเหล่าขุนนางต่างมองหน้ากันด้วยความมึนงง ทำผิดแล้วยังอวดเก่งเช่นนี้อีก? โอหังขนาดนี้เชียว? ก็คงจะมีแต่เจ้าฉินอวิ๋นฟานนี่แหละ!“แค่ยึดอู่โจวซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ มาได้ก็ทำให้รัชทายาทลำพองใจจนลืมตัวเช่นนี้เลยหรือ?”อู๋ต้าไห่เห็นฉินอวิ๋นฟานเหิมเกริมเช่นนี้จึงโต้กลับด้วยโทสะทันที “แม่ทัพใหญ่ทุกท่านของต้าเฉียนต่างสร้างผลงานการศึกให้ราชวงศ์ต้าเฉียนมากมาย ยังไม่เคยเห็นใจวางอำนาจบาตรใหญ่ ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเช่นนี้มาก่อน รัชทายาทจะเห็นเป็นเรื่องใหญ่ไปแล้วกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานเหยียดยิ้มมุมปาก เหน็บแนมกลับทันที “แม่ทัพคนอื่น ๆ สร้างผลงานการศึกเพื่อต้าเฉียน ข้ายังพอเข้าใจได้ แต่ข้าขอถามหน่อย เกี่ยวอันใดกับเจ้าอู๋ต้าไห่ด้วย?”“ท่าน ท่านเถียงข้าง ๆ คู ๆ ข้ากำลังกล่าวถึงเรื่องสร้างผลงานกับท่านอยู่ ท่านกลับไร้เหตุผลกัดไม่ปล่อย?”อู๋ต้าไห่ถูกคำพูดประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานตอกหน้าจนหน้าเขียวปัด แต่ในฐานะที่เขาเป็นรองเจ้ากรมพิธีการฝ่ายซ้าย คือยอดฝีมือในการใช้ภาษาแก้ต่าง ชำนิชำน
ถูกฉินอวิ๋นฟานเอาใจเช่นนี้ สามดรุณีหน้าแดงระเรื่อด้วยความสุข ฉินอวิ๋นฟานประทับจูบลงบนริมฝีปากแดงชาดของพวกนางสามพี่น้องแรง ๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะลุกจากเตียง......“ไม่มีระเบียบ ไม่มีระเบียบ!”“ก็นั่นนะสิ! ประชุมขุนนางเริ่มมาครึ่งชั่วยามแล้ว รัชทายาทกลับยังไม่ถึง? ไม่เห็นกฎระเบียบอยู่ในสายตาเลย ช่างไม่เห็นกฎระเบียบอยู่ในสายตา!”“สร้างผลงานเข้าหน่อยก็เมินระเบียบของราชสำนักแล้วหรือ? ก็ทำตามอำเภอใจได้แล้วหรือ? บังอาจยิ่งนัก!”......ในท้องพระโรง เหล่าขุนนางเริ่มเปิดฉากด่าทอต่าง ๆ นานาต่อพฤติกรรมมาสายของฉินอวิ๋นฟานด้วยไฟโกรธเต็มทรวงและถ้อยคำแข็งกร้าว เดิมพวกเขาก็ไม่มีภาพจำดีอะไรต่อฉินอวิ๋นฟานอยู่แล้ว กอปรกับการกระทำของฉินอวิ๋นฟานเมื่อวาน ชัดเจนว่ากำลังท้าทายบรรดาผู้มีอำนาจสูงศักดิ์ในเมื่อเช้ามาฉินอวิ๋นฟานก็เปิดช่องโหว่ เช่นนั้นพวกเขาจะไม่ปล่อยไปเป็นธรรมดา ต่อให้การมาสายมิใช่เรื่องใหญ่อันใด แต่ก็จะไม่ละเว้นฉินอวิ๋นฟานเด็ดขาดบนบัลลังก์มังกร ไท่ซั่งหวงขมวดคิ้วน้อย ๆ แล้วหันไปกล่าวกับเฉาเจิ้งฉุน “ส่งคนไปตามฟานเอ๋อร์แล้วหรือ?”“ทูลไท่ซั่งหวง ส่งไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เฉาเจิ้งฉุนกระซิบ “แต่ดูเหมื
“ฮ่า ๆ ๆ...มา ชนแก้ว!”ภายใต้แสงขมุกขมัว ทั้งสี่จรดสุราหมดจอก ฉินอวิ๋นฟานที่หิวไส่กิ่วสวาปามราวกับพายุ ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็กวาดอาหารโอชาบนโต๊ะไปกว่าครึ่งเวลานี้มู่หรงจิ่น หลู่เซียงหลิงและเสี่ยวจวี๋ก็ดื่มจนแก้มแดงก่ำแล้ว งดงามอ้อนแอ้นจนอยากจะเด็ดมาดอมดม พวกนางกระดากใจยิ่งหนัก หลังจากอิ่มเอมกับสุราอาหารแล้ว ฉินอวิ๋นฟานก็ไม่สะกดอารมณ์พลุ่งพล่านอีกต่อไป โอบสองดรุณีไปยังเตียงทันที“สุดที่รักของข้า ข้าคิดถึงพวกเจ้าจะตายอยู่แล้ว!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย กระโจนใส่พวกนางโดยตรง สองดรุณีราวกับกระต่ายน้อยตื่นตกใจ ส่งเสียงร้อง “อ๊ะ” ออกมาทีหนึ่งจึงรีบมุดเข้าไปอยู่ด้านในของเตียง ยิ่งพวกนางเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งคึก“แหะ ๆ ร้องใช่ไหม คืนนี้จะให้พวกเจ้าร้องไห้เสียงแหบเสียงแห้งไปเลย!”ฉินอวิ๋นฟานเลียริมฝีปาก ความปรารถนาปะทุขึ้นโดยสิ้นเชิง เบื้องล่างท้องน้อยเร่าร้อนยากจะทานทนนานแล้ว ‘แควก’ ทีหนึ่ง เครื่องนุ่งห่มบนตัวฉีกขาด เผยกล้ามเนื้อแข็งแรงทั่วร่าง กลิ่นอายบุรุษเข้มข้นทำให้ลมหายใจของสามดรุณีกระชั้น กระนั้นกลับมิอาจสะกด ฉินอวิ๋นฟานเสือตะครุบอีกหน คว้าเท้าเล็กของหลู่เซียงหลิงเอาไว