“ท่านพ่อ ท่านก็อย่าว่าฮุยเอ๋อร์อีกเลย เขาก็แค่อยากกำจัดไอ้ตัวซวยฉินอวิ๋นฟานนี่ให้เร็วไม่ใช่หรือ? นี่มีอะไรผิด? จะโทษก็ต้องโทษที่ตาแก่หนังเหนียวนั่นมีตาหามีแววไม่ ฮุยเอ๋อร์ยอดเยี่ยมอย่างนี้ เขากลับไปยืนอยู่ฝั่งของฉินอวิ๋นฟานเสียได้”เหอกุ้ยเฟยสูญเสียบุตรชายไปแล้วคนหนึ่ง ดังนั้นนางจึงรัก ถนอมและให้ความสำคัญกับบุตรชายคนนี้มากกว่าเดิม ในตอนที่บิดาตำหนิฉินอวิ๋นฮุย มันทำให้นางเจ็บปวดนัก“หุบปาก!”ท่านผู้เฒ่าเหอตะคอกกลับ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าโทษลอบสังหารองค์ชายคืออะไร? ประหารเก้าชั่วโคตร! นี่คือโทษหนักประหารชีวิตเชียวนะ! การกระทำของฮุยเอ๋อร์แตะต้องเส้นต่ำสุดของไท่ซั่งหวงแล้ว นั่นคือเส้นต่ำสุดของทุกคนในต้าเฉียน!”“ในสถานการณ์ชิงบัลลังก์ดุเดือดเช่นนี้ จะพลั้งพลาดไม่ได้สักนิด ไม่อย่างนั้นทุกคนจะทำทุกทางเพื่อให้เจ้าตาย!”“วันนี้เช้ามาองค์ชายใหญ่กับองค์ชายองค์อื่น ๆ พากันไปแสดงจุดยืนที่ตำหนักเหยียนเหนียนกันหมด นี่หมายถึงอะไร หรือว่าเจ้ายังไม่เข้าใจอีก?!”“ต่อให้ตระกูลเหอเรามีรากฐานล้ำลึก แต่ก็เป็นศัตรูกับทุกขั้วอำนาจในต้าเฉียนไม่ได้กระมัง?!”ท่านผู้เฒ่าเหอจนปัญญาอย่างหนัก บุตรสาวคนนี้ถูกตามใจแ
เมื่อได้ยินการวิเคราะห์ของบุตรชาย ท่านผู้เฒ่าเหอพยักหน้าพึงพอใจ เรื่องอย่างการลอบสังหารองค์ชายนี้ หากไม่สำเร็จในคราวเดียว ใช้กำลังสะกดคน ก็คือลดตัวเฉือนเนื้อแลกสันติ ชัดเจน วิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็คือหยุดความสูญเสียให้ทัน มิใช่การแข็งข้อ หน่วยบูรพาน่ากลัวอย่างยิ่งยวด จะแข็งปะทะสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ มิเช่นนั้นจะทำให้ตระกูลเหอต้องประสบกับหมื่นเคราะห์มิอาจหวนคืน “ท่านตา น้าสาม ข้าจะไปขอร้องเสด็จปู่”ฉินอวิ๋นฮุยกำหมัดแน่น แม้จะคับแค้นใจมาก แต่สถานการณ์ในเวลานี้น่ากลัวว่านี่จะเป็นทางเลือกเพียงหนึ่งเดียว เขาจึงได้แต่เลือกก้มหัวยอมรับผิด“อวิ๋นฮุย เจ้าไปคนเดียวเกรงว่าจะไม่ได้!”เหอเหวินเย่าส่ายหน้าพูดด้วยความจนใจ “ถ้าอยากจะยุติเรื่องนี้จริง ๆ จะต้องให้ท่านพ่อออกหน้าด้วยตัวเองจึงจะสำเร็จ แล้วยังต้องเอาของสำคัญมากอย่างหนึ่งไปด้วย ไม่อย่างนั้นต่อให้ท่านพ่อออกหน้า เกรงว่าจะไม่ช่วยอันใด”“ของสำคัญมากอย่างหนึ่ง? คืออะไร?” ฉินอวิ๋นฮุยขมวดคิ้วมุ่นในห้องโถงใหญ่ไม่มีใครตอบคำถามฉินอวิ๋นฮุยสักคน นี่ทำให้ฉินอวิ๋นฮุยจับต้นชนปลายไม่ถูก ผ่านไปครู่หนึ่ง ลิ่งหูชงจึงเอ่ยปากขึ้นมากะทันหัน “ข้ารู้ว่าต้อ
ตุบ...เบื้องหน้าฉินอวิ๋นฮุยพลันมืดมิด ทรุดตัวลงอยู่กับพื้นด้วยความสิ้นหวังถึงที่สุด ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยปราชัยเหมือนดั่งวันนี้มาก่อนองค์ชายรองผู้มีท่วงทำนองห้าวหาญยิ้มทระนงกับหมู่มวลวีรบุรุษในอดีต บัดนี้ย่อยยับเฉกเช่นสุนัขตกน้ำที่ใครก็รุมตี นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?ระยะครึ่งเดือนกว่ามานี้ การประชันระหว่างเขากับฉินอวิ๋นฟานล้วนต้องจบด้วยความพ่ายแพ้ หากจะกล่าวให้ถูกต้องคือจบแบบแพ้ยับเยิน เริ่มจากการแพ้ขาดลอยในการประลองด้านบุ๋นและบู๊ก่อน ถัดมาคือน้องชายร่วมอุทรตายด้วยน้ำมือฉินอวิ๋นฟาน เสียหูหมิงชิงและกรมอาญาบัดนี้ เพื่อนร่วมงานที่เขาเชื่อถือที่สุด ไพ่ตายที่ซุกซ่อนอยู่ในความมืดมิดมาตลอดก็จะถูกสังหารแล้ว และเขาผู้สูงส่งถึงองค์ชายรองกลับมิอาจทำอะไรได้ความอึดอัดหายใจไม่ออกไร้กำลังเช่นนี้ทำให้เขาแทบจะพังทลาย“ฮุยเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรไป?”เหอปี้อวี้เห็นสภาพดังนี้พลันตื่นตระหนกรีบไปประคอง กลับถูกฉินอวิ๋นฮุยตวาดห้ามเสียงแข็ง “อย่าเข้ามานะ!!!”ทุกคนเพ่งพิศการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์บนใบหน้าของฉินอวิ๋นฮุย ไม่มีใครส่งเสียงสักแอะ มองฉินอวิ๋นฮุยที่จิตวิญญาณหลุดลอยอย่างอนาทรสงสารหลังจา
“เอ่อ...”เมื่อถูกองค์หญิงสามสอบถาม ถงจินเฉิงก็หัวเราะอย่างขวยเขิน เขาคือจอหงวนบุ๋นรุ่นเยาว์ของต้าเยียนเชียวนะ เป็นแม่พิมพ์ของวงการวรรณกรรม ชาวบุ๋นทุกผู้ทุกคนต่างยึดถือเขาเป็นแบบอย่าง แทบจะยกเขาขึ้นเป็นปราชญ์บุ๋นแล้ว ถ้าให้องค์หญิงสามรู้ว่าเขาไปกอดสาวที่หอวั่งเจียง ทั้งยังลวนลามหญิงสาวจึงถูกฉินอวิ๋นฟานซ้อมหนักโจษจันไปทั่ว จะมิขายหน้าแย่หรือ?เขาจึงรีบอธิบาย “ตอนที่ข้าน้อยนอนไม่ทันระวังตกเตียง ไม่เป็นไรมากขอรับ สำหรับต้าเฉียน เห็นว่าเมื่อคืนรัชทายาทของต้าเฉียนถูกลอบสังหาร ตอนนี้เป็นตายไม่แน่ชัด”“อะไรนะ?! รัชทายาทของต้าเฉียนฉินอวิ๋นฟานถูกคนลอบสังหารรึ?!”องค์หญิงสามต้าเยียนเยียนอวี่เฉินตกตะลึงสุดขีด นางพูดอย่างเหลือเชื่อ “เป็นถึงรัชทายาทแห่งแว่นแคว้น ใต้หนึ่งคนเหนือหมื่นคน กลับถูกคนลอบสังหารในเมืองหลวง? นี่มันอะไรกัน? แคว้นนี้กำลังเล่นลูกไม้อะไรอยู่?”ถงจินเฉิงกลับแอบดีใจ สมน้ำหน้าฉินอวิ๋นฟานที่ถูกลอบสังหาร ใครใช้ให้เมื่อคืนอีกฝ่ายทำเขาขายหน้าเล่า แถมยังซ้อมเขาเสียน่วม คิดแล้วช่างน่าโมโหนัก“เหอะ น่าขันสิ้นดี รัชทายาทยังถูกลอบสังหารได้ ดูท่าต้าเฉียนหมดหวังแล้ว”เบื้องหลังองค์หญ
“ไอ้หยา องค์หญิงสามไม่ทราบ ที่นั่นเรียกได้ว่าสวรรค์บนแดนดิน พักหนหนึ่งท่านจะรักมัน ตัดใจไปไม่ลง แถมยังความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยยังจะสูงกว่าเรือนรับรองอีก จริง ๆ นะขอรับ !”ถงจินเฉิงตื่นเต้นจนตบหน้าขาฉาด พอพูดถึงโรงแรมห้าดาวต้าเฉียน เขาก็ตื่นเต้นเสียไม่มี โตจนป่านนี้เพิ่งได้พักโรงแรมมหัศจรรย์เช่นนี้ โรงเตี๊ยมทั่วไปอยู่ตรงหน้าก็คือสิ่งของเช่นขยะ“อ้อ สวรรค์แดนดิน? อัศจรรย์เช่นนั้นจริงหรือ? เช่นนั้นข้าก็อยากจะไปเห็นสักหน่อยว่าเป็นยังไง นำทาง!”เยียนอวี่เฉินเลิกคิ้วสวย ตัดสินใจไปดูสิว่าเป็นอย่างไรทันที!“ขอรับ!”ถงจินเฉิงตื่นเต้นเต้นแร้งเต้นกานำทางไปอย่างเร็วรี่ ไม่นานถงจินเฉิงก็พาเยียนอวี่เฉินและคนอื่น ๆ มาถึงโรงแรมห้าดาวต้าเฉียนทันทีที่เห็นตึกสูงแปดชั้น ทุกคนก็พลันตะลึงงัน โดยเฉพาะป้ายโรงแรมห้าดาวตรงหน้ายิ่งโดดเด่นสะดุดตา พาลให้ทุกคนเห็นแล้วต่างปากอ้าตาค้าง“เอ่อ คือว่า ท่านถง โรงแรมห้าดาวต้าเฉียนนี้หมายความว่าอะไรหรือ?”เยียนอวี่เฉินในตอนนี้เหมือนตัวตุ่นที่มาจากบ้านนอก ถูกโรงแรมใหญ่โตโอฬารตรงหน้าทำให้ตะลึงงันไปโดยสิ้นเชิง ต้าเฉียนสองคำนี้นางเข้าใจได้ แต่ห้าดาวนี่มันอะไร? โร
“มหัศจรรย์ดังคาด! ไป เข้าไปดูกันเถอะ!”เยียนอวี่เฉินเดินเข้าไปในโรงแรมด้วยจิตใจที่ตกตะลึงตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ทันทีที่เห็นภาพการตกแต่งงดงามตระการตาข้างในก็ทึ่งไปอีกครั้ง นี่ต่างจากโรงเตี๊ยมที่นางพบเจอในยามปกติโดยสิ้นเชิง!“หญิงงาม พี่ชายหล่อ ไม่ทราบพวกท่านมาพักหรือ?”ก็ขณะที่เยียนอวี่เฉินและคนอื่น ๆ กำลังทึ่งกันอยู่ พนักงานหญิงหน้าหวานในชุดสวยมาถึงตรงหน้าพวกเขาและเอ่ยปากด้วยท่าทีเคารพนอบน้อมที่สุด“เอ่อ เจ้า เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ? หญิงงาม?”เยียนอวี่เฉินตะลึงงัน รู้สึกทึ่งอีกครั้ง ในสถานการณ์ปกติ มิควรเรียกพวกเขาว่านายท่าน แม่นางหรือ? จู่ ๆ ถูกเรียกว่าหญิงงามต่อหน้าธารกำนัล ทำจนเยียนอวี่เฉินหน้าสวยแดงระเรื่อ เขินมากการที่หญิงงามตรงหน้าจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้ พนักงานไม่แปลกใจเลยสักนิด เพราะคนที่มาก็มีปฏิกิริยาเหมือนนางทั้งนั้น ราวกับบ้านนอกเข้ากรุง หน้าตาเหลอหลา ท่าทางทำอะไรไม่ถูก“ถูกต้องเจ้าค่ะ หญิงงาม พวกท่านมาเข้าพักหรือ? ต้องขออภัยจริง ๆ วันนี้ห้องพักของเราเต็มหมดแล้วเจ้าค่ะ”อีกฝ่ายพูดด้วยใบหน้าขอโทษ“เต็มแล้ว? เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเราเป็นใคร...”พอหลัวเทียนเป้าได้ยินว่าไม่มีห้องพ
“เอ่อ...สหาย?”เยียนอวี่เฉินมองไปทางถงจินเฉิงด้วยใบหน้าประหลาดใจ นี่มันยังไงกัน? แค่ให้ถงจินเฉิงมาดูลาดเลาที่ต้าเฉียนก่อนสองวัน เก็บข้อมูลบางส่วน คิดไม่ถึงว่าเขาจะลืมลำดับสูงต่ำไปหมดแล้ว?“องค์หญิงสาม อย่างไรที่นี่ก็คือโรงแรม คนมากมายหลายหลาก เพื่อความปลอดภัยของท่านจึงเรียกเป็นสหายจะสะดวกหน่อย จะได้ไม่ถูกคนประสงค์ร้ายเพิ่งเล็งขอรับ”ถงจินเฉิงเห็นเยียนอวี่เฉินขุ่นเคืองจึงรีบเข้ามากระซิบอธิบาย“ช่างเถอะ ไปกัน!”หลังจากพิจารณาเยียนอวี่เฉินก็มิได้ถือสา เพราะอยู่ต่างแดนจำเป็นต้องระมัดระวังรอบคอบ ด้วยการนำของหญิงสาว ไม่นานพวกเขาก็มาถึงห้องส่วนตัวทางด้านขวาของโถงใหญ่โรงแรม“เถ้าแก่ถง หญิงงามท่านนี้ ข้าน้อยชื่อเสี่ยวอวี้ เป็นผู้ช่วยส่วนตัวของพวกท่าน ระหว่างที่พวกท่านทุกคนพักอยู่ที่โรงแรมเรา ข้าน้อยจะรับผิดชอบทุกเรื่องของพวกท่าน หากมีสิ่งใดไม่เข้าใจก็ถามข้าน้อยได้ทุกเมื่อเจ้าค่ะ”เสี่ยวอวี้อมยิ้มแล้วพูด “ตรงนี้คือลิฟต์ที่เป็นเอกลักษณ์ของโรงแรมเรา ต่อไปพวกท่านจะขึ้นลงไม่จำเป็นต้องเดินบันไดแล้ว แค่ขึ้นลิฟต์ก็พอเจ้าค่ะ”“เถ้าแก่ทุกท่าน เชิญ!” เสี่ยวอวี้ทำท่ามือเชื้อเชิญ“เอ่อ...”เยียนอว
เห็นหลัวเทียนเป้าทำหน้าขาดความรู้ประหนึ่งคนเบาปัญญา ถงจินเฉิงจึงทนดูต่อไปไม่ไหวจริง ๆ เจ้าสมองหมูนี่ทำไมถึงเข้าข่ายสติปัญญาล้ำเลิศได้นะ? กับอีแค่ขึ้นลิฟต์ยังทำให้เจ้าตกใจปัสสาวะราดได้ มีแต่เจ้านี่แหละ!เขาส่ายหน้าด้วยความจนปัญญา ย่างเท้าเข้าลิฟต์แล้วพูดด้วยความจนใจ “แม่นางเสี่ยวอวี้กล่าวถูกต้องแล้ว ไม่เชื่อทุกคนเข้ามาก็รู้แล้วนี่”“จะเป็นไปได้ยังไง? หรือว่าห้องนี้จะเคลื่อนไหวได้จริง?”เยียนอวี่เฉินขมวดคิ้วสวยเหมือนกัน ยังคงท่าทีลังเล โรงแรมแห่งนี้พิลึกแท้ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่เหนือความรู้ความเข้าใจของนางทั้งหมด แปลก มันแปลกมาก ๆ ทำให้นางไม่กล้าย่างเท้าเข้าลิฟต์ง่าย ๆ“เถ้าแก่สาม มันทำได้จริง ๆ นั่นแหละ ไม่เชื่อทุกคนก็เข้ามาลองดูก็รู้แล้วนี่?”ถงจินเฉิงหน้าทุกข์ใจ กับอีแค่ขึ้นลิฟต์ต้องเหน็ดเหนื่อยเพียงนี้ เจ้าคนพวกนี้ต้องหวั่นวิตกขนาดนี้เชียวรึ? เพื่อให้พวกเขาขึ้นลิฟต์มาเร็ว ๆ ถงจินเฉิงจึงได้แต่ใช้ไม้ตายเขาพูดยั่ว “แม่ทัพเป้ากล้าหาญชาญชัยมากมิใช่? แล้วยังจะกลัวอะไรอีก? หรือว่าท่านไม่เชื่อมั่นในฝีมือของตัวเอง?”“เจ้า...!”พอหลัวเทียนเป้าได้ยินสีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นปั้นยาก ในฐานะที่เ